ขอสรุป Keynote ทั้งหมดใน WWDC'06 อีกทีครับ
Keynote ของ WWDC'06 มีแค่เรื่องเดียวคือ Mac Platform โดยแบ่งเป็น Hardware และ Software
เอาเรื่อง Hardware ก่อน
- Mac Pro และ Xserves จะเปลี่ยนไปใช้ Xeon ที่ใช้ core "Woodcrest" ซึ่งเป็นอันสิ้นสุดการ Transition ของแอปเปิลในเวลาเพียง 210 วัน
- Mac Pro และ Xserves จะให้ 2 Woodcrest นั่นก็คือได้เป็น Quad Xeon ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพมากกว่า G5 ถึง 3 เท่า!!
เรื่องของทางฝั่ง Software เป็นสิ่งใดไม่ได้นอกจาก Leopard
- แอปเปิลแจ้งว่ายังคงมีสุดยอดความสามารถที่ซ่อนอยู่ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยตอนนี้ได้เนื่องจากกลัวโดนลอก...
- เปิดเผยความสามารถใหม่ 10 อย่างใน Leopard
- 64bit top to bottom - รองรับโปรแกรมที่เป็น 64bit ได้ทันที และยังสามารถรองรับโปรแกรม 32ิbit ได้โดยไม่ต้องมีการแก้ไขอะไร
- Time Machine - ระบบ backup อะไรก็ตามแบบ realtime กู้คืนก็แบบ realtime อีกตะหาก แต่จะเก่งหรือเปล่าคงต้องรอดูกันต่อไป
- Package ยำยำ - เป็นการรวมโปรแกรมที่อยู่ OS X เวอร์ชันก่อนๆ เข้าด้วยกันเช่น Bootcamp, Front Row, Photo Booth คิดได้ยังไงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่เนี่ย
- Spaces - ไม่เห็นภาพชัดเจน แต่ก็มาตามแนวของ Dashboard คือไปลอกมาจาก 3rd Party อีกแล้ว (ใน Linux มีมานานแล้วนะฮะ)
- Spotlight - Google Desktop Search คงไม่ผิดนัก :P
- Core Animation - พอดีผมไม่เคยเขียน Core Image เลยไม่ค่อยรู้ซึ้งถึงรสเท่าไร แต่คาดว่าก็เป็นของเล่นชิ้นใหญ่ของแอปเปิลที่อย่างน้อยก็ได้ใช้ใน Time Machine :P
- Universal Access - มีแนวทางชัดเจนดีครับ ปรับปรุง Voice Over ให้พูดได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้นถือว่าใส่ใจรายละเอียดได้ดีครับ
- Mail - เรื่องของ stationary ดูแล้วเป็นของเล่นที่ไม่น่าจะได้ใช้จริงเท่าไรหรอก (ผมใช้ ThunderBird นิ) ส่วนเรื่องของ System-wide to-do นี่น่าสนใจดี ต้องเห็นของจริงซะหน่อย
- Dashboard - ไม่เคยใช้จริงจัง ตอนนี้ปิดไปแล้ว ไม่คิดว่าจะยังอยู่ :P สนับสนุนการพัฒนาให้ง่ายขึ้นด้วยการออก Dashcode ออกมา ที่ icon มาแนว XCode เลย
- iChat - สำหรับผม ไม่เห็นประโยชน์เลยกับการ upgrade iChat ชุดนี้ เพราะผมใช้ AdiumX นิ
สำหรับตัว Leopard กับความสามารถทั้ง 10 ในตอนนี้ ไม่อาจทำให้รู้สึกประทับใจได้ คงต้องรอ"ความลับ" นั่นของแอปเปิลเปิดเผยออกมาก่อนค่อยนับศพทหาร
ความเห็นส่วนตัว - Keynote ครั้งนี้ของแอปเปิลน่าเกลียดมากๆ ล่อเป้าไปทางวิสต้าอย่างจงใจ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ลอกคนอื่นไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย เลยรู้สึกไม่ค่อนสนุกเลยครับ
