หลายคนอาจคิดว่า iPad นั้นเป็นเครื่องอ่าน e-Book หรือ iPhone ขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ความจริงแล้วมันยังเป็นเครื่องสร้างความบันเทิง และเป็นอุปกรณ์ที่เปิดโลกมิติใหม่ของสื่ออิเล็กทรอนิกส์และบันเทิงอีกด้วย
ล่าสุด VIVMag นิตยสารหัวบันเทิงและสาระเกี่ยวกับผู้หญิง ได้เปิดตัวนิตยสารสำหรับ iPad ที่มีความสวยงามมาก จากวีดิโอ (มีให้ดูด้านใน) ทำให้เห็นว่า iPad นั้นสามารถฉีกกฎของหนังสือเดิมๆ ให้บรรณาธิการสามารถสร้างผลงานที่ยิ่งกว่านิตยสารรูปแบบฉบับหนังสือทั่วไป
จากตัวอย่างจะเป็นวิดิโอเพียงส่วนหนึ่งของบทความในนิตยสารปักษ์นี้ ชื่อว่า "Sex Fears" ซึ่งในรูปแบบของ iPad สามารถเลื่อนดูทีละหน้า และมีภาพประกอบพร้อมบทความเป็นวิดีโอ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเริ่มคล้ายๆ "The Daily Prophet" หนังสือพิมพ์ใน แฮร์รี่ พอตเตอร์เข้าไปเหมือนกัน
ที่มา: Mashable.com
ตัวอย่างของบทความ "Sex Fears" ใน iPad
VIV Mag Interactive Feature Spread - iPad Demo จาก Alexx Henry บน Vimeo.
เบื้องหลังการถ่ายทำ
VIV Mag Featurette: A Digital Magazine Motion Cover and Feature for the iPad จาก Alexx Henry บน Vimeo.
Comments
เจ๋ง ^^
อุ๊ฟฟ์ โทดทีคับ ^^
ขอโทษด้วยครับ ไม่ใช่ โทดทีคับ
(แซวเล่นครับ (ไม่ใช่แซวเล่นคับ))
เขียนด้วย? Flash!?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อยากรู้ด้วย
ภาพใส่ไว้หลัง break นะครับ
รับทราบ รับทราบ
เหมือนดูเว็บแฟลชเท่ๆในอุปกรณ์พกพา
*.epub มันทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ!
ครับ เข้าใกล้การทำหนังเข้าไปทุกที
my partner won't be able to perform
55
เหมือนดู trailer หนังมากกว่า
นิตยสารอะไรเนี่ย มันไม่เน้น text เลยซักนิด
{$user} was not an Imposter
แต่ Text ที่ลอยอยู่ก็เอามาจากนิตยสารนะครับ ^^"
ที่ Text มันน้อยเพราะเป็นนิตยสารเกี่ยวกับผู้หญิง ที่ไม่เน้นการเขียน แต่เน้นที่จะสื่อให้คนเข้าใจมากกว่า
นิตยสารบางประเภทไม่จำเป็นต้องอาศัยมีเนื้อหาสาระเยอะครับ
เพราะมันไม่ใช่หนังสือเรียนหรือนิตยาสารสเป็คคอมครับ ^w^
ซื้อเสร็จแล้ว เวลาใช้ ระวังตกน้ำ...อิอิ (งงไหมว่าทำไมต้องระวัังตกน้ำ)
iPad มันเป็นเรื่องของ Content ล้วนๆ ไม่มีนวัำตกรรมเข้ามาเกี่ยวด้วยเลย โป๊เอย นิยายอิโรติกเอย
+1 ด้วย ก็อยู่ที่เอาคอนเทนต์มาใส่ให้อยากจะใช้คอนเทนต์นั้นๆ
หนังสือ ที่มันมีกราฟฟิก ภาพเคลื่อนไหว แสดงในคอมพิวเตอร์ พอดูแล้วก็คิดว่ามันก็คือเว็บไซต์ หรือโปรแกรมแบบหนึ่ง แฟรชก็ได้
