บริษัท Flurry ทำธุรกิจด้านวิเคราะห์ข้อมูลตลาดมือถือ และมีผลิตภัณฑ์ Flurry Analytics ให้นักแอพมือถือรู้สถิติการใช้งานแอพของตัวเอง (บริการนี้มีบนมือถือหลายแพลตฟอร์ม) ซึ่งมีลูกค้าจำนวนมากกว่า 135,000 แอพในปัจจุบัน
Flurry ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า สำหรับแอพใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2011 และใช้บริการเก็บสถิติของ Flurry จำนวนประมาณ 50,000 ตัว จะแบ่งสัดส่วนของแอพบน iOS ต่อ Android ประมาณ 3:1(สถิติของไตรมาสที่สามปี 2011) ซึ่งชี้ให้เห็นว่านักพัฒนายังเลือกสร้างแอพบน iOS มากกว่า Android
ตัวเลขสัดส่วนในปีก่อนอยู่ที่ 2:1 ซึ่งแปลว่าความนิยมของ iOS มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเดิม และ Android มีสัดส่วนที่ลดลง
Flurry ประเมินว่าแอพในสังกัดของตัวเองจะครอบคลุม 25% ของแอพใน App Store และ Android Market รวมกัน ซึ่งน่าจะบ่งชี้สถานการณ์ของแอพทั้งหมดได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนเหตุผลที่ iOS ได้รับความนิยมในหมู่นักพัฒนาแอพมากกว่า Android ทาง Flurry ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะแอปเปิลประสบความสำเร็จในการขยายตลาด iPhone ไปยังเครือข่ายอื่นๆ (ในสหรัฐ), ความสำเร็จของ iPad 2 และ iPhone 4S, และอัตราการทำเงินต่อแอพที่ดีกว่า
สถิติของ Flurry ยังบอกว่าสัดส่วนรายได้ระหว่างแอพบน iOS ต่อ Android อยู่ที่ 1 ต่อ 0.24 ซึ่งปัจจัยสนับสนุนคือแอปเปิลบังคับให้ผู้ใช้ iOS ต้องผูกบัญชีไว้กับเครดิตการ์ดหรือบัตรของขวัญ ทำให้ผู้ใช้ iOS จำนวน 100% สามารถจ่ายเงินซื้อแอพได้ ในขณะที่ Android ไม่ได้บังคับเรื่องนี้ และ Google Checkout ก็ยังไม่แพร่หลายมากพอ
อย่างไรก็ตาม Flurry บอกว่าวงการ Android มีสัญญาณที่ดีขึ้น เนื่องจากอัตราการเปิดใช้เครื่องใหม่ของ Android สูงกว่าฝั่ง iOS แล้ว, การรวม Google Checkout เข้ากับ Google Wallet และแคมเปญแอพ 0.10 ดอลลาร์ ก็จะช่วยให้ผู้ใช้ฝั่ง Android ตื่นตัวต่อการซื้อแอพมากขึ้น
ที่มา - Flurry
Comments
อีกปัจจัยที่การพัฒนา iOS App เป็นที่นิยมกว่าน่าจะเป็นเพราะ การพัฒนาแอปที่ง่ายกว่า Android จากขนาดหน้าจอที่ไม่หลากหลายเกินไป
ผมว่านี่แหละเหตุผลหลักเลย
มันเหตุผลรองครับ
คือต่อให้เขียนลำบากยากเย็น แล้วมันขายได้ดีกว่า ใครๆก็ยอมครับ
ปัญหาคือ iOS เขียนง่ายกว่าแต่ดันขายดีกว่า
เหตุผลหลักของแอพฟรีครับ
เขียนง่ายในแง่ไหนเหรอครับ
ถ้าไม่นับเรื่อง fragmentation ที่ชวนปวดหัวของ Android นี่ผมมองว่ามันไม่ค่อยต่างกันเท่าไรนะครับ
Programming Language ก็เป็นภาษาจากต้นตระกูลเดียวกัน (Obj C ผมว่าหาแหล่งข้อมูลยากกว่านิดหน่อยด้วย)
