ข่าวนี้เป็นภาคต่อของข่าว มัลแวร์ใน Android เพิ่มขึ้นกว่า 472 เปอร์เซ็นต์ตามรายงานของ Juniper นะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า Chris DiBona พนักงานฝ่ายโอเพนซอร์สของกูเกิลออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาเหล่านี้ ผ่าน Google+ ของเขาเอง มีประเด็นดังนี้
ประเด็นที่เป็นปัญหาคือประโยคที่ทำตัวหนาไว้ครับ ซึ่งบริษัทด้านความปลอดภัยบางแห่งก็ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหานี้
ตัวแทนจาก Sophos ออกมาบอกว่าเห็นด้วยกับ DiBona ที่ว่าเทคโนโลยีแอนตี้ไวรัสของพีซีไม่สามารถใช้กับมือถือได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามือถือจะไม่มีปัญหาด้านความปลอดภัยเสียเลย และซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยเองก็ไม่สามารถทำงานบนมือถือได้อย่างเต็มที่ เหตุเพราะผู้ผลิตมือถือ (โดยเฉพาะแอปเปิล) ไม่ยอมให้ความร่วมมือ
Sophos ยังบอกว่าถึงแม้มือถือปัจจุบันจะจำกัดสิทธิของแอพในการเข้าถึงส่วนต่างๆ ของระบบ แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การกำหนดรหัสผ่าน การเข้ารหัสข้อมูล การอัพเดตระบบเพื่อปิดช่องโหว่ การเช็คข้อมูลของแอพก่อนดาวน์โหลด ฯลฯ ซึ่งบริษัทบางแห่งอาจเรียกมันว่า "แอนตี้ไวรัส" แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ตรงกับชื่อเสียทีเดียว
นอกจากนี้ Sophos ยังบอกว่าอันตรายของมือถือในปัจจุบันอยู่ที่มันเก็บข้อมูลส่วนตัวของเรามากกว่าพีซี ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายพยายามพัฒนาเทคนิคในการล้วงข้อมูลของเรามากขึ้นเรื่อยๆ และ Android เองมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยก็ตามหลัง iOS อยู่หลายจุด เช่น ยังไม่รองรับการเข้ารหัสข้อมูลทั้งดิสก์ หรือสามารถลงแอพเอง (sideload) ซึ่งต่างจาก iOS ที่ต้องลงแอพจาก App Store เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Sophos ก็บอกว่าระบบความปลอดภัยของ iOS ยังไม่สมบูรณ์เช่นกัน โดยยกกรณีช่องโหว่ที่ค้นพบโดย Charlie Miller มาแสดง และบอกว่าแอปเปิลไม่ให้ข้อมูลเรื่อง API กับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยมากนัก ในขณะที่ Android เปิดซอร์สโค้ด ทำให้เขียน API เฉพาะกันเองได้ ซึ่งในระยะยาวแล้ว Android น่าจะไปได้ดีกว่า
ที่มา - Chris DiBona, Android and Me, Ars Technica
Comments
เอแล้ว .ipa คืออะไรหว่า อิอิ
คือวิธีของโจรขโมยแอพครับ
+1
+1
ถ้าไม่แหกคุกก็ลงไม่ได้นิครับ
แต่ว่า ถ้าเปิดผ่าน iTunes แล้วโหลด App มาเก็บไว้ในเครื่องก็เป็น .ipa นะครับ
ซึ่งสามารถติดตั้งได้โดยไม่ผ่าน App Store ไม่ใช่เหรอครับ
แต่ลงได้แค่กับเครื่องที่ใช้ apple id นั้นๆ ครับ เอาของคนอื่นมาลงไม่ได้ ถ้าเครื่องนั้นไม่ jail และตัว ipa นั้นไม่ได้ crack
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
นั่นคือวิธีนอกลู่นอกทางที่เกิดจาก Jailbreak ครับ
วิวาทะระหว่างกูเกิลกับบริษัทแอนตี้ไวรัส
แต่ iOS โดนลากมาเอี่ยวแถมถูกชี้จุดอ่อนซะงั้น lol
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
เพราะการสร้างประเด็นให้กับ Android แต่ละที บริษัทเหล่านี้ก้อเอา iOS ยกมาเปนข้ออ้างเหมือนกันครับ
เรื่องความปลอดภัยของ Android Market นั้นไม่สูงเท่ากับ App Store ของ Apple เพราะ App ส่วนใหญ่จะถูก Public มาก่อนแล้ว Modulator จะตามมาตรวจสอบทีหลังครับ ไม่ใช่แบบเดียวกับ Apple ที่จะต้องโดน Modulator ของ App Store ตรวจสอบก่อนที่จะ Public ขึ้น App Store
Destination host unreachable!!!
