นอกจากที่คุณ Andy Lees ประธานฝ่าย Windows Phone ได้นำ Windows Phone รุ่นใหม่ที่ขายผ่านเครือข่าย AT&T ในสหรัฐฯ มาโชว์ให้ดู ที่งาน AsiaD แล้ว เขายังได้กล่าวถึง Windows Phone ไว้อีกหลายประการ สรุปได้ดังนี้
- Windows Phone มียอดขายในช่วง 12 เดือนแรกสูงกว่า Android
- ปฏิเสธที่จะโต้ตอบการให้สัมภาษณ์ของคุณ Andy Rubin จากกูเกิล ที่ว่า Windows Phone อาจเป็นสิ่งที่อันตรายต่อไมโครซอฟท์เอง และทำให้เขานึกถึงธุรกิจพีซีที่ทุกกล่องจะมาพร้อมกับหน้าจอหน้าตาเดียวกันหมด
- ไมโครซอฟท์ไม่ต้องการให้เกิดปัญหา fragmentation จึงทำให้บริษัทควบคุมหลายสิ่งเอาหลายอย่างไว้ โดยถึงแม้บริษัทอยากจะให้ผู้ผลิตเพิ่มคุณค่าให้ Windows Phone แต่ก็ไม่ใช่การทำให้เกิดความยุ่งเหยิงในอนาคต
- ยอมรับว่าตามความเป็นจริงแล้วผู้ใช้สามารถพูดกับ Windows Phone ได้ แต่แนวทางในลักษณะ Siri ของแอปเปิลนั้นดูจะไม่มีประโยชน์มากนัก (คุณ Lees อาจบอกเป็นนัยว่าการสั่งการโทรศัพท์ในที่สาธารณะนั้นคงไม่เป็นที่ไมโครซอฟท์ต้องการให้ผู้ใช้ทำ)
- ในปีหน้า Windows Phone จะมาพร้อมกับชิป NFC และไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาเทคโนโลยีสำเร็จรูป (ต้นฉบับใช้ building block) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนได้ โดยที่บริษัทจะไม่ไปแข่งขันกับผู้ให้บริการจ่ายเงินรายอื่น
- พูดเป็นนัยว่าได้รวม LTE เข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานของ Widnows Phone แล้ว
ที่มา: Engadget
นอกจากนั้น คุณ Lees ยังให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า จะร่วมมือกับ Qualcomm ในการทำให้ Windows Phone มีราคาต้นทุนต่ำกว่า 200 ดอลลาร์ และยังจะลดค่า royalty revenue ต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องลง ซึ่งการช่วยเหลือนี้จะส่งผลให้ผู้ผลิต Windows Phone อย่างเอชทีซี ซัมซุง แอลจี โนเกีย รวมถึงผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถขายสินค้าได้ในราคาที่ถูกลง และจะเป็นการกระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้นได้
ที่มา: สำนักข่าวบลูมเบิร์ก
Comments
ยอดเยี่ยมเลย Windows Phone ต่ำกว่า 200 ดอลล่า มือถือตลาดล่าง จะได้มีตัวเลือกเยอะหน่อย
200 ดอลลาร์นี่ราคาต้นทุนการผลิตครับ ราคาขายคงสูงกว่านั้น แต่น่าจะได้เห็น 1 หมื่นต้นๆ ในบางรุ่น
ชักจะรอไม่ไหวละ เห็นมาโม้ทุกวันแบบนี้
สิ่งที่ชอบเลยคือเรื่อง คุม fragmentation
ผมว่าสิ่งที่ Microsoft เริ่มจะทำได้ดีคือการอยู่ระหว่าง Opensource อย่าง Linux, Android กับ Apple นะ
+1 ครับ มันอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่มันครบทุกรสชาติ
มะม่วงมัน มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงสุข มะม่วงดิบและยำมะม่วง
เปรียบเทียบซะเห็นภาพเชียวครับ
ชอบเมนต์นี้ที่สุดในสามโลก.
