ประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวกับ Windows Phone 7 ที่มักมีการกล่าวถึงอย่างมากถึง คือ ทำไมแพลตฟอร์มดังกล่าวไม่ยอมให้ผู้ใช้อัพเกรดการ์ดหน่วยความจำ microSD ได้เอง เหมือนที่แพลตฟอร์มอื่นรองรับ และก็มีความพยายามหลายครั้งที่จะทดลองเปลี่ยนการ์ด microSD อาทิ เปลี่ยนการ์ดของเครื่องต้นแบบของซัมซุง หรือ HTC HD7 (1, 2) เป็นต้น
ล่าสุดคุณ Charlie Kindel ซึ่งเป็น developer evangelist ของ Windows Phone 7 ได้ออกมาให้เหตุผลว่า เนื่องจากมาตรฐาน microSD ไม่น่าเชื่อถือและมีความขัดแย้งกันเองในตัว กระทั่งการ์ดที่ผลิตจากผู้ผลิตเดียวกันแต่คนละล็อตก็อาจแตกต่างกันได้ และในระหว่างกระบวนการทดสอบโดยไมโครซอฟท์นั้นก็ไม่มีหนทางที่จะรับรองได้เลยว่าการ์ดใบไหนจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขายังบอกอีกว่าการ์ดส่วนใหญ่ในท้องตลาดมีคุณภาพต่ำ จึงให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ไว้วางใจไม่ได้ ดังนั้นการอัพเกรดการ์ดจึงไม่ควรเป็นหน้าที่ของผู้ใช้ แต่ควรเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการเครือข่าย (เช่นสมาร์ทโฟนซัมซุง Focus ที่ขายผ่านผู้ให้บริการ AT&T ในสหรัฐฯ) ที่จะอัพเกรดและซัพพอร์ตการ์ดแทน
ที่มา: Windows Phone Secrets ผ่าน WMPoweruser
Comments
ใส่มาเหอะคร้าบบบ
การ์ดห่วยเดี๋ยวผู้ซื่้อไปหาการ์ดดีๆมาใส่เองครับ
เรื่องแค่นี้ผู้ซื้อรับผิดชอบการ์ดเองได้ครับ ไม่ต้องมาดูแลการ์ดให้หรอกครับ เอาเวลาไปดูแลบั๊กใน OS ได้เต็มที่เลยครับผม..
+1 โอ้ว ชอบเอาเวลาไปดูบั๊ก
+1 เรื่องกล้วยๆ ของผู้ใช้
โอ้ว เหตุผล...
อืมม..จริง
แต่มันจะต่างกันจนเห็นผลได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
ทำ internal memory มาแต่แรกสิ่ ถ้าไม่อยากให้เปลี่ยน
internal memory เยอะๆเลยนะ ซัก 32G แล้วขอเครื่องถูกๆด้วย
แหม
ไปดูราคา micro sd 32 GB สิครับ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
คิดแทน หวังดี ปิดบัง กลบเกลื่อน หรือแถ น่าจะเป็นอย่างสุดท้าย
โมโห(เพราะไม่มีเงินซื้อ)
เหยดดดดด
be evil เหมือนกันนี่หว่า
อยากให้ได้ประสบการณ์ในการใช้ที่ดีที่สุดสินะ
ถ้าใช้แล้ว error บ่อยๆ หรือค้างบ่อยๆ คนจะโทษ OS หรือโทษเครื่อง หรือโทษ mem card ละครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
+1
+1
เห็นได้ชัดว่า Microsoft เอาจริงเรื่อง User Exp. แต่ UI ของ Windows Phone 7 เสียอย่างเดียวคือมันเรียบเกินไป หน้า Hub ยังสวยสู้ Htc Sense ไม่ได้
+1 ผมว่าเค้าคงแค่ป้องกันตัวเค้าเองนะ แบบว่ามาทีหลังจะให้มีปัญหาไม่ได้เดี่ยวตามตลาดไม่ทัน
+2
-- ^_^ --
อีกหน่อยโทษฟิลม์ปิดหน้าจอกันรอยขูดไม่มีคุณภาพ เครื่องเลย error
+1 อันนี้เห็นได้ชัดๆ เลยกันรอยเดี่ยวนี้หาดีๆ ยาก โดนเล็บจิกก็เป็นรอยแล้ว แอบเซ็ง
----------------- Yokey My Blog
ใช้ SD Card สิ...
CF ไปเลย ...