ที่มา - Engadget, MacRumorsLive , ArsTecnica
ขอบคุณนักเขียน Blognone ทุกท่านและการสื่อสารแห่งประเทศไทย -_-"
updated: WWDC'06 Keynote Quicktime Streaming มาแล้วครับ โลด
Comments
==สรุป WWDC'06 - mk's edition==
ในหนึ่งบรรทัด: รู้งี้นอนแต่แรกก็ดีแล้ว (ไม่น่ากลับบ้านดึกเลย)
เรียงตัว:
- Mac Pro เป็นอะไรที่คาดเดากันได้อยู่แล้ว เพราะแอปเปิลเลื่อน WWDC ให้ช้ากว่าปกติ เพราะรออินเทลเปิดตัว Merom/Conroe/Woodcrest แถมภาพวันก่อนงานที่ออกมา ก็ชี้ชัดว่าเคสหน้าตาเดิม ข้อมูลสำคัญของ WWDC คือมันใช้ 2x Xeon (Woodcrest) กับราคาที่เทียบแล้วถูกกว่า Dell เยอะอยู่ (ว่าแต่ไม่มีจอใหม่แฮะ)
- Xserve ไม่มีอะไรพิสดารอีกเหมือนกัน เป็นการอัพเดตสายผลิตภัณฑ์ทุกตัวให้ครบเท่านั้นเอง เรื่องประสิทธิภาพเราเรียนรู้จากคราวที่แล้วว่า 2x-4x เนี่ย มันคือการตลาด! (ไปค้นข่าวเก่าๆ ดูเองนะครับ)
- Leopard -- ผมรู้สึกว่ามันกัด Vista มากเกินไปจนน่าเกลียด คงเป็นเรื่องของศาสนา -- เรื่องตัวเลขก็คงโม้ๆ เช่นกัน ตัวอย่างเช่น นับ Tiger on Intel เป็น 6th release, โปรแกรมแบบ Universal Binary 3,000 ตัว แต่ก็ไม่มี Adobe หรือ MS Office เป็นต้น แต่พวกนี้ก็พอรับได้ งาน WWDC ไม่ชมแอปเปิลแล้วจะชมใคร -- ในเมื่อยังมี "ความลับ" ซ่อนไว้ ก็เอาเฉพาะ 10 ข้อที่เปิดเผยละกัน
1.) 64-bit: น่าจะใช้ประโยชน์ได้เยอะสุด โปรแกรมของแอปเปิลเองคงคอมไพล์ใหม่มาเป็น 64 แต่แรก แต่ 3rd party ล่ะ!? 2.) Time machine: อย่างที่เขียนไปแล้ว คือสงสัยการปฏิบัติจริงว่ามี branch หรือไม่ 3.) Complete Package: ข้อนี้ไม่ไหวอะครับ เสียฟีลมาก การเอาโปรแกรมที่มีอยู่แล้วมารวมใน OS แล้วเรียกเป็นฟีเจอร์อีกข้อ มัน non-sense มากเลย 4.) Spaces: อันนี้คงต้องรอดู video demo ถึงจะยุติธรรม เท่าที่ดูรูปก็สวยดี แต่ลินุกซ์มีมาตั้งกะสมัยปี 9X? (ผมจำได้ว่าใช้ครั้งแรกใน FVWM) 5.) Spotlight: หาไฟล์ข้ามเครื่องนี้ เครื่องในวงแลนต้องเป็นแมคด้วย? 6.) Core Animation: คงโดนวิจารณ์เรื่องชื่อตลก กับไอคอนจำเจ แต่มีประโยชน์ดีสำหรับ developer นี่เป็นตัวอย่างที่ดีในการดึงเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมเฉพาะ (อนิเมชัน) มาสู่บ้าน 7.) Universal Access: ผมให้คะแนนเรื่องการสนับสนุนคนพิการมากเป็นพิเศษ เยี่ยมครับ 8.) Mail - Stationery: ผมไม่ใช้ html mail, plain text only เอาจริงมันคือเอา Pages มาทำเป็นตัวเขียนเมล - Notes/Todo: เข้าท่าดี แต่ก็ยังไม่ innovative เพราะเราใช้กันใน Google calendar กันซักพักแล้ว 9.) Dashboard - หลังจากได้ลองทำ dashboard widget มาซักระยะ ก็ได้ข้อสรุปส่วนตัวว่า disable dashboard ไปเถอะครับ เปลืองแรม - แต่ผมชอบ dashcode นะ เมื่อ dashboard ป็อบในระดับนึง ก็จะเจอกับปัญหาซ้ำๆ คือทุกคนต้องเขียน basic function