ฮาาา
น้ำลายไหล ซี๊ด...ด มีน้ำปลาหวานบ้างไหมเนี่ย
+1 นั้นสิอ่านแล้วหิวเลย ฮ่าๆ
กำลังเป็นแผลในปาก อ่านแล้วปวดจี๊ด
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำ GIF ให้มีขนาดน้อยกว่า 20kB
+1 จากการที่ใช้ Android อยู่รู้ซึ้งเลยว่าปัญหาจาก fragmentation นั้นน่าเบื่อแค่ไหน นี่ก็รอดูว่า Windows Phone จะทำออกมาได้ขนาดไหน
ใช้ WP7 อยู่ ว่าจะหา Android มาลองเล่นเหมือนกัน (อยากลอง ICS) ปัญหา fragmentation ใน Android มันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอครับ ไม่มีเพื่อนใช้เลย Android เนี่ย
ถ้าไม่ใช่ Geek ที่ต้องดิ้นรนไขว่คว้าหาของใหม่ที่สุดมาใช้ตลอดเวลา ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ตั้งแต่ 2.1 ขึ้นมานี่ปัญหาเรื่อง fragment หายไปเยอะเลย แล้วมือถือส่วนใหญ่ก็ขึ้นมาใช้ 2.1 กันหมดแล้ว
ถ้าจะเจอก็คงเรื่องเกม แต่ถ้าซื้อมาใช้เล่นเกม แนะนำให้ซื้อ PlayStation Vita ดีกว่านะ :-) (ไม่ก็รุ่นที่สำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ)
มันน่าเบื่อสำหรับ dev ครับ
user อาจจะเบื่อกับการรอคอย app (ส่วนใหญ่จะเป็นgame)
รอ N9 แปลงร่างเป็น Windows Phone >_<
ถ้าจำไม่ผิด ป๋าบิว เคยพูดเรื่อง speech recognition ว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคตนะ
+1
ก็เห็นพูดแนวๆนี่ตอนไอโฟนออกแรกนิ เรื่องจอทัชอะ
ผมว่าอนาคต การคุยกับโทรศัพท์ เป็นอะไรที่จำเป็นมากๆเลยล่ะ
พูดแบบไม่แคร์ Accessibility กันเลย
http://www.youtube.com/watch?v=kX8oYoYy2Gc สงสัยเข็ดแล้ว
คุม fragmentation นี่ ถ้าหมายถึงทุก ๆ เครื่อง UI เหมือนกันหมดละก็คงน่าเบื่อแย่
อันนี้อาจจะต้องช่างกันระหว่าง usability กับเรื่องให้คนใช้ customize ได้ตามชอบด้วยแหละครับ
ผมเองใช้ WP7 มา 5 เดือนยังรู้สึกเบื่อ UI ของมันจะแย่ (เท่ดีอยู่หรอก อ่านง่ายด้วย แต่เบื่ออ่ะ) อยาก customize บ้าง แต่พบว่า UI แบบเดิมๆ อย่างนี้มันก็ใช้สะดวกดี แถมไปใช้เครื่องเพื่อนที่เป็น WP7 เหมือนกันก็ใช้ได้ทันทีไม่ต้องคลำอะไรอีก (ดูท่าจะได้ใช้ Windows 8 แบบคล่องๆ ไม่ต้องคลำอะไรมากด้วยเช่นกัน)
แต่ android ไม่ว่าจะ HTC, LG, Samsung, SE, Moto รึแม้แต่ local brand แต่ละยี่ห้อ UI ต่างกันไปหลายจุดเลย แถมบางยี่ห้อต่างรุ่นกัน ก็ UI ไม่เหมือนกันอีก จับเครื่องนี้ทีก็มึนที ต้องเป็นเจ้าของเครื่องที่ใช้ไปซักพักถึงจะคุ้นกับมัน และเพราะอย่างนี้ microsoft เลยคุมเรื่องนี้มาก เพราะจะเน้น experience ให้กับ WP7 จริงๆ
