วันนี้เป็นวันชี้ชะตาของ Apple จริงๆ ครับ และก็ผ่านไปแล้วด้วยสำหรับ iPhone 4 Press Conference เฉพาะกิจ ที่จัดขึ้นเพื่อแถลงข่าวว่ามีปัญหาอะไรยังไง กับตัว iPhone 4 ที่ถูกร้องเรียนมาอยู่เรื่อยๆ นั่นเองครับ การแถลงการณ์ก็สั้นนิดเดียวครับ ซึ่งก็ทำให้ทราบด้วยว่า ตามที่ Wall Street Journal ฟันธงมา ก็เป็นจริงครับ และแล้วผมก็จะขอสรุปให้ฟังสั้นๆ ละกันครับ
ที่มา : Engadget (Live Blog), MobileCrunch (Live Blog)
ท้ายที่สุด Apple ก็ไม่วายที่จะเอามือถือยี่ห้ออื่น 3 รุ่น 3 OS มาร่วมทดสอบหาข้อบกพร่องในเรื่อง AttennaGate โดย Steve Jobs ได้กล่าวว่า พวกเขาใช้เวลาถึง 22 วันที่ได้สละเวลาออกมาทดสอบ ซึ่งการทดสอบของ Apple คือ ถือด้วยข้างที่ถือ iPhone 4 แล้วสัญญาณหาย แล้วสังเกตว่าสัญญาณจะหายไปหรือไม่ โดยผลสรุปที่ได้ก็คือ BlackBerry Bold 9700 (AT&T) สัญญาณลดต่ำสุดเหลือเพียง 1 ขีด HTC Droid Eris (Verizon) สัญญาณหาย Samsung Omnia II (AT&T) สัญญาณลดเหลือเพียง 1 ขีด
ซึ่งจากการทดสอบดังกล่าว ทำให้สื่อมวลชนบางคนสงสัย (ผมเองก็สงสัย) จึงหยิบมือถือรุ่นดังกล่าวมาทดสอบรวมถึงมือถืออีกหลายๆ รุ่นมาทดสอบในทำนองเดียวกัน ซึ่งก็มีหน่วยกล้าตายถาม Steve Jobs ตรงๆ ว่า "ทำไม Bold (BB Bold 9700) ของผมสัญญาณไม่ลดเหมือนในตัวอย่างเลย คุณแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างได้ไหม" Steve ก็สวนกลับมาว่า "เราทดสอบ ในพื้นที่ที่สัญญาณน้อย เพื่อที่จะได้เห็นผลชัดเจนมากขึ้น" แต่เมื่อผมได้ทดสอบเอง (บนเครือข่าย AIS) ปรากฎว่าลดเหมือนกันครับ แต่ก็มีขึ้นบ้างระหว่างที่กำลังทดสอบครับผม
นอกจากนั้น Apple ได้แถลงออกมาว่า จากการทดสอบ 100 ครั้ง จะมีอัตราการหลุดที่อยู่ในระดับ น้อยกว่า 1 ครั้ง ซึ่งจากจุดนี้ Apple เอามาเทียบกับ iPhone 3GS ครับ
ผลสรุปก็คือ Apple ออกมายอมรับผิดที่ว่า วางตำแหน่ง AttennaGate ผิดเอง เราก็ขอรับผิดแต่โดยดี โดยเราจะแจก Bumper ให้กับ iPhone 4 ทุกเครื่อง พร้อมกับแจ้งไปยังผู้ที่ซื้อ Bumper ก่อนหน้านี้ว่าให้มารับเงินคืนด้วย ซึ่งผู้ที่ซื้อ iPhone 4 หลังจากนี้ ก็จะได้รับข้อเสนอในการรับ Bumper ฟรี ทั้งจากของ Apple เอง หรือจากของ Third Party ที่เข้าร่วมโครงการนี้ โดยจะมีผลถึงวันที่ 30 กันยายนนี้่เท่านั้น โดยจะได้รับแจกพร้อมกันถ้วนหน้า ทั้งในและนอกสหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งที่มาของข้อเสนอนี้นั้น ได้ถูกยกขึ้นมาจากสาเหตุที่ว่า Consumer Reports ยืนยันว่าใช้ Bumper แล้วจะแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้จริงครับ