ผมคิดว่าปัญหาไวรัสของ Smart Phone น่าจะอยู่ที่ถูกขโมยข้อมูลในโทรศัพท์ออกไปนะ
ปัญหาคือ มันมีคนที่กลัวเชื้อโรคอยู่ เจ้าของเร้าขายยาขฆ่าเชื้อโรคก็ต้องบอกว่าเชื้อโรคมีทุกที่ ทั้งที่ความจริงเชื้อโรคหลายตัวก็ไม่ใด้ก่อให้เกิดปัญหาในร่างกายคนเรา
ที่ google น่าจะทำคือการบังคับให้มีการถามก่อนว่าจะอนุญาติให้โปรแกรม xxx เข้าถึงข้อมูล yyy ในมือถือ ของเราหรือไม่
ชึ่งประมาณใด้ว่าเป็นเครื่องมือวิเคราะห์เชื่อโรคอย่างง่ายให้ไปเช็กกันเอาเอง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ปกติก็มีบอกนะครับ ว่าลงแอฟนี้ไปแล้วแอฟจะเข้าถึงอะไรในเครื่องได้บ้าง เป็นเงื่อนไขเล็กๆน้อยๆก่อนลงแอฟครับ
แล้วเดี๋ยวก็จะโดนปิดทิ้งเหมือน UAC ของ Windows 7
มันมีให้อ่านและต้องกดยอมรับอยู่แล้วครับ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะอ่านกัน
ตรงๆ นะ ตามประสาคนใช้ไก่กา
คืออ่านไม่รู้เรื่องและก็ไม่รู้ว่ามันจำเป็นต้องใช้ไหม
และบางทีอยากใช้แอพนี้มันขออะไรก็ต้องให้ๆ ไป
มันบล็อกทีละส่วนไม่ได้อะ
เดี๋ยวนี้ Market มันบอกมันภาษาไทยเลยนะครับ
I need healing.
นั่นแหละ อ่านไม่เข้าใจอยู่ดี T^T สงสัยโง่เอง ข้อมูลระบบ เข้าถึง ID ของโทรทัศพท์ บลาๆๆ
ลองไปอ่านดูใหม่
เอ๊ะ พอลองอ่านดีดีก็พอรู้เรื่องนะ
แต่ก็นั่นแหละ
ง่ายๆ คือขี้เกียจอ่าน อะไรก็ไม่รู้ กดติดตั้งๆๆ อย่างเดียวละ
"บางทีอยากใช้แอพนี้มันขออะไรก็ต้องให้ๆ ไป มันบล็อกทีละส่วนไม่ได้อะ" +1
กำหนดเป็นข้อ ๆ ในแต่ละแอพได้ก็คงจะดี เช่นแอพ Ebook Reader แต่ขอ Location Service ด้วยมันรู้สึกแปลกไปสักหน่อย
Jusci - Google Plus - Twitter
งั้นจงออก apk แบบ free มาจิ
I have read the above EULA and agree with the terms and conditions
ปัญหาความปลอดภัยบย Android หลักๆ ก็มาจากที่ว่า Android market มันไม่เข้มงวดพอ แอพขยะ แอพหลอก ฯลฯ เยอะมาก กูเกิลก็ต้องไปหาว่าทำไมแอพแย่ๆ แบบนั้นทำไมถึงโดนปล่อยมาให้โหลดได้ ในขณะที่ iOS มีอัตราแอพแย่ๆ แบบนี้ต่ำกว่า
มันก็ชัดอะครับว่า iOS นั่งเช็คมือ ชักช้าแค่ไหนก็ทำ แต่ Google ปล่อยตลาดอิสระ ไม่ได้มานั่งเช็ค และหวังพึ่ง Algorithm และ Community
ระบบ Search Engine ของ Google ก็มีการปรับแก้ Algorithm ไปเรื่อยๆ อยู่ตลอด Market ของ Android ก็คงต้องค่อยๆพัฒนาไปในแนวทางเดียวกัน
ถ้ากูเกิลจะจ้างทีมมานั่งเช็ค ก็คงไม่ใช่ Google ล่ะครับ