อยู่ที่จะเอาไปรันบนเครื่องอะไร เท่านั้นเอง
สำหรับเรา มันไม่ใช่หนังสือ แต่เป็นสื่อคอมพิวเตอร์แบบที่มีกันอยู่แล้ว แต่ไปรันบนเครื่องที่เหมือนหนังสือ และโปรแกรมที่บอกว่าเอาไว้อ่านหนังสือนั่นเอง
ผมมองว่าตัวเครื่องนั่นแหละคือนวัตกรรมแบบหนึ่งครับ ซึ่ง content ก็ส่วน content ครับ
เป็นนวัตกรรมในการนำเสนอ content บนอุปกรณ์ที่มาคั่นกลางระหว่าง mobile และ notebook .. ลองคิดดูดีๆครับว่ามันมีประโยชน์ต่อใคร ต่อบทบาทใดในวงการธุรกิจครับ ไม่น้อยเลยนะ และผมเชื่อว่าจะเกิด business model แบบประยุกต์ (หรืออาจจะแบบใหม่?) ขึ้นมาบนอุปกรณ์ตัวนี้ด้วยครับ
iPad รุ่นแรกนี่จริงๆผมยังเฉยๆ แต่ผมเชื่อว่ารุ่นต่อๆไปจะทำให้เราๆเห็นประโยชน์และสิ่งต่อยอดต่างๆบนนวัตกรรมนี้ชัดเจนขึ้นครับ
คิดไม่ถึงว่าถ้ามันเข้า ญี่ปุ่นจะเป็นไร
นิตยสารแจ่มๆ ทางนั้นจะมีไรแปลกกว่านี้ไหมนั่น 555
จะว่าไป มันมี acceleroometer ด้วย เผลอๆ เอียงแล้วเปลี่ยนมุมได้ แล้วคนก็จะ "ส่อง" มากขึ้น
แค่ปัจจุบัน รู้สึกที่ญี่ปุ่นจะมีคนเอา LCD TV ไปทำ Sex Toy แล้วด้วยนะครับ...
ไ่ม่อยากคิดเหมือนกัน นึกไม่ออกว่าจะมีอะไรพิศดารไปกว่านี้อีกไหม เจ้าแห่งแนวคิดหลุดโลกหนีไ่ม่พ้นพี่ยุ่นจริงๆ
จ๊อบส์เขาไม่สนับสนุน Adult Content ครับ จบ..
ชอบอ่ะ รอดู Slate เจ้าอื่นๆ ต่อไป คงจะมีเจ๋งๆ ออกมาเรื่อยๆ ^^
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
รอดูเวอร์ชันญี่ปุ่น
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
นิตยสารต้องลงทุนในการผลิตมากขึ้นแบบนี้ ราคาไม่แพงขึ้นเหรอ ?
ผมว่าแพงขึ้็นแน่นอนครับ เพียงแต่ว่า ถ้าสามารถสร้างความแตกต่างได้
ทำให้คนที่ซื้อรู้สึกได้มูลค่าเพิ่ม การจะตั้งราคาแพงขึ้นก็คงไม่ได้กระทบต่อยอดขาย
สำหรับกลุ่มที่ซื้ออยู่แล้วนะครับ
ปล.นิตยสารพวกนี้ปกติใช้กระดาษมันสี่สี ทั้งเล่มนะครับเล่มนึงหลายร้อย
ถ้าทำเป็นไฟล ไม่ต้องเสียค่ากระดาษ ค่าพิมพ์เลย ต้นทุนที่ลดไปได้
อาจเอาไป ทำอะไรพวกนี้ได้ไม่ยากครับ
+1 ค่ากระดาษนี่แพงใช่เล่น
หา Maxxim เวอร์ชั่น Online มาดู แล้วจะรู้ว่าเป็นไง ต้นทุนจะต่ำกว่าเดิม เพราะก่อนจะเข้าโรงพิมพ์ก็เป็น pdf อยู่แล้ว แค่มาใส่ Interactive เพิ่ม แล้วไม่ต้องเสียให้ยี่ปั้ว ซาปั้ว นอกจาก Apple :p
Interactive แบบที่เห็นนี่งานแบบใหม่เลยนะครับ ไม่คิดจะจ้าง animator ด้วยรึ
