หลังจากกว่าห้าเดือนหลังคดีคุณอำพล (หรือที่เรียกกันว่า อากง SMS) ถูกพิพากษาในศาลชั้นต้นว่ามีความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์และมาตรา 112 ตามประมวลกฏหมายอาญา คดีได้ดำเนินไปถึงชั้นอุทธรณ์ และคุณอำพลได้ตัดสินใจถอนอุทธรณ์เพื่อขออภัยโทษ แต่หลายเดือนที่ผ่านมาถูกรุมเร้าด้วยโรคมะเร็งตับจนเสียชีวิตเมื่อวานตอนเช้าที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์
คดีคุณอำพลเป็นคดีที่อาศัยกระบวนการสอบสวนทางคอมพิวเตอร์ โดยอาศัยไฟล์ log และหมายเลขประจำตัวอุปกรณ์ในการชี้ตัวหาผู้กระทำผิด (ความเห็นของผมต่อคดีนี้) และเป็นกรณีศึกษาสำคัญในการสอบสวนคดีทางคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะประเด็นหลักฐานที่ยังมีคำถามในทางคอมพิวเตอร์อีกมาก
การชันสูตรศพมีขึ้นเมื่อเช้านี้ และแพทย์ผู้ชันสูตรสันนิษฐานเบื้องต้นว่าคุณอำพลเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย โดยนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่ามะเร็งนี้น่าจะเป็นมาไม่ต่ำกว่าหกเดือน อย่างไรก็ดีทั้งหมดต้องรอผลตรวจชิ้นเนื้อยืนยันอีกครั้ง
ก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวไว้ ณ ที่นี้ ด้วยครับ
Comments
แสดงความเสียใจเช่นกันครับ
แสดงความเสียใจเช่นกันครับ
ปกป้อง | เฟสบุ๊ก | ทวิตเตอร์
ขอให้ไปสู่สุคติและภพภูมิที่ดีครับ
ขอแสดงความเสียใจครอบครัวลุงด้วยคับ แต่มันไม่ยุติธรรมเลย
แสดงความเสียใจด้วยครับ
ในที่สุดอากงก็ได้รับอิสระจากทุกสิ่ง RIP
RIP ครับ
น่าสงสารมากครับ
RIP คดียังไม่คลี่คลายดี แต่ตอนนี้อากงก็หลุดพ้นแล้วล่ะครับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับอากง
ขอให้เสรีภาพ จงบังเกิดไปทั่วโลก
ไปสู่สุคตินะครับอากง
อากงไม่ได้เสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง อากงเสียชีวิตเพราะถูกจับไปขังคุก
โดนขังคุกแล้วมะเร็งมาติดหรอครับ???
เป็นมะเร็งแล้วไม่ให้ออกมารักษา = ฆ่ากันชัดๆ
โหดร้ายมากครับ
การรักษาในคุกไม่น่าดีเท่าข้างนอกนะ แต่อีกแง่ แกก็ไปสบายแล้ว
หาข้อมูลหน่อยก็ดีนะครับ อย่าเอามัน
"ราชทัณฑ์ชี้ อากงป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ยันดูแลเต็มที่ ใช้สิทธิบัตรทอง ส่งตัวทำคีโม 7 ครั้ง ครบตามนัดแพทย์ แจงรพ.ราชทัณฑ์มีหมอเชี่ยวชาญหลายสาขาเข้าตรวจนักโทษ"
http://breakingnews.nationchannel.com/home/read.php?newsid=631963
แต่ไม่ทำงานวันหยุด?
หมอก็อยากหยุด ... เหมือนชาวบ้าน ... อยากเล่นสงกรานต์ อยากหยุดปีใหม่ อยากไปงานวันประชุมผู้ปกครองลูก และอื่นๆ
มีหมอก็ใช่ว่าจะไม่ตาย ... หมอเต็ม รพ. อย่างศิริราช หรือ รามาฯ ก็ยังมีคนตาย
ถ้ามีคนไข้ใกล้ตาย แต่หมออยากหยุด ก็กรุณา"เลิก"เป็นหมอไปซะ ซึ่งความเป็นจริงคือ หมอหยุดไม่แปลก แต่แปลกคือจะหยุดจนไม่มีหมอรักษาหรือ??
มีหมอใช่ว่าไม่ตาย แต่ไม่มีหมอรักษานิตายแน่ๆ
หมอเขาไม่ใช่ขี้ข้าคุณ ควรเข้าใจด้วย
คนป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้ายให้คีโมไปเจ็ดครั้งแล้วคุณจะไปรักษาอะไรเพิ่มให้หรือ
Network Engineer, Electrical Engineer, .........
เขาก็ไม่ไช่ขี้ข้าคุณครับ แต่เขาคงมีความรับผิดชอบมากกว่าหมอ(ที่คุณหมายถึง)(มั้ง) คุณจึงมีเน็ตใช้นอกเวลาทำงาน, วันหยุด หรือ 24 ชั่วโมง
ข้อความนี้สำคัญมากนะครับ (ผมไม่เคยเห็นก่อนหน้านี้) คำถามสำคัญคือ "กรมราชทัณฑ์ทราบเมื่อใหร่ว่าคุณอำพลเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย"
lewcpe.com, @wasonliw
ทนายจำเลย แจ้งศาลหรือเปล่า ว่าอากงเจ็บป่วยเป็นมะเร็ง หรือ แจ้งว่าเป็นโรคอื่น
เท่าที่ตามแจ้งนะครับ ว่าเป็นมะเร็งปาก รักษาไปแล้ว และต้องรับการรักษาต่อเนื่องอย่างที่ราชทัณฑ์แจ้งว่าพาออกมาทำคีโม
lewcpe.com, @wasonliw
มั่วมาก
ปัญญาอ่อนโคตร..........มีปัญญาเล่นเนตนะ แต่ไม่มีปัญญาคิด สงสัยโดนไอ้นี่กรอกหูทุกวันละมั้ง
ปัญญาอ่อนมา ก็ขอปัญญาอ่อนกลับนะครับ......