นอกจากนี้ Apple ยังประกาศอีกว่า นับตั้งแต่วันที่ซื้อเครื่องไปแล้วภายใน 30 วัน หากยังไม่พอใจอีก ก็สามารถส่งเครื่องคืนได้ โดย Apple จะไม่คิดค่า Restocking Fee ด้วย แต่สัญญาของลูกค้า AT&T Contract ก็จะสิ้นสุดลงด้วยหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ AT&T อีกรอบครับ
ท้ายที่สุด Apple ก็ได้ตัดสินใจเลื่อนการวางจำหน่าย iPhone 4 สีขาว ออกไปอีกเป็นสิ้นเดือนนี้ พร้อมทั้งจะเพิ่มอีก 17 ประเทศภายในสิ้นเดือนนี้อีกเช่นกันแต่ว่า Apple กลับตัดประเทศเกาหลีใต้ออกจาก List ที่จะได้ขายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับบรรดาสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก
ท้ายที่สุดก็จะเป็นการถามตอบครับ
ถ้าจะถามว่าของล็อตใหม่จะแก้ที่ Hardware หรือไม่นั้น Steve Jobs ได้บอกมาว่า ไม่มีการแก้ไขในเรื่องนี้ครับ แต่ส่วนตัวคิดว่า Apple คงจะแก้ไขโดยการ เคลือบสารบางอย่างลงไปแทน ที่บริเวณ AttennaGate ครับ
Comments
ผมอ่านดู เข้าใจว่า Jobs ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นปัญหานะครับ
แต่ Jobs บอกว่า "Smartphone ทุกเครื่องมีปัญหา" และบอกว่าเป็นปัญหาระดับ Industry ใครๆ ก็เป็นกันหมด
ก็แล้วแต่จะคิดกันครับ ทำไมโทรศัพท์เครื่องอื่น ไม่เคยมีใครออกมาบ่น
อีกข้อนึงที่น่าสนใจ ในตอน QA
คือมีคนถามว่า "ที่ Apple เคยออก firmware เพิ่มความแรงสัญญาณ iPhone เมื่อ 2 ปีก่อน แล้วตอนนี้ Apple กลับบอกว่า มีปัญหาการแสดงสัญญาณผิดพลาดมานานแล้ว ไม่ทราบว่า 2 เรื่องนี้เกี่ยวกันหรือไม่"
ถ้าดูตามข่าวเก่า เป็นไปได้ว่า Apple เคย "โกง" ขีดสัญญาณเมื่อ 2 ปีก่อน จนทำให้เกิดปัญหาใน iphone 4
แน่นอนว่า Jobs ตอบว่าไม่เกี่ยวกัน
แต่ที่แน่ๆ ส่วนใหญ่ Jobs จะตอบแบบเลี่ยงการตอบคำถามตรงๆ
บางทีก็ตอบไปคนละเรื่องเลยด้วยซ้ำ อย่างตอนถามเรื่อง recall ดันตอบว่าไปทดสอบที่บ้านลูกค้าเลย จนไปเล่นมุขว่าไม่ไดัพังประตูเข้าไปนะ
เป็นที่กระแสและความคาดหวังครับ ด้วยความที่เปิดตัวมาแรงขนาดนี้
พอเจอจุดบกพร่องก็ประโคมกันยกใหญ่
เท่าที่ดูจากที่ Jobs อ้างมาก็พบว่าจริงครับที่ Smartphone เครื่องอื่นก็เป็น
ประกอบกับฟังจากพี่(อยู่ที่ UK)เล่าให้ฟังว่าคนที่นั่นใช้แล้วไม่พบปัญหา
(พูดกันว่าเรื่องสัญญาณตกเป็นข่าวลือด้วยซ้ำ)
พอฟังอย่างนี้ผมเลย รู้สึกว่ามันสอดคล้องกับเรื่องที่ยังคงขายดีอยู่
สุดท้ายสิ่งที่ตอบได้ว่า iphone 4 จะรุ่งหรือร่วง ก็คงอยู่ที่มือของผู้ใช้งานจริงครับ :)
ผมว่าจ็อบตอบได้ดีเหมือนผู้นำบางประเทศนะครับ พูดดำกลายเป็นขาวได้ ด้วยการพรีเซนต์ และคำพูดเชิงเปรียบเทียบเบี่ยงเบนประเด็นได้โดนใจ "ผู้สนับสนุน" ได้ดีมาก ส่วน "ผู้ต่อต้าน->ผู้สนับสนุน" ก็ยังไม่ชอบอยู่ดี
ปัญหาแบบนี้เกิดกันทั้งโลกจริงๆ
จะลากการเมืองมาทำไม ชอบเห็นคนทะเลาะกันครับ?