Tools ก็มีข้อจำกัดเยอะกว่า เพราะต้องใช้คอมที่มี iOS ในการเขียนเท่านั้น (ไม่นับ 3rd Party SDK อย่าง DragonFire)
มันเหตุผลรองครับ
คือต่อให้เขียนลำบากยากเย็น แล้วมันขายได้ดีกว่า ใครๆก็ยอมครับ
ปัญหาคือ iOS เขียนง่ายกว่าแต่ดันขายดีกว่า
พัฒนาเสร็จนำขึ้น appstore ขายได้ราคาดีกว่าอีก
@fb.me/frozenology@
ของ android ลง apk กันได้ทันที ละเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่่ายกว่า ios ทำให้นักพัฒนาเลือก ios ก่อนแหละครับ
ถ้าได้อ่านข่าวละเอียดๆ นะครับ เค้าจะบอกว่าเลือกพัฒนาเพราะความนิยมกว่าและทำเงินได้ดีกว่าครับไม่ใช่เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ครับ อย่าเอาความคิดที่"คิดไปเอง"มาบิดเบือนเลยครับ
เกมส์ต่างๆที่ไม่ลงแอนด้อยเพราะว่ามันหล่ะหลวมในการป้องกันการละเมิดลิขสิทธ์
เรื่องการละเมิดที่ง่ายดายนี่แหล่ะประเด็นหลักเลย
บิดเบือนกับแมวสิครับ ลองอ่านบทสัมภาษณ์ นี้ดู จะชี้ให้เห็นถึงเหตุผลที่นักพัฒนารายหนึ่ง ไม่ทำเกม infinity blade เพราะปัญหาลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ปัญหาสเปกเครื่อง
แถมบทความนี้อีกอันหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาลิขสิทธิ์ของ android ให้ลองไป "อ่านดีๆ" นะครับ จะได้ไม่ใช้ความรู้สึกตีความไปเอง
http://www.eweek.com/c/a/Security/Android-App-Piracy-Hurting-Developers-Consumers-Survey-535495/
มันก็แล้วแต่นักพัฒนาแต่ละคนด้วยครับ
นักพัฒนาบางคนบอกการละเมิดก็เป็นปัญหาด้านรายได้เหมือนกัน
ผมพูดถึงภาพรวมตาม"สถิติ"ไงครับ ไม่ใช่แค่นักพัฒนา"บางค่ายหรือบางราย"
อย่างผมรับจ็อบก็เริ่มจาก iOS ก่อนเหมือนกัน เพราะว่ามันหาเงินง่าย คนใช้ iOS Device ยินดีจ่ายเงินเร็วกว่าบน Android และไม่มีปัญหาเรื่อง fragmentation ทำให้พัฒนาลำบากมากกว่า ซึ่งก็เข้ากันได้กับหลักสถิตินี้พอดี
ส่วนข้อด้านบนที่ยกมาผมว่าเป็นข้ออ้างข้อแก้ตัวเป็นรายบุคคลไป เหมือนคนทำลงเฉพาะ xbox แต่ไม่ลง pc แล้วอ้างปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ครับ
ก็เพราะการละเมิดนี่ละที่ทำให้รายได้มันน้อยมันเป็นปัจจัยหนึ่ง มันก็เป็นผลมาถึงกันนั้นละครับ อีกอย่าง fragmentation ตอนนี้สำหรับ android มันไม่ใช่ปัญญาที่ใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแล้วเดียวนี้ cpu 1 GHz นี่แทบจะเป็นตัวมาตรฐานไปแล้ว
ที่จริงผมก็สงสัยนะว่า เรื่องของลิขสิทธิเนี่ย ตัว LVL ไม่ช่วยอะไรเลยเหรอ ?
หรือว่านักพัฒนาขี้เกียจเอง (แน่นอนว่าผมล้อเล่น)
ของคุณมัน"รับจ๊อป"ไงครับ อันนี้เค้าคุยกันถึงลงทุนเอง ขายเอง ขาดทุนเอง
จะว่าไป เหตุผลของคุณก็เป็นตัวอย่างรายบุคคลเหมือนกันนั่นเแหล่ะ
เหตุผลของผมมันตรงกับรายงาน"สถิติ"ด้านบนไง
เหตุผลของคุณล่ะ ตรงตามรายงานสถิติอันไหน?
