ข่าว Facebook ซื้อ Instagram แล้ว เมื่อคืนนี้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของใครหลายๆ คน (ผมด้วย) และมีปฏิกริยาที่หลากหลายแตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือคัดค้าน ดีลนี้ก็คงเดินหน้าต่อไปไม่มีย้อนกลับ
การซื้อกิจการครั้งนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้าพิจารณาดีๆ แล้วมันคือ "social network ที่ใหญ่ที่สุดในโลก" ซื้อกิจการ "social network บนมือถือรายใหญ่ของโลก" (พูดง่ายๆ คือเบอร์ 1 ซื้อเบอร์ 1 ในอีกวงการที่ใกล้เคียงกัน) และสะท้อนให้เห็นความเคลื่อนไหว ยุทธศาสตร์ กลยุทธที่น่าสนใจมากมาย
ในโอกาสนี้ก็ขอลองเขียนบทวิเคราะห์มุมมองของผมไว้สักหน่อยนะครับ
คำถามที่สำคัญที่สุดในรอบนี้คือ "ทำไม Facebook ถึงตัดสินใจซื้อ Instagram"
ผมคิดว่าคำตอบคือ Instagram กำลังคุกคาม Facebook อย่างเงียบๆ การซื้อครั้งนี้ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ทำลายว่าที่คู่แข่งในอนาคตตั้งแต่ยังเยาว์วัย
Instagram ไม่ใช่บริการชนิดเดียวกับ Facebook ที่มาชนกันตรงๆ (ไม่เหมือน Google+) แต่มันมีส่วนที่ทับซ้อนกับ Facebook อยู่ไม่น้อย ได้แก่
Facebook เป็นเครือข่ายสังคมที่เกิดมาบนโลกของเดสก์ท็อป และเอาชนะคู่แข่งรายอื่นๆ (เช่น Myspace) มาได้แบบเบ็ดเสร็จ แต่พอโลกเข้าสู่ยุคมือถือและสมาร์ทโฟน Facebook เองก็เริ่มปรับตัวไม่ทัน (ดูแอพของ Facebook สิครับ) และกลายเป็นช่องว่างให้เครือข่ายสังคมแบบ Instagram เกิดขึ้นมาได้
สมัยที่ทุกคนยังใช้แค่คอมพิวเตอร์ Facebook ยังรักษาสถานภาพของตัวเองไว้ได้สบาย เราออกไปเที่ยว ถ่ายภาพ กลับบ้านมาใช้คอม อัพโหลดรูปลง Facebook แล้วแท็กเพื่อนๆ คอมเมนต์กันเป็นที่สนุกสนาน Facebook ให้ประสบการณ์ตรงนี้ได้ดีมาก และถือเป็นนวัตกรรมของการแชร์รูปถ่ายในสมัยนั้น
แต่ในยุคที่ทุกคนมีสมาร์ทโฟน ถ่ายรูปแล้วกดแชร์จากมือถือได้ตรงนั้นเลย คอมเมนต์กันเองได้จากแอพ Instagram เลย (ถึงแม้จะแชร์ลง Facebook ได้ด้วย) จะเห็นว่า Facebook เริ่มถูกตัดตอนออกไปจากวัฎจักรของผู้คนเสียแล้ว
Facebook เองก็คงรู้เรื่องนี้ดี แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องวิธีคิดขององค์กรที่โตมากับเดสก์ท็อป ทำให้ปรับตัวช้า (มาก) และทุกวันนี้แอพ Facebook ก็ยังมีความสามารถจำกัดอยู่มากเมื่อเทียบกับ Instagram (จริงๆ แล้วเครือข่ายสังคมลักษณะคล้ายๆ กันอย่าง Flickr เองก็ปรับตัวช้าเหมือนกัน น่าจะด้วยเหตุผลเดียวกัน) ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป Instagram โตขึ้นเรื่อยๆ มันจะเริ่มใหญ่พอมีอำนาจต่อรองกับ Facebook อย่างแน่นอน
ทางแก้ก็ตรงไปตรงมา สู้ไม่ได้ก็ซื้อเสีย ถ้าไม่ขายก็ขึ้นราคาไปเรื่อยๆ ซึ่งสถานะทางการเงินตอนนี้ของ Facebook เงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ (ไม่ใช่เงินสดทั้งหมดด้วยซ้ำ) ก็ไม่ได้ถือว่าเกินเลยไปนัก แลกกับการรักษาสภาวะการนำของตัวเองในโลกโซเชียลต่อไป
