ผมพยายามคิดหาคำนิยามของ Exalogic อยู่นานมาก มาสรุปแบบสั้นๆ ได้ว่า Exalogic คือ "ทุกสิ่งทุกอย่างที่ Oracle ซื้อมาในรอบหลายปีหลัง ยัดลงในตู้เหล็กหนึ่งตู้"
เมื่อปี 2008 ทาง Oracle ได้ขยับขึ้นมาทำฮาร์ดแวร์คือเครื่อง Exadata ซึ่งมีฐานะเป็น "database machine" (ฐานข้อมูล Oracle ในฮาร์ดแวร์ของ HP - ข่าวเก่า) คราวนี้ Exalogic หรือชื่อเต็มๆ Exalogic Elastic Cloud ได้เขยิบขึ้นไปอีกขั้น มันรวมเอาฮาร์ดแวร์ของ Sun ที่ซื้อกิจการมา, ระบบปฏิบัติการ Solaris และ/หรือ Oracle Linux, JRockit/HotSpot, WebLogic Application Server สำหรับรันงานแอพพลิเคชันองค์กร แล้วปรับแต่งประสิทธิภาพโดยวิศวกรของ Oracle มาให้เสร็จสรรพ
เซิร์ฟเวอร์ตัวนี้ออกแบบมาสำหรับ Oracle Database 11g, Oracle Real Application Clusters, Peoplesoft, JD Edwards, Siebel และผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมดของบริษัท Oracle โฆษณาว่ามันรันจาวาบนอินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น 12 เท่า และรัน WebLogic ได้เร็วขึ้น 10 เท่า
ไม่มีใครนิยามมันได้ดีกว่า Larry Ellison ซีอีโอของ Oracle
“Oracle Exalogic Elastic Cloud is a complete system of servers, network, storage, VM, operating system and middleware, all engineered to work together”
ผมว่าเจอแบบนี้ IBM หนาวเหมือนกันนะ
Comments
ไม่น่าล่ะ ไม่ง้อ hp แล้ว
twitter.com/djnoly
ผมเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของ IBM มากกว่า
ราคาล่ะ ?
นั้นสิราคาเท่าไร
เต็มตู้ มี Intel Xeon 360 cores, RAM 2.8 TB, solid-state disk 960G, ดิสก์ SAS อีก 40T เดินสายภายในระหว่างโนดภายในด้วย InfiniBand 40Gbps
ถ้าทั้งหมดไปอยู่บน SSD ขนาด 960G นั่น รวมกับข้อมูลอยู่ใน in-memory คงจะเร็วกว่า 10-12 เท่า
spec เทพมาก
55 ขอคารวะ
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
+1 ชอบครับอ่านเข้าใจง่ายดี
แกงโฮะ ใช่ไหม (แกงทางภาคเหนือ ที่เอาแกงเก่าที่กินเหลือ (ในที่นี้คงหมายถึง Oracle ซื้อของเดิมคนอื่นมา) มายำรวมทำกันใหม่ จนได้แกงโฮะ อร่อยเผ็ด แซบลิ้น รสชาติแปลกๆ
คงจะเหมาะกับคนที่อยากทำ cloud เอง
แต่ว่าถ้าจะทำ cloud เองก็อาจจะอยากพิจารณา การใช้ component ที่ไม่ผูกขาดกับบริษัทเดียวเป็นการกระจายความเสี่ยง
หรือถ้าอยากจะใช้ cloud ก็คงจะต้อง ไปใช้ผู้ให้บริการที่มีให้บริการอยู่แล้ว
concept ของ private cloud มันดูแปลกๆ เพราะมันก็เหมือนเราใช้ resource ของเราเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่ cloud หรือ on-demand แต่อย่างใด