ไมโครซอฟท์ได้เปิดเผยโมเดลการให้ไลเซนส์แอพฯ บน Windows Store แก่ผู้ที่ต้องการใช้ รายละเอียดมีดังนี้
- Windows Store ใช้ไมโครซอฟท์แอ็กเคาน์เดียวกับบัญชีที่เข้า Windows 8 หากไม่ได้ใช้ไมโครซอฟท์แอ็กเคาน์ในการเข้า Windows เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอพฯ สโตร์จะแจ้งให้ล็อกอินโดยใช้ไมโครซอฟท์แอ็กเคาน์ การใช้ไมโครซอฟท์แอ็กเคาน์นั้นช่วยให้ระบบจำได้ว่าผู้ใช้ได้ซื้อหรือดาวน์โหลดแอพฯ ฟรีอะไรไปบ้าง ซึ่งผู้ใช้จะสามารถติดตั้งแอพฯ นี้บนเครื่องอื่นได้
- Wndows Store รองรับการเปิดให้ทดลองใช้แอพฯ ก่อนซื้อ นักพัฒนาสามารถระบุระยะทดลองใช้ฟรีเป็น 1, 7, 15, 30 วัน หรือตลอดไปได้ เมื่อหมดเวลาทดลองใช้แล้วผู้ใช้จะไม่สามารถติดตั้งแอพฯ นั้นเพื่อทดลองใช้ใหม่ได้หากไม่ซื้อแอพฯ ดังกล่าว และผู้ใช้คนอื่นก็ไม่สามารถติดตั้งแอพฯ ดังกล่าวบนเครื่องที่แอพฯ นั้นเคยถูกติดตั้งและหมดเวลาทดลองใช้ได้
- เมื่อผู้ใช้ซื้อแอพฯ แล้ว ผู้ใช้สามารถใช้งานแอพฯ นั้นต่อได้เลย เพราะการตั้งค่าในแอพฯ จะไม่สูญหายไปในระหว่างการเปลี่ยนจากการทดลองใช้เป็นการซื้อใช้จริง
- Windows Store รองรับ in-app purchase โดยเมื่อผู้ใช้จะต้องล็อกอินเข้าสโตร์ทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ซื้อคอนเทนต์โดยไม่ได้ตั้งใจ นักพัฒนายังสามารถกำหนดระยะเวลาให้ใช้คอนเทนต์ได้เป็น 1, 3, 5, 7, 14, 30, 60, 90, 180 หรือ 365 วัน ซึ่งเมื่อหมดอายุการใช้งานแล้วผู้ใช้ก็สามารถซื้อต่อได้ แต่นักพัฒนาไม่สามารถกำหนดให้เสียเงินต่ออายุโดยอัตโนมัติได้ ผู้ใช้ต้องเปิดแอพฯ เพื่อเข้ามาเองเท่านั้น
- ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอพฯ ที่ซื้อมาบนไมโครซอฟท์แอ็กเคาน์ใดก็ตามได้สูงสุด 5 เครื่อง ถึงแม้ผู้ใช้จะติดตั้งแอพฯ เดียวกันบนไมโครซอฟท์แอ็กเคาน์หลายบัญชีบนเครื่องเดียวกัน Windows Store ก็จะยังนับเป็นหนึ่งเครื่อง (ตอนนี้ Windows 8 Consumer Preview ยังไม่รองรับการล็อกอินเข้า Windows Store โดยใช้ไมโครซอฟท์แอ็กเคาน์ที่ไม่รู้ตรงกับแอ็กเคาน์ที่ใช้เข้าสู่ Windows) ผู้ใช้ยังสามารถลบเครื่องที่ไม่ต้องการใช้แอพฯ ดังกล่าวได้ เพื่อให้สามารถไปติดตั้งแอพฯ ในเครื่องอื่นได้โดยไม่เสียโควต้า 5 เครื่องไป
- ผู้ใช้สามารถอัพเดตแอพฯ ได้ฟรีตลอดไปนับตั้งแต่ซื้อแอพฯ ครั้งแรก และถึงแม้นักพัฒนาจะมาเรียกเก็บเงินแอพฯ ที่เคยแจกฟรีและผู้ใช้ติดตั้งไปก่อนหน้านี้ หรือกระทั่งปรับราคาแอพฯ ก็จะไม่มีผลต่อไลเซนส์ที่ผู้ใช้ได้รับเมื่อตอนซื้อหรือดาวน์โหลดแอพฯ ฟรี ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอพฯ ให้กับเครื่องอื่นเพิ่มเติมได้เหมือนที่กล่าวมาข้างต้น ไมโครซอฟท์แนะนำว่าหากนักพัฒนาต้องการเก็บเงินในเวอร์ชันใหม่ก็ควรอัพโหลดแอพฯ ตัวใหม่แยกจากตัวเดิม หรือไม่ก็ใช้ in-app purchase ในการเก็บเงินฟีเจอร์ใหม่แทน
