รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development) นาย Kapil Sibal ประกาศเตรียมเปิดตัวคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตราคา 35 ดอลลาร์สำหรับใช้งานเพื่อการศึกษาในโรงเรียนประถมไปจนถึงมหาวิทยาลัย โดยงานเปิดตัวจะมีขึ้นวันที่ 5 ตุลาคมที่จะถึงนี้
นอกจากการใช้งานเพื่อการศึกษาแล้ว นาย Sibal ยังหวังให้แท็บเล็ตนี้เป็นเครื่องมือในการลดการคอรัปชั่น
แม้นาย Sibal จะเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนแท็บเล็ตแต่เขาก็แสดงความเป็นห่วงปัญหาคุณภาพครูไปพร้อมๆ กัน โดยเขาระบุว่าจำนวนครูที่มีคุณภาพนั้นยังไม่มากพอ
คำพูดอาจจะขัดความรู้สึก แต่การพัฒนาคุณภาพครูกับการใช้อุปกรณ์ไอทีที่มีราคาถูกก็สามารถทำไปพร้อมๆ กันได้ และผมไม่เห็นเหตุผลอะไรที่ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ เวลาแสดงความกังวลกับคุณภาพครูหรือความเป็นอยู่ครู หรือปัญหาการศึกษาอื่นๆ แล้วจะทำให้เราสามารถตีความว่าเขาเหล่านั้นไม่เห็นด้วยกับการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การศึกษา
โครงการนี้ใช้เปิดตัวมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยรวมใช้เวลาพัฒนาประมาณ 15 เดือน
ที่มา - India Times
Comments
ถ้า Tablet รบ ไทยกำลังจะแจก
เกิดจากการพัฒนาของคนไทย คงจะดีไม่น้อย
และคงจะพูดได้บ้างว่า ประเทศเรา พัฒนาแล้ว
ปล ตอนนี้คงกำลังแบ่งเค้ก หรือตั้งบริษัทมาเตรียมรับงานจัดซื้อ T T
การพัฒนานี่เอาระดับไหนหรือครับ แอพพลิเคชั่น, ระบบปฎิบัติการ, ฮาร์ดแวร์, เซมิคอนดักเตอร์, เทคโนโลยีการกัดซิลิกอน? ถ้าระดับประกอบบอร์ดบ้านเรามีโรงงานไม่น้อยรับงานประเภทนั้นครับ แต่ขั้นตอนการ assembly เป็นเครื่องยังอยู่ที่จีน
ตอบปล. การกล่าวหาแบบลอยๆ เป็นการกระทำที่แย่มากนะครับ ถ้ามีมูลเหตุ, ข้อเท็จจริง, ฯลฯ ก็นำมาคุยกันได้ แต่ถ้าคิดว่าอยากระบายความรู้สึกว่ายังไงนักการเมืองก็โกง ยังไงนโยบายก็คอรัปชั่น ผมแนะนำให้ไประบายความรู้สึกเช่นนั้นที่อื่นครับ
lewcpe.com, @wasonliw
การพัฒนาผมอยากเห็นในส่วนฮาร์ดแวร์ + แอพพลิเคชั่นบนเครื่องครับ
ฮาร์ดแวร์นี่คือ การออกแบบตัวเครื่อง ออกแบบบอร์ด เลือกตัวชิฟที่จะใช้
ถ้า assembly ในไทยด้วยก็คงดีไม่น้อย
สำหรับ ปล ก็ขอโทษด้วยละกันนะครับ ที่แสดงความคิดเห็นในเชิงระบายขัดหูขัดตา
คือมันไม่ใช่เรื่องการขัดหูขัดตานะครับ สิ่งที่คุณทำคือการชี้ไปที่คนอื่นแล้วบอกว่าเขากำลังทำผิดกฏหมาย ผมไม่ยอมให้เว็บนี้เป็นพื้นที่ที่ชี้กันไปมาแบบนี้ ไม่ว่าคนที่ถูกชี้จะเป็นใคร
กระแสโดยทั่วไปในสังคมไทย การตัดสินเอาว่านักการเมืองยังไงก็โกงเป็นเรื่องปรกติ แต่ผมไม่ยอมให้เว็บนี้เป็นพื้นที่แบบนั้นครับ ถ้าคุณเชื่อว่าโครงการมันมีปัญหา และคุณทนไม่ได้ ออกแรงหาทางไปหาข้อมูลมาเผยแพร่ครับ ไม่ใช่กล่าวโทษลอยๆ แบบนี้
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าคุณเชื่อว่าโครงการมันมีปัญหา และคุณทนไม่ได้ ออกแรงหาทางไปหาข้อมูลมาเผยแพร่ครับ ไม่ใช่กล่าวโทษลอยๆ แบบนี้
อยากจะกด Like ซัก 100 ที
อันนี้ต้องเน้นว่าด้วยความเคารพนะครับ ปกติผมนับถือความคิดเห็นรวมถึงวิธีการนำเสนอของคุณ lew เสมอมาครับ เลยต้องขอยกมาเปรียบเทียบเพื่อให้คุณ lew ชี้แจงความแตกต่างระหว่าง 2 กรณีนี้ครับ
http://www.blognone.com/news/24713/เกาหลีใต้จะแปลงตำราเรียนทั้งหมดให้เป็นดิจิตอลภายในปี-2015#comment-307703
That is the way things are.