กันใหม่หมด วิธีการแก้ปัญหาก็ไม่มีอะไรพิเศษ สร้าง standard function call ขึ้นมาให้เท่านั้นเอง (เช่น Feed, Search) ส่วน JavaScript debugger เราก็เคยใช้กันใน Venkman หรือ Firebug ของ Mozilla กันมานานแล้วเหมือนกัน 10) iChat - ในเมื่อสาวไทยใจงาม 99.95% ยังใช้ MSN network ถึงอยากใช้ iChat ด้วย ก็ต้องเปิดตัวอื่นคู่ไปด้วยอยู่ดี เปิด AdiumX ตัวเดียวไม่ดีกว่า? - tabbed chat เป็นฟีเจอร์มาตรฐานของ IM มาหลายปีแล้ว - อันอื่นก็ eye candy ดีครับ แต่อย่าลืมว่าอีกฝั่งนึงต้องเป็น iChat ด้วย (ถ้าที่ทำงานแฟนไม่มีนโยบายซื้อแมค?) ผมมองว่ามันคงเหมือน Wink, Nudge ใน MSN ที่เป็นของเล่นสนุกๆ มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไร
สรุปว่าถ้าไม่นับ secret แล้ว 10 ข้อใหม่นี้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นในทางเทคนิค แต่ในภาพรวมก็คิดว่าเป็นการเพิ่มความเป็นผู้นำด้าน Visual ของแอปเปิลขึ้นไปอีก ลองจินตนาการร้านแมคตามห้าง โชว์ Photoboot หรือ iChat เป็นผมคงรู้สึกว่า "สวยจัง"
สรุปอีกรอบว่ารู้งี้นอนดีกั่ว
ขออนุญาต comment
1) ผมเฉย ๆ นะ เห็นประโยชน์ไม่ชัด เอาจริง ๆ อาจจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยก็ได้ 2) ยังนึกไม่ออกว่าจะ branch ยังไง ในเมื่อมันเป็น timeline ถึงย้อนกลับไปเอา file เก่ามาแก้ มันก็เป็น file (ของเมื่อหลายวันก่อน)ที่แก้ของวันนี้ ดังนั้น ถ้าพรุ่งนี้เราย้อนกลัยไปดู มันก็จะเป็น file ของวันนี้ไง งงมะ สมมุติว่า file version ปัจจุบัน มันเป็น v4.0 แล้วย้อนกลับไป 3.0 2.0 1.0 วันต่อวัน สมมุติว่าเราย้อนกลับไปเอา 1.0 มาแก้เป็น 1.1 แล้ว save พอพรุ่งนี้ย้อนกลับมาดู มันก็จะเป็น 1.1 4.0 3.0. 2.0 1.0 ไง ถ้าพรุ่งนี้เอา 2.0 มาแก้ แล้ว save เป็น 2.1 วันต่อไป ย้อนกลับมาดู มันก็จะเป็น 2.1 1.1 4.0 3.0 2.0 1.0 ไง 3) ผมว่า ตัดทิ้ง แล้วบอกว่ามี 9 new features ยังดีกว่าอีก 4) ดู vdo แล้ว ก็เหมือนกับ fvwm แหละ สรุป ไม่มีไรใหม่ แต่ถ้าเอามารวมกับ expose ก็คงสะดวกดี 5) ถ้าเครื่องมัน share drive มา เครื่อง mac เราก็คงเข้าไปทำ index ได้นะ เวลาไป search ก็ใช้ engine ของเครื่องเรา search ประมาณว่า เป็น share drive ไม่ใช่ client-server ไง แบบนี้ ก็ทำกับเครื่องไหนก็ได้ (ที่ยอมให้เราเข้าไปอ่านเขียนได้) แต่ขอดูอีกทีว่ามันทำยังไงแน่ 6) ก็คงเพิ่มลูกเล่นกับลดงาน ตามหน้าที่ของ framework ที่ดี 7) อันนี้ก็ ok แต่จะให้ดีน่าจะมี voice-to-text ด้วย คงจะฮามาก ถ้าคนสาธิตพูดว่า Dear Mom, :D 8) พวก stationary คงมีประโยชน์กับผู้ใช้ทั่วไป (home user) นะ เพราะดูตัวอย่างใน web แล้วก็สะดวกดี แต่กับ advance user ก็คงเฉย ๆ อยากได้ multi-level thread มากกว่า -_-'' 9) เฉย ๆ ผ่านละกัน ไม่ได้ใช้ 10) ผ่านเหมือนกัน