ตรงกับอันนี้ไงครับ ได้อ่านมั้ยเนี่ย? #364141
รายงาน"สถิติ" มี"เหตุผล"ด้วยรึ ตัวสถิติน่ะก็แค่ตัวเลขเพียวๆ เหตุผลก็แค่การคาดเดา ดูเนื้อข่าวก็ได้ครับ "ทาง Flurry ให้เหตุผลว่า" บังเอิญแค่ว่าเหตุผลของเจ้าของสถิติมันตรงกับประสบการณ์ส่วนตัวของคุณเท่านั้นล่ะครับ
อีกทีนะครับ "สถิติ" นี้ไม่มีเหตุผล และ Flurry ใส่ "เหตุผล" ที่ตัวเองเชื่อกำกับเข้าไปเอง
iOS มี pirate app store และ repository ที่ใช้งานสะดวกสุดๆ
Android ไม่มี...
เรือง jb นี้ผมเห็นว่าไม่ได้เป็นปัญหาของ platform นะคับ platform ของ Android ง่ายต่อการละเมิดจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้ root ก็ตาม ส่วน iOS นี่ถ้าไม่ jb ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
คงเป็นข้อดีข้อเสียของ platform หล่ะคับ ทุกคนต่างก็เลือกสิ่งที่ดีที่สุดทั้งนั้น ยกเว้นพวกตามแฟชั่นหรือกระแส :))
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่มีจริงเหรอ โหลดมาลองทุกวัน สะดวกกว่า installous อีก โหลดบิทเอาเลยทีเดียว 55+
ที่จริงผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนะ ว่า App ที่ถูกแสนจะถูก (และถูกลงไปอีกในโปร 10เซ็นต์เนี่ย) จะโหลดทำไม
(สวมหมวก Dev) พวกเรามีค่าแค่นั้นเหรอครับ 555
เวลาอัพเดทมันเตือนแบบ Installous ไหม?
มองมุมของ Advance User นี่ไม่ต่างกันจริงๆครับ
แต่ถ้ามองแบบ End User ทั่วไปที่ไม่มีความรู้ด้าน IT (และไม่กล้า กลัวคำขู่ประกันหมดเมื่อ JB และ Restore iOS ไม่เป็น)
step การลงของ iOS มันยากกว่า Android อยู่พอตัวเลยนะครับ
iOS : Jailbreak --> เสาะหา Repository --> Add Cydia Source (ต้องใช้ Cydia เป็น) --> ลง Installous, Appsync (ถ้า Appsync ก็ต้องเสาะหา .ipa อีก)
Android : โหลด .apk --> copy ลงเครื่องแบบเดียวกับ Thumb drive --> install
(หรือง่ายกว่านั้นเมื่อโหลดจาก Browser บน Android เลย เพราะโหลดเสร็จเลือก install ได้ทันที)
ใครๆ ก็อยากทำอะไร ที่มันขายได้
อีก 6 เดือน ลุงชะมดบอกว่า คำกล่าวนี้จะกลับกัน
จริงๆ android สร้าง environment ในการพัฒนาแอพได้เป็นมิตรกับ developer มากกว่า apple อีกนะครับ ทั้งเงินลงทุนที่ไม่แพง (ทุกคนแทบจะมี PC แต่ทุำกคนไม่มี Mac book, ค่าสมัคร license ที่ถูกกว่าจ่าย 25$ ใช้ได้ตลอดชาติกับ 100$ ทุกปี) และ resource หรือ reference ที่หาได้ง่ายๆตามเนท ตัวภาษาเองก็ใช้ java ที่คนใช้แพร่หลายอยู่แล้วหรือต่อให้ไม่เป็นเลยอย่างผมก็เรียนรู้สักเดือนเดียวก็เขียนแอพได้แล้วครับ แต่ประเด็นที่น่าจะมีน้ำหนักมากที่ทำให้ผู้พัฒนาเริ่มทำแอพลง iOS ก่อนก็คงเป็นเรื่อง "รายได้" เป็นหลักครับซึ่งต้องยอมรับว่าการทำแอพแล้วมีรายได้เข้ามามากๆแอพฝั่ง