คุณครับ เว็บนี้ห้ามมีการพูดถึงด้านการเมืองแบบนี้ครับ ระวังคุณ MK หรือคุณ Lew แบนนะครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ท่านได้รับแจกจริงหรอครับ หรือว่าดีแต่ก็อปรูปตาม facebook ที่ถูกใจท่านเท่านั้นเอง
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
เกินไปนะครับ หยุดเถอะครับ ควรเคารพความคิดเห็นของเขาบ้าง
ขำเรปนี้มากๆ
อย่างน้อยก็มี มอก. ครับ
ขอขำหน่อยเถอะ 5555555555555555555
พูดไม่ถูกแต่ขำครับ
เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ครอบครัวต้องรู้อยู่แล้ว ทนายความอากงก็น่าจะรู้ แต่ไม่ยอมทำเรื่องขออภัยโทษตั้งแต่วันแรก รอไปทำพร้อมกับพวกๆอีก 11คนที่โดนคดี 112เหมือนกัน กะใช้อากงทำให้อีก 11คนหลุดออกมาด้วย ไม่ยอมยื้นขออภัยโทษซักที
ปล อากงให้การในศาลว่าเขียนหนังสือไม่ถนัด แต่เขียนจดหมายมาซะยาว แถมเขียนไม่ผิดซักตัว สุดยอดมากครับ
ให้ทนายเขียนหรือเปล่าครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมมองมาตรฐานการรักษา ของนักโทษนะ ควรจะไม่ต่างจากคนภายนอก
จดหมายฉบับแรกที่ทนายเอามาให้สือ ทนายบอกว่าอากงเขียนเองนะครับ ส่วนจดหมายฉบับที่ 2 รายมือไม่ต่างจากฉบับแรง มันก็มีความเป้นไปได้ว่า อากงพูดให้คนอื่นเขียนแล้วเซ็นเอง แล้วทนายเอามาโม้ซื้อใจคนว่าเขียนเอง แต่รายมือที่ใช้เซ็นดันเหมือนตัวอักษรที่เขียนนี้ซิ เลยเป้นเป็นไปได้ว่าคนเขียนคนเซ็นเป้นคนเดียวกัน ถ้าคนเขียนไม่ใช้อากง แสดงว่ามีคนเขียนแล้วปลอมลายเซ็น แล้วเอามาใช้ประโยชน์ กับอีกกรณีคืออากงโกหกศาลเพื่อพยายามหนีความผิด แต่อย่างว่าคนตายไปแล้ว หาความจริงอะไรไม่ได้อีกแล้ว นอกจากเอามาแห่ประจาน
อากง แกบอกว่าแกไม่ผิด ไม่ได้กระทำผิด เลยจะสู้ึคดีต่อ แต่ระหว่างสู้คดี แกยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวไปรักษาภายนอกถึง 8หน แต่้โดนปฎิเสธทุกครั้งด้วยการวินิจฉัยว่า โทษสูงกลัวหลบหนี ส่วนอาการป่วยให้รักษาในรพ.ในเรือนจำได้
สุดท้ายแกตัดสินใจถอนอุทธรณ์เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ คาดว่าเป็นคำกล่อมจากทนายคนใหม่ เพราะเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ปล่อยตัวออกมาภายนอกไปรักษาตัวและพบลูกหลาน เนื่องจากการสู้คดีแต่ละศาลใช้เวลานานกว่าสองปี แถมแนวโน้มการได้ประกันตัวต่ำมาก อย่างเร็วจนสิ้นสุดก็ อีก4ปีข้างหน้าแกคงรอไม่ไหว...ซึ่งสุดท้ายแกก็รอไม่ไหวจริงๆ แต่คำสุดท้่ายทีเผยแพร่มาก่อนตาย ก็คือแกว่าแกไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาอยู่ดี
ประเด็นสำคัญคือ คดีที่มีโทษร้ายแรงกว่า เช่นคดีฆ่าคนตายโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต(แต่ตัดสินจริงจำคุก30ปี) ของพ่อส.ส.ชื่อดังทางตะัวันออก หรือคดีที่ลงโทษจำคุกรวมกัน80กว่าปีของสนธิ ลิ้ม กลับได้รับการประกันตัวอย่างง่ายดาย โดยไม่กังวลว่าจะหลบหนี ทั้งๆที่โทษรวมกันแล้วหนักกว่า โดยที่คดีฆ่าคนตายคดีแรก ผู้ต้องหาหลบหนีไปดื้อๆด้วยซ้ำ ต้องกลับมาคิดแล้วล่ะว่า เหตุที่ปฎิเสธประกันตัวกับคนแก่ป่วยหนักใกล้ตายถึง8รอบว่ากลัวหลบหนี มันสมเหตุสมผลจริงๆหรือ?
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเวบนี้ คงเป็นเรื่องของหลักฐานทาง IT ที่ยังมีข้อกังขาอีกหลายส่วน ถึงการชี้ตัวบุึคคล ว่าพยานแวดล้อมที่ปลอมแปลงได้ง่าย แค่คลิกจากโปรแกรมที่โหลดได้ในเนท จะเป็นหลักฐานสำคัญชี้ขาดเพื่อลงโทษคดีที่มีโทษเทียบเท่าการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาจริงๆน่ะหรือ?(ม.112 บทลงโทษเทียบเท่าการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาครับ)
ม.112 โทษจำคุกสูงสุด 5 ปีครับ
แต่ไม่ได้ระบุขั้นต่ำ
เอามาจากยุคสมัยไหนครับ?
