วันนี้ Twitter ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขารับประกันว่าจะไม่รังแกใครเกี่ยวกับคุณสมบัติ "Pull-to-refresh" ที่พบครั้งแรกในแอพของ Twitter เองซึ่งตอนนี้พวกเขาถือสิทธิบัตรของเทคนิคดังกล่าวแล้ว แม้ว่าหลาย ๆ แอพทั้งบน iOS และ Android ได้นำ Pull-to-refresh ไปใช้กันอย่างเต็มที่เรียบร้อย
Twitter บอกว่าพวกเขาจะใช้ Innovator's Patent Agreement หรือ IPA ในการประกันว่าพวกเขาจะไม่นำเรื่องนี้ไปรังแกคู่แข่ง ในขณะที่นักออกแบบที่ออกแบบเทคนิคดังกล่าวขึ้นยังสามารถที่จะนำไอเดียที่พวกเขาคิดขึ้นไปใช้ได้ต่อไปเรื่อย ๆ โดยการจดสิทธิบัตรนี้ก็เพื่อที่จะเป็นเครื่องมือในการปกป้องบริษัทจากการถูกรังแกเท่านั้น และบริษัทจะไม่นำสิทธิบัตรนี้ไปรังแกคนอื่นก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากผู้คิดค้นและนักออกแบบ Pull-to-refresh ขึ้น
IPA นั้นต่างจากการจดสิทธิบัตรทั่วไปในอุตสาหกรรมไอที โดยปกติแล้วนักพัฒนาและผู้คิดค้นออกแบบ จะต้องเซ็นสัญญากับบริษัทที่พวกเขาทำงานให้ว่าจะให้สิทธิในการถือครองในสิทธิบัตรทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงการใช้งานในด้านใดก็ได้ เช่นการนำไปฟ้องหรือการขายต่อ แต่ IPA นักพัฒนาและผู้คิดค้นจะได้รับการรับประกันว่าสิทธิบัตรจะถูกใช้ตามที่พวกเขาอนุญาตและใช้เป็นเกราะป้องกัน แทนการเอาไปใช้เป็นอาวุธ
ที่มา - 9to5Mac
Comments
น่าให้ oracle กับ apple เอาเป็นเยี่ยงอย่างจริงๆ
+1
+65535 !
Ps. IPA นี่ชื่อดันมาพอดีเหมือนสกุลไฟล์ .ipa ของ iOS เลยเนอะ อิอิ
+1
จริง +1
Coder | Designer | Thinker | Blogger
อ่านสิทธิบัตรทีไร หน้ามืดวิงเวียนเหมือนจะเป็นลม มึนๆ- -!
concept เดียวกับ google เลย
Dont be evil
ถ้าแอปเปิ้ลได้สิทธิบัตรเทือกนี้ไปละก็ อืม.. เชือดกันถ้วนหน้า
Not so sure about google now
Be Satan
May the Force Close be with you. || @nuttyi
+100
The Cake is a Lie
ต้องอธิบายว่า pull to refresh พัฒนาขึ้นครั้งแรกบนแอพ Tweetie โดย Loren Brichter ครับ ซึ่งต่อมา Twitter ก็ซื้อแอพไปทำเป็น Twitter for iPhone ต่อ สิทธิบัตรอันนี้จึงตกเป็นของบริษัท Twitter ไปครับ
เรื่องราวของ Tweetie และ Twitter for iPhone, iPad มีอะไรที่น่าสนใจเยอะมาก ผมแปลเอาไว้ในเว็บเกี่ยวกับประวัติการพัฒนาทั้งหมดครับ
ตามไปอ่านมาแล้วครับ ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเยอะเลย
ปล. ปลั๊กอินเฟซบุ๊คน่าจะมีปัญหากับ Google Chrome นะครับ แต่อ่านบน IE ได้ปรกติ
ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันครับ เข้าไปดูโค้ดก็ไม่มีอะไรแปลก ดูใน firefox เพี้ยนบ้างเหมือนเป็นที่เน็ต แต่ดูใน iPad ไม่เพี้ยนอยู่ในคอลัมน์ปกติ ปวดหัวไม่รู้จะแก้ยังไง 555
ใน safari ไม่เป็นแต่ใน chrome กับ firefox ผมเป็นครับ น่าจะเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของ Mac ทั้งคู่ อ่านผ่านๆ เจอว่า Chrome ตัวใหม่มีบั๊คเกี่ยวกับการแสดงผล แต่ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับตรงนี้ไหม
ลองใช้ firebug/inspect แล้วปลี่ยน position ใน .fb_iframe_widget iframe (iframe ที่เป็น child ของ class fb_iframe_widget) จาก absolute เป็น relative แล้วหายครับ ลองอ่านผ่านๆ ตรง related question ในนี้ กะกะว่าน่าจะตัดเอาเฉพาะโค้ดตรง iframe มาได้ แล้วก็สร้าง custom css เอาเอง น่าจะได้นะครับ
The Cake is a Lie
ขอบคุณครับ ตอนนี้เลยลองปรับบล็อคเนื้อหาตรงนั้นให้ชิดซ้ายไปก่อน ก็โอเคขึ้น จนกว่าผมจะเข้าใจวิธีปรับอะไรพวกนี้ 555 (เป็นคนเขียนอย่างเดียว เรื่อง HTML, CSS โง่มาก)
แบบนี้หล่อเลย ขอปรบมือให้ ไม่งั้นโดนกันถ้วนหน้า มีแล้วมันสะดวกจริงๆ แค่รูดๆ ก็ refresh
Twitter "หัวใจนายหล่อมาก"
เท่ห์ อิอิ
..: เรื่อยไป
ผมกลับมองว่าถ้าไปรังแกคนอื่นจะมีแต่นักพัฒนาถอนตัวแล้ว Twitter ก็จะค่อยๆถอยหลังลง การทำเช่นนี้เป็นการช่วยให้ตัวเองอยู่รอดซะมากกว่า
ถ้ามองมุมไหนซักมุม มันก็ต้องโยงไปเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของตัวเองได้อยู่ดี ยกเว้นจะทำร้ายกิจการตัวเองเพื่อช่วยให้คนอื่นรอด แบบนั้นจะโดนคนเขียนวิจารณ์ว่า "ฉลาดน้อย" อีก เลยไม่ได้ทำเรื่องดีๆ กันพอดี :)
+1
อูย อ่านแล้วคิดถึงเหตุการณ์นึงตอนที่มีเสี่ยจากบริษัทดังมาบริจาคเยอะๆ แล้วถูกด่าว่าบริจาคเพื่อโฆษณาแบรนด์ตัวเองรึเปล่า เอาหน้านี่ ฯลฯ
แต่สมมติพอไม่บริจาคหรือบริจาคเงียบๆ ไม่มีใครรู้ ก็โดนด่าอีกว่าไม่ช่วยสังคม เห็นแก่ตัว
บ๊ะ...
จะจับดีหรือจับผิด อยู่ที่คนเลือกสินะครับ...
คนมันอยากจะหาเรื่องด่าชาวบ้านมันก็เหมือนมีผีเจาะปากให้หาเหตุผลเรื่อยเปื่อย(หรือไม่หาด้วยซ้ำ)มาด่าน่ะครับ ซึ่งไอ้พวกนี้นี่แหละที่ทำให้จ่าฯ มีเรื่องเขียนเป็นประจำ
เซ็ง ไม่มันส์เลย
สุดยอด... แมนมาก... เป็นผลดีกับยูเซอร์อื่นๆ
ไม่ใช่คิดอะไรได้นิดๆหน่อยๆ แล้วจดสิทธิบัตรหวงก้าง ไม่ให้โลกพัฒนา
หล่อ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
หล่อ +1
สงสัยงานนี้เป็น Open Parent แน่ ๆ
สรุป Twitter ไม่เป็นหนึ่งใน List Evil แล้ว เย่
Coder | Designer | Thinker | Blogger
น่ารักอะ.