"คุณเชื่อว่าการจัดซื้อหนังสือทุกวันนี้มันไม่มีคอรัปชั่น??? ไม่มีเงื่อนงำ ทุกอย่างโปร่งใส????"
อูยยยย... เต็มๆๆ อวยกันเข้าไป แผล็บๆๆ
ลั่กลั่นย้อนแย้ง...
ผมถามคุณ (ผู้ซึ่งตั้งข้อสงสัยได้มากมายในโครงการแท็บเล็ต) ว่าถ้าคุณจะสงสัยขนาดนั้นมันต่างกันตรงไหนถึงได้ไม่สงสัยโครงการอื่นๆ โดยเฉพาะการใช้หนังสือที่คุณสนับสนุน
ผมกล่าวหาใครตอนไหนหรือครับ?
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณครับสำหรับคำชี้แจง
มาคิด ๆ ดูแล้วผมคงสับสนไปเองระหว่างความคิดภายในใจกับการพูดความคิดนั้นออกมา เพราะผมคิดว่าการจะตั้งคำถามนั้นได้สมมติฐานต้องอยู่ที่คนถามนั้นเข้าใจว่าทุกวันนี้วงการจัดการหนังสือเรียนมีการคอรัปชั่น เนื่องจากถึงแม้ผมจะบอกว่าเรื่อง tablet มีช่องโหว่มากจนนำไปสู่การคอรัปชั่นได้งง่าย มันก็ไม่ได้แปลว่าโครงการอื่น ๆ จะต้องมีเหมือนกันไปด้วย ระบบการจัดการโครงสร้างวิธีการดำเนินงานรวมไปถึงแนวทางการแก้ปัญหาของแต่ละโครงการย่อมไม่เหมือนกัน ผมมองมันไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลกันถึงขนาดที่จะนำไปสู่คำถามเปรียบเทียบนั้นเลยหากผู้ตั้งคำถามไม่ได้คิดเองอยู่แล้วว่ามันมีสมมติฐานดังกล่าวครับ
ดังนั้นผมจึงตีความประโยคที่ว่า "คุณเชื่อว่าการจัดซื้อหนังสือทุกวันนี้มันไม่มีคอรัปชั่น??? ไม่มีเงื่อนงำ ทุกอย่างโปร่งใส?????" เหมือนกับ "ผมคิดว่าการจัดซื้อหนังสือทุกวันนี้ก็มีคอรัปชั่นเหมือนกัน มันมีอะไรแตกต่างกันตรงไหน?" ครับ สุดท้ายก็เลยนำมาสู่คำถามใน comment ด้านบนครับ
That is the way things are.