ของปัจจุบันนะครับ
มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
หมายเหตุมาตรา 12 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2519
http://www.kodmhai.com/m2/m2-2/m2-107-112.html
มาตรา 290 ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้น ถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
http://www.kodmhai.com/m2/m2-2/m2-288-294.html
3-15 ปีครับ
ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมดูหน่อยนะครับว่าทนายเขาขอประกันตัวกี่ครั้ง
RIP ครับอากง ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคตินะครับ
อย่างน้อยอากงก็ไม่ต้องรับโทษ จากความไม่ยุติธรรมครั้งนี้ครับ
RIP อากงครับ
และ RIP กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย
อากงพิมพ์ข้อความไม่เป็นแท้ๆ แต่ต้องกลายมาเป็นแพะรับบาป
R.I.P
blog
แต่ผมกลับเฉยๆนะ (ความคิดเห็นส่วนตัว)
ผมก็เฉยๆ ครับ (ไม่ใช่ญาติผมนี่) แต่ที่เศร้าคือกระบวนการยุติธรรมไทยมากกว่าครับ
pittaya.com
+1
ก็กฏหมายมันตราไว้แบบนี้นี่ครับ ดูกรณีแผ่นซีดี 10 แผ่นซิ
ศาลอาจเห็นใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ครับ ก็ต้องว่าไปตามนั้น
ประเทศเรามีอะไรไม่ถูกต้องอีกเยอะ ไอ้เราก็แค่น้ำฝนหยดในทะเล ไม่มีผลต่อความเค็มหรอกครับ
กรณีซีดี 10 แผ่น ใครบอกศาลทำอะไรไม่ได้ครับ...ทำได้ หรือไม่ยอมทำ
ที่น่าเศร้าคือ เราบูชาตัวบทกฎหมาย โดยไม่ดูที่มาของกฎหมายหรือว่ากฎหมายนั้นสมบูรณ์ตามหลักนิติธรรมหรือไม่น่ะซี
เกร็ดเล็กน้อย โทษคดีม.112 ถูกเพิ่มโทษสองครั้ง จากจำคุกไม่เกิน3ปีเป็น1-7ปีในสมัยสฤษดิ์รปห. และเพิ่มเป็นจำคุก 3-15ปี(เทียบเท่าคดีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา)ในยุครปห.2519
นั่นแปลว่าบทลงโทษในคดีนี้ผูกโยงกับการรปห.ถึงสองครั้ง แล้วเราจะบูชาว่ากฎหมายนั้นศักสิทธิ์เที่ยงธรรมกับประชาชนได้จริงๆน่ะหรือ?
ส่วนคนตัดสินเห็นใจหรือไม่อันนี้ไม่ทราบ แต่หลักการตัดสินสามารถยกหลักที่เหนือกว่า เช่นนิติธรรม หรือสิทธิมนุษยชนสากล มาใช้อำนาจเหนือข้อกฎหมายที่ัเนื้อหาขัดแย้งกับโลกสมัยใหม่ได้ครับ ในยุโปรก็มีคดีที่คล้ายม.112 โทษสูงสุดร้ายแรงกว่าเราเยอะ แต่เขาก็ปรับหลักตัดสิน ให้เทียบเท่ากับคดีที่มีหลักมูลฐานความผิดคล้ายกันในปัจจุบันแทน อย่างมากคือโทษปรับ และแม้แต่ในบ้านเราเองหลายๆครั้งก็ตัดสินจากเจตนารมณ์ของกฎหมายแบบกว้าง ไม่ใช่ตีความจากตัวอักษรอย่างเคร่งครัดอย่างเดียว (เช่นคดีทำอาหารแล้วโดนปลดจากนายก ในแง่การตีความลูกจ้าง ที่ตีความใหม่นอกเหนือจากตัวบท)
ส่วนคดีขายcdมือสอง ปรับแสนนึงก็แปลกใจ เพราะอย่างคดีร้านเนทละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่แล้ว จะสั่งปรับตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง(คิดตามค่า license คูณจำนวนเครื่อง)ไม่ใช่ปรับตามอัตราโทษปรับอย่างเดียว อาจมีข้อผิดพลาดในการสู้คดีไปผิดทาง
ผมอยากให้ประหารด้วยซ้ำไปครับ ไม่ใช่ 15 ปี แต่หมายถึงว่าถ้า ผิดจริงนะ
ประหาร เพราะส่ง sms เนี่ยนะ???
ก่อนอื่นพูดตาม fact นะครับ เราไม่มีทางรู้หรอกว่า อากง แกทำผิดจริงๆหรือเปล่า อย่างที่ถกเีถียงกันหลายรอบ ว่าพยานแวดล้อมยังมีข้อกังขาอีกมาก เพราะปลอมแปลงIMEIได้ง่ายสุดๆ และขั้นตอนการเก็บหลักฐานก็ไม่รัดกุม มือถือที่คาดว่าเป็นต้นทางก็เปิดไม่ติด ไม่มีหลักฐานอื่นใดนอกจากภาพถ่ายหน้าจอของเลขานุการของอภิสิทธิ์ และ log ที่ขาดๆเกินๆจากผู้ให้บริการ อ้อ คำแถลงข่าวของผู้จับกุม ปรักปรำว่าอากงเป็นแดงฮาร์ดคอชื่ออยู่ใน black list ของกอรมน.เสียด้วย ซึ่งคำกล่าวหาส่วนนี้ไม่ได้ถูกระบุในสำนวนคดี ทั้งๆที่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญถ้าเป็นเรื่องจริง
อย่างที่สอง มาตรา 112 เหมารวมการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และอาฆาตมาดร้าย (อาฆาตมาดร้าย นี่คือแสดงลักษณะต้องการเอาชีวิตอีกฝ่ายอย่างจริงจังนะครับ ไม่ใช่แค่การด่ากันเฉยๆ)ให้มีบทลงโทษเท่าเทียมกันคือจำคุึกขั้นต่ำ 3-15ปี(ตามการเพิ่มโทษของคณะรปห.2519)
