นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไปพูดที่งานสัมมนา "ภารกิจของคุรุสภาในคุรุสภาเขตพื้นที่การศึกษา เงื่อนไขความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ" วันนี้ (27 มี.ค.) มีประเด็นเรื่องแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาดังนี้
- แท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ป.1 จะจัดซื้อทั้งหมด 1 ล้านเครื่อง
- กระทรวงศึกษาธิการจะทำระบบเซิร์ฟเวอร์กลางให้โรงเรียนดาวน์โหลดเนื้อหา
- จะเปิดโอกาสให้โรงเรียนจัดซื้อแอพพลิเคชันเพิ่มได้เอง โดยไม่ต้องรอส่วนกลางหาให้
- จะจัดซื้อแท็บเล็ตสำหรับนักเรียนชั้น ม.1 อีก 6-7 แสนเครื่อง ในภาคเรียนที่สองของปีการศึกษา 2555
- อาจจะใช้สเปกเดียวกับแท็บเล็ต ป.1 แต่จะต้องพิจารณาให้เหมาะสม
- ยังไม่ตัดสินใจว่าจะจัดงบประมาณซื้อแท็บเล็ตให้ หรือจะให้เงินผู้ปกครองไปซื้อเอง
ที่มา - กรุงเทพธุรกิจ
Comments
MOEnet ช้ามาก
โมเอ้มากก
ใจเย็นๆ ปีหน้า 1 หมื่นโรงเรียน ย้ายจาก MOENet มา NedNET(Uninet2)
เจ๋งเลย ขายแอพง่ายเข้าไปใหญ่เลยงี้
อยากรู้จังถ้าเด็กทำเครื่องหาย โดนขโมย ทำหล่นพัง จะทำยังไง ผู้ปกครองต้องซื้อชดใช้หรือเปล่า ถ้าผู้ปกครองจนไม่มีเงินจะทำไง เหอ ๆ
มีประกันอุบัติเหตุ 2 ปี และมี On-Site Service 1 ปีโดย Scope ครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
+1
มีประกันอุบัติเหตุ 2 ปี หมายถึงเครื่องหายด้วยหรือเปล่า
คนไทยมักง่าย ได้มาฟรี เดี๋ยวก็เอาไปขาย แล้วบอกเครื่องหาย
อ้าว แล้วอย่างหนังสือยืมเรียนแต่ก่อนนี่ หายแล้วก็แล้วกันเหรอครับ? ทำหายมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าใครต้องรับผิดชอบไม่ใช่เหรอครับ?
สงสัยไม่เคยยืมหนังสือห้องสมุด
I need healing.
เขาไม่ให้เอากลับบ้านมั้งครับ ให้เอาเก็บไว้ที่โรงเรียน
เพราะถ้าให้เอากลับบ้าน ผมว่าจะมีทั้งหายและพังเยอะมาก ๆ
+1
MOE Market หรือ MOE Store หรือ MOE Market Place ดี
ชื่อ เอ็ดดูแท็บเล็ตสโตร์ ดูแลโดย SIPA ครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มี Tablet มหาลัยเปล่าหว่า ฮ่าๆ
อนาคตคิดว่ามี แต่คงต้องรอเป็นปี
เพราะต้องใช้เสป็คเครื่องที่สูงกว่า
นึกถึงบรรยากาศเด็กเข้าดูเกรดพร้อมกันแล้ว server down ในอดีต .. แต่ปัจจุบันคงยิ่งกว่า
my blog
ซื้แให้เลยดีกว่า มาตรฐานเดียวกัน เกิดให้ผู้ปกครองไปซื้อเอง เด็กกลุ่มที่พ่อแม่รวย ก็ออกแท็บเล็ตแพงๆ ให้ กลุ่มเด็กที่พ่อแม่ไม่ได้รวย ก็ออกแท็บเล็ตได้ตามงบที่กระทรวงให้มา หรือบวกลบได้ไม่มาก เดี๋ยวเด็กมันก็ทับถมกัน เป็นปัญหาได้อีก
กระทรวงซื้อให้นั่นแหละดีแล้ว แล้วให้เด็กทุกคนเอาแท็บเล็ตที่กระทรวงแจกให้มาใช้ในการเรียนการสอน ใครจะพกแท็บเล็ตราคาแพงมา พกได้ แต่เวลาเรียนให้ใช้แท็บเล็ตกระทรวง นอกเวลาเรียน คุณหนูๆ จะจิ้มไอพงไอแพดเรื่องของหนูแล้วครับ