ผมว่า iPad มานี่คงต้องมา user segment ใหม่แล้วล่ะ เป็น category ใหม่ มันคงไม่ฟิตกับกรอบเดิมที่เคยมีมาก่อนแหล่ะครับ อยู่ระหว่างเอกสารแบบเดิมๆ กับอนิเมชัน
ถ้ามองจากกรอบเดิม คงได้ว่า มันคืออะไรนี่ เดี๋ยวนี้บริษัทสิ่งพิมพ์ ทำแม็กกาซีน มันต้องขนาดนี้แล้วรึ คุณค่ามันไม่ได้อยู่ที่ตัวเนื้อหาหรอกรึ ต้องเป็นภาพวื้ดๆว้าดๆ จะว่าเป็นรูปประกอบก็ไม่ใช่ หนังก็ไม่เชิง เอกสารฉบับนี้ ล่อไปยี่สิบ-สี่สิบเม็ก โหลดกันเปื่อย แต่ถ้าเป็นเวอร์ชั่นเท็กซ์ล้วน ตัดอนิเมชันออก เอาเนื้อหาอย่างเดียว มันฟิตแค่หน้า A4 แผ่นเดียวได้เลยนะนั้น โหลดพรืดเดียว ไม่ถึงเม็กดีกระมัง ไม่รู้สิ แบบนี้ ไม่ค่อยชอบแหล่ะ เอาเงินไปจ้างคนเขียนบทความ เขียนเนื้อหาดีๆมาจะดีกว่ามาทุ่ม อนิเมชันอลังการ แล้วราคาหนังสือแต่ละเล่มพุ่งลิ่ว
คงต้องลุ้น business model ของ Apple แล้วแหล่ะครับว่าจะสร้าง/ปั้น Category นี้สำเร็จหรือไม่ หรือจะกลายเป็นเครื่องเล่นพกพาขนาดยักษ์ เหมือนอย่างที่ iPod Touch เป็น โดยที่ Apple ไม่ได้ตั้งใจรึเปล่า
อย่างที่ คห. บนๆ บอกไว้ "หนังสือ" ที่ดี บางทีก็ไม่จำเป็นต้องเน้นเนื้อหานี่ครับ
นิตยสารแฟชั่นปกติ ก็เป็นแบบนี้ก็ส่วนใหญ่อยู่แล้วนี่ครับ ลองไปซอยตาม 7-11 ดู
แล้วจะรู้ว่า "หนังสือไร้สาระ" ทำไมมันถึงขายดี
I need healing.
เจ๋งดีนะครับ แต่ก็ไม่ซื้อจนกว่า 50% ของนิตยสารทำ และปรับปรุงเครื่อง มีSD ในตัว วานสกรีน
เขาเรียกว่าหนังสือหรอคับ
ดูถ้าหนังสือแบบนี้เล่มหนึงลงทุนเยอะน่ะแล้วก็ความได้สาระนั้นมันจะน้อยลงหรือป่าว?
ดูไม่เป็นหนังสือไปแล้ว
ดูแล้วทุนผลิตแต่ละเล่มคงเยอะอยู่นะเนีย...
ก็เจ๋งดีนะ
ว่าแต่ งบในการสร้างหมดไปเท่าไหร่ละเนี่ย?
อาจจะแพงกว่าหนังโรงบ้านเราบางเรื่องซะอีก
หนังสือต้องมีสาระ? ... แล้วนิตยสาร Gozzip ดาราทุกวันนี้มันมีสาระอะไรด้วยเหรอครับ
That is the way things are.
ทำให้นึกถึงหนังเรื่องนึง หนังที่คุณก็รู้ว่าเรื่องอะไร
ดูตัวอย่างแล้ว ภาพเคลื่อนไหวน่าจะรบกวนสมาธิเกินไป ไม่ค่อยเหมาะกับการ "อ่าน" เท่าไหร่
เห็นด้วยครับ
ดูตัวอย่างแล้ว ผมก็ไม่รู้สึกอยากซื้อ iPad ขึ้นนะ เพราะหนังสือมันสำคัญที่เนื้อหา ไม่ใช่ภาพเคลื่อนไหว ไหนจะเรื่อง iPad ต้องใช้ถ่านอีก กลายเป็นว่า mobility มันลดลง
หนังสือดีไม่จำเป็นต้องมีไฟล์วีดีโอประกอบ ไม่งั้นยอดสูงสุดหนังสือที่มีจำนวนการพิมพ์การอ่านการซื้อคงไม่ใช่ไบเบิล
สำหรับผมต้อง e-ink เท่านั้นครับ ^^
เขียนด้วยอะไรหว่า Sliverlight? :D
นั้นสิ ไม่มีทางเป็น Flash เนอะเพราะกำลังทะเลาะกันอยู่ แล้วมันคืออะไร ? กดปุ่มได้ด้วย - -!!