มันเร็วก็จริง...แต่ใหญ่ไป ใส่มือถือแบตคงหมดในไม่กี่ ชม.
อยากได้มาตรฐานจริงจังและเร็วทั้งอ่านเขียนเหรอ? Memory Stick สิ...
ตามด้วยรายการคนไม่ซื้อ
ง่า เบิ้ลซะงั้น
ข้ออ้างชัดๆ Card มัน Error ก็ให้เครื่องมันถุยออกมาก็ได้นี่ครับ
Haha
จะเกิดอะไรขึ้นล่ะครับถ้าซื้อการ์ดมาใส่เครื่องแล้วเอาแต่ขึ้นว่า การ์ดไม่ดีพอ
เห่ะ เหมือนกับคู่รักกำลังบอกเลิก
ก็พอเข้าใจเหตุผลอยู่หรอก
แต่อยากพูดอย่างว่า
ทำตัวเป็นศาสดาผลไม้ไปได้ @_@
มีประสบการณ์เกี่ยวกับ microSD ซื้อยี่ห้อ Kingston มาใช้กับ BB ทำเครื่องอืดเลย ช้าแปลกๆ
ทั้งที่ใช้ยี่ห้อที่แถมมากับเครื่องไม่เป็น พอเปลี่ยนเป็น SanDisk ก็ใช้ได้ปกติ
ผมขอเถียงขาดใจเลยว่าไมโครซอฟท์ทำถูกต้องแล้ว
ผมขอยกตัวอย่างกรณีในวงการเกมให้ฟังนะครับ
ในวงการเกม Nintendo DS ที่ต้องใช้ตลับแฟลชแล้วโหลดเกมลง MicroSD เพื่อเล่นเนี่ย จะมีเกมเทพที่เหล่าคนเล่นรู้จักกันดีอยู่เกมหนึ่งคือ Castlevania ภาค Portrait Of Ruin ที่เกิดปัญหาในช่วงแรกว่าไม่สามารถเล่นได้บนตลับแฟลชอย่างถูกต้อง และใช้ตัวแก้อะไรก็ไม่หาย
แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เป็น และเล่นได้อย่างสบายๆ
สืบสาวราวเรื่องไปจนพบต้นเหตุที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่คาดคิดคือ microSD ที่ใช้กันส่วนใหญ่ความเร็วไม่พอที่จะส่งข้อมูลเกมนี้ได้ทัน (ดันเป็นอยู่เกมเดียวด้วย)
แล้ววิธีซื้อ microSD ที่จะเล่นเกมนี้ก็ค่อนข้างยุ่งซะด้วย คือแม้ว่าจะเป็นของรุ่นเดียวกัน แต่ผลิตคนละที่ก็เล่นได้ไม่เหมือนกัน คือจะมีไกด์ไลน์เลยว่า จะต้องเป็น microSD class อะไร และผลิตที่ไหน (ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกจะต้องเป็นรุ่นที่ผลิตในญี่ปุ่น)
หรือถ้าจะชัวร์ คือต้องใช้โปรแกรมวัด seek time ว่าถ้าต่ำกว่าเท่านี้ เท่านั้นจึงจะเล่นได้
ถ้าเป็นคุณ ไม่รู้ข้อมูลนี้ คุณคิดว่าจะด่าใครก่อน
เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากครับ เป็นผมผมคงโทษตลับแฟลชมากกว่าการ์ด
+1 ความเร็ว microSD ยังไงกูสู้เมมในเครื่องไม่ได้หรอก
แต่ต้นทุนมันแพงเหมือนกัน ถ้า wp7 มี 32GB ราคาคงเกิน 25kแน่นอน
สิ่งที่ผมจะโทษคือ
การเล่นเกมส์ด้วย Flash Card นั้นผิดกฏหมาย และเครื่อง DS ไม่ได้ออกแบบมาให้เล่น Flash Card
ปล. แซวเล่น อย่าเคือง
+1 ผมล่ะเบื่อ miscroSD ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ จะโอนไฟล์ที่จะช้าจนจะหลับ
class ต่ำๆทำให้ใช้เวลาอ่านหรือเขียนนานขึ้น กินแบตมากขึ้น