สงสัยที่ไม่ขายที่เกาหลีใต้เพราะกลัวความแรงของ Galaxy S แน่เลย
Bada แรงกว่าเยอะเลยครับ เลย 3 ล้านไปแล้ว
เพราะ http://www.blognone.com/news/17414 งอล?
May the Force Close be with you. || @nuttyi
Wall Street Journal แก้เป็น The Wall Street Journal
Antenna Gate แก้เป็น Antennagate (slideshow เขียนไว้แบบนี้)
ได้รึเปล่าอะ? อิอิ
ดูเหมือนการแก้คำผิดกันไปกันมาจะทำให้ที่นี่ครึกครื้นขึ้นมากเชียวนะ!!
Antennagate น่าจะเป็นคำเรียกประเด็นปัญหานี้ครับ (ให้มันดู "เป็นเรื่อง" แบบคดี Watergate) ไม่ใช่ชื่อตำแหน่งหรือชิ้นส่วนอะไรของโทรศัพท์
Apple ไม่ได้ยอมรับว่ามีปัญหาอะไรใน iPhone 4 เลยครับ แถมยังบอกว่ายี่ห้ออื่นก็มีปัญหาสัญญาณตก ถ้าอยู่ในที่ที่มีสัญญาณอ่อน ไม่ใช่เรื่องผิดปรกติ และก็มีวีดีโอทดสอบให้ดู
"the iPhone 4 drops less than one additional call per 100 than the 3GS"
เข้าใจเหมือนคุณ FieryTemper ครับ
ไม่ใช่นะครับ
ตรงนี้ต้องแปลดีๆ ครับ มันเป็นคล้ายๆ ทริคที่ทำให้ออกมาดูดี
ที่ Apple บอกคืออัตราสายหลุด "ที่เพิ่มขึ้น" เพียงน้อยกว่า 1 ต่อการโทร 100 ครั้งเมื่อเทียบกับ iPhone 3GS
"Additional" calls dropped per 100 calls compared to iPhone 3GS
ตัวอย่างเช่น สมมติ 3GS มีสายหลุด 10 หรือ 40 ครั้ง จาก 100 ครั้ง
เจ้า 4G จะมีสายหลุด 10.XX หรือ 40.XX ครั้งตามลำดับครับ
แต่ที่คุณแปล ผมยังต้องตีความไทยเ็ป็นไทยอีกเลยครับ
ผมกลับมองว่าคนรวบรวมข่าว แปลเข้าใจง่ายแล้วครับ
ผมขออ้างอิงจาก Apple สรุปปัญหาของ iPhone 4 เรียบร้อย!!! เขาก็แปลแบบเดียวกันนะ
ที่อ้างอิงมาก็แปลชวนให้เข้าใจผิดแบบเดียวกันไงครับ
จากประโยคดั้งเดิมภาษาอังกฤษ
"Less than one (<1) ADDITIONAL" calls dropped per 100 calls compared to iPhone 3GS
มันแปลได้ว่า เดิมการโทร 100 ครั้งของ 3GS จะมีสายหลุด n ครั้ง
แต่พอเป็น 4G จะมีสายหลุด n.xx ครั้ง (ค่าเฉลี่ย) โดย n.xx น้อยกว่า n+1 และ n ไม่จำเป็นต้องเป็นจำนวนเต็ม
ซึ่งการแปลของคุณคนเขียนบทความ ชวนให้หมายถึง
และจากเวบที่คุณอ้างอิงมา ก็ชวนให้เข้าใจผิดเป็นกรณีหลังครับ
ยกคำพูดของ Jobs มาให้แปลครับ
"This is hard data... the iPhone 4 drops less than one additional call per 100 than the 3GS. Less than one."
