รำคาญไหมเวลาที่เราใช้งานแท็บเล็ตที่มีการตอบสนองกับการสัมผัสของเราช้า? Microsoft Research ได้ออกมาอ้างว่าหน้าจอทัชสกรีนส่วนใหญ่มีดีเลย์อย่างต่ำที่ 100ms (มิลลิวินาที) ซึ่งยังไม่เป็นปัญหาสำหรับการ "แตะ" "คลิก" หรือ "ลาก" แต่หากเราต้องการลากเส้นไปมาอย่างรวดเร็วในแอพแต่งภาพต่าง ๆ เราจะรู้สึกทันทีว่ามันน่ารำคาญมาก
Microsoft Research รายงานว่าพวกเขาพบวิธีที่ลดดีเลย์ดังกล่าวลงมาอยู่ที่ 1ms แล้ว (กดเข้ามาดูวีดีโอข้างใน) ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีที่ไมโครซอฟท์เอามาโชว์อาจจะไม่ถูกนำมาทำเป็นสินค้าที่วางขายได้จริงก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าเทคโนโลยีที่เราใช้อยู่มันพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว
ที่มา - Engadget
Comments
คงจะทำให้การใช้ปากกากับ tablet มีประสิทธิภาพดีขึ้นเยอะเลย
ทำไมเทคโนโลยีนี้ถึงไม่ถูกนำมาทำสินค้าขายจริงครับ
คิดว่าน่าจะใช้กล้องความเร็วสูงร่วมในการ Input เหมือนพวก Microsoft Surface หน่ะครับ
ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริง เทคโนโลยีนี้ยังต้องการๆ Optimize อีกเยอะครับ
NVIDIA DirectTouch ทำใด้ 200 sample / sec หรือตอบสนองเร็วประมาณ 5ms บน android (ที่ลือว่าจะขาย $200)
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มันเป็นปัญหาโลกแตกของไมโครซอฟท์อย่างนึงครับ คือแตกกลุ่มวิจัยย่อยๆเยอะมาก ต่างคนต่างทำ พอใครคิดอะไรได้ก็จะพยายามดันของตัวเองให้ออกขายได้ ไม่เหมือนแอปเปิ้ลที่รวมศูนย์แล้วเอาทุกอย่างมายำรวมกันให้ออกเป็นโปรดักส์เดียว
งานวิจัยนี้ของไมโครซอฟท์ก็เหมือนกันครับ คิดของดีๆได้ แต่ยังไม่รู้ว่าจะมีใครเอาไปทำออกขายเป็นอะไรต่อ เห็นแล้วเสียดายแทน
แล้วรู้หรือเปล่าว่าบริษัทที่นำเทคโนโลยี่เหล่านี้ไปใช้งานเค้าจ่ายให้ Microsoft เท่าไร
+1
ของ apple ที่เหนๆ โดยมากจะเปน product research ต้องเอาปัจจัยต่างๆ มา mix & match ดังนั้นไม่ว่าเจ้าไหนเวลาทำ product research ก้อสุมหัวทำทั้งนั้น ใช่ว่ามีแค่น้องเปิ้ลที่ทำแบบนี้นิ?
แต่อันนี้ยังอยู่ขั้น technology research เค้าแยกๆ กันไปคิดไปทำตามประเดนที่สนใจก้อถูกแล้นนิ แล้วก้อไม่เหนแปลก ที่ technology research ทำเปนสิบเปนร้อยตัว จะเกิด product ได้ซักตัว MSR มันก้อเหมือนแลบตามมหาลัยหรือศูนย์วิจัย ส่วน product research มันเปนงานของอีกกลุ่มนึง
แล้วก้อไม่ใช่ว่าใครคิดไรได้ก็เอาแค่ดันของตัวเองให้ขายได้ แต่เพราะ ms มีกลุ่ม product ที่กว้างมาก เปนไปไม่ได้แน่ๆ ที่เวลาทำ product research จะให้ทุกๆ สายงานมาคุย cross กันได้ครบตลอด
เทคโนโลยีตอนนี้ก็ยังทำเงินได้อยู่
ดีใจครับที่ MS เอามาโชว์ เพราะสิ่งที่เอามาโชว์หลังจากนี้ไม่เกิน 6 เดือน Apple มักมีสินค้าพวกนี้ขาย ตั้งแต่สมัยจอสัมผัส ต่อมา Apple ก็ออกมาเป็น iPhone เมาส์อัจฉริยะ ต่อมา Apple ก็มีขาย ตัวนี้ก็อาจเป็นอันต่อไป ..Apple คงไม่ได้ลอก แต่ MS ชอบเอาของในศูนย์วจัยมาโชว์ แล้วมักไม่มีผลงาน แต่ Apple ทำเสร็จขายเลย.. ทำออกมาเร็วๆ นะ :D
อิอิอิ
ก็อาจจะ ไงเหมือนหลายๆ Research ที่ไม่ทำออกมา ของ MS
แต่ตัวนี้ผมก็น่าจะเอามาทำขายหล่ะ ไม่ก็ขายให้คนอื่นทำ
Ton-Or
แจ่มครับ เนี่ยละ ที่ต้องการ เพราะ ถ้าถามจริงๆ ว่าเดี๋ยวนี้ Touch ลื่นอะ มันก็ลื่นจริงครับ แต่ ถ้าลองพวกเกม ที่ต้องใช้นิ้วลากอะ แล้วเกมมันไม่ตามนิ้วไป อะ (ตามไม่ทัน) อย่างเกม พวก hockey ไรงี้อะ เล่นแล้วแอบเซ็ง ขนาดในไอโฟนยังเป้นเลย 55+
Tablet for Education มันต้องเร็วแบบนี้ถึงจะเหมาะกับการเลคเชอร์