ใช้ Flash drive, card ความเร็วต่ำๆ นี่มันทำให้หงุดหงิดมากเลยนะครับ
ยิ่งเจอ Kingstom นี่ ลงเพลงยังไม่เสร็จเลย Error ตลอด
ถ้าพูดถึงเรื่องคุณภาพของการ์ดนี่ผมเห็นด้วยว่ามันมีปัญหาในการใช้งานจริงๆ
แหมก็แถมอันที่ดีๆมาให้ก็ได้นี่ครับ
ถ้าผมซื้อมาใส่ใหม่เองแล้วทำให้เครื่องอืด ผมก็รู้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ผมไม่ไปโทษ OS หรอกครับ ผมว่าถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ต้องมี microSD ไปเลยดีกว่า
บีบผู้ใช้มากไปแล้ว
ปล.ผมถามหน่อยเถอะ ถ้าผมหา microSD ที่ดีกว่าของ MS มาใช้ได้
แล้วผมจะเอามาใช้กับ windows phone7 ได้ใหมครับ
อิอิ สรุปว่าผมไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้ microSD ที่ดีกว่าของ MS ได้ซินะ
และ microSD ตัวใหนจะดีหรือไม่ดี ผมก็ไม่มีสิทธ์ตัดสินใจซินะ
คนใช้งานจริงๆไม่ใช่ผู้มีความรู้เรื่องพวกนี้นะครับ สนแค่ yes no ok cancel แค่นั้นแหละครับ
เหนด้วยกับ MS นะอันนี้
คนส่วนมากโทษ OS ก่อนแน่นอน บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะการ์ด
+1 ครับ เจอมากับตัวเองตอนซื้อ Nokia 5800 ใหม่ๆ เค้าแถม SD Card ยี่ห้อ Nokia มา 8 GB
เล่นไปเล่นมา App หาย,รูปพัง,เพลงทั้งอัลบั้มหาย,เพลง Mix กัน(เปิดเพลงนึงอีกเพลงนึงเข้ามาปนเฉย)
นั่ง Sync ข้อมูลใหม่กันอาทิตย์ต่ออาทิตย์ ตอนนั้นโทษ Symbian อย่างเดียวเลย จนได้ไปอ่านตาม Forum มือถือ
เค้าแนะนำให้เปลี่ยน SD Card เลยลองเปลี่ยนดู จากนั้นมาอาการข้อมูลเพี้ยนก็หายเป็นปลิดทิ้ง
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
อืมมมมม ก็ถูกของเค้านะ ผมว่า
จริงๆเคสนี้เกิดกับช่างภาพบ่อยๆ
บางคนซื้อกล้องดีเลนส์ดี การ์ด "ห่วย" พอถ่ายไปถ่ายมา ภาพเป็นเส้น สีเน่า
เอาแล้ว ด่ากล้องก่อนเลย กล้องห่วย เซ็นเซอร์พัง
ไปๆมาๆ สรุป การ์ดห่วย เปลี่ยนการ์ด หายสนิท
แต่บริษัทผู้ผลิตกล้องไม่เคยกลัวโดนด่าเพราะคนเข้าใจผิดคิดว่ากล้องไม่ดี
กลัวซิครับ ไม่งั้นในคู่มือกล้องจะแนะนำรุ่นการ์ดที่ควรใช้ทำไม (แนะนำว่าควรใช้กับการ์ดรุ่นอะไร, รุ่นอะไรที่ทดสอบมาแล้วไม่มีปัญหา ส่วนใหญ่ก็การ์ดแพงๆ หรือไม่ก็ยี่ห้อตัวเอง)
แต่จะไปบังคับอะไรผู้ใช้ได้
วงการกล้องโปร มีความรู้ และความเชื่อมากมาย บอกไปบางทีก็เชื่อ บางทีก็เถียง หึๆ
ร้อยละ 99 ไม่เคยหยิบคู่มือมาอ่านหรอกครับ แพ๊คอย่างดีอยู่ในถุงตามเดิม
แปะคำเตือนเรื่องคุณภาพของ card ที่ใช้ก่อนเปิดเครื่องเลยครับ แก้ได้
ช่วยไม่ได้หรอกครับ error เด้งปุ๊บก็กดปิดกันปั๊บ บางทีรายละเอียดครบจนถึงวิธีแก้ก็ไม่อ่านกันแล้วก็บ่นมันจะขึ้นอะไรนักหนา เปิดเครื่องมาเค้าก็กดผ่านกันเลยเสียมากกว่า