Mark Zuckerberg พูดไว้ชัดเจนว่าจะไม่แตะแบรนด์ Instagram และยังคงนโยบายเดิมๆ ของ Instagram ทั้งเรื่องกลุ่มเพื่อนเดิมๆ และความสามารถในการแชร์ไปยังเครือข่ายสังคมอื่นๆ
ตรงนี้ Zuckerberg ถือว่าฉลาด เพราะป้องกันคนหนีจาก Instagram ไปบริการอื่นได้เยอะ (แม้ว่าจะมีบ้างตามข่าวที่ออกมา) เพราะในแง่การใช้งานแล้ว Instagram ยังเหมือนเดิมทุกประการ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากที่ผู้ใช้เดิมคาดหวังว่าควรมี ตื่นมาเช้าวันพรุ่งนี้ Instagram ก็ยังหน้าตาไม่เปลี่ยนแปลง
การที่ Instagram ยังคงฟีเจอร์เดิมไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหายต่อ Facebook เพราะผู้ใช้ Instagram เกือบทุกคนน่าจะมี Facebook อยู่แล้ว และก็เชื่อมต่อเครือข่ายทั้งสองเข้ากันอยู่แล้ว การบีบให้ผู้ใช้ Instagram มาใช้ Facebook คงไม่ช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้ให้กับ Facebook อย่างมีนัยยะสำคัญนัก แถมยังทำให้คนต่อต้านเปล่าๆ
ในเบื้องต้นแล้ว ทั้งสองทีมคงแยกกันพัฒนาบริการของตัวเองขนานกันไปอีกระยะหนึ่ง อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องผิดธรรมเนียมของ Facebook ที่ปกติจะซื้อบริษัทเพื่อเอาคนมากกว่าเอาฐานลูกค้า (ดูอย่างกรณีของ Friendfeed หรือ Gowalla ก็ได้)
ผมคิดว่าในอนาคตอันใกล้อีกสัก 1 ปีข้างหน้า Instagram น่าจะเดินหน้าต่อด้วยแผนเดิมของตัวเอง และมีอิสระในการบริการงานพอสมควร
สิ่งที่น่าจับตาคือ Facebook จะนำจุดแข็งของ Instagram มาผนวกกับบริการของตัวเองได้อย่างไร
อันนี้บอกตามตรงว่าผมก็ยังนึกไม่ค่อยออก แบบง่ายที่สุดที่เป็นไปได้คือ ความสามารถด้านการถ่ายภาพและใส่ฟิลเตอร์ของ Instagram จะค่อยๆ ทยอยเข้ามาอยู่ในแอพ Facebook บนมือถือด้วย แต่ในระยะยาวแล้ว คิดว่ากำลังคนของ Instagram ที่เชี่ยวชาญการทำแอพมือถือ น่าจะเข้ามาช่วยพัฒนาส่วนอื่นๆ ของแอพ Facebook นอกเหนือจากฟีเจอร์ถ่ายภาพด้วย
เราคงต้องใช้เวลาเฝ้าดูกันอีกสักพักหนึ่งว่า Facebook จะสามารถใช้ประโยชน์จาก Instagram ได้มากแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ทีมงาน Instagram คงกลายเป็นกรณีศึกษาของการสร้างแอพที่ประสบความสำเร็จทั้งแง่ผู้ใช้และความร่ำรวยแก่นักพัฒนาทั่วโลก
และอีกสัก 5 ปีข้างหน้า ถ้าเราย้อนมามองดูเหตุการณ์นี้แล้ว ก็น่าจะสรุปได้ว่า Mark Zuckerberg มีวิญญาณเพชรฆาตที่เฉียบคมมากทีเดียว
Comments
Instagram เป็นมากกว่าแอพถ่ายรูปไปแล้ว เหมือนเป็น Cult ในระดับนึงเลยตอนนี้ ดูได้จากดราม่าที่แสดงถึงแฟนอันเหนียวแน่นของแอพนี้
Facebook เองก็อาจจะไม่มีนโยบายรวมแอพมาที่ตัวเดียว เพราะตอนนี้ก็แยก FB Messenger ออกมาจาก Facebook แอพอยู่แล้ว เป็นก้าวที่น่าสนใจมากๆ ของ FB บนตลาด mobile เลยนะเนี่ย