แต่ส่วนตัวอยากให้มันเปิดกว้างกว่านี้หน่อย คือบังคับ Metro UI ให้เป็น default แต่สามารถลง customize ได้แบบ android แล้วทำ framework ไว้ไม่ให้มัน fragmentation ไปมาก ใครอยากจะใช้อะไรก็ใช้ไป แบบนี้น่าจะเวิร์คกว่า
ยิ่งไปเล่น iOS คงน่าเบื่อสุดๆ เลย ฮ่าๆๆ
เปิดปุ๊ป เจอ App เต็มไปหมด อิอิ
ผมเคยใช้ iPhone iPad มาสองสามตัวก็เบื่อมากเหมือนกันครับ มันเหมือนไม่มีอะไรให้ค้นหาอ่ะ ตอนเปลี่ยนมาใช้แอนดรอยด์ผมชอบมาก เวลาเข้าเว็บดูยูทูบก็เร็ว (มีคนบอก iOS ลื่นกว่า แต่ผมว่าไม่ต่างกันนะ เวลาเปิดแอปแอนดรอยด์ผมรู้สึกว่ามันเร็วกว่า เป็นความคิดเห็นส่วนตัวจริง ๆ )เปลี่ยนอะไรได้เยอะตามความต้องการ
เร็วกว่าผมน่าจะเป็นที่ Effect แสดงผลอะครับ ผมเคยไปเล่นของเพื่อน effect มันตัดฉับเข้า App เลยไรแบบนี้
ผมเล่น WP ก่อนอัพ Mango เวลาเข้า App มันหยุดรอ Effect แสดง animation ให้ Interface หายก่อนค่อยเด้ง พอมาแมงโก้เพิ่มความช่วงนี้ทำให้ดูเข้า App ไวขึ้นมากเลย
ถึงการพูดสั่งการโทรศัพท์ในที่สาธารณะยังดูแปลกไปหน่อย แต่ถ้าพูดสั่ง PC ในบ้านได้ก็น่าสนอยู่นะ
คุยกับ Windows Phone เป็นไงไม่รู้
แต่คุยกับ Windows แล้วมันฟังสำเนียงไม่ออกเลย Iris ที่พัฒนาแค่ 8 ชั่วโมงยังฟังออก (- -')
8 ชั่วโมงก็น่าจะเป็นแค่การทำ speech recognize นะครับเพราะจากข่าวนั้นส่วนอื่นๆ MIT ทำมาแล้ว และดีไม่ดีระบบ speech recognize ทาง MIT อาจจะมีทำไว้ด้วยซ้ำ เพียงแค่เอามารวมกันและยัดลงแอนดรอยเฉยๆ
ลองคิดดูสิครับ 8 ชั่วโมง แค่ทำ UI กับ รวมองค์ประกอบลงแอนดรอยแก้บัคนิดๆก็หมดแล้วครับ
แต่ในความคิดเห็นผม มันก็ไม่น่าจะแปลกนะ ที่จะคุยกับโทรศัพท์
เหมือนสมัยก่อนที่ใช้ Bluetooth แล้วใครเห็นก็ว่าบ้า ตอนนี้ใครๆ ก็ใช้กัน
กลัวพูดในที่สาธารณะแล้ว Siri ไม่เข้าใจล่ะอายแย่เลย
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
กริ๊ดดด +1
ทำหน้ามั่นใจ พูดคำสั่งออกไป
มันบอก ซอร์รี่ ไอไม่เข้าใจ
-.,- จบค่ะ กดหน้าจอต่อเหมือนเดิม
อายทำไมครับ มันเป็นตัวบ่งบอกว่า "ตูมี 4S" ไม่ใช่เหรอ 55
@TonsTweetings
เดี๋ยวนี้เขาวัดกันที่ s4 แล้วเหรอครับ
คงไม่เป็นที่ => คงไม่เป็นสิ่งที่
คิดอย่างนี้ไง ส่วนแบ่งตลาดเลยตกเป็นของคนอื่นทั้งหมด