ท่านอื่น ๆ ลองแปลสิครับ หมายความแบบเดียวกับคุณ FieryTemper หรือเปล่าครับ
แต่ผมอ่านจาก http://www.mobilecrunch.com/2010/07/16/live-from-apples-iphone-4-press-conference/ (เรื่องที่พูดถึงประเด็นนี้อยู่หน้าที่ 2) เหมือนเค้าจะตีความแบบเดียวกับคนเขียนข่าวนะ รวมทั้งที่ผมยกมาอ้างอิง
ประโยคไหนเหรอครับ?
"The iPhone drops less than 1 additional call per 100" Jobs พูด
"Less than one. Even that's too much for us. I have my own pet theory on this: when the iPhone 3GS came out, we didn't change the design. There were a number of cases available, on day one. The iPhone 4 has a radically new design, so none of the cases fit, and we can't make enough of our bumper cases." เน้น Less than one ต้องดูบริบทจากประโยคแรก
In other words: The iPhone 4 drops ever so slightly more calls than the 3GS, but Steve assumes it because cases aren't available/being used. อันนี้น่าจะเป็นคนเขียนบทความย่อยให้
The iPhone 4 drops <1 more call per 100. สรุปจากบน keynote
ผมแปลได้ว่า อัตราการหลุดเพิ่มจาก 3GS น้อยกว่า 1ครั้ง แบบเดียวกับคุณ FieryTemper ครับ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมแปลได้ว่า
จากข้อมูลพบว่า... ไอโฟน 4 สายหลุดมากกว่า 3GS ไม่ถึง 1 ใน 100.
รอคนมาแปล
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
เหนด้วยกับคุณ fiery temper คับ
ตรงนี้จ๊อบส์ใช้ ทริก ลวงคนฟังครับ
ผมว่าในคลิปเต็มเค้าก็บอกชัดเจนแล้วนะครับว่าเป็นส่วนต่าง โดยให้เหตุผลว่า ATT ไม่ใช้เปิดเผยข้อมูลจริง เนื่องจากการแข่งขัน
twitter.com/djnoly
จัดงาน แถ ลง ข่าวได้สมกับเป็น Apple จริงๆ แฟนๆคงถูกใจกันนะครับ
+1 เค้าทำได้ดีจริงๆ
สงสัยที่ทำทั้งหมดเพื่อไม่ให้กระทบต่อยอดขาย
ดูเหมือนจะมีลับลวงพรางอยู่ในการแถลงข่าว
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
สรุปว่า ศาสดาจะเอาเสาอากาศไว้ตรงนี้ แล้วให้พวกวิศวกรไปหาวิธีทำให้มันใช้งานได้เอาเอง
(ภาษานักออกแบบ เรียกแบบนี้ว่า function follow form)
