John Sculley คือใคร?
เขาคือคนที่สตีฟ จ็อบส์ ชวนมาทำงานด้วยประโยคอมตะว่า "คุณอยากจะขายน้ำอัดลมต่อไป หรือจะมาเปลี่ยนโลกกับผม" และเขาเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของแอปเปิลในปี 1983
สองปีหลังจากนั้น John Sculley ขัดแย้งกับจ็อบส์ จนเป็นผลให้บอร์ดแอปเปิลปลดจ็อบส์จากตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งในปี 1985 (ไม่ได้ไล่ออกแต่ในทางปฏิบัติก็ใกล้เคียง)
Sculley อยู่กับแอปเปิลถึงปี 1993 และตอนนี้เขายังมีบทบาทอยู่บ้างในโลกไอที ล่าสุดเขาไปพูดที่ลอนดอน และมีเนื้อหาเกี่ยวกับแอปเปิล จ็อบส์ และบิล เกตส์
ประเด็นแรก Sculley พูดถึงความต่างของจ็อบส์กับเกตส์ โดยบอกว่าทั้งสองคนต้องการเปลี่ยนแปลงโลกเหมือนกัน แต่วิธีการต่างกันมาก โดยจ็อบส์เน้นการควบคุม "ประสบการณ์" ซึ่งยังใช้อยู่ทุกวันนี้ ส่วนเกตส์เน้นการขยายฐานผู้ใช้ สร้างอาณาจักรไมโครซอฟท์ขึ้นมาด้วยซอฟต์แวร์สำเร็จรูป และทำเงินจากแมคได้มากกว่าที่แอปเปิลทำได้เสียอีก (Sculley หมายถึง Office for Mac ซึ่งจริงแค่ไหนอันนี้ต้องพิสูจน์ แต่เขาพูดแบบนี้)
ประเด็นต่อมา Sculley บอกว่าวัฒนธรรมองค์กรของแอปเปิลกับไมโครซอฟท์ต่างกันมาก และเขาเห็นแนวโน้มนี้ตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว เขาเปรียบเทียบสองบริษัทโดยยกเรื่องเล่าของเพื่อนซึ่งอยู่ที่บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีน ซึ่งทำงานทั้งกับแอปเปิลและไมโครซอฟท์ ที่แอปเปิล ดีไซเนอร์จะเป็นผู้นำ เมื่อ Jonathan Ive เข้ามาในห้องประชุม ทุกคนจะเงียบรอฟังเขาพูด แต่ที่ไมโครซอฟท์ ผู้บริหารแต่ละฝ่ายจะเจรจาต่อรองกันว่า "ถ้าคุณสนับสนุนฟีเจอร์นี้ของเรา เราจะสนับสนุนฟีเจอร์ของคุณตอบแทน"
Sculley เล่าถึงการจ้างงานครั้งประวัติศาสตร์ว่า เขาไม่ใช่ตัวเลือกแรกของจ็อบส์ในตอนนั้น แต่สตีฟ จ็อบส์ต้องการเขา เพราะจ็อบส์มองว่าคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นสินค้าสำเร็จรูปเหมือนกับเป๊ปซี่ ซึ่งเขาบอกจ็อบส์ไปว่า "เรามาขายประสบการณ์ของไลฟ์สไตล์ (experience of lifestyle) กันเถอะ" และตอนนี้แอปเปิลก็ยังทำแบบนี้อยู่
ประเด็นสุดท้าย เขาบอกว่าการคาดการณ์เทคโนโลยีว่า "อะไรจะมา" เป็นสิ่งไม่ยาก สิ่งที่ยากคือ "มาเมื่อไร" ตอนนี้เราอยู่ในยุคแห่งอุปกรณ์พกพา ซึ่งเริ่มขึ้นด้วยคนคนเดียวก็คือจ็อบส์นั่นเอง และตอนนี้โลกไอทีกำลังหมุนไปด้วยความเร็วที่สูงมาก
ที่มา - Electricpig
Comments
ย่อหน้าที่ 3 เค้าเปรียบเทียบวัฒนธรรมองค์กรระหว่าง Apple กับ Microsoft ไม่ใช่เหรอครับ
โอ้ มึนไปหน่อยครับ
x-men ชัดๆ
เหมือน แมกนีโต VS ศจ.ซาเวียร์ ที่ต้องการเปลี่ยนโลกเหมือนกัน แต่วิถีต่างกัน
แม่เจ้า
ศ.ซาเวีย ใช้ เซเลโบร เข้าไปคุมความคิดคุมประสบการณ์ (สตีฟ จ๊อป ชัด)
แมกนีโต คิดเอาเองครับ....
ผมว่ากลับกันนะ
+1 เข้าใจเปรียบ
อยากให้ โลกตามคุณ
หรือ อยากให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน
อันนี้เห็นภาพชัดสุดเลย
ปรบมือ แปะ แปะ
เดี่ยว จีน เกรย์ มาตู๊มเดียว จอดหมด
นาเสียดายที่ตอนนี้ จีน เกรย์ คงยังไม่เกิด ฮ่าๆ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
Google อาจจะเป็น จีน เกรย์
+1 มี Facebook เป็น Cyclop
งั้นอีกไม่นาน Cyclop ก็จะตายด้วยน้ำมือ จีน เกรย์ใช่มั้ยครับ....