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
เสริมความเห็นจาก The Next Web ... เขาบอกว่า Instagram คือความกลัวอันที่สองของ Mark เพราะก่อนหน้านี้ความกลัวของ Mark คือ Twitter ทำให้ช่วงหนึ่ง Facebook พยายามทำอะไรคล้าย Twitter มากไป พอเวลาผ่านไป Mark ก็เข้าใจและเลิกใส่ใจมัน
TNW มองว่ารอบนี้ Mark คงเลือกแก้ปัญหาความกลัว Instagram ที่อาจนำไปสู่ความพยายามเลียนแบบอีกครั้ง (ที่จริงก็เคยมีข่าว) ด้วยการซื้อกิจการเสียเลย จะเพื่อเสริมทัพหรือเพื่อตัดไฟต้นลมก็แล้วแต่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ Facebook อยู่อย่างสบายใจมากขึ้นนั่นเอง
ในอนาคตตัว Instagram จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหนบ้าง ยากจะเดาเหมือนกัน
แต่เราอาจจะได้เห็นแบบนี้ก็ได้ (ไอเดียจาก TechCrunch) เช่น
Facebook sign-up หรือ sign-in ในตัว Instagram ได้เลย...
หรือ Geo-tagged โดยใช้ฐานข้อมูลของ Facebook Places มาช่วย...
หรือ รูปใน Instagram ที่เราถ่าย สามารถ tag เพื่อนในรูปได้โดยตรงเลย (จากการที่ sign-in โดยใช้บัญชี Facebook) ไม่ใช่ mention นะครับ แต่เป็นจิ้มในรูปเพื่อนเลย
ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป Instagram โดต >> โต หรือเปล่าครับ
app facebook ใน android กากมากๆ ผิดดันกับ instagram รวดเร็วดีมากๆ หวังว่า FB คงได้สิ่งดีๆไป ในการซื้อครั้งนี้นะ พัฒนา app หน่อยเถอะ(ส่วนตัวผม ไม่อยากจะกด app facebook ใน android เลยมันช้ามากกๆ เปิด ใน browser ดีกว่าเยอะ มีไว้อาศัย notification เท่านั้น)
ปล.งานนี้ ปุ่ม share to google+ คงไม่มีแน่ๆ
Share บน Android ใช้ Intent น่าจะได้อยู่แล้วน่ะ Google+ ถ้าไม่มีคงมีอะไรเป็นนัยแน่ๆ
friendcaster +1
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
friendcaster (pro) +1 อีกหนึ่งเสียงหน้าตาน่าใช้และ C2DM Push ดีขึ้นมากๆ ครับ
เรื่องนี้ถึงครูอังคนาแน่
+1 ฮา
............ 55
555 เด็กคนเดียว ทำอาจารย์งานเข้าเลย แต่ก็ดังนะ :P
ฮา่
แต่ตอนพูดต้องเน้นเหมือนในคลิปด้วย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เพิ่งได้อ่าน business model ตอนที่พูดถึง ad เค้าบอกว่า ad ที่โฆษณาใน Instagram มันไม่เหมือนโฆษณา มันเหมือนว่ากำลังดูสื่อบันเทิงชิ้นนึงอยู่
ผมว่าสิ่งที่คนไทยขาดก็น่าจะเป็นเรื่อง business model ใหม่ๆ นี่แหละครับ
คงเหมือนกับกูเกิลที่ตอนแรกเรามองว่า เฮ้ย ... มันจะไปได้กำไรตอนไหน
ต่อไปเราคงจะได้เห็นโฆษณาสื่อบันเทิงโดยใช้ฟิลเตอร์ยุค '70 ใน Instagram เต็มไปหมดสินะ :D
ต้องซื้อก่อนที่ Google จะซื้อแล้วรวมมาเป็นส่วนหนึ่งของ Google+
Google+ เป็นแหล่งรวมของคนชอบถ่ายรูป + geek อยู่แล้ว
หรือจะบอกว่าเป็นแหล่งรวม Geek ที่ชอบถ่ายรูปดี
ถ้าเป็นกูเกิ้ล คงจะซื้อไปดองแล้วยุบทิ้งหลังจากนั้นไม่นาน