คุณมีสิทธิตีความไปแบบนั้นนะครับ ผมไม่มีปัญหาอะไร แต่นั่นคือคุณตีความเอาเอง ผมอาจจะเชื่อว่าทั้งสองโครงการมีคอรัปชั่นเหมือนกันเช่นเดียวกับคุณ หรือผมอาจจะไม่เชื่อว่าทั้งสองโครงการจะมีการคอรัปชั่น หรือผมอาจจะมีอคติสารพัดที่จะเชื่อในการซื้อสองรูปแบบไม่เท่ากัน
มันเป็นข้อมูลในสมองของผม และคุณก็ตีความด้วยการอ่านของคุณไป ผมไม่ว่ากัน แต่จะบอกว่าผมกำลังกล่าวหาคนดำเนินโครงการซื้อหนังสือผมคงไม่ยอมรับ "ในกรณีนี้" ผมเองก็เป็นคนธรรมดาอาจจะพลาดในบางครั้งอันนั้นก็เตือนกันได้ไม่มีปัญหาอะไร นโยบายไม่ให้กล่าวหากันแบบนี้อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ในอนาคต เมื่อผมเจอเหตุผลที่ดีพอ แต่ ณ วันนี้ผมยังนึกเหตุผลไม่ออก
lewcpe.com, @wasonliw
ชี้แจงได้เหมาะสมสมกับเป็นคุณ lew ครับ
That is the way things are.
ไม่เข้าใจครับ ว่ามันเกี่ยวกับจุดนี้ยังไง เพราะในลิงค์ที่แปะมา คุณ lew กำลังถามคุณว่า
"คุณเชื่อว่าการจัดซื้อหนังสือทุกวันนี้มันไม่มีคอรัปชั่น??? ไม่มีเงื่อนงำ ทุกอย่างโปร่งใส?????"
แล้วคุณก็ตอบว่า
"ผมเชื่อว่าแบบหนังสือนั้นก็มีเหมือนกันครับ"
ผมขอสมมติว่าเราต้องการเอาคำตอบแค่ว่า พาดพิง หรือ ไม่พาดพิง ในกรณีสมมตินี้ ผมคิดว่าคุณเองต่างหากที่กำลังพาดพิง เพราะคุณ lew เป็นคนถามและคุณเองเป็นคนตอบ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
เห็นด้วยกับคุณ lew อยากให้มองอีกมุมด้วยว่าสุดท้ายแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นมาเพราะสิ่งที่ user แปะไว้ คนที่ซวยก็หนีไม่พ้นเว็บนะครับ
ดังนั้นไม่ว่าดุลยพินิจของ webmaster เขาออกเป็นหัวหรือก้อยก็ตาม ผมเกรงว่าเราสมควรจะต้องปฏิบัติตามนั้น
ผมว่าเกินไปนิดนะครับ เขายังไม่ทันจะทำอะไรก็คิดว่าเขาจะโกงซะแล้ว รอดูก่อนดีกว่าว่าโครงการมันออกมาเป็นยังไง ทำแล้วมาแบบไหน ถึงตอนนั้นค่อยมาคิดว่าเขากำลัง "แบ่งเค๊ก" ตามที่คุณคิดหรือเปล่า
เอายังไงดีล่ะ
สมมุติว่าโปรเจคทั้งหมดของรัฐบาลมี 100 ร้อยโปรเจคเนี่ย คุณคิดว่ามีคอรัปชั่นเกินครึ่งรึเปล่าครับ... ถ้ากินกันเกินครึ่งการที่เขาจะมองว่ามันมีนอกมีในแน่ๆ ก็ไม่ผิดนี่ครับ ? เพราะว่ามีโอกาสถูกมากกว่าครึ่งซะอีก
ทีนี้คงมีคนถามผมว่า "แล้วรู้ได้ไงว่ากินกันมากกว่าครึ่ง ทั้งที่ไม่ได้ไปหาข้อมูล" คุณก็ไม่มีข้อมูลลึกๆ ผมก็ไม่มีข้อมูลลึกๆ โอกาสถูกของผมกับของคุณ (ในกรณีอินโนเซ้นสุดๆ ไม่รู้อะไรเลย) ก็เท่ากันห้าสิบ ห้าสิบ แล้วทำไมคนที่มองโลกในแง่ดีกว่าถึงต้องถูกมากกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้ายล่ะครับ.