Technology is so fast!
ในคอมมิคไซคลอปไม่ตายนะ แต่ จีนเกรย์ตายหลายหน เกิดใหม่ก็หลายที.
ซาเวียร์ โดน จีน เกรย์ จัดการ !!!
คงจะเทียบได้ครึ่งเดียวครับ เพราะหลังจากนั้นดูเหมือนทั้งคู่สร้างตัวเองขึ้นมาแบบสลับขั้วเลย
ตอนแรกไมโครซอฟต์ก็เหมือนแมกนีโต คิดจะเปลี่ยนโลกให้อยู่ภายใต้ผลิตภัณฑ์แบบเดียวของตัวเอง แต่หลังจากนั้นเหมือนกลับใจมาสร้างองค์กรที่มีการคานอำนาจซึ่งกันและกันและนวัตกรรมที่พยายาม compatibility กับทุกอย่างได้
ในทางกลับกัน Apple เริ่มต้นจากความคิดสร้างสรรค์และความต้องการสร้างนวัตกรรมให้โลก แต่กลับสร้างองค์กรที่รวมศูนย์อำนาจเหมือน Brotherhood of Mutant และสร้างนวัตกรรมที่เฉพาะกลุ่มโดยกันคนที่แตกต่างออกไป
(แต่เอาเข้าจริงเทียบ Jobs กับ ดร.ซาเวียร์ ก็ยังไม่ตรงนะ เพราะน้อยครั้งที่ซาเวียร์จะใช้พลังของตนเองในการควบคุมความคิดคนอื่น แต่จะเข้าไปในความคิดเพื่อทำความเข้าใจมุมมองมากกว่า ถ้าเทียบจริงอาจจะตรงกับ Jean Grey / Phoenix มากกว่า)
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เสริมว่าตอนแก่หัวล้านเหมือนกันด้วย ฮาๆ
CEO คนนี้ป่าวครับ ที่ทำจน Apple ถึงจุดต่ำสุด?
もういい
คนนั้นคือ Gil Amelio ลองหาข้อมูลดูนะครับ
ต้องย้อนกลับไปดูด้วยครับว่า CEO คนก่อนๆ ทำอะไรไว้บ้าง?
ผมว่าหนักๆ ก็น่าจะช่วงที่ Spindler ปล่อย license MacOS ให้บริษัทเครื่องเลียนแบบน่ะ รายได้ Apple หล่นวูบเลยทีเดียว
Spindler เนี่ยตัวซวยเลย ส่วน Gil นี่แพะมาก
ตอน Amelio มาก็ทรุดหนักแล้วครับ
นับเป็นกรณีศึกษาของการพิจารณาคนที่จะมาร่วมงานเลยครับ ใครเรียน MBA ต้องเคยได้ยินเรื่อง Jobs ถูกไล่ออกเพราะคนที่ตัวเองไปเชิญมาร่วมงานเองแท้ ๆ
แต่ถ้า Jobs ไม่โดนไล่ออก เราอาจจะไม่ได้เห็น Apple อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ได้
มันเป็นแผนของ Jobs ;)
ที่แท้เป็นแผนสร้างศรัทธาอันแยบยลนี่เอง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ล้ำลึกยิ่งกว่าวิธีดื่มอิชิตันดับเบิ้ลคริ้งค์อีก - -"
++ ชอบๆๆๆ
+1
ฮาอันนี้
ทั้งอาจดี และอาจแย่กว่านี้ได้เช่นกัน .. ;)
my blog
ถึงผมจะเฉยๆ ไม่ได้ปลื้มสองผู้ใหญ่นี้สักเท่าไร แต่ผมก็ไม่อยากให้เค้าทั้งสองลาจากโลกนี้ไป อยากให้อายุยืนถึงพันปี ถ้าเป็นไปได้ :P
ดีใจที่ได้เกิดมาทันยุคสมัย(ช่วงหลังๆ)ของสองท่านผู้ยิ่งใหญ่นี้ครับ
WE ARE THE 99%
อาจหมดยุคของเขาแล้ว
อึม。
ไม่อ่านต่อแล้ว เดี๋ยวโดนสปอยเอ็กซ์เมน = =
5555555 หนังสนุกดีจริงๆนะครับ
ช้าไปแล้ว =,=
^
^
that's just my two cents.
Like 55+
ตอนที่ Steve Jobs ไปทาบทาม John Sculley ให้มาทำงานกับ Apple นั้น Steve Jobs พูดว่า..
"Do you want to sell sugar water for the rest of your life, or do you want to come with me and change the world?"
พี่แกยังคงขายอดีตได้อยู่
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ผมว่าแกคงเสียใจที่ตัดสินใจมาเปลี่ยนโลกกับ Jobs น่ะครับ อยู่เป็น CEO ของ pepsi co. ก็ดีอยู่แล้ว
ชอบจัง ฝ่ายออกแบบเข้าไปแล้วทุกคนต้องฟัง.+++
ชอบด้วย
เพราะปกติเจอแต่
ฝ่ายออกแบบเข้าไปแล้วทุกคนต้องฟัง OWNER กะ CONSULT
"ฝ่ายออกแบบทุกคนเข้าไปแล้วต้องฟัง OWNER กะ CONSULT" หรือเปล่า?
Jonathan Ive นี้เท่โคตรๆ