ซึ่งสมมติถ้าอากงแกทำผิดจริง ในคำพิพากษาก็ระบุเพียงเป็นการกระทำ จาบจ้วง ดูหมิ่น และหมิ่นประมาท(ไม่มีอาฆาต มาดร้าย) งั้นช่วยอธิบายหน่อยครับ ว่าการดูหมิ่น ใครคนหนึ่งไม่ว่าเขาจะเป็นใึคร ทำไมถึงควรมีโทษร้ายแรงกว่าหรือเทียบเท่าการฆ่าคนตาย?(ฆ่าคนตายโดยเจตนาโทษสูงสุดคือประหารชีวิต แต่มีเหตุให้ละเว้น หรือลดโทษได้ ในขณะที่คดี 112 ไม่มีเงื่อนไขหรือเหตุให้ลดหรือละเว้นโทษได้เลยครับ)
บางคนบางเวบ ชอบสับสนไปเปรียบเทียบกับการขู่ฆ่า หรือพยายามฆ่าประมุึขของประเทศอื่นๆ ซึ่งถ้าดูตามเงื่อนไขประกอบแล้วต้องเรียกว่าคนละเรื่องเดียวกัน เพราะกฎหมายไทยในมาตรานี้ เหมารวมให้การดูหมิ่น และหมิ่นประมาท เป็นความผิดร้ายแรงเท่าการขู่ฆ่า ซึ่งของตปท.เขาแยกจากกันชัดเจนครับ
คุณกำลังบอกว่า ... หากอ้างอิงตามกฎหมายประเทศอื่นแล้ว คุณเห็นควรว่าการขู่ฆ่าสมควรมีโทษเทียบเท่ากับการฆ่าคนตาย ? งั้นผมขอถามต่อครับว่าใช้หลักเกณฑ์อะไรในการวัดว่าถ้าขู่ฆ่าโทษเทียบเท่าไม่เป็นไร แต่ถ้าดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทไม่สามารถมีโทษเทียบเท่าการฆ่าคนตายได้เด็ดขาด ทั้ง ๆ ที่การขู่ฆ่าไม่ว่าอย่างไรเสียก็ยังไม่เหมือนกับการฆ่าไปแล้วอย่างแน่นอน
มันเป็นความจริงอันน่าเศร้าที่กฎหมายประเทศเรานั้นไม่ละเอียดรอบคอบถี่ถ้วนเอาเสียเลย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมสนใจ ที่ผมอยากรู้คือคนที่คิดแบบคุณใช้เกณฑ์อะไรมาเป็นตัวตัดสิน หรือจะบอกแค่ว่าเราควรเลียนแบบโทษทัณฑ์ของกฎหมายแต่ละมาตราจากต่างประเทศมาให้หมด (ในกรณีที่คุณกำลังคุยอยู่คืออเมริกา case ประธานาธิบดีถูกขู่ฆ่าโดยชายวัยรุ่นตะวันออกกลาง) คือผมอยากรู้เหตุผลจริง ๆ นะเพราะผมคิดหาเหตุผลเองไม่ออกจริง ๆ ว่าสำหรับเรื่องความมั่นคงของประเทศแล้วเราควรวัดผลความรุนแรงของการกระทำผิดและกำหนดบทลงโทษให้เหมาะสมได้อย่างไร
แต่ที่แน่ ๆ การอ้างแค่ว่าประเทศอื่นลงโทษเท่านี้เราก็ควรลงโทษเท่านี้ มันดูเหมือนเราไม่มีสมองไม่มีหลักการอย่างไรไม่รู้ คิดอะไรไม่ออกก็ลอกฝรั่งไว้ก่อนแล้วก็บอกว่าต้องเท่านั้นเท่านี้สิจึงจะเหมาะสม -..-
That is the way things are.
เอ่อ คคห.ข้างบนผมนู่น ที่อยากเพิ่มโทษให้เป็นประหารชีวิต ผมตะหากที่พยายามชี้ว่า บทลงโทษมันรุนแรงเกินฐานความผิด
ส่วนโทษของการขู่ฆ่าประมุขประเทศอื่น ที่ตปท. อย่างคดีที่คุึณยกตัวอย่างมา ก็ไม่ใช่ประหารชีวิตนะครับ จำคุกน้อยกว่าอากงของเราอีก
ที่ผมพยายามบอกก็คือ โทษในปัจจุึบันของบ้านเรา เหมารวม การดูหมิ่น หมิ่นประมาท และการขู่ฆ่า ไว้เืท่าเทียมกับคดีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาครับ(ผมยกตัวบทเต็มๆ ไว้คคห.บนๆแล้วนะครับจำคุก3-15ปี)
แยกประเด็นนะครับ ก่อนอื่น การดูหมิ่น หมิ่นประมาท สมควรลงโทษเท่ากับการขู่ฆ่าไหม? (กฎหมายหมิ่นประมาทบุึคคลก็มี แยกชัดเจน ทั้งไทยและเทศครับ)ถ้าจำไม่ผิด การดุหมิ่นและขู่ฆ่า ถูกเหมารวมด้วยกันในสมัยสฤษดิ์รปห.ครับ(อันนี้จำไม่แม่นนะต้องเช็คอีกที)
และการขู่ฆ่า ควรได้รับโทษเทียบเท่าการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาไหม?(อันนี้ถูกเพิ่มโทษในสมัยรปห.2519)
เรื่องแปลกก็คือกฎหมายยุคสมบูรณาญาสิทธิราชก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลับกำหนดบทลงโทษคดีที่ึคล้ายกันไว้ใกล้เคียงกับการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาเท่านั้น(จำคุกไม่เกิน3ปี) แต่คณะรปห.ที่อ้างว่ารปห.เืพื่อปชต.(?) กลับเพิ่มบทลงโทษให้รุนแรงจนผิดฝาผิดตัวเช่นนี้
ต้องถามคุณกลับว่า การดูหมิ่้น หมิ่นประมาท หรือการขู่ฆ่า(อันหลังไม่อยากยกเลย เพราะมันก็รุนแีรงผิดกัน) เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ จนต้องเพิ่มโทษรุนแรงเท่าการฆ่าคนตาย(โดยไม่เจตนา) โดยไม่ต้องสนหลักสากลหรือสิทธิมนุษยธรรมสากลได้อย่างไร?