อาจจะเป็น Quicktime ก็ได้
บทความนี้ ถ้าไม่มีรูปประกอบ ไม่มีวีดีโอให้ดูก็อ่านได้ใช้ไหม?
แต่ถ้ามีรูปประกอบ มีวีดิโอให้ดูประกอบกันไปด้วยดีกว่าไหมล่ะ?
แปลกใจที่จะกลัวว่ามันไม่มีสาระทำไมกัน
ทำออกมาแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำให้มีสาระไม่ได้นิ
คนเป็น marketing คงมองเห็นช่องทางการทำโฆษณาแปลกๆ อีกเพียบเลย และยังเป็นช่องทางการอธิบายวิธีการใช้งานสินค้าที่มาลงโฆษณากับเขาได้อย่างง่ายดาย งานนี้คนคนที่ลำบากที่สุดคงเป็น Graphic Designer ที่ยังไม่ยอมปรับตัวสู่นิตยสารยุคใหม่
ส่วนคนที่บ่นว่ามันไม่ใช่หนังสือ.. ตัด vdo ออกเหลือ text หน่อยเดียว... ผมมั่นใจว่าปรกติคุณก็ไม่ซื้อหนังสือพวก fashion อยู่แล้ว ซึ่งคุณไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของคนทำหนังสือกลุ่มนี้เช่นกัน
แต่เชื่อเถอะว่าเขาวิจัยมาแล้ว... ว่ากลุ่มคนที่สร้างรายได้ให้เขา ต้องการอะไร และมันคุ้มค่ากับการลงทุน
ส่วนตัวผม ถ้ามันดีแบบนี้ยังไงผมก็ซื้อแม้ไม่ได้สนใจ content ของหนังสือเลยก็ตาม
+1 แบบนี้แหละดี มันเปิดมิติการทำ content ใหม่ๆ มันไม่ใช่แค่หนังสือดิจิตอลแล้วล่ะ Kindle มันดีแค่อ่านสบายตา แต่มันก็ไม่มีอะไรใหม่ๆ ให้ทำเลยแถมจอยังขาว-ดำอีกอีก
..อืม ตัวโปรโตไทป์อันนี้คงแค่ตัดต่อแค่วีดีโอให้ดูเหมือนจริง แต่ทำจริงๆ จะใช้อะไรทำว๋าในเมื่อแฟรชมันยังใช่ไม่ได้
+1 ต่อให้เป็นหนังสือแบบเน้นสาระแต่ถ้ามีรูปประกอบมี video demo ให้ดูด้วย
ผมก็ชอบนะ
ไปเห็น Content ของหนังสือเด็กที่ทำลง iPad
มันก็เยี่ยมไม่แพ้กันเลย มีระบาสี หรือจิ้มภาพแล้วจะออกเสียงเป็นชื่อสัตว์ด้วย
มันดูทะลุกรอบหนังสือภาพสำหรับเด็กไปเยอะเลยล่ะ
อยากซื้อให้หลาน ว่าแล้วก็ไป Pre-oder -3-'
ถ้าทำออกมาเป็นแค่ plain text เหมือนคนอื่น แล้วจะทำทำไม :)
ทำออกมาแบบนั้นจริง ก็มีคนมาติงอีกอยู่ดี ว่าทำได้แค่นี้อะนะ
เค้ามาเสี่ยงทำตลาดนิตยสารกลุ่มใหม่แบบไม่ต้องภาพนิ่งอย่างเดียวให้ไง ถ้าเจ๊งก็แย่ไป ถ้ารุ่งเดี๋ยวก็ค่อยมีคนค่อย ๆ ปรับตัวยอมรับกันเองล่ะ อยู่ที่ว่าถูกที่ถูกเวลาหรือเปล่า คล้าย ๆ Blackberry ในเมืองไทยนั่นแหละ เครื่องมีมาตั้งนานแล้วไม่ยักกะดังแต่พอเค้าจับทางถูก ใช้ดาราเป็นจุดขาย แถมยังมีข่าวเกี่ยวกับโอบามา ที่ใช้โทรศัพท์ Blackberry แบบไม่ยอมเปลี่ยนใจจนต้องเป็นข่าว กระแส Blackberry ก็มีมาเรื่อย ๆ เลย แต่จะอยู่นานแค่ไหนก็อีกเรื่องนึงนะ