สิ่งที่ G+ ขาดตอนนี้คือ App จาก third party ครับ twitter เติบโตได้ขนาดนี้ ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะมี App ดีๆ เป็นจำนวนมากและมีเกือบทุก OS ถ้า G+ ไม่มี App แบบ twitter ก็ยากจะขึ้นมาชั้นกับผู้ให้บริการรายอื่นได้ถึงแม้จะมีฐานผู้ใช้งานจากบริการอื่นอยู่แล้ว
กูเกิ้ลก็พึ่งยุบ Photovine ไปไม่นานเองนิครับ
จับมารวมกับ G+ ก็ไม่น่ายากอะไรอยู่แล้ว แถมชัดเจนด้วยว่าสร้างมาเป็น Photoshare ชัดเจน App ก็มี
Google เองอาจจะไม่คิดเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขานะครับ การที่ยุบ Photovine อาจจะยุบแบรนด์ไปครับ แต่ทีมงานกับความสามารถของ Photovine ไม่หายไปไหนแน่นอน
เห็นด้วย รอแอพเจ๋งๆ เล่นกับ Google+ อยู่เหมือนกัน
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
instragram มันจะต้องลามมาบน desktop เป็นชุมชน ภาพถ่ายแน่ๆ ถ้าไม่ซื้อ
เห็นด้วยครับ เพราะถ้าทำบน desktop จะกลายเป็น คู่แข่งที่แรงมากๆ
Mark Zuckerberg ฉลาดมากที่คิดจะไม่ยุ่งกับ instagram เพราะคนจะพากันย้ายออกไป
แต่ ถ้าเกิดนำมันมารวมกันผมว่าแจ่มมาก เช่นอัพโหลดรูปขึ้น FB แล้วแต่งภาพด้วย Effect ของ Instagram
ผมว่าแจ่มมากครับ ^^
ปัจจุบันมันก็ทำได้อยู่แล้วนะครับ (ถ่ายและแต่งภาพโดย Instagram แล้วค่อยแชร์ขึ้น FB)
แต่ภาพค่อนข้าง resolution ต่ำอยู่นะ T^T
แล้วถ้านำภาพใน Facebook ที่ถูกอัพโหลดมาจากทางอื่น มาแต่งภาพใหม่โดยใช้ Instagram ล่ะ :D
Pick a source
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
พอลง android ฐานผู้ใช้ ยิ่งเพิ่ม ยิ่งสร้างความน่าดึงดูดให้ซื้อ
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
คิดถูกแล้วแหละครับที่ซื้อมาแล้วไม่ไปแตะต้องมัน
ผมคิดว่าซื้อมาเพื่อเอาบางส่วนของ ig มาบวกรวมเข้าไปใน fb น่าจะดีกว่าไปยุ่งกับ ig นะ
Facetagram
Instabook
instagram จะเป็นไงต่อเนี้ย
ใครจะซื้ออะไร ข้าพเจ้าก็ยังใช้แบบปรกติสุข
+1
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
"social network ที่ใหญ่ที่สุดในโลก" ซื้อกิจการ "social network บนมือถือรายใหญ่ของโลก" (พูดง่ายๆ คือเบอร์ 1 ซื้อเบอร์ 1 ในอีกวงการที่ใกล้เคียงกัน)
ซื้อ pinterest ไม่ดีกว่าเหรอครับ
อ้างจาก http://www.blognone.com/node/31434
Pinterest มันก็อีกวงการนึงครับ
อ้าวไม่ได้เป็น photo sharing เหมือนกันเหรอครับ
ถ้ามองแค่ Photo Sharing มันก็เหมือนครับ
แต่มันมีส่วนอื่นที่ไม่เหมือนด้วย
โดยส่วนตัวผมคิดว่า ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยครับ
ไม่เป็นไรหรอก เสี่ยมาร์คเขาไม่ค่อยแคร์เรื่องนี้ เงินเขาเยอะ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
รู้แต่ว่าถ้าทั้งสองเจ้านี้อยู่ในประเทศไทยคงตายไปตั้งแต่ปีแรกแล้ว
เฉียบคมจริง ๆ (ตามมาจากข่าวห้าปีให้หลัง)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!