ถ้าคิดแบบนี้ก็เหมือน บริษัททั่วๆไป ที่ผู้บริหารแค่ออกนโยบายกำหนดทิศทาง แล้วให้คนรองๆลงมา หาวิธีการเดินไปให้ถึงก็พอ
ส่วนเรื่องการแถม bumper ก็เป็นการแก้ปัญหาที่วิศวกร ยังแก้ไม่ได้ หรือได้ไม่ดีพอ (ไม่รู้ว่าไปตัดจากงบวิจัยของวิศวกรหรือเปล่า :p)
สรุปอีกทีว่า ยังไงศาสดาก็ไม่ผิด
ผมเคยได้ยิน quotation ของบางคน (ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้)
เขาบอกว่า iPhone ไม่ใช่มือถือที่ดีที่สุด แต่มันคือ mobile computor ที่ยอดเยี่ยม
ผมว่ามันก็ตรงไปตรงมานะครับ
Apple ไม่ได้คร่ำครึ ในวงการมือถือเท่าไหร่(อย่างน้อยก็เพิ่งเกิดในวงการไม่ถึง 10 ปี)
แค่นี้ผมว่ามันปกติครับ มันไม่มีอะไรดีเลิศไปหมดหรอก
อีกอย่าง apple ไม่ได้ฉกเงินจากกระเป๋าเงินเรา แต่เราต่างหากที่เอาเงินไปให้แอปเปิลเอง
นั่นย่อมเกิดเพราะความพึงพอใจ (สำเร็จความใคร่ด้วยเงิน)
หากจำนวนเงินที่จ่ายไม่ทำให้ตอบสนอง need ก็มีของในตลาดอีกเยอะแยะครับ
เราเป็นลูกค้า เป็นผู้เลือก ไม่ใช่ผู้ผลิตบังคับเราเลือกนะ
ลูกค้าต้องเป็นพระเจ้า
ท่าทางคงแกะมือถือทุกรุ่นในตลาดดูแล้ว
ใครวางสายอากาศไว้แถวนั้น กับออกแบบสายอากาศไม่ดี
ก็พาเค้ามาโดนด้วย *ไม่รู้ว่ามีบริษัทไหนเค้าทำแบบนี้กันบ้าง โจมตีคู่แข่งแบบนี้
ทำแบบนี้ไม่ค่อยแมนเท่าไหร่ ทำไมต้องไปพาดพิงยี่ห้ออื่นเค้าด้วย
ถ้าทำไรผิดพลาด ก็ยอมรับ ตรวจสอบ แก้ไข +จริงใจ ไปดิ ใครๆก็ผิดพลาดกันได้
ว๊าว... ความคิดเห็นแบบไทยแท้เลยนะเนี่ย ไม่ชอบอะไรที่มัน aggressive
ที่นู้นเค้าฟาดฟันกันตรงๆแบบนี้ล่ะครับ ค่ายอื่นก็ทำ ไม่ว่าจะเป็นรถ มือถือ หรือคอมพิวเตอร์
เคยเห็นโฆษณา Droid does, Laptop Hunter ไหมครับ!!! ล่าสุดก็ออกมาเกทับกันว่าจับแล้วสายไม่หลุด
:)
คือติดใจนิดเดียวครับ ถ้า RIM, HTC, Samsung มันมีปัญหาเรื่องสัญญาณจริง
มันก็น่าจะถูกตรวจสอบ จากผู้ใช้งาน ลูกค้าจริงๆ แล้วก็เรียกร้องสิทธิ ให้แก้ไขหรือรับผิดชอบอะไรก็ว่ากันไป
แต่มันไม่น่าจะถูกตรวจสอบจาก บริษัทคู่แข่ง แล้วก็ออกมาแฉโจมตีว่าของคุณมีปัญหาน่ะ
:)
this is the fact of the smartphone.it's not a problem.