ไม่ใช่ไอเดียใหม่ แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครทำให้มันมาอยุ่ในตลาดหลักได้ซะที
@TonsTweetings
จะว่าไปเนื้อหาที่จะทำๆ กันออกมา ผมว่ามันก็ไม่ต่างจากทำเว็บน่ะ เพียงแต่ตัดสิ่งไม่จำเป็นออกให้เหลือแต่เนื้อหาแล้วมาใส animation เอา ใส่วีดีโอเอาน่ะ หรือจะเหมือนหนังแฮรีดี
+1 เหมือนทำเว็บออกมาจริงๆนั่นแหละ หรือว่าทั้งหมดนี้จะเป็น HTML5+SVG???
เหมือนอ่านเว็บที่ใช้แฟลชเยอะๆ (ถ้าไม่ช้าละก็โอเค)
ดูแล้วนึกถึงหนังสือของ Harry Potter
จินตนาการมนุษย์กำลังจะเป็นจริง
You're a Ghost, driving a meat coated skeleton made from stardust,
what do you have to be scared of ?
แต่อย่าเผลอนึกถึงอ่านนิยาย Harry Potter บน iPad นะครับ
นึก idea ออกอีกอย่าง เกี่ยวกับ e-book ยุคใหม่ ลองนึกง่ายๆ ถ้าคุณอ่านคู่มือ jquery แล้วอยากเห็นตัวอย่าง animation effect นี่ซิ ที่ตอบโจทย์เราได้! เย้
ผมว่าหนังสือวิทยาศาสตร์คงทำให้เข้าใจง่ายขึ้นเยอะ
ถ้าทำได้แบบนี้ที่ว่า Adobe ขี้เกียจอาจจะมีมูล อิอ
+1 จะได้หยุดจินตนาการแบบผิดๆ ซักที
งั้นนิยามของ"เว็บไซต์"กับ"หนังสือ"คงปนเปกันเละเทะแล้วล่ะ
ผมยังมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งนี้"ไม่ใช่หนังสือ"เป็น"สื่อดิจิตัลที่คล้ายเว็บไซต์ที่ตัดส่วนการร่วมแสดงความคิดเห็นออกไป"ก็เท่านั้น
อย่าไปสนนิยามเลยครับ ปวดหัวปล่าวๆ เอาเป็นว่ามันคงสามารถทำให้เรารับสื่อหรือข้อมูลได้อีกด้าน และง่ายขึ้นกว่าเดิมดีกว่า มันก็คลุมเครือไปหมดแหละตัวเครื่องยังคลุมเคลือเลยว่าจะเป็นแนวไหนดี
หนังสือคืออะไร?
หนังสือคือเขาวงกตแห่งปีศาจร้ายที่ล่อลวงผู้คน โดยมีความรู้เป็นเหยื่อล่อ
ให้ผู้คนเขาไปหามัน ไม่เชื่อลองดูงานหนังสือแห่งชาติได้ครับ"เขาวงกต"แห่งปีศาจร้ายที่ล่อลวงเงินในกระเป๋าจริงๆ แถมทุกครั้งที่หอบมาเหนื่อยยากมันจะมีหนังสือจำนวนหนึ่งที่จนแล้วจนรอดจนปลวกกินก็ยังไม่ได้อ่านประจำ....
งั้นที่ Apple ลบคำว่า Computer ออกจากชื่อบริษัทก็แสดงออกถึง Divergence ที่ชัดเจนสินะ จะเป็นอะไรล่ะ Media Entertainment Interactive ตามแต่จะนิยาม แต่ถ้ามันโอเค ก็ดีนี่นา