ภาษีนำเข้า Trump กำลังเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ Globalization เมื่อบริษัทจากประเทศใหญ่ ๆ คิด ดีไซน์ ส่งไปผลิตที่โรงงานโลกอย่างจีน แต่ตอนนี้ อาจต้องกลับมาที่บ้านตัวเอง โดยเฉพาะซัพพลายเชน iPhone ที่เรารู้จักกัน ก็อาจหมดยุคแล้ว
สมัยก่อน iPhone หนึ่งเครื่อง คิดค้นจากบริษัทอเมริกันอย่าง Apple ผลิตที่จีนและอินเดีย ส่งขายไปทั่วโลก รวมถึงสินค้าอื่น ๆ เช่น AirPods ที่ผลิตในเวียดนาม, และ iMac ที่ประกอบในมาเลเซีย ซึ่งเป็นผลมาจากการคุมซัพพลายเชน ดีไซน์ที่อเมริกา ผลิตที่ประเทศอื่น และส่งขายไปทั่วโลก
กลยุทธ์นี้เวิร์คจนทำให้ Apple กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก สูงถึง 3.70 ล้านล้านดอลลาร์ฯ แต่ทุกอย่างก็เริ่มพังลง เมื่อประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศปรับภาษีนำเข้าสินค้าใหม่ โดยเฉพาะจีนที่โดนไป 54% ทำให้บิ๊กเทคฯ หลายรายรวมถึง Apple มีปาดเหงื่อ เพราะหมายความว่า ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นแน่นอน
เช่น iPhone 16 Pro ความจุ 256GB ขายอยู่ที่ 1,100 ดอลลาร์ฯ (ราคาในไทย 43,900 บาท) และมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 549.73 ดอลลาร์ฯ (ราว 18,982 บาท) ซึ่งตามข้อมูลของ TechInsights และ iFixit บอกว่า iPhone 16 Pro มีชิ้นส่วนต่าง ๆ จากหลาย ๆ ประเทศ ทำให้ต้นทุนต่างกันไป ทั้งหมดถูกนำมาประกอบในจีนส่วนใหญ่ ดังนี้:
เมื่อรวมต้นทุนการประกอบ และการทดสอบแล้ว ต้นทุนรวมของ Apple จะอยู่ที่ประมาณ 580 ดอลลาร์ฯ (ราว 20,027 บาท) แต่เมื่อโดนภาษีนำเข้าจีนใหม่ 54% ต้นทุนจะพุ่งขึ้นเป็น 850 ดอลลาร์ฯ (29,350 บาท) ซึ่งจะกระทบต่ออัตรากำไรของ Apple อย่างมาก
นักวิเคราะห์จาก Rosenblatt บอกว่า Apple อาจเผชิญต้นทุนภาษีนำเข้าสูงถึง 40,000 ล้านดอลลาร์ และอาจต้องขึ้นราคา iPhone บางรุ่นถึง 43% ถ้าบริษัทเลือกผลักภาระไปให้ผู้บริโภค แปลว่าคนอเมริกันจะต้องจ่าย iPhone 16 Pro Max ที่ 2,300 ดอลลาร์ฯ ส่วนคนไทยอาจต้องจ่ายราว ๆ 70,000 บาท
ด้าน ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research มองว่าผลกระทบจริงอาจจะน้อยกว่านี้เพราะค่าเงิน และราคาส่งออกคงลดลงด้วย แต่ยังไงราคา iPhone 16 ทุกรุ่นเพิ่มขึ้นแน่นอน ซึ่งหากย้ายฐานผลิตทั้งหมด จะใช้เวลาหลายปี
แม้จุดประสงค์หลักของการขึ้นภาษีนำเข้า คือการดึงผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงกลับมาสหรัฐฯ แต่การย้ายฐานการผลิต iPhone ไปสหรัฐฯ ก็ไม่อาจช่วยได้มากขนาดนั้น เพราะสมมุติต่อให้เลี่ยงภาษีการประกอบชิ้นส่วนขั้นสุดท้ายได้ แต่ Apple ก็ยังต้องเสียภาษีนำเข้าชิ้นส่วนต่าง ๆ
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่าต้นทุนการประกอบในสหรัฐฯ ก็สูงกว่ามาก อยู่ที่ประมาณ 300 ดอลลาร์ฯ ต่อเครื่อง เทียบกับเพียง 30 ดอลลาร์ฯ ในจีน และถ้า Apple ต้องผลิตชิ้นส่วนทั้งหมดภายในประเทศ ต้นทุนอาจพุ่งสูงถึงเกือบ 3,500 ดอลลาร์ฯ (ราว 120,855 บาท) ต่อเครื่อง
ที่มา: Wall Street Journal, Business Insider, USA Today, CNBC, Companies Market Cap, และ Facebook: Pipat Luengnaruemitchai
Comments
เราจะได้เห็น ip promax ราคาเริ่มต้น 1แสนบาทแล้วสินะ จีเนียสจริงๆลุงตั้ม
สภาพ...