iOS ค่อนข้างจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าแอพเดียวกันที่ทำลง Android(เหมือนจะมีหลายรายงานที่ทำการวิเคราะห์เหตุผลตรงนี้นะครับซึ่งส่วนใหญ่ก็ให้ผลตรงกัน) แต่อีกไม่นานเลขนี้ต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอนครับ เพราะด้วยอัตราการเพิ่มของจำนวนผู้ใช้ Android แบบ exponential ที่ทำให้ฐานผู้ใช้มีจำนวนมหาศาลจนแม้จะทำแอพแจกฟรีแต่ติดโฆษณาก็สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้โดยง่าย
ผมว่า AppStore ปัจจุบันมันเป็น Red Ocean ไปแล้ว ตลาดแน่นมาก ในขณะที่ Android Market เนี่ย Application บางประเภทที่เป็น Niece Market(เช่นแอพหนังสือเพลงที่ผมเขียนอยู่ 555) มันยังไม่มี คือตลาดมันยังกว้างและมีคนลงมาเล่นน้อย (เนื่องด้วยว่าไม่กล้าลงมา)
อีกอย่างคือ ในอนาคตภายใน 3 ปี ผมคิดว่า Android จะมีผู้ใช้มากกว่า iOS ประมาณ 3-5 เท่า ด้วยธรรมชาติการเปิดกว้างของ OS ซึ่งเราจะเห็นอุปกรณ์สารพัดแบบที่ไม่ใช่มือถือด้วย ในขณะที่การพัฒนา Application ข้ามอุปกรณ์ง่ายกว่าเดิมมาก (ยกเว้น Game ซึ่งถ้าอยากง่ายแนะว่าไปลง Console เถอะ) ดังนั้นถ้าลงทุนตอนนี้ผมว่าลงไปกับ Android ไปเลยน่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าในระยะยาว
ปล. ที่ว่า Android มีจำนวนผู้ใช้มากกว่าเนี่ย คิดว่า ถ้านับเป็นรายผู้ผลิต Apple จะยังคงรักษาความเป็นผู้นำเอาไว้ได้ครับ แต่อาจจะด้วยสัดส่วนราว ๆ 20-30% น่ะนะ
ปลล. ไม่มีหลักฐานและการวิจัยมารองรับ 555 ก็แค่การคาดการณ์นะครับ
ปัญหาสำคัญอีกอย่างคือหาแอพไม่เจอครับ แอพขยะเยอะมาก แอพมันเยอะจริง แต่ความเด่นค่อนข้างกระจุกตัวอยู่กับแอพดังๆ สำดับท็อปใน market ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนให้เจอแอพใหม่ๆ
IOS เป็น red ocean แต่มีการแบ่งหมวดหมู่ store ชัดเจนตามประเทศต่างๆ (android แบ่งประเทศเป่าหว่า ไม่แน่ใจ) ระบบการแนะนำแอพเด่นทุกสัปดาห์ ทำให้แอพของแต่ละประเทศมีโอกาสขึ้นหน้าแรก อวดให้คนซื้อได้เห็น ก็มีโอกาสขายมากกว่า
แต่มองว่า windows phone น่าจะยังมีตลาดที่กว้าง และน่าเล่นในตอนนี้ครับ
ผมว่ามันมีส่วนของ Top New ไม่ใช่แค่ Top 10 หรือ Top Grossing นะครับสำหรับชาร์ท (รวมทั้งหมด Staff Picks และ Editor's Choice ด้วย) แต่ผู้ใช้อาจจะงง ๆ กับ Market นิดหน่อยเพราะว่ามันออปชั่นเยอะเหลือเกิน 555
Windows Phone คิดว่า MS น่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำร่วมได้ (เพราะเกมยืดเยื้อเป็นเกมถนัดของ MS อยู่แล้ว) ก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจนะครับ
ปล. แต่ผมไม่ค่อยเจอ App ขยะแฮะ หรือว่าผมไม่ได้ค่อยได้เล่น App แปลก ๆ เองหว่า ??