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
ผมเห็นว่า การออกมาแฉคู่แข่งเป็นเรื่องที่ ไม่เสียหายตรงไหน ถ้าเป็นการกล่าวหาเกินความเป็นจริงใครพูดก็ต้องรับผิดชอบกันไป
ดีสะอีกเกิดกระแสคนทั่วไปเอามือถือตัวเองมาลองจับๆให้สัญญาณมันลด จะได้เกิดการเรียกร้องสิทธิในทุกๆแบรนด์ให้เห็นมากขึ้น
กฏหมายไม่เหมือนกันครับ
ที่เมกา true fact ไม่ต้องปิดบัง ไม่ต้องใช้ตัวย่อ แต่ห้ามบิดเบือน
เสรีไม่เหมือนกันคับ
จ็อบออกมายอมรับนะครับว่า Apple ไม่ได้ perfect และปัญหานี้เค้าก็ได้ตรวจสอบแล้วด้วยการสร้างห้องทดสองสัญญามูลค่า 100ล้านเหรียญ(ตามข่าว)
Blog: https://medium.com/@tanakritsai
"ไม่รู้ว่ามีบริษัทไหนเค้าทำแบบนี้กันบ้าง โจมตีคู่แข่งแบบนี้"
เอะ... ก็เห็นหลายๆบริษัทก็ออกมาพูดอยู่นะ "มือถือเราจับได้ทุกท่า"
แล้ว Droid Does กะ Laptop Hunter มันไม่ใช่รึ - -''
ก็อย่างว่าแหละเนอะ ทีใครทีมัน :p
นักข่าวก็ไม่ค่อยแมนนะคับ เล่นโจมตีแต่ไอโฟน ทั้ง ๆ ที่มือถือยี่ห้ออื่นก็มีปัญหากลับไม่ลงข่าว
วิธีการแก้ไขบริษัทก็เสนอ full refund ให้สำหรับคนที่ไม่พอใจแล้วนะคับผม
ประเด็นอยู่ที่เค้าพูดความจริงหรือปล่าวครับ
ถ้าพูดความจริง ผมว่าก็ไม่เห็นเกี่ยวว่าแมนไม่แมน
ส่วน full refund ที่เสนอคือค่า bumper นะครับ ไม่ใช่ค่าเครื่อง
จริงๆค่าเครื่องที่อเมริกาเค้าคืนได้อยู่แล้วครับ หากผู้บริโภคไม่พอใจ
ไม่ต้องรอเรื่องสัญญาณหรอก แค่ใช้แล้วไม่ชอบยังคืนได้เลย
คืนเครื่องได้ ก็ full refund เหมือนกันนี่ครับ
จ็อบส์ก็บอกคืนได้ใน 30 วันหากไม่พอใจ
ไม่ได้มีแต่ bumper นะครับ ผมก็ดู presentation มาเหมือนกัน
ครับ ผมดูไม่ละเอียดเอง
ผมหมายถึงในกรณีที่ไม่ประโคมข่าวของสัญญานหดจากค่ายอื่น ๆ หลังจากที่แอปเปิลเอามาเปิดเผยน่ะคับผม
คนละกรณีกันครับ
คืนเครื่องก็ได้ full refund ครับผม ปกติร้านค้าทั่วไปจะหัก 10-15% เป็นค่า restocking fee ครับ
แต่ในกรณีนี้ทางแอปเปิลคืน full refund ครับทั้ง bumper แล้วก็ iphone 4 ครับ
แมน ๆ ในระดับนึง
เอ่อ เฮ้ย
มาลองกับ BB 8520 จับด้านล่างๆ สัญญาณหายด้วยง่ะ
2 ขีด
เห็นเค้าเอามาให้ดู
http://www.youtube.com/v/JvgcqcXJ8k8
ทำผิดก็อย่าให้จับได้
ถ้าถูกจับได้ก็อย่ายอมรับ
ถ้ายอมรับก็ให้ยอมรับครึ่งเดียว
DON'T BUY IT
Apple just came out and said they're wrong, they're going to offer free cases. The only thing they could POSSIBLY say to satisfy most haters is this statement: We're stopping the iPhone and making everything opensource
เพลงนั้นประชดองุ่นเปรี้ยวนะครับ
yeah, i know.
แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ
แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ
แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ
แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ แถ
+1
Galaxy S สัญญาณไม่หาย เพราะเป็นพาสติก 5555
ผมว่าเป็นการเพิ่ม Feature ให้กับโทรศัพท์ในกรณีที่ต้องการทำสายหลุดนะครับ
พอ Sale บัตรเครดิตโทรมา ก็ให้จับตำแหน่งดังกล่าวได้เลย (เป็น Shortcut)
เนียนดี...
แจ่มมาก เอาสับรางรถไฟได้อีกเวลาหนีเที่ยว
เมีย-กิ๊กโทรมาแกล้งจับตรงมุมซ้ายล่างเลย
บอกว่าสัญญาณไม่ดี ซ่าๆๆๆๆๆ "แค่นี้นะ" แล้ววางสายไปเลย กร๊ากๆๆๆๆๆ