ผมว่าเราอาจจะสับสนกันเล็กน้อยนะครับ ผมไม่เคยบอกว่ามาตรา 112 ควรลงโทษประหารชีวิต แต่ผมกำลังสื่อถึงประเด็นที่ว่ามันเหมาะสมหรือไม่ที่เราลงโทษผู้กระทำผิดมาตรานี้เทียบเท่าผู้ที่กระทำผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ซึ่งเป็นประเด็นที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้าน่ะครับ
ใน case ตัวอย่างของผมถ้าไป search จากข่าวเก่าจะพบว่าจำคุกเท่ากับคดีอากงนะครับคือกระทงละ 5 ปี แต่สำหรับ case นั้นโดนไปหลายกระทงเลยรวม ๆ แล้วต้องโทษจำคุก 50 ปีแต่ถ้านับเฉพาะการขู่ฆ่าประธานาธิบดีก็ต้องโทษ 20 ปีเท่ากันครับ
ถ้าถามว่าเท่ากับฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาหรือไม่ ผมว่ามันก็ยังอยู่ในขอบเขตที่จะเท่ากันได้นะครับ อันนี้โดนกระทงละ 5 ปี ส่วนฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาโดนกระทงละ 3-15 ปี ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่า 5 ก็อยู่ในช่วงระหว่าง 3 ถึง 15 เหมือนกัน
แม้จะเคย link ไปหลายรอบแล้วแต่ลองเอามาให้ดูอีกครั้งครับ
That is the way things are.
ขู่ฆ่า = หมิ่นประมาท !!!???
ประเด็นคดีขู่ฆ่าผู้นำที่ตปท. ไปลองค้นมาแล้ว บทลงโทษเบากว่าบ้านเรามากครับ คือจำคุกไม่เกิน5ปี และไม่จำกัดขั้นต่ำแถมระบุการปรับเงินได้ด้วย (บ้านเราคือ ขั้นต่ำ 3-15ปี)
"Whoever knowingly and willfully deposits for conveyance in the mail or for a delivery from any post office or by any letter carrier any letter, paper, writing, print, missive, or document containing any threat to take the life of, to kidnap, or to inflict bodily harm upon the President of the United States, the President-elect, the Vice President or other officer next in the order of succession to the office of President of the United States, or the Vice President-elect, or knowingly and willfully otherwise makes any such threat against the President, President-elect, Vice President or other officer next in the order of succession to the office of President, or Vice President-elect, shall be fined under this title or imprisoned not more than five years, or both. "
18 USC § 871 - Threats against President and successors to the Presidency
ในขณะที่คดีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ของบ้านเราเอง ยังมีเงื่อนไขให้ยกเว้นโทษ หรือลดโทษได้(เช่นเกิดจากการป้องกันตัว ฯลฯ) แต่ในขณะที่112 ไม่มี นั่นแสดงว่าแม้จะเป็นการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการหรือพูดคุยด้วยข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ ก็สุ่มเสี่ยงต่อการโดนคดีเต็มๆเช่นกัน และมองในแง่นึง ถือว่าโทษของ112 มีบทลงโทษที่"รุนแรงกว่า"คดีฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาด้วยซ้ำสิครับ?
ขอแย้งในประเด็นกระทู้ที่คุณlinkไปนิดนึง(ถ้าตอบที่นั่นกลัวจะไม่ได้อ่าน) คดีของคุณอากง ในคำพิพากษาระบุว่าเป็นการ ดูหมิ่น และหมิ่นประมาทครับ ไม่ได้ระบุการอาฆาตมาดร้าย ที่ต้องย้ำเพราะมีบางท่านเหมารวมกัน เพราะฐานความผิดน่าจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับการขู่ฆ่า
ขอตอบทั้งคุณ Thaina19 และ Fourpoint พร้อมกันเลยนะครับ (จริง ๆ ก็ตอบไปแล้วอยู่ในประเด็นเดิม) แต่จะพูดอีกครั้งก็ได้ครับ
ประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อใน post ก่อนคือทำไมเรายอมรับโทษของการขู่ฆ่าให้เทียบเท่ากับการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาได้ในบางกรณี (แต่บางกรณีก็อาจจะเบากว่าได้ดังที่คุณ Fourpoint ได้หยิบยกบทลงโทษของ Threat against President ขึ้นมา) เช่น กรณีที่ผมยกตัวอย่างไปในอเมริกาโดนจำคุกกระทงละ 5 ปี เป็นต้น แต่เรากลับไม่สามารถยอมรับได้เมื่อโทษของการหมิ่นประมาทเทียบเท่ากับการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาในทุกกรณี
ผมสงสัยอย่างยิ่งว่าเราและอีกหลาย ๆ คนใช้ดัชนีชี้วัดอะไรในการกำหนดความหนักเบาของความผิดแต่ละประเภท ทำไมเรามองว่าติดคุก 5 ปีเพราะขู่ฆ่า (แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ) สมเหตุสมผลแต่ติดคุก 5 ปีเพราะดูหมิ่นเหยียดหยามหมิ่นประมาทไม่สมเหตุสมผล
โดยส่วนตัวผมก็คิดว่าบทลงโทษของมาตรา 112 รุนแรงเกินไปนะ แต่ผมลองคิดในมุมอื่นแทนคนอื่นในสังคมไทยดูด้วยว่าทำไมหลายคนจึงยังคิดว่าบทลงโทษนั้นเหมาะสมอยู่ ผมจึงเกิดความสงสัยอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นและผมก็พบว่าผมไม่สามารถหาเหตุผลมาตอบได้อย่างชัดเจนจริง ๆ สิ่งที่ผมจะตอบได้เพียงอย่างเดียวก็คือเรากำลังใช้ความรู้สึกสามัญสำนึกของตัวเองเป็นตัวกำหนด (ถ้าใครคิดคำตอบอย่างอื่นได้ก็รบกวนมาบอกกันด้วยนะครับ) ซึ่งพอมาถึงจุดนี้ผมก็ต้องคิดต่อว่าในเมื่อเป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนบุคคลแล้วอย่างไหนกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูก และเราจะมีความชอบธรรมอะไรในการไปบอกว่าความรู้สึกส่วนบุคคลของคนอื่นนั้นผิดไม่ถูกต้อง
ถ้าอเมริกาเปลี่ยนบทลงโทษของการขู่ฆ่าจากเดิมสูงสุด 5 ปีเป็นมีขั้นต่ำ 3 ปีและสูงสุด 7 ปีเราจะยังรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลอยู่หรือเปล่า ? ทำไมเราจึงคิดแบบนั้น ? และหากมันเป็นแบบนั้นแล้วการหมิ่นประมาทกษัตริย์มีโทษจำคุก 5 ปียังถือว่าเป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลอยู่หรือไม่ ? ทำไมเราจึงต้องอ้างอิงบทลงโทษให้สัมพัทธ์กับประเทศอย่างอเมริกาอยู่เสมอ ๆ ด้วยทั้ง ๆ ที่ประเทศเขาไม่มีกษัตริย์และประเทศเราก็ไม่มีประธานาธิบดี (ซึ่งปกติแล้วกษัตริย์มีฐานะเหนือกว่าประธานาธิบดี) ?