ที่ OSNews มีรูปบรรยากาศในงานครับ ว่าแ่ต่ไม่มี iPod ตัวใหม่เรอะ
Plynoi: งานนี้ Mac only ครับ
ไม่มีพริตตี้เหรอ
ขอคอมเม้นท์ในฐานะสาวกแม็คนะครับ ถ้าดูไม่ค่อยฉลาดเหมือนคนตำหนิแม็คก็ขออภัยนะครับ
1.) 64-bit: ผมไม่ค่อยรู้เรื่องกับเค้า แต่คิดว่าคงทำงานได้จุใจขึ้นอีกเยอะ
2.) Time machine: ด้วยความคิดบ้านๆ มันไม่ควรจะมี Branch ครับ เมื่อกู้มันออกมา มันก็กลายเป็นปัจจุบันไปแล้ว ปัจจุบันย่อมใหม่กว่าอดีตทั้งหมด: ฟีเจอร์นี้ชอบมากครับ ขนาด save ทับยังกู้ได้เนี่ย ต้องเสียพื้นที่ harddisk เท่าไหร่ก็ยอม
3.) Complete Package: อันนี้ก็ดี คาดว่ามันต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว
4.) Spaces: เคยใช้กับ linux แล้วรู้สึกใช้ยาก แต่ดูใน web ของ apple กลับน่าใช้
5.) Spotlight: หาข้ามเครื่องได้นี่เยี่ยมเลยครับ เพราะต้องใช้บ่อยมาก
6.) Core Animation: อันนี้เท่โคตร แต่ไม่รู้จะใช้เป็นกับเค้าหรือเปล่า ไม่แน่ว่าเขียนด้วย After Effect อาจจะเขียนเร็วกว่า
7.) Universal Access: เสียงเพราะจริงๆ เอาไปทำ Demo ให้ลูกค้าดูงาน Presentation ได้เลย
8.) Mail - Stationery: สวย น่ารัก คงได้ใช้ แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร - Notes/Todo: น่าจะใช้ Track งานได้แบบบ้านๆ ได้ใช้แน่นอน
9.) Dashboard - ก็ใช้ Dashboard อยู่บ้างครับ อยู่ในเน็ตตลอดก็ Track อะไรได้ตลอด - dashcode อันนี้เจ๋ง น่าเขียนเอาไว้ Track งานหรือข่าวสารสำหรับตัวเอง
10) iChat - iChat Theater อันนี้ผลิกวงการ e-learning ได้เลยครับ ลงทุนนิดเดียว สร้างระบบเรียนออนไลน์ได้ หรือประชุมออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอีกเยอะ - Chat from anywhere ตัดฉากหลังออกอัตโนมัติ อันนี้เด็กรุ่นใหม่เอาไปทำหนังสั้นได้เลย ง่ายสุดๆ
โดยรวมน่าพอใจสำหรับผมครับ และเชื่อว่าของจริง ต้องมีการปรับปรุง finder ให้ดีกว่านี้อีกมาก (ขนาดเหล่าผู้เขียน Fake Leopard Screenshot ยังคิดได้เลยว่าต้องปรับปรุง finder อะไรบ้าง)
ผมก็คิด (เอาเอง) ว่า secret เนี่ย น่าจะเป็น all new finder นะ
โดยส่วนตัวชอบ Time Machine กับ System-wide to-do นะ
แต่อย่างที่เขียนตอนรายงานสด Time Machine นี่ต้องตอบคำถามเรื่องความปลอดภัยให้ได้
ส่วน System-wide to-do นี่เป็นประเด็นการเมืองที่ต้องกดดันให้เหล่านักพัฒนามาใช้ แต่ถ้าสำเร็จนี่น่าสนใจมากๆ ลองคิดว่าดูหนังค้างไว้กลางเรื่องแล้วกด to-do แล้วมันบอกว่าดูเรื่องอะไรค้างไว้นาทีเท่าใหร่ หรือเขียน code ใน IDE แล้วเขียนโครงฟังก์ชั่นไว้ ก็ขึ้น To-Do ให้เลยว่าต้องมาทำต่อ
xserve ก็น่าสนใจ แต่บ้านเรามีใครส่งอะไหล่ถึงที่ใน 24 ชั่วโมงแบบเดลล์ได้รึเปล่า? ------ LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ในเว็บแอปเปิ้ลมันมี iCal มาเป็นอันที่สิบอะ...