พวก app ใน android อย่างที่ติด top ก็ชื่อ "เรื่องเสียว" มั๊ง ผมว่าพวกนี้แหล่ะที่ทำให้ android ไม่น่าใช้
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ถ้าบอกว่าทุกคนมี PC แต่ไม่มี Mac (พูดถึงคนไทย) แล้วเป็นปัญหาก็ไม่ถูกซะทีเดียวนะ ผมเริ่มต้นเขียนเกม iphone ด้วยการลง Mac เท่ห์ใน PC ไม่ต้องสมัครอะไรเลยก็ได้ครับ เพราะทดสอบผ่าน simulator ได้ ถ้าฝึกเขียนจนคล่องแล้วค่อยตัดสินใจในการลงทุนซื้อ Mac Mini ซักเครื่อง ipod ซักตัว กับค่าสมัครรายปีทีหลังก็ได้ ซึ่งผมว่าคุ้มกับรายรับที่ได้นะ
ประสบการณ์ที่ผมเขียนทั้ง android กับ iphone ผมว่ามันก็มีข้อมูลให้ศึกษาเยอะพอๆกัน แต่ว่าเวลาเจอปัญหาบน android มันหาวิธีแก้ยากกว่า แถมยังเจอปัญหาเยอะกว่าซะด้วย
แล้วถ้าพูดถึงเรื่องยอดจำหน่ายในปัจจุบัน ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะกลุ่มลูกค้า 2 ฝั่งไม่เหมือนกัน ทางผู้ใช้ android ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะเน้นเรื่องของราคาและความคุ้มค่า ต่างจากทาง iphone ที่เน้นความพึงพอใจมากกว่า ยอดจำหน่ายมันก็เป็นไปตามนี้แหละครับ
จริงๆแล้วผมก็ทำทั้ง 2 ระบบนั่นแหละ ได้น้อยได้มากแต่ก็ยังได้ทั้งคู่ ^^ เพียงแต่ปัจจุบันผมจะเลือกเขียนบน iphone ก่อนเท่านั้นเอง
+1 ผมยอมจ่ายเเพงเพื่อแอปที่น่าพอใจ
+1 จากการลองใช้ทังสองระบบมา บน iphone แอพให้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่า ใช้แล้วพอใจมากกว่า
ผมลองบน vm ค้างบัดซบมากครับ
จริงๆผมพิมพ์ตกน่ะครับ มันต้องเป็น "แทบทุกคนมี PC แต่ไม่ทุกคนที่จะมีเครื่อง Mac"
แต่จริงๆ solution นี้ผมก็ศึกษามาเหมือนกันครับเพราะน่าจะเป็นทางออกของคนที่อยากหัดเขียน iOS app แต่เบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผม (ตอนนี้เห็นว่ามี Mac OS VM image เวอร์ชั่นล่าสุดออกมาแล้วด้วย)แต่สุดท้ายถ้าจะขียนแอพจริงๆจังๆก็คงต้องลงทุนซื้อเครื่อง Mac กับ iOS device มาใช้พัฒนาอยู่ดี(คงต้องเก็บเงินสักพักใหญ่ีทีเดียวเพราะมันหลายหมื่นถ้าซื้อใหม่ทุกอย่าง) ส่วนประเ้ด็นเรื่องประสบการณ์ของผู้ใช้ต่อแอพของแต่ละฝั่ง ผมว่ามันขึ้นอยู่กับตัวแอพเองล้วนๆครับ ไม่ได้เกี่ยวเลยว่ามันรันบน OS ไหน
ผมเคยได้ยินมาว่า ถ้า app ไม่เริ่มที่ ios หรือ apple แล้วมาเริ่มลงที่ android ก่อน พอทำ app ตัวเดียวกันแล้ว port ไป ios ทาง apple จะไม่ยอมให้เอา app เข้า developer เลยต้องเริ่มที่ ios ก่อน แล้วค่อย port มา android