แบตถูกจัง
แบตเตอรี่ จากจีน: 4.10 ดอลลาร์ฯ (142 บาท)
ต่อไปเราจะไปด้อยค่า แบตจีน ที่คลองถมไม่ได้แล้วนะครับ ขนาดiPhoneที่เราๆใช้กัน แท้จริงแบตจีน
ส่วน ชุดกล้องหลัง จากญี่ปุ่น: 126.95 ดอลลาร์ (4,384 บาท)
Made in Japan ผมว่าคุณภาพแน่ๆ เคยทำงาน กราฟฟิกกับคนญี่ปุ่น เขาวัดเม็ดpixel ว่าตรงกับบรีฟไหม
ส่งมาไทยโดยตรง ไม่ผ่านอเมริกา จะเสียภาษีทำไม แค่เสียภาษีผลต่างจากกำไรก็พอ
ส่งตรงแต่ขออัพราคานะ
ฆ่าตัวเองชัดๆ ขึ้นจริงแบบนี้ได้เลิกใช้งาน คนที่ควรจะใช้ของแพง คือ อเมริกาคนเดียว เพราะนโยบายตัวเอง
ผู้ซื้อ : ไอโฟนแพง ทำยังไงดี
google : มาใช้แอนดรอยด์สิ
ไม่ต้องแย่งกัน เดี๋ยวก็พุ่งเหมือนกัน โดนกันถ้วนหน้า
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ซื้อมือถือแอนดรอยด์ของจีนหรือเกาหลีมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวนะครับ
คู่แข่งขึ้นราคาได้ ทำไมเราจะขึ้นบ้างไม่ได้ละครับ กำไรเน้นๆ
.
จะขาดทุนกำไร หรือ ย้ายที่ผลิต ก็ดูๆไป
มันควรจะราคาเครื่องละแสนนานแล้ว เพื่อให้เฉพาะผู้มีฐานะเขาได้ใช้เพื่อบ่งบอกฐานะกัน คนที่เงินน้อยก็ใช้ของรุ่นเก่าๆ หรือตัวธรรมดาไป หรือไม่ก็ andriod
มันก็โดนทุกรุ่นทุกยี่ห้อนี่ฮะ
สรุปเราซื้อโทรศัพท์มือถือมาเพื่อทำอะไรนะครับ…
ผมว่าพรี่เค้าน่าจะประชดนะ 🤣
ปัญหาคือเครื่อง iPhone หรือ Android เก่า มันอยู่ได้แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง สักพักก็ลอยแพ ไม่มีอัพเดต ลงแอพใหม่ไม่ได้ ก็ไม่พันบังคับให้ซื้อเครื่องใหม่หรือมือสองที่ไปต่อได้อยู่ดีครับ
แต่ก่อนใช้เครื่องนาน 5-10 ปียังสบายๆ แต่ตอนนี้แค่ 3-4 ปีก็เริ่มต้องหาเครื่องใหม่มาแทนแล้ว และต่อให้ mod ลง OS ใหม่ได้ ก็มาเจอมาตรการตรวจสอบจากแอพต่างๆ โดยเฉพาะแอพธนาคาร และก็ Play Store พาใช้ไม่ได้อีก
เบื่อครับ กับเทคโนโลยีแนบ Plan obsolescence มาเนี่ย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
*Planned obsolescence
android ก็แพงพอๆ กันแต่ทำไมใช้แล้วดูจน ใช่เปล่าครับ ฮ่าๆ
สเปคมันขาดๆเกินๆ
UIสวย กล้องสวย แต่ สแกนจ่ายช้า ชาร์จไร้สายไม่ได้
เครื่องหิ้วจะกลับมา
บ้านเรา ภาษีรถนำเข้า 200% เครื่องดนตรี 200% เราก็อยู่กันแบบนี้จนชินแล้วละ
ผมเคยคุยกับเพื่อน บอกว่า โห อเมริกาจะขึ้นภาษีว่ะ หลายสิบ % เลย
เพื่อนบอกมาสั้น ๆ ไทยเก็บภาษีนำเข้า 300%
จึ้ง 5555555
มันเจาะจงรายการไงครับ แต่กรณีเมกาคือเหมารวมสินค้าทุกอย่างเลย
Android ที่ผลิตที่ประเทศอื่นอาจจะผงาดนะ โดยเฉพาะ Android จีน เพราะไม่ได้ขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศที่ผลิตชิ้นส่วน
That is the way things are.
จริงด้วย
ปกติคนเมกาซื้อของจีนก็แพงอยู่แล้วนะ บ้านเราซื้อตรงพี่จีนถูกกว่ามาก ของเหมือนๆ กันใน Aliexpress แต่ใน Amazon ขายแพงกว่า บางทีแค่แปะยี่ห้อตัวเองนิดเดียวก็อัพราคาละ ไม่รู้ของดีจริงเปล่าก็ไม่รู้ คนเมกาได้ซื้อของแพงแทนซะมากกว่า