คาดว่าเป็น LLP multitouch system เพราะระบบนี้ latency ต่ำอยู่แล้ว และดูเหมือนจะใช้เครื่องฉายแบบโปรเจกด้านหลัง
ยิ่งช่วง work load ต่ำๆ แบบแค่ลากเส้นตามนิ้ว latency ยิ่งต่ำมาก / pinch zooming จะเห็น latency มากขึ้น
สำหรับผมปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนี้แฮะที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ดีอยู่แล้ว แต่อยากให้ระยะห่างระหว่างพื้นผิวที่นิ้วสัมผัสกับส่วนที่แสดงผลจริงๆมันน้อยกว่านี้อีกหน่อย(หรือมากๆ)เพราะเวลาใช้อะไรที่ต้องการความแม่นยำแล้วมันลำบากมากๆ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
หมายถึงต้นแบบตัวนี้หรือ product ที่มีๆ ขายกันอยู่ตอนนี้.. จากคลิปมองไม่ทันเหนประเดนนี้แหะ แต่ต้นฉบับเค้าแทกข่าวนี้ว่า tablet ดังนั้นคงไม่มีประเดนเรื่องนี้มากมั้ง ไม่งั้นเดว tablet หนา มีหวังได้ตายก่อนเปน product
อ่านแล้วงงนิดนึงครับอ้างคำพูดผมนิดก็ดีไม่รู้ว่าพูดถึงจุดไหน ขออธิบายทั้งหมดเลยละกัน
คือที่ว่ามาทั้งหมดปัญหาที่ผมพูดถึงไม่เกี่ยวกับคลิบเลยครับไม่แปลกที่จะหาประเด็นในนั้นไม่เจอ
โดยรวมผมพูดถึงระยะห่างเวลาเราจิ้มนิ้วลงไปบนกระจก ซึ่งถ้าคุณเคยสังเกตกระจกในห้องน้ำคุณจะเห็นว่านิ้วจริงๆของคุณกับนิ้วที่เป็นภาพสะท้อนบนประจดนั้นไม่ได้ชิดติดกันจริงๆเพราะว่ามีแผ่นกระจกใสมาขวางระหว่างนิ้วกับพื้นผิวที่สะท้อนอยู่ ซึ่งปัญหานี้พบในจอทัชสกรีนเช่นกันครับ
จากที่ใช้อุปกรณืทัชสกรีนมาตั้งแต่ยุคที่ยังเป็นจอ CRT มาผมพบว่า Respond time นี่พัฒนามาจนถึงระดับที่แทบไม่เป็นปัญหาแล้วในปัจจุบัน แต่เรื่องระยะห่างระหว่างพื้นผิวสัมผัมกับพื้นผิวแสดงผลนั้นยังคงเป็นปัญหาอยู่มากทำให้เราไม่สามารถวางนิ้วลงไปในจุดที่ต้องการได้ ต่างกับเวลาเราชี้วัสดุตามธรรมชาติเช่น แผ่นกระดาษ ที่เราสามารถทำได้แม่นยำ ซึ่งจุดนี้ทำให้ Tablet ยังให้ความรู้สึกในการจดบันทึกต่างกับกระดาษอยู่มาก
จริงอยู่ที่ปัญหานี้แก้ได้ส่วนนึงโดยการ Calibrate จอเป็นคนๆไป แต่จริงๆ แค่เปลี่ยนท่านั่งเป็นนอนใช้ก็เพี้ยนแล้วครับ
ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงเวลาคุณขึ้น รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ดูแล้วกันครับ ตอนเลือกสถานีนั้นการจิ้มนิ้วให้โดนวัตถุขนาดใหญ่กว่านิ้วเราเล็กน้อยยังยากเลย และความยากยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามมุมมองที่เรามองจอ ยิ่งมองจากมุมสูงแล้วยิ่งไม่ต้องสืบเลยครับ
ป.ล.ส่วนเรื่อง Tablet หนานี่ไม่เกี่ยวเลยครับ ถ้าทำตามที่ผมพูดได้มันจะต้องบางลงเพราะมีระยะห่างน้อยลง
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
อ๋อ งั้นเรื่องเดียวกัน (ขออภัยด้วยที่ไม่ได้ quote -.-")
ส่วนเรื่องความหนาของ Tablet นี่ ผมหมายถึง Tablet มันพยายามทำให้บาง ปัญหานี้ก้อไม่น่าจะสาหัสมาก
ซึ่งจิงๆ วรรคนี้ก้อไม่ได้มีที่มาจาก reply คุณ N/A โดยตรง (ขออภัยที่อาจทำให้เขว) .. พอดีเหนหลายคนคิดว่าต้นแบบตัวนี้เปนพวก table-top เลยมาย้ำไว้อีกทีว่าต้นแบบตัวนี้น่าจะเปน Tablet ซึ่งจะมีปัญหาเรื่อง responsive มากกว่าจอสัมผัสแบบอื่น
ใช้ Hardware ดี ๆ ก็ไม่มี lag และแน่นอนถ้ามันแพงไปคนซื้อใช้ก็ไม่มีจะ lag เหมือนกัน
มันจะไปดีเลย์ที่ App แทนละ เขียนมาไม่ดี ประมวลไม่ไหวบ้าง
อาจจะโดนซื้อตัวไปเร็วๆนี้ ^^
น่าสนๆ
ดีเลย์ในการตอบสนอง 1 Microsoft :D
ตรงเดะเลย สุดยอด
ติด tag research ด้วยครับ
โห ไม่อยากให้เห็นตัว prototype จนต้องตัดกล่องกระดาษมาบังเลย
แถมยังตัดไม่เรียบด้วยแน่ะ
ตั้งใจทำให้ถามไงครับ 555+