นี่คือคำถามที่ผมถามมาตลอดครับ ...
ปล. ไม่ต้องบอกแล้วนะครับว่าการขู่ฆ่ามันต่างกับหมิ่นประมาท ผมรู้ครับว่ามันต่าง ผมว่าผมก็เขียนแยกแยะชัดเจนแล้วนะครับ -*-
That is the way things are.
1)ระวัง fallacy นะครับ
ผลลัพธ์ ของ หมิ่นประมาท = ทำให้เสียชื่อเสียง
ผลลัพธ์ ของ ขู่ฆ่า = ทำให้ขีวิตไม่ปลอดภัย มีโอกาสที่จะเสียชีวิต
2)ถ้าไม่เทียบกับอเมริกา ถ้างั้นเทียบกับอังกฤษก็แล้วกันครับ
และมีการเลิก Seditious Libel นี้ อย่างเป็นทางการในปี 2009 แต่ไม่มีการใช้มาตั้งแต่ 1911
https://www.facebook.com/somsakjeam/posts/336740226361155
แต่แยกทีละประเด็นหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาก่อน
ของไทย
หมวด 3 ความผิดฐานหมิ่นประมาท
มาตรา 326 ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะ ทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำ
ความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 328 ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท
ของตปท.ไม่ได้ค้น แต่ที่เคยอ่านผ่านๆคิดว่าน่าจะกำหนดบทลงโทษใกล้เคียงกันทั้งประมุขและคนธรรมดา เพราะเขาถือว่าประมุขคือบุคคลธรรมดาเช่นกัน สามารถรับคำวิจารณ์ได้ และการะละเมิดทางคำพูดก็ใช้กฎหมายปกติได้ ยกเว้นประเทศราชอาณาจักร ที่ยังมีกฎหมายเก่า แต่ก็อย่างที่ยกไป เขาก็ปรับการลงโทษให้เทียบเท่าบุคคลธรรมดาเช่นกัน
แต่ทีนี้ของไทยเอง กฎหมายโบราณตั้งแต่สมัยร.5 ก็กำหนดโทษหมิ่นkingไว้ดังนี้
"พระราชกำหนดลักษณะหมิ่น ประมาท ด้วยการพูดฤาเขียนถ้อยคำเท็จออกโฆษณาการ รัตนโกสินทรศก 118[2] ในหมวดที่ว่าด้วย “หมิ่นประมาทพระผู้เปนเจ้า พระอรรคมเหสี พระบรมโอรสาธิราชแลพระเจ้าแผ่นดินต่างประเทศ” ในมาตรา 4
จะเห็นได้ว่าขนาดสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชเอง ที่king เป็นประมุขสูงสุด ก็ยังกำหนดโทษการหมิ่นkingไว้แค่ไม่เกิน3ปีและไม่กำหนดโทษขั้นต่ำ ซึ่งเมื่อเทียบกับกฎหมายหมิ่นบุคคลธรรมดาในปัจจุบัน แล้วก็ถือว่าเป็นเหตุเป็นผล ที่อาจจะกำหนดโทษสูงกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้สูงเว่อมากจนเทียบเท่าการฆ่าคนตาย ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าเราเห็นตรงกัน ว่าบทลงโทษปัจจุบันของ112 ที่กำหนดการดูหมิ่นและหมิ่นประมาทไว้3-15ปีมันรุนแรงมากเกินไปแบบไม่สมเหตุสมผล กลับเป็นว่ากฎหมายโบราณทันสมัยและเป็นเหตุเป็นผลกว่าซะงั้น
ส่วนประเด็นการอาฆาตมาดร้าย หรือการขู่ฆ่า ที่ผมยกตัวอย่างของสหรัฐอเมริกามา เพราะกระทู้เก่ามีบางท่าน ยกมาว่าตปท.ก็มีกฎหมายปกป้องประมุขของประเทศ เขามีจริงครับ แต่โทษเขาก็กำหนดไม่ได้ร้ายแรงเท่าบ้านเรา กำหนดโทษขั้นสูงสุด5ปีโดยไม่จำกัดขั้นต่ำ ถือว่ากระโดดขึ้นมาจากการหมิ่นประมาทอีกระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องไม่มากเท่าการฆ่าคนตาย หรือพยายามฆ่า เพราะเป็นการข่มขู่ที่ยังไม่ได้วางแผนกระทำจริง
ของไทยเองสมัยโบราณถูกเพิ่มมาภายหลัง
"กฎหมายลักษณะอาญาร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) โดยได้มีบทบัญญัติในเรื่องนี้ไว้ในมาตรา 98
นั่นแสดงว่าเป็นการเพิ่มโทษขึ้นมาอีกระดับ แต่รวมการอาฆาตมาดร้ายขึ้นมาด้วย เพิ่มโทษมาอีกระดับหนึ่ง แต่ทว่าโทษก็ยังเป็นกำหนดสูงสุด แต่ไม่กำหนดต่ำสุดอยู่ดี
รวมไปถึงพอเปลี่ยนแปลงการปกครอง2475 ครั้งแรกได้เปลี่ยนกฎหมายนี้มาเป็นมาตรา104 โทษเท่ามาตรา98 ในยุคก่อน แต่เพิ่มวรรคท้ายที่บัญญัติว่า" ถ้าได้กระทำไปภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือเพื่อสาธารณประโยชน์ ฯลฯ ไม่ให้ถือว่าเป็นความผิดนั้น ไม่ได้หมายความเฉพาะการพูดในที่ประชุมรัฐสภา หลักของการปกครองระบอบประชาธิปไตยคือ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน รัฐบาลจึงอาจถูกติและชมได้ แม้จำเลยจะพูดจริงดังที่ถูกฟ้องก็ไม่เป็นความผิด"