ผมไม่เข้าข้างใครนะครับ แค่อยากชี้จุดนี้เฉยๆ แอ๊บแอ่
คนมองโลกในแง่ดีไม่ได้ถูกกว่าคนมองโลกในแง่ร้ายครับ แต่ถือว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์เสมอ จนกว่าจะถูกพิสูจน์ว่าผิดเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
lewcpe.com, @wasonliw
ดูสเป็ค ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Sakshat
อย่างไรก็ตาม มันก็รันด้วย Android
แบรนไทย ทำจีนก็มีหลายเจ้านะครับ แต่เป็นพวก มือถือโลคอลแบรนด์
พวกนั้นก็มีแอนดรอยเป็นพื้นฐาน อย่าง เวลคอม จีเน็ต ไอโมบาย
ผมว่าเกิดไม่น่ายาก
อนาคต วงการศึกษาไทย น่าจะเป็นจริงได้ สำหรับโครงการแจง Tablet
ศึกษาจากประเทศอินเดีย เป็น Case Study
ทุกวันนี้อาชีพของผมก็คือขาย Tablet ยี่ห้อหนึ่ง สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการหาแนวทางให้ลูกค้าตัดสินใจซื้ออย่างไม่ลังเล เพราะราคาก็ไม่ได้ถูก ๆ
แต่ก็ยังมีบางคนซื้อไปโดยไม่ถามหน้าถามหลัง คือ เข้ามาซื้อไปเลย สุดท้าย ก็ต้องกลับมาบอกว่าใช้ยังไง ใช้ไม่เป็น
จริง ๆ แล้ว อยากให้พัฒนาพื้นฐานให้ดีก่อน แล้วค่อยแจก Tablet เช่น ฝึกเขียน ก-ฮ ก่อนที่จะมาอ่านหนังสือเป็นต้น ถึงจะคุ้มค่าที่ลงทุนไปครับ
ลูกพี่ลูกน้องผมขายโทรศัพท์ ตอนนั้นคิดจะซื้อ Galaxy Tab เลยโทรไปถามเขา เขาบอกเขาไม่ได้ขายโทรศัพท์ที่มีความสามารถอะไรมากนัก เป็นโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกได้ โทรเข้า-ออกได้ ฟังเพลงได้ แค่นั้นจริง ๆ ผมก็อยากรู้ว่า ทำไมหรอ จริง ๆ ขายพวกนี้ได้ราคา และเวลากระแสมาขายอย่างไงก็น่าจะออก
น้องผมให้เหตุผลเดียวคือ ปัญหาตามมาเยอะ คนซื้อไปใช้ไม่เป็น ใช้แล้วมีปัญหา ก็โทษร้านหรือไม่ก็เครื่อง เขาบอกว่า เคยขายทีนึง เสียเวลาทำมาหากินมาก เพราะซื้อไปส่วนใหญ่ก็ต้องกลับมาให้เขาแก้ไข หรือตั้งค่าให้ และสอนวิธีใช้อีก พอเอากลับบ้านไป เดี๋ยวสักพักก็กลับมาใหม่อีก
ผมสนใจพวก IT เลยคิดไม่ถึงว่าคนส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับเทคโนโลยีที่พวกเราอาจจะเห็นว่าไม่ได้ยากเย็นอะไรนักกันมากขนาดนั้น แต่น้องผมยืนยันว่า คนซื้อไป 10 คน 8 - 9 คนจะต้องกลับมาถามเขาทุกครั้งจริง ๆ
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
อีกหน่อยเด็กจะเขียนหนังสือกันเป็นมั้ยเนี่ย จิ้มๆๆกันอย่างเดียว
ผมไม่ได้เขียนหนังสือมาหลายปีละครับ หลังจากเรียนจบ ก็มีโอกาสได้เขียนไม่กี่ที จริง ๆ ตอนเรียนก็ไม่ค่อยได้เขียนแล้ว เพราะใช้คอมหาข้อมูล และทำรูปเล่มส่งอาจารย์ตลอด
เวลาต้องเขียน รู้สึกตลกตัวเอง เพราะรายมือแย่มาก ต้องตั้งใจสุด ๆ แต่ก็ยังเขียนออกมาแย่
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
อินเดียนำร่องไปแล้ว รอประเทศไทยครับ ผมอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย ยังไงเวลานี้อยากให้มีการใช้แทบเล็ตในการเรียนให้เร็วที่สุด