ไม่ต้องให้เอามาเลยดีกว่านะ (ความคิดส่วนตัว)
+1 เดี๋ยวมี Fragment อีก
คนนู้นใช้ iOS คนนั้นใช้ Android คนโน้นใช้ WebOS คนนู้นนพ่อแม่เองเงินที่แจกไปซื้อกับข้าวหมดแล้ว
Blog | Twitter
นโยบาย หาเรื่องกินกันอีกแล้ว บางโรงเรียนหลายสิบโรงเรียน นักเรียนยังมีอุปกรพื้นฐานยังไม่ครบเลย
กินกันเข้าไปเงินภาษี บางโรงเรียน ห้องเรียนมีแต่หลังคากับเสา ผนังห้องยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ เด็กบางคนไม่มีเงินซื้อหนังสือเรียน ชุดนักเรียนก็ยังไม่มี แต่อย่างว่าแหละ อะไรที่โกงเงินได้ไม่เยอะหรือโกงไม่ได้แม่งไม่สนใจหรอก
คนทั้งประเทศไทยรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริง แต่ทำไมรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหาพวกนี้ก่อน แดกกันเข้าไปภาษีประชาชน
อิอิ
กินไม่กิน พวกเราไม่รู้ครับ แต่ถ้าอุปกรณ์พื้นฐานไม่ครบ รัฐก็ต้องเข้าไปดูแล และติดตั้งอุปกรณ์พื้นฐานให้ ปัญหาทุกอย่างมีไว้แก้ไข ด่าได้ แต่ควรจะช่วยกันหาหนทางแก้ไข และพัฒนาไปพร้อมกันครับ เหย็ด!
จะแก้ไขยังไงอ่ะครับ
แบบว่ามันเป็นงบประมาณสายฟ้าแลบมาก
มารู้ตัวอีกที เราเสียเงินไป 1900 ล้านแล้ว โดยที่ไม่มีการทดลองในวงกว้างว่า 1900 ล้านคุ้มกับการลงทุน ตัวอย่าง content หรือรายละเอียดว่า content จะเป็นแบบไหน ดีกว่าเดิมยังไง ก็ไม่เคยชี้แจงออกมาให้ชัดเจน
ไม่ใช่ว่าไม่อยากหาทางแก้ไข หรือพัฒนานะครับ
แต่ไม่เคยมีช่องตรงนั้นให้ใครเข้าไปพัฒนา หรือให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบเลย
ไม่อยากดราม่าอะไรมาก อุตสาห์ทำใจได้กับ tablet ป.1 กับ สส. ในสภา
มาเจอแบบนี้อีก : (
ผมอธิบายหลายครั้งว่า tablet ทำให้ค่าไช้จ่ายในการเรียน "ถูกลง"
เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้วค่ากระดาษรวมกับค่าพิมพ์หนังสือ ประมาณ 600 บาทต่อเทิอม หรือประมาณ 2400 บาทใน 2 ปี หนังสือก็ไม่ครบต้องชื้อเพิ่ม ... กระดาษก็แพงขึ้นทุกปีตามราคาไม้
ดังนั้นการแจก tablet เป็นการปูทางไปสู่การหยุดแจกหนังสือกระดาษ (แจก e book แทน) ชึ่งทำให้ค่าไช้จ่ายในการเรียน "ถูกลง"
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มุมของผม Tablet ก็มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน ทั้งทางตรง และ ทางอ้อม ครับ
Tablet ก็ต้องใช้แบตเตอรี่ ต้องมีการชาร์จไฟ มันก็คือค่าใช้จ่ายเช่นกัน
แบตเตอรี่มีอายุการใช้งาน หมดอายุต้องเปลี่ยน ก็เป็นค่าใช้จ่ายเช่นกัน
แบตเตอรี่ที่หมดอายุ ... ปัญหาสิ่งแวดล้อม ... ต้องทำลายแบตเตอรี่ ก็มีค่าใช้จ่ายเช่นกัน
ชั่วโมงเข้าอินเทอร์เน็ต ก็เป็นค่าใช้จ่ายเช่นกัน