เป็นการเพิ่มข้อยกเว้นหากเป็นการพูดในเจตนารมณ์มุ่งหมายของรธน.(หรืออีกคำพูดก็คือการพูดเชิงวิชาการ) แต่น่าเสียดายวรรคท้ายนี้ถูกเอาออกไปในปี 2499ตอนเปลี่ยนเป็นมาตรา112 และถูกเพิ่มโทษขั้นต่ำเป็น 1-7ปีในสมัยสฤษดิ์ และ 3-15ปี ตอนรปห.2519
สำหรับในปัจจุบันล่ะ 3-15ปีเทียบเท่าหรือมากกว่าการฆ่าคนตายโดยไม่มีเจตนา มันสมเหตุสมผลได้อย่างไร? ไม่ต้องไปลอกฝรั่งหรอก การข่มขู่่มันร้ายแรงกว่าการหมิ่นประมาทจริง แต่ก็ยังไม่ใช่การพยายามฆ่า หรือฆ่าคนตายไปจริงๆนะครับ แถมกำหนดโทษขั้นต่ำไว้สูง ทำให้ไม่มีโอกาสลดหย่อนโทษแม้แต่การรอลงอาญาฯ และมีโอกาสน้่อยมากที่จะได้ประกันตัว(เคยมีคนรวบรวมไว้ คนที่ได้ประกันตัวในชั้นศาล มีแต่คนดังๆ หรือนักการเมือง ส่วนคนธรรมดาไม่เคยได้รับประกันตัวเลย)
มันจะสมเหตุสมผลได้อย่างไร ถ้าการฆ่าคนตายแม้กระทั่งโดยเจตนาจริงๆ หลายคดีกลับได้รับการรอลงอาญาฯ(เช่นคดีดร.ตีเมียตาย) หลายคดีได้รับการประกันตัวง่ายๆถ้าวงเงินค้ำประกันสูงพอ จนสุดท้ายเขาก็หนีไปตปท.กัน(เช่นพ่อส.ส.ตะวันออก) ถ้ามองเช่นนั้นกลายเป็นว่าเรามองความสำคัญของชีวิตคน ต่ำกว่า คำพูดเสียอีกหรือเปล่า?
จริงอยู่ประมุขของประเทศอาจเกี่ยวพันกับความมั่นคงของประเทศด้วย แต่คำพูดมันไม่ได้ทำให้เกิดภัยหรือผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตหรือร่างกายใดๆ กฎหมายหมิ่นประมาทบุคคล หรือแม้แต่กฎหมายหมิ่นสมัยร.5 ก็ถือว่าพอเหมาะพอควรแล้วด้วยซ้ำ
อ้อคุณบอกว่าโทษการขู่ฆ่า สามารถเที่ยบเท่ากับฆ่าคนตายได้ในบางกรณี ผมอยากให้คุณยกตัวอย่างกรณีนั้นครับ เพราะยังไม่เห็นประเทศที่เจริญแล้วที่ไหน มีโทษเท่ากัน แม้แต่ตัวอย่างสหรัฐ หรือราชาณาจักรอื่นๆ ก็ต่างกันลิบลับ มีแต่บ้านเราเท่านั้นแหละที่กำหนดไว้เท่ากัน(ส่วนประเทศเผด็จการแท้ๆ ขอไม่พูดถึงนะครับ เพราะเราอ้างว่าเราเป็นปชต.นะ) และในตปท. จะเป็นkingหรือ president เขาก็มองว่าอำนาจเท่ากันคือเป็นประมุขของรัฐ(head of state) แค่แตกต่างกันที่ระบบหรือชื่อเรียกเท่านั้นเอง กฎหมายต่างๆมันก็ล้อตามกันนั่นแหละ
ผมคิดว่าการกำหนดฐานความผิด112 นี้ไม่เหมาะสมอย่างรุนแรง และการเพิ่มโทษสองครั้งในสมัยรปห. มันก็ไม่มีความสมเหตุสมผลและความชอบธรรมใดๆ สักนิดเดียว คุณพยายามอ้างว่าคนส่วนใหญ่ยังเห็นว่ามันเหมาะสม ผมก็ถามกลับไปในคคห.ก่อนไงครับ ว่าจะวัดได้อย่างไร? เพราะจุดเริ่มต้นมันก็ไม่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่เลยสักนิดเดียว และการแก้ไขนี้ถูกกดจากอำนาจด้วยความกลัวอยู่ตลอดเวลา? การอ้างย้อนกลับว่าไม่มีคนกล้าแก้ แสดงว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วย ผมคิดว่ามันไม่จริง!
ผมเห็นมีแต่คนพูดถึงประเด็นนี้นะครับว่ากฎหมายมีที่มาไม่ดีจึงไม่ควรเคารพ อันนี้โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยเท่าไรนัก เพราะหากประชาชนส่วนใหญ่พิจารณาแล้วว่ากฎหมายไม่ดี ทำไมผู้แทนของประชาชนเหล่านั้นที่ได้รับเลือกตั้งเข้าไปอยู่ในสภาผ่านระบอบประชาธิปไตยจึงไม่เสนอเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายที่คุณเรียกว่าไม่สมบูรณ์ตามหลักนิติธรรมนั้นเสีย
ทำไมรัฐบาลจึงไม่เสนอแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ ? หรือเพราะเขารู้ว่าประชาชนอีกจำนวนมากยังเชื่อถือในกฎหมายหมายมาตรานี้อยู่ หากเสนอเปลี่ยนแปลงแก้ไขแล้วอาจจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งสมัยหน้าได้ ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนั้นสรุปแล้วว่ากฎหมายนี้มีความชอบธรรมพอที่จะถูกเคารพตามหลักประชาธิปไตยหรือไม่ ?