ที่มา: Windows Store for developers
Comments
ดีตรง login ทุกครั้งก่อนซื้อเนี่ยแหละ ต่างกับ windows phone ที่ใครมาหยิบไปก็กดซื้อรัวๆ ได้ทันทีโดยไม่ถามอะไรสักอย่าง
เหมือนจะแก้ข้อเสีย app store ได้หมดเลยนะ
+1
Coder | Designer | Thinker | Blogger
อยากรู้ว่า platform อื่นมีกติกาซื้อแอปยังไงบ้าง ถ้าซื้อแอปครั้งเดียว สามารถนำไปติดตั้งเครื่องอื่นได้หรือไม่
รู้สึกว่าถ้าซื้อแอปทุกครั้งต้องมานั่งใส่ย password ทุกครั้งมันก็ลำบากอยู่เหมือนกัน
(ส่วนตัว passwordของผมจะยาวและซับซ้อน มีพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข เครื่องหมาย เลยรู้สึกอย่างนั้น)
น่าจะใช้วิธีการอื่น เช่นซื้อแอปแล้ว ก็ให้ใส่โค๊ตยืนยันเหมือนอย่างเว็ปบอร์ดบางเว็ป
เวลาแสดงความคิดเห็นทีก็ใส่โค๊ดที เพื่อยืนยันว่าคุณเป็นคนจริง แต่ขอโค๊ตแบบอ่านง่ายสบายตาละกัน
แพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ตามนี้ครับ...
iOS - ลงได้ 5 เครื่อง แต่ก่อนจะนำไปลงในเครื่องอื่น ต้องเอา App ไป Sign บน iTunes ก่อน ซึ่งก็ทำได้ 5 ครั้งต่อ 1 Apple ID
Android - นี่ไม่แน่ใจครับ แต่น่าจะ 5 เท่ากัน
PSN - ลงได้ 3 เครื่อง แต่ไม่จำเป็นว่าเครื่องปลายทางต้องใช้ User เดียวกัน (จะใช้ยูเซอร์คนที่โหลดแอปก็ต่อเมื่อมีการขอติดตั้งในเครื่องปลายทาง)
OS X - 5 เครื่องภายใต้ Apple ID เดียวกัน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ใน 1 เครื่อง ไม่ว่าจะ ลง ลบ ลง ลบ ลง ลบ กี่ครั้งๆๆ ก็นับเพียงเครื่องเดียวครับ
ชอบตรงที่ลบเครื่องออกได้ไม่ให้เต็ม 5 เครื่องเนี้ยแหละ
แก้แล้วครับ
ชอบให้เลือกทดลองใช้ด้วยเนี้ยแหละ ชอบไม่ชอบจะได้ดูกันตรงนี้เลย
ไม่ต้องไปทำเรื่องขอเงินคืนด้วย ส่วนตัวผมหลาย App ใน App Store ก็ซื้อมาแล้วรู้สึกขาดทุน
แต่ส่วนตัวคิดว่า MS น่าจะปรับวิธีการ Purchase ให้รองรับหลายรูปแบบ เช่น
One time ครั้งเดียวแล้วไม่ต้องใส่อีกเลย
Per Time เหมือน App Store คือ Login ครั้งแรก แล้ว Bypass Password ให้เป็นเวลา 5 - 10 นาที
Every Time Login ทุกครั้งที่จะทำการ Purchase
seeking for New Frontier...
งืม in-app purchase ระยะเวลาใช้คอนเทนต์ไม่มีแบบตลอดชีพเลยหรอเนี้ย
ผมเข้าใจว่าเค้าหมายถึง พวก subscription ครับ
seeking for New Frontier...
มีคำว่า ไมโครซอฟท์แอ็กเคาน์ 7 รอบ
พอจะย่อเป็นคำอื่นได้มั้ยครับ (ขอความเห็นท่านอื่นด้วย ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน)
แล้วจะลงแอพไม่ผ่านสโตร์ได้มั้ย งงระบบ