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำลายยากมากกว่า กระดาษหรือวัสดุธรรมชาติ ครับ
ค่าใช้จ่ายภายหลังจาก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าไอที หรือ การก่อปัญหาสิ่งแวดล้อม
ยังมีอีกมากครับ
อีกประการ ผลกระทบ จาก Tablet ก็มีมาก และต้อง อาศัย พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ช่วยกัน
ดูแลเด็กๆ ไม่ให้ใช้เกินมากไปจนกลายเป็นผลเสียเช่นกัน ครับ
หนังสือเรียน ก็ยังเป็นหนังสือเรียน แต่ Tablet นี่อาจกลายสภาพเป็นสื่ออื่นๆ ให้กับเด็กๆ ได้
นอกจาก การเรียนการสอน ได้ หากไม่ได้ดูแลเด็กให้ใกล้ชิดครับ
มันคงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับเทคโนโลยี แต่เราจะจัดการ ดูแลมันอย่างไร ให้เกิดผลกระทบในทางลบ
ต่อลูกหลานเราน้อยที่สุดครับ
600 ต่อเทอม เป็นราคาเมื่อ 2 ปีที่แล้วนะครับ ปีนี้ผมไม่รู้ว่าเท่าไร่ ปีหน้าก็จะแพงขึ้นไปอีก
ผมคิดว่าค่าชาจ tablet ทั้งปี คงเทียบไม่ใด้กับ หนังสือที่ต้องชื้อเพิ่ม ดินสอ ปากกา ไม้บรรทัดที่ยังไงก็ต้องชื้อเพิ่ม สุขภาพของเด็กที่ดีขึ้นเนื่องจากผุ่นกระดาษน้อยลง หรือความสนใจของเด็กที่เพิ่มขึ้นจากสื่อการสอน multimedia
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำลายยากกว่ากระดาษจริง แต่ก็มีปริมาณน้อยกว่า (เทียบน้ำหนัก tablet กับหนังสือเรียน 2 - 3 ปี) เด็กที่รักษาของดีๆ อาจเก็บไว้ไช้งานต่อก็ใด้ เทียบกับหนังสือกระดาษ มีการตัดไม้ มีการไช้หมึกพิมพ์ คิดเรื่องนี้ด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อมอาจจะแค่พอๆกัน และที่สำคัญ ค่าจัดพิมพ์หนังสือแพงขึ้นทุกปี ปีหน้าก็จะแพงขึ้นไปอีก ดังนั้นในระยะยาว หลีกเลี่ยงไม่ใด้
การดูแลน่าจะลดลง เพราะต่างกับการดูแลเด็กไม่ให้ไปเล่นเกมส์ยิงกันที่ร้านเกมส์ ตรงที่ app store ดูแลโดย sipa นอกจากนั้น ในคาบเรียนก็น่าจะมีระบบ lock เครื่องให้ไช้ใด้เฉพาะโปรแกรมที่ครูกำหนด
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมว่าอันนี้น่าจะตอบคำถามของท่านได้นะครับ
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ผมเสียภาษี
แต่ผมสนับสนุนโคงการนี้
และสิ่งนึงที่ผมพอจะทำได้ คือว่าจะลองทำแอพสักตัวให้ลุกหลานใช้
นี่เป็นโครงการที่ผมพอจะตรวจสอบติดตาม และมีส่วนร่วมมากที่สุด (ผมยังไม่มีลูกนะ)
การจะใช้ตรรกะว่า...
ทำ...ไปทำไมเพราะ...ยังไม่ได้ทำเลย
เป็นการใช้แนวคิดที่ปิดกั้น...หากใช้แนวคิดนี้มากๆ เราก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรสักอย่างกลายเป็นปัญหางุกินหาง...
โครงการแต่ละโครงการ เขาก็มีหน่วยงานแต่ละหน่วยงานดูแล และงบประมาณก็จัดสรรค์กันไปตามหน่วยงานอยู่แล้ว มากบ้างน้อยบ้าง แต่มันก้ต้องเดินไปตามทางนั้น...