- 64bit to to bottom - คนใช้ 32-bits CPU ก็คงไม่เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงมากนอกจากไบนารี่ที่(น่าจะ)อ้วนขึ้นอีกแล้ว...
- Time Machine - ผมคิดว่า มันไม่ควรมี Branch อะครับ เพราะโดยตัวมันเองคือ backup utility ถ้าหากมี มันน่าจะทำให้คนที่ใช้ตามบ้านทั่วไปงงกว่าเดิมไปซะเปล่าๆ แต่ก็ต้องดูกันว่าจะกลายเป็น System Restore 2.0 หรือเปล่า
- Package ยำยำ - ไม่ได้ใช้+ใช้ไม่ได้...
- Spaces - VirtueDesktops?
- Spotlight - สำหรับ Application Launcher ผมยังคิดว่า Quicksilver ชนะขาดในทุกมุมมอง ส่วนหาผ่านเน็ตเวิร์คปกติถ้า Mount เป็น Network Drive มันข้ามเครื่องกันได้แล้วนี่นา... เดาว่ามันคงจะเอา Bonjour ไปหาไดรว์ที่แชร์ไว้ให้เองโดยไม่ต้อง Mount ก่อน แต่ถ้าหากใช้กับ SMB/CIFS ไม่ได้ ก็ไม่มีความหมาย
- Core Animation - อันนี้ไม่คอมเมนท์ เหมือนกับเป็นฟีเจอร์ไว้แอบบังคับให้คนเปลี่ยนกลายๆ
- Universal Access - ไปฟังดูแล้ว เสียงน่าฟังกว่าปัจจุบันจริงๆ โดยเฉพาะ Support two-byte languages เนี่ย ปรบมือให้แอปเปิ้ลดังๆ
- Dashboard - ปกตินานๆ ทีถึงจะ[คิดจะ]เปิดใช้ทีอยู่แล้ว แต่ Web Clips ดูแล้วน่าสนใจดี แต่ผมว่าไอค่อนใน Safari น่าเกลียดมากถึงมากที่สุด
- iChat - ใช้ AdiumX อีกคนครับ... แชร์ Desktop ได้ผ่าน iChat เลยเนี่ยน่าสนใจดี (แต่เหมือนเคยเห็นคล้ายๆ กันแบบนี้ใน Messenger ซักตัวนึง) Contact List ได้ฟีลอย่างกะ Adium 1.0
ที่แน่ๆ คือผมอยากเห็นวอลฯ อันใหม่ใน Leopard อ้ะ : P แต่ดันไม่มีซะอีก ฮ่วย ... สรุปก็คงต้องรอดู Secrets กันจริงๆ
sirn - Desktop Sharing มีอยู่ใน Microsoft Messenger มั้ง
ผมเป็นคนนึงที่เมลเข้าหาตัวเองเพื่อทำ todo นะ เพียงแต่ข้อดีของ webmail/imap คือมันอ่าน Todo จากที่ไหนก็ได้ ซึ่งเข้าใจว่าของ Mail.app อันนี้มันเก็บเป็น local ก็คงเทียบกันยากเหมือนกัน (หรือมันจะ sync กับ .mac ได้? แต่ก็ไม่ใช้อยู่ดี)
แชร์ Desktop นี่มันทำได้ตั้งกะสมัย Netscape 4 แล้วไม่ใช่เหรอ? ที่ตอนนั้น NetMeeting ปะทะ Netscape Conference อะไรทำนองนั้น
iMenn:
virtual desktop ใน linux ใช้ยาก? ตรงไหนครับ? ผมงงจริงๆ นะ มันคงขึ้นอยู่กับว่า คุณใช้ Desktop environment ตัวไหนด้วยแหละ เพราะเท่าที่ผมใช้กับ KDE + Kompose ทำได้เหมือนของ Apple เกือบทุกประการ (ใช้แบบนี้มาตั้งแต่ผมรู้จัก KDE)