ที่จริงเวลาเราฟอร์แมตการ์ดด้วยกล้อง มันควรจะตรวจสอบได้ด้วยว่าการ์ดคุณภาพดีหรือไม่ เหมือนกับเจอ bad sector แล้วฟ้อง
ส่วนตัวเข้าใจว่าแถ แต่ไม่เนียน 555
ส่วนตัวเข้าใจว่าไม่แถ เพราะเนียน 555
ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากรึป่าวเนี่ย
ข้ออ้างซินะ
ก็ไม่ยากนิน่า ตอนที่มาเสียบครั้งแรก (initialize) ก็วัดสมรรถนะการ์ดทุกใบ เช่น วัด random access time, peak transfer rate, average แล้วทิ้งเป็นไฟล์ไว้ transfer rate
เสียบทุกครั้ง ก็ถ้าเจอคอนฟิคไฟล์นี้ก็บ่น ประมาณการ์ดคุณไม่ดีแนะนำว่าหาการ์ดใหม่มาเสีย แล้วพาผู้ใช้ไป URL เฉพาะที่อธิบายละเอียดๆหน่อย แล้วก็ถ้าใจร้ายสักนิด ก็บังคับปิดฟีเจอร์บางตัวทิ้งที่ทำให้'ประสบการณ์การใช้งานไม่ดี'ที่เกียวกับการ์ดนั้นทิ้ง เช่นไม่อนุญาตให้รันโปรแกรมบนการ์ด หรือไม่สามารถใช้เป็นเทมป์ ก็แค่นั้น
แบบนั้นคนก็แก้ไฟล์ config ได้สิครับ แล้วเวลาคนใช้ไม่ได้ส่วนมากก็ไม่อ่านไม่สนข้อมูลอะไรแล้ว บ่นว่ามันเรื่องมากเสียมากกว่า สมัย Ready Boost มาใหม่ๆ ผมก็เห็นบ่นกันเยอะนะครับ
ส่วนตัวผมมองว่า เหมือนตอน Apple ไม่ใส่ Flash ลง iOS หรือ ไม่ใส่ MicroSD Slot ลงในเครื่อง iPod iPhone ตามกระแสตอนนั้น..
ดูหน้างานมันเหมือนเป็นเรื่องง่ายครับ กับแค่ใส่ หรือ ไม่ใส่
แต่ผมว่า Process ก่อนจะตัดสินใจมันคงวุ่นวายและซับซ้อนมากทีเดียว
คำหนึ่งที่อยู่ในหัวผมเลยคือคำว่า "User Experience" ครับ
และครั้งนี้ ผมคิดว่า Microsoft เลือกที่จะกำจัดปัจจัยบางตัวที่มีผลต่อความไม่เสถียรของเครื่องออกไป ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก เพราะมันเป็น 3rd Party Hardware
ผมพบว่า ใน iOS ถ้าไม่ Jailbreak ผมยังไม่เจออะไรที่มันยุ่งยากซับซ้อนเลย (ยกเว้นการปรับตัวมาใช้ iTunes)
และผมคิดว่าครั้งนี้ Microsoft มองตลาดสำหรับผู้ใช้โดยรวม (ไม่ได้เอนเอียงไปทาง Geek) ซึ่งค่อนข้างมีความรู้ทางเทคนิคน้อย และถ้ามันต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคเยอะ ผมคิดว่าในตัวเลือกที่กลุ่มนี้มี อาจจะหันไปหา iOS ก็เป็นได้
ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกเดียวกับ การที่ผมใช้ Windows 7 นี่แหละครับ.. น้อยมากที่จะต้องหา Driver ส่วนใหญ่เสียบปุ๊บ หา Driver เองปั๊บ ถ้าหาในเครื่องไม่เจอ ก็จะหา Online เจอ.. ซึ่งถ้าเป็น WindowsXP คงจะยุ่งยากกวานี้ และผมยังนึกถึงเพื่อนๆ ญาติๆ หลายๆ คนที่ต้องโทรศัพท์มาเรียกผมไปติดตั้งอุปกรณ์ให้..