ถ้าไม่เริ่มทำอะไร แล้วเราจะทำตอนไหนครับ ไม่ Tablet แล้วเดี่ยวก็ต้องไปจัดหาอุปกรณ์เพิ่ม
สมมุติ ซื้ออุปกรณ์ AP มาติดตั้งแล้วเดินเน็ทก่อน แล้วมาตามซื้อ Tablet แบบนี้ ถ้าตอนติดงตั้ง AP เสร็จ คนบอก ติดทำไมเอามาก็ไม่ได้ใช้ ปล่อยทิ้งอีก เริ่มต้นจาก AP มันไม่จุดประกายเท่าเริ่มจาก Tablet ซึ่งจะสร้างแรงผลักดันได้มากกว่า เพราะมันจำเป็นสิ่งจำเป็นต่อมา ( เรื่องสมมตินะครับ อาจจะไม่ใช่ AP อาจเป็น cloud Server ไรก็ได้ )
จริงๆ มันต้องมีคนเริ่มก่อน ถ้าไม่มีเริ่มก็ปล่อยไปเดิมๆ ก็เดิมๆ ไปครับ
สงสัย%จะเยอะติดใจแจกอีกรอบ
ดีใจ ที่ปีนี้ได้คืนภาษีตั้ง 147.11 บาท :)
ผมเบื่อพวกที่ ด่าไว้ก่อนจริงๆ ซึ่งไม่น่ามีในสังคมนี้
โครงการทดลองได้มีมานานแล้วในโรงเรียนนำร่อง ในยุคแรกเป็น Labtop ก่อน เพียงแต่มันไม่เป็นประเด็นให้คนพูดถึงเท่านั้น
ระบบโครงข่าย เท่าที่ผมทราบ ความเร็วเพียงพอและมีการร่วมมือกันระหว่างผู้ให้บริการ Internet หลายเจ้า (ไม่บอกว่าใครบ้างแต่มากกว่า 1)
WIFI ข้ามเขา ทดสอบมาแล้วด้วยอุปกรณ์บ้านๆ แต่ส่ง Internet ข้ามเขาเป็นกิโลได้ สบายๆ ( คนเกี่ยวข้องในโครงการเล่าให้ฟัง)
การพัตนา มีมานานแล้วนะครับสำหรับเนื้อหาบทเรียน ที่ถูกนำมาใช้ อยากให้ลองดูก่อนเถิด อย่ากลัวถ้าลูกหลานเราจะเท่าเด็กกรุงเทพขึ้น (บางคนอาจจะไม่ชอบ เพราะฉลาดขึ้นหลอกยาก)
ตกลงทั้ง 4 ข้อที่พูดมาต้องวงในเท่านั้นถึงจะรู้เหรอครับ มีไม่บอกว่าใครบ้างแต่มากกว่า 1 ซะด้วย ถ้างั้นคนเค้าด่าก็ไม่แปลกแล้วล่ะ
ข้ออื่นผมไม่รู้ แต่ข้อ 4 เรื่องเนื้อหาบทเรียนสำหรับใช้บน tablet ผมขอแย้งว่าไม่เคยมีการเตรียมการมาก่อนเลยครับ
เพื่อนผมทำงานในส่วนผลิตสื่อการสอนอิเลคโทรนิคในหน่วยงานรัฐมันยังบ่นให้ฟังอยู่เลยว่า เพิ่งสั่งให้เริ่ม research เมื่อประมาณต้นเดือนที่แล้วนี่เอง ตอนนี้ก็ยังว่างเปล่า โบ๋โจ๋ ไร้ทิศทาง ประสบการณ์ความรู้ที่เคยได้ตอนโครงการ laptop ไม่เอามาใช้ แต่เริ่มใหม่หมดจากศูนย์
เอิ่ม ถึงกับไม่อยากให้พวกผมมีอยู่ในสังคมเลยเหรอครับ
ผมรับรู้การมาของนโยบายนี้ ตั้งแต่สมัยใช้หาเสียง พูดตามตรงผมไม่ขัดอะไรนะครับ ถ้าสิ่งเหล่านี้มันพัฒนาเด็กได้จริงๆ
แต่ผมไม่รู้ progress แบบที่คุณบอกแบบชัดเจน (คุณเองยังบอกเลยว่า ได้ยินมาจากวงใน) ทำไมประชาชนทั่วไป คนที่เสียภาษีอย่างถูกต้อง ไม่มีสิทธิ์จะรับรู้เหรอครับ
ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับรู้ข้อมูลอะไรเลย มีแต่ข่าวว่า เอานโยบายนี้มาหาเสียง รู้อีกทีก็ทำเรื่องจัดซื้อแล้ว แล้วมาให้ข้อมูลทีหลังว่ามีการทดลองแล้วในบางโรงเรียน (ทำไมตอนเริ่มมีการทดลองไม่มีใครพูดอะไร) ที่บ่นหรือที่คุณจะเรียกว่าด่านี่ ผมไม่ได้จะล้มโครงการหรอก พูดตรงๆ คือผมไม่มีปัญญาทำอะไรหรอก แต่มันเป็นแบบนี้ทุกที กับการผลาญเงินภาษีเสียเงินให้รัฐทุกปี ทุกสมัย พอมีเรื่องอะไรแบบนี้ก็อดเซ็ง ไม่ได้