อันนี้ไม่ชัวร์นะครับ เพื่อนผมบอกมาอีกที คุยกันในวงสนทนาเฉยๆ จริงหรือเปล่าไม่รู้
ผมไม่รู้ ผมไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ แต่ผมรู้สึกว่าแอพสามบาทน่าสนแค่วันแรกๆ (ตอนนี้ไม่ค่อยน่าสนละ) ผมเริ่มสงสัยว่าเฮ้ย แอนดรอยด์มาร์เก็ทมันไม่มีไม้เด็ดงัดมาลดราคาแล้วเหรอ มีทั้งแอพซ้ำ แอพไม่น่าสนใจ (หรือว่ากูเกิลติดต่อไปแต่ developers ปฏิเสธที่จะลดราคา แม้ว่ากูเกิลจะออกส่วนต่างให้)
คิดว่าเป็นอย่างในวงเล็บครับ ตัวนักพัฒนาน่าจะได้รับการติดต่อเข้าไปด้วย
ที่แย่กว่าคือแอพบน Android หน้าตาและ UI แย่กว่ามาก ๆ เมื่อเทียบกับ iOS
เอา Path บน iOS กับบน Android มาเทียบกับแล้วรู้ตัวเลยว่าเป็นลูกเมียน้อย
@TonsTweetings
UI สวย ๆ บน Android มันต้องเขียน Theme ใหม่ ซึ่ง Dev บางคนก็ไม่มีปัญญาทำ แต่ทำออกมามันจะสวยมากเลยนะครับ (ตัวอย่างก็คงเป็นโปรแกรมของ Google เอง) หรืออีกวิธีที่ง่ายกว่าคือไปเอา source ของ Android มาใ้ช้เลย เพราะมันเปิดอยู่แล้ว (ของ Honeycomb/ICS นี่สวยเลยนะครับ) ผมก็ใช้วิธีนี้ด้วยเหมือนกัน 555
ส่วน iOS นี่ไม่รู้ว่าทำได้ระดับไหนเหมือนกัน (ยังไม่ได้เสียตังค์สมัครเป็น Dev เพราะไม่มีตังค์ ตอนนี้จน 55) แต่ก็น่าจะทำได้เหมือนกันล่ะมั้ง
ผมว่าลงทุนทำ UI ซะสวยมาเลย แต่เจอความละเอียดหน้าจอสารพัดแบบ UI กระจายหมดแบบนี้ก็หมดกำลังใจเหมือนกันนะครับ จะให้ทำหมดทุกความละเอียดก็หนักเอาเรื่องอยู่
ร้านรับลง App แท้รวยด้วย
ว่าแต่ละิเมิด EULA หรือเปล่าน้อ ?
Android ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ ถ้าเป็นตอนนี้ผมคงเลือก iOS ไว้ก่อนละึครับ
มันยังไม่ถึงเวลา เมื่อใด In app purchase เริ่มเข้าสู่สายเลือกคนใช้งาน เมื่อนั้น App ส่วนใหญ่ของตลาดจะแจกฟรี แต่ขาย items กันเป็นหลัก (ปัญหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ก็จะน้อยลง) โดยส่วนตัวผมว่า trend นี้มันมารออยู่หน้าประตูบ้านแล้ว เพียงแต่เราจะปรับ Business Model ของเราเพื่อรองรับมันหรือเปล่า
แต่ตัวที่เป็นจุดตายของ Android โดยส่วนตัวผมว่า Fragment เนี่ยแหล่ะ
ดูไปดูมา มันจะเหมือน game online จากยุคก่อนๆ - ยุคนี้เลยครับ
สมัยก่อนเก็บ airtime,
พอมีระบบ item mall/etc เข้ามา ก็เปิดให้เกมเล่นฟรี แล้วขายของในเกมเอา
จนตอนนี้แทบทุกเกม จะใช้ระบบนี้หมดละ