เรื่องเด็กไม่ใช้หนังสือเรียนมีแล้วนะครับ ในโรงเรียนมัฐยมชื่อดังแห่งนึงในภาคใต้ เป็นเด็กห้องพิเศษที่เรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ(อยากบอกว่าห้องเด็กรวย มากกว่าห้องเด็กเก่งภาษา) มีเด็กเอา ipad มาใช้แล้วให้พนักงานบริษัทของพ่อ(คิดดูว่าหัวสูงขนาดใหน)แสกนหนังสือแม่งทุกหน้าใส่ลงไปเอามาเรียน(มันไม่ได้ทันสมัยหรอก แค่อยากทำมาข่มเพื่อนๆในห้อง) พอส่งการบ้านที่ต้องทำในหนังสือมันทำใน ipad แต่เอาออกมาส่งไม่เป็นมันยื่น ipad ส่งอาจารย์บอกว่าทำแล้วใน ipad แต่เอาออกไม่เป็น(เปิดกะเขียนเป็นเท่านั้น) ที่พูดมาเด็ก ม1 นะครับ สุดท้ายทำตามกันทั้งห้อง(ก็บ้านรวยทั้งห้อง) จนต้องประชุมผู้ปกครองว่ามันเกินไป ห้ามเอามาใช้แบบนี้ในโรงเรียน เพราะจะเป็นแบบอย่างกะคนอื่นเกิดการอิจฉาจากห้องธรรมดา เกิดการขโมย (ซึ่งที่พูดมาเกิดขึ้นหมดแล้ว) แถมอาจารย์ที่สอนไม่มีเงินซื้อมาใช้เพื่อตรวจการบ้านพวกมัน 555 สรุป นโยบายนี้โอเคก็ดีนะถ้าหากแจกให้เหมาะสมกับระดับชั้น น่าจะ ม1 ขึ้นไปจะดีกว่า ไม่งั้นผมว่าลำบาก
อั่ยย่ะ เวลาการบ้านพวกวาดรูปสมการ แล้วเขียนแสดงวิธีทำ เขาทำกันยังไงบน ipad หรือวาดรูปเอาหมดเลยอ่ะ
ผมว่าใช่งานจริงมันยังเขียนไม่ดีพอนะครับ ถ้าจะใช้ก็น่าจะอ่านอย่างเดียว
+1 จริง และผมก็คลุกคลีอยู่กับการเรียนการสอนพวกนี้เพราะพ่อผมก็เป็นครู
อย่าว่าไปถึง User Experience เลย เด็ก ป.1ยังอ่านหนังสือกันไม่คล่องเลยครับ ถ้าให้เด็กมัธยมก็จะไม่ว่าอะไรนักหรอก แล้วถ้ามันเสียขึ้นมาแล้วจะเอาไปซ่อมที่ไหน (สพท เหรอ?) กว่าจะรองบประมาณซ่อมอีก (แล้วมันต่างจากสมัยห้อง Sound Lab ยังไง เพราะใช้ไม่ถึงปีก็กลายเป็นซากแล้ว) และสุดท้าย ให้เด็กเล็กถือมันก็เสี่ยงต่อการสูญหายแล้ว
แปลกนะครับ
ถ้าย้านใหนมีอินเตอร์เน็ต เด็ฏระดับประถม หลายๆ คน อ่านได้ เขียนได้ เล่น FB MSN ได้
พิมเก่ง พอประมาณ กับประโยคสนทนา
ผมเจอแบบนี้มาก็หลายคนแล้ว เด็กที่สัมผัสเทคโนโลยี ตั้งแต่เด็ก ส่วนใหญ่ อ่านได้แน่ๆ อายุประมาณ ป5 ป6 นี่แหละ
แต่ก็ยังเป็นส่วนน้อย
ด้วยความเคารพ
บ้าน, เด็ก, พิมพ์ พวกนี้น่าจะพิมพ์ผิดครับ
ไหน ด้วยฮะ :P
ใช้ tablet เป็นอุปกรณ์ทดแทนหนังสือเรียน แต่ยังให้มีสมุด ดินสอตามปกติสิครับ การคัดลายมือ การเรียนรู้อื่นๆ ทำได้เหมือนเดิม แค่ไม่ต้องหิ้วหนังสือไปเรียน ของแบบนี้ถ้ารัฐไม่ลงมือไม่มีทางเกิดครับ
ที่บ้านผม เด็ก ป.1 กระเป๋าใส่หนังสือตุงทุกวัน เด็กยังเล็กไม่รู้ให้ขนอะไรกันนักหนา โรงเรียนบังคับให้ซื้อกระเป๋านักเรียนแบบมีล้อลากเหมือนๆ กันทุกคน แต่พื้นที่โรงเรียนไม่ได้เหมาะสมกับการใช้ล้อลากเลย สรุปเด็กก็ต้องแบกกระเป๋าอยู่ดี กลัวหลังเด็กจะเสีย ขนาดผมหิ้่วเองยังรู้สึกหนักมากเลย (ราวๆ 2-3กก.)