เมือเทียบกับที่ผ่านมา อย่างน้อย การจัดซื้อ การดำเนินการ ผมยังมองว่าคุ้มค่าเงินมากกว่า ถนนปลอดฝุ่น และอื่นๆที่ผ่านๆมา
ที่แน่ๆ ผมมองว่ามันจับต้องและเห็นราคาได้แต่แรก ใครจะคิดว่ามันได้เครื่องนึงถูกขนาดนี้ ซึ่งมันเป็นผลดีมิใช่หรือครับ
มี web site ให้ตรวจสอบหรือติดตามข่าวสารไหมครับ หรือทำกันลับๆ
ผมคุ้นๆว่าใน blognone เคยลง entry เรื่อง ร.ร. ต้นแบบที่ให้เด็กป.1 ใช้โน๊ตบุ้ครุ่นถูกสำหรับเด็กนะครับ
ขอคั่นไว้กันลืมหน่อยละกัน เดี๋ยวจะหาเจอจะมาเพิ่มให้ครับ
เสริม ครับ
Laptop ยังห่างไกลตัวมากกว่านี้ครับ ที่ผ่านๆ มา Laptop ก็ไม่ได้สะดวกแก่การพกพา
ผลกระทบในทางลบจึงยังไม่ได้มีคนพูดถึงกันมากครับ
WiMax เป็นบรอดแบนด์ไร้สายที่ใช้กับระยะไกลๆ ครับ มีทดสอบแล้วที่ แม่ฮ่องสอน ได้รับการสนับสนุน
จากหลายๆ หน่วยงาน ทั้งภายใน และ ภายนอก ประเทศไทย ครับ
ที่อยากเห็นเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์ประเภทนี้ คือ เป็นสื่อในแบบมัลติมีเดีย นอกจาก แค่ อีบุ๊ค ที่เปิดอ่านเป็นหน้าๆ ไม่ต่างจากหนังสือปกติน่ะครับ
เรื่อง หลอก นี่ ผมเกรงอีกอย่างมากกว่าว่า Tablet จะกลายเป็น อุปกรณ์ที่ทำให้ สื่อ กลุ่มคน ความเชื่อ และอีกมากมาย ที่ไม่ดี เข้าถึงเด็กได้ง่ายขึ้นมากกว่า ครับ ...
ผมกลัวว่า เด็กอาจจะมีโอกาสไม่ได้ใช้มากกว่าครับ สำหรับ เด็กในพื้นที่ที่ โรงเรียน หรือ บ้านพักอาศัย ไฟฟ้า ไม่เข้าถึงได้เพียงพอ โรงเรียน มีครูคนเดียว สอนตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.6 ... ยังมีอยู่นะครับ เรื่องแบบนี้ในประเทศไทย ครับ
เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ... แต่หากจะนำมาใช้ ต้องโปร่งใส ชี้แจงได้ บอกให้ครบถ้วน ... ถึงแผนการดำเนินงาน ไม่ใช่ ถูกถามอะไร ก็บอกว่า มีแล้ว เชื่อได้ อย่างนั้น อย่างนี้ ... เงินภาษีเป็นของคนไทยทุกๆ คนนะครับ ไม่ใช่แค่ คนไม่กี่คน ครับ
tablet มันทำงานได้รอบด้านมากกว่า Pc หรือ notebook หรือไงเสียเงินตามเทรนด์โลกหรือไง ความคิดทนสมัยแต่มันใช้ไม่ได้จริง
Notebook มันหนัก แบตก็หมดเร็ว ใช้เมาส์ คีย์บอร์ดอีก
Tablet จอทัช จับต้อง เป็นอะไรที่น่าสนใจกว่าอีกครับ ถ้าให้นั่งทำบทเรียนบนจอ คลิกๆ คอมก็คงน่าเบื่อจะตายครับ จอทัชผมว่ามันสื่อสารกับผู้ใช้งานได้ง่ายกว่าเยอะ ไม่งั้น ลุงๆ ป้าสมยันี้ หรือเด็กเล็กๆ ใช้ Tablet กันคล่องจะตาย
ผมว่า เพราะ notebook มันรอบด้านมากไปนี่ล่ะครับ ถึงได้หันมาใช้ tablet แทน
เพราะใน ร.ร. ไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถรอบด้านเหมือน notebook ให้เปลืองงบ
มีเด็กกี่คนที่หยิบ แทบเล็ต ขึ้นมาอ่านหนังสือ
จุดประสงค์หลักคือเรียนรู้นอกห้องเรียนครับ ไม่ใช่เอามาเป็น E-book reader
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ผมว่าจะทำ Ebook เพื่อการเรียนซะหน่อยไม่ทำดีกว่า :)