ยกตัวอย่าง:
- คีย์ลัดก็มีในการสลับเดสก์ทอปหรือแค่เมาส์ไปวางอยู่เหนือ desktop applet แล้วใช้ wheel หมุนๆ ไป - ย้ายเดสก์ทอปอัตโนมัติเมื่อคุณไปคลิก app ที่ active อยู่ในเดสก์ทอปนั้นๆ ที่ทาสก์บาร์ (อันนี้น่ารำคาญไปนิด) - ย้าย apps ข้าม desktop ทำได้ง่ายๆ ด้วยการคลิกเมาส์ปุ่มกลางที่ app button ใน taskbar - ตั้ง wallpaper ให้ต่างกันในแต่ละ desktop ก็ได้ - ถ้าใช้ Kompose (โปรแกรมเสริมด้วยแนวคิดของ expose) จะแสดงทุกหน้าต่างเปิดอยู่ในแต่ละเดสก์ทอบโดยแยกเดสก์ทอปให้ดูด้วย - ตั้งได้มากกว่า 4 เดสก์ทอป (แต่ไม่มีใครใช้มั้ง) - เรื่อง drag n drop ไม่เคยลอง (อันนี้สงสัยทำไม่ได้) - เรื่อง eye candy movement อาจจะสู้ไม่ได้
แบบที่เคยใช้ใน enlightenment นี่ cool กว่านี้อีก แค่ลาก mouse ให้สุดขอบก็ย้ายเดสก์ทอปแล้ว แบบเลื่อนไปเลย (อันนี้ต้องใช้ความเคยชินสุดๆ เพราะเผลอเมื่อไหร่ ไปทุกที)
ทุกวันนี้หากจำเป็นต้องกลับมาใช้ Windows นี่ ถึงกับรำคาญเพราะพื้นที่ทำงานไม่พอ ที่จริง MacOS X มันน่าจะใส่มาตั้งแต่เวอร์ชันแรกที่ออกแล้วนา ปล่อยไว้นานไปหน่อย ทั้งๆ ที่ Unix (X) มีไอ้แบบนี้ใช้มาเป็นสิบปีแล้ว
We need to learn to forgive but not forget...
DrRider:
ผมรู้สึกว่าใช้ยาก เพราะตอนใช้ผมนึกไม่ออกว่า หน้าอื่นๆมันเป็นยังไง บรรจุอะไรไว้บ้าง (ซึ่งเพิ่งรู้ว่า Kompose น่าจะแก้ปัญหานี้ได้) และพอคลิก app มันก็กระโดดไปมาทันใด จนงงว่าเราไปอยู่ไหนแล้วเนี่ย ส่วน "แค่ลาก mouse ให้สุดขอบก็ย้ายเดสก์ทอปแล้ว" นั้น ทำให้ผมทำงานลำบากจริงๆครับ รู้สึกควบคุมหน้า desktop ไม่ได้ ยังไงไม่รู้
สำหรับ eye candy movement มันไม่ใช่ eye candy อย่างเดียวหรอกครับ มันช่วยคนบางกลุ่มจริงๆ - การที่กด minimize แล้วหน้าต่างถูกสูบไปใน Doc ทำให้ผมคาดเดาได้ว่า กดที่ icon นั้นๆ มันต้องกลับมา (ถ้าบอกว่า ผมเคยงงว่า "windows บางอันมันอยู่ไหนวะ?" จะโง่ไปไหมครับเนี่ย) - การที่ Apple แสดงให้เห็นตลอดว่า เรากำลังอยู่ที่ไหนขณะเคลื่อนที่ และแสดง movement ให้ดูว่า มันมีการย้าย desktop นะ เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ user อ่อนพรรษาอย่างผม รู้สึกว่า อ้อ ตูรู้แระว่าจะไปไหน จะกลับยังไง