ใส่ microSD 32GB ลง HTC HD mini เครื่องประมูลวันก่อนไม่เห็นเป็นไรเลย
อำกันปล่าว Windows Phone 6.5 ด้วย ไม่เห็นว่าไม่ดีตรงไหน
แต่บางยี่ห้อก็อย่างที่เขาบอกจริงๆ ละเหมือนไม่ได้มาตรฐาน
----------------- Yokey My Blog
ผมว่าเหตุผลของ MS ฟังขึ้นนะครับเหมือนกรณ๊ Windows อ่าถ้าเครื่องขึ้นจอฟ้าเพราะใช้แรมห่วยๆคุณว่าผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้สันทัดเรื่องคอมพิวเตอร์มากนักจะโทษอะไรก่อนระหว่าง Windows กับ Hardware
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ผมว่าแปลกดีที่ผู้ผลิตจำกัดสิทธิ์การเลือกใช้ของผู้ใช้ แล้ว ผู้ใช้ก็เห็นด้วยกับผู้ผลิต
มันเหมือนกับ มันไม่ได้มี มาตรฐานอะไรกำหนดไว้เลย สำหรับการผลิตของอะไรสักอย่าง
ทำให้ ผู้ใช้ ต้องทำตามที่ ผู้ผลิต กำหนดให้ ถึงแม้จะกลายเป็นถูกจำกัดสิทธิ์ไป
เมมโมรี่การ์ดเอง ก็มีมาตรฐานอยู่ การถ่ายโอนข้อมูลก็มีการกำหนดมาตรฐานออกมา
คลาสไหน อัตราเร็วเท่าไร ความทนทาน ความน่าเชื่อถือ มันก็มีมาตรฐานเหมือนกัน ทดสอบได้ เช่นกัน
อีกอย่าง หากผู้ผลิต คำนึงถึง เสรีภาพของผู้ใช้จริง มันก็ไม่ยาก ที่จะใช้วิธี
ขึ้น รายการ เมมโมรี่การ์ด ที่ใช้ได้กันกับ โทรศัพท์ ของตัวเอง จะที่เว็บไซต์ ก็ได้
(ยกตัวอย่าง เอซัส เองยังมีรายการเมโมรี่ที่ใช้ได้กับเมนบอร์ดแต่ละรุ่น ให้เราได้ไปดูที่เว็บไซต้
และหายๆ บริษัท ก็มี แนวๆ นี้เช่นกัน อาจจะไม่ตรงนักทีเดียว ในกรณีนี้ที่เป็นโทรศัพท์ แต่ก็แสดง
ให้เห็นว่า หากผู้ผลิต คำนึง ถึงผู้ใ้ช้จริง ก็ำทำได้ นี่)
หรือ
ไม่ เพียงแค่มี ซอฟต์แวร์ ใ้ช้ทดสอบความเข้ากันได้ของเมมโมรี่การ์ด ใส่ไว้ที่โทรศัพท์ จะ
เพิ่มต้นทุนมากมายเชียวหรือ เพียงเพื่อให้ ผู้ใช้ได้มีอิสระที่เลือกสิ่งที่ต้องการใช้งาน ...
จะบอกว่า ผู้ผลิต ห่วงใย ผู้ใช้ จึงจำกัดสิทธิ์ ไปโดยไม่ยอมให้ ผู้ใช้ เลือกใช้เมมโมรี่การ์ดได้โดยเสรี
ก็ใช่ แต่ หาก มองในแง่บวกจัดๆ มากๆ
อาจจะประหลาด แต่ ผมคิดแบบนี้ น่ะครับ
ปล. ผมมองว่ามันแปลกที่ Windows (ประสบการณ์จาก Windows บน PC) ต้องการฮาร์ดแวร์ที่เสถียรมากๆ มากเกินไปจน ผมไม่เข้า่ใจว่า เครื่อง PC ผมที่ลง Windows 7 มีปัญหาค้าง แฮงค์ ค่อนข้างบ่อย (บ่อยครั้งเพียงแค่เข้า Windows สักพักก็เดี้ยงแล้ว) ทำให้ผมเข้าใจว่า RAM มีปัญหา แต่เวลาผมสลับไปใช้งาน Linux (PC เครื่องเดิม) กลับไม่เจอปัญหาค้าง แฮงค์ สักเท่าไรเลย ... น้อยมาก มันทำให้ผมไม่เชื่่อที่ ผู้ผลิต รายนี้ระบุแบบนี้ครับ
ผู้ผลิตมักมีเหตุผลดีๆ เสมอที่จะจำกัดอิสระการเลือกใช้งานของผู้ใช้
เพราะผู้ใช้มีอิสระมากพอที่สามารถจะเปลี่ยนไปซื้อสินค้าของผู้ผลิตรายอื่นได้เสมอครับ
เหมือนไอโฟนไม่มีแฟลชใช้ มันก็เป็นแนวทางของแอปเปิล คนใช้ก็หนีไปหาแอนดรอยด์
การออกมาบอกเลยว่า มันทำไม่ได้ ผมว่าแฟร์ดีแล้ว
จะได้ไม่มีคนหลงซื้อไปแล้วพึ่งมารู้ว่ามันทำไม่ได้