สมุด ดินสอ น่าจะแทนด้วย styrus ได้นะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
สำหรับผม Tablet มันจะเข้ามาแทนที่หนังสือ และสมควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วครับ
และอัตตราการใช้งาน Tablet ต่อ การสอนตามปกติ อาจแบ่งเป็นส่วนได้เพียง 1/5 เท่านั้นเอง
วิชาที่ต้องขีดต้องเขียนก็มีตามปกติ Tablet ก็แค่เครื่องมือที่อำนวยความสะดวกในการศึกษาเท่านั้นเองครับ
ปล.อยากเริ่มเห็นหน้าตาของมันซะแล้วสิ
ถ้าเอาTabletแทนหนังสือ(ถ้าสมมติว่าเอามาใช้แค่นั้นจริงๆ)ผมว่าE-Bookดีกว่า
ถ้ามองแค่จุดนั้นก็คงได้ครับ แต่มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาสิครับ แถมฝ่ายคัดค้านจะโจมตีด้วยซ้ำว่า
ทำไมไม่ทำเป็น tablet ไปเลยหละจะได้ใช้สื่ออื่นๆได้มากกว่าหนังสือที่มีอยู่ทุกวันนี้
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
โรงเรียนอนุบาลเอกชนหลายแห่งในไทย ให้เด็กใช้ android tabletปรับแต่งพิเศษ มี content เฉพาะมาได้สักพักแล้วนะครับ ลองหาข้อมูลกันดู
ปัญหาน่ะมีแน่ แต่สิ่งที่จะได้ มันเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกลกว่าเดิม เหมือนตอนที่ pc เริ่มเข้าสู่ตามบ้านใหม่ๆ พ่อแม่ก็กลัวลูกจะเอาแต่เล่นเกมนั่นแหละ ไม่ต่างกัน ทุกวันนี้เด็กจับ pc ตั้งแต่อนุบาลกันหมดแล้วครับ
ต้องจำกัดความสามารถไว้ครับ ให้ใช้กับการศึกษากับการสืบค้นข้อมูลท่านั้น
และอย่างไรให้เด็กประถมก็ยังเด็กไปนะ ให้ระดับมัธยมใช้ดีกว่าครับ ไม่ค้องแจกกลับบ้าน ให้ใช้เหมือนห้องคอมโรงเรียนเลย
และต้องมีการพัฒนาบุคลากรคนสอนด้วย ถ้าคนสอนใช้ไม่เป็นก็... ฮะ
ผมยังเชื่อว่า อาจารย์ที่สอนชั้น ป.1 บางคนยังใช้ไม่เป็นหรอกครับ Tablet แล้วผมก็ส่งสัยว่าเด็ก ป.1 จะเอาไปใช้ในทางด้านไหน แล้วก็การเก็บบำรุงรักษานั้นเด็กๆ จำทำได้หรือเปล่า
ลูกสาวผมเรียนอยู่ ป.1 พออ่านออกเขียนได้แล้ว ทุกวันนี้เค้าเปิดปิดคอม(ที่ผมเอาไว้ใช้เป็น HTPC)เอง เปิด google หาเกมทำอาหาร แต่งตัว เล่นเอง เปิด youtube หาเพลงที่อยากร้องอยากเต้นเล่น ด้วยตัวเอง ผมเปิด dict.longdo.com ให้เค้าไว้ใช้สำหรับหาคำแปลศัพท์ภาษาอังกฤษและฝึกออกเสียงตามครับ ก็ประมาณนี้ เด็กคนอื่นๆที่มีโอกาสก็อาจจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้มากกว่านี้ หากมีผู้ชี้นำ (ผมไม่ค่อยมีเวลาให้เค้าเท่าไร)
อยากให้พัฒนาเรื่องเน็ตมากกว่า
เจอมากับตัว อยากจะสอนใช้ google map
แต่เน็ตผ่านดาวเทียมท่านชั่ง............