โดยส่วนตัวผมไม่มีปัญหานะถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงกฎหมายมาตรานี้ แต่ในเมื่อส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชนไม่พยายามที่จะแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ ผมก็ต้องเคารพเสียงส่วนมากของประชาชนในประเทศครับ
That is the way things are.
เอ่อ แยกประเด็นให้ดีนะครับกฎหมายนี้ถูกแก้ไขเพิ่มโทษอย่างรุนแรงถึงสองครั้ง ระหว่างการรัฐประหาร นั่นแสดงว่าที่มาของกฎหมายนี้ไม่ได้ผูกโยงกับคนส่วนใหญ่ของชาติเลยสักนิดเดียว(มาจากปากกระบอกปืนล้วนๆ) จะอ้างได้อย่้างไรว่ากฎหมายมันสมบูรณ์ในตัวเอง เพราะไม่มีคนพยายามแก้ไข?
อันที่จริงถ้าเราอ้างว่าเราปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบยึดถือรัฐธรรมนูญไว้สูงสุด เราต้องไม่ยอมรับกฎหมาย หรือคำสั่งใดๆ ที่มาจากอำนาจที่ไม่ใช่อำนาจประชาธิปไตยเลยด้วยซ้ำครับ แต่เรื่องนี้พูดยาก เพราะฝ่ายตุลาการเราดันยอมรับคำสั่งคณะรปห.ว่าสมบูรณ์ตามอำนาจการปกครอง มาตั้งแต่การรปห.ครั้งแรกๆนู่นเลย(เรารปห.มาสิบครั้งแล้วนะ!)
ส่วนการแก้ไข ผมก็สนับสนุนให้แก้ด้วยระบบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เข้าใจว่าไม่เคยมีใครกล้าแตะ เพราะคนที่แตะโดนอะไรไปบ้่าง ถ้าลองหาข้อมูลเหตุการณ์ การฆ่าล้างบางนักโทษการเมืองสมัยสฤษดิ์ หรือการไล่ฆ่านักศึกษา 2519 คงเ้ข้าใจดี(และเป็นเหตุให้เขาเพิ่มโทษเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจัดศัตรูทางการเมือง)และยังมีคำขู่อีกเรื่อยๆจากสีเขียว ว่าจะไม่ยอมถ้าแตะ้ข้อกฎหมายพวกนี้ เป็นคุณจะไม่กังวลหรือ เมื่อนายทหารผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการรปห.เมื่อไม่ี่กี่ปีก่อน ออกมาขู่กันแบบนี้?
จริงๆประเด็นกฎหมายเก่าล้าสมัย และยังไม่ถูกแก้ไขยังมีอีกมาก ตัวอย่างประเทศที่เจริญแล้ว แบบประเทศทางยุโรปที่มีระบบกฎหมายมาก่อนเราหลายร้อยปี เขาก็ไม่ได้ไล่แก้ไขกฎหมายเก่าๆที่ล้าหลังทั้งหมด แต่เขาจะใช้หลักเทียบเคียงกับกฎหมายในปัจจุบัน โดยยึดถือตามหลักรธน. และหลักสิทธิมนุษยชนสากลครับ ผมยกตัวอย่างไปแล้วว่า ประเทศที่ปกครองแบบราชอาณาจักรในยุโรป มีกฎหมายแบบนี้มายาวนานกว่าเรา แต่เขาก็ไม่ได้แก้ไขออกไปหมด ทว่าใช้วิธีปรับลดการตัดสิน ให้เทียบเคียงกับกฎหมายสมัยใหม่ที่เท่าเทียมและเป็นธรรมกว่าแทน
กฎหมายมีไว้เพื่อสร้างความสงบสุขของสังคม ควรที่จะผูกยึดโยงจากอำนาจของประชาชนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่ยอมรับจากอำนาจปืนและบูชาไม่ลืมหูลืมตาครับ
ป.ล. คุณปรีดี พนมยงค์ ถูกรปห.และโดนขับไล่จากประเทศไทย ด้วยการใส่ร้ายว่าคุณปรีดีทำผิดกฎหมายที่คล้ายกับมาตรา 112(สมัยนั้นยังไม่มี 112)และผู้ที่จุดประเด็นด้วยการจ้างคนไปตะโกนในโรงหนัง ว่าปรีดีฆ่า...ก็คือคนของพรรคชื่อเดียวกับ พรรคของคนที่เป็นคนฟ้องร้องอากงนี่แหละ มันแปลกดีไหมที่ฝ่ายที่นิยมใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือ เป็นคนกลุ่มเดิมๆ?
ผมเข้าใจและแยกแยะดีแล้วครับระหว่างที่มาของกฎหมายกับการดำรงอยู่ของกฎหมาย ผมไม่เข้าใจผมพิมพ์อะไรไปใน comment ก่อนจึงทำให้คุณคิดว่าผมยังไม่สามารถแยกแยะ 2 สิ่งนี้ออกจากกัน ผมรู้ประวัติศาสตร์ในระดับหนึ่งรู้ว่ากฎหมายมาตรานี้กำเนิดอย่างไร มาจากใคร แต่ที่ผมต้องการจะถกเถียงคือเรื่องที่ว่า "หากกฎหมายนี้มีปัญหาจริงทำไมมันจึงอยู่ในระบอบประชาธิปไตยของประเทศเรามาได้อย่างยาวนาน"
การที่ส.ส.ยอมรับไม่แก้ไขกฎหมายมาตรานี้มันเทียบเท่ากับประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับกฎหมายมาตรานี้หรือเปล่า เพราะในระบอบประชาธิปไตยส.ส.คือตัวแทนของประชาชนในแต่ละพื้นที่
นี่คือมุมมองของผม ... นี่คือการเคารพเสียงส่วนใหญ่ในรูปแบบของผม ...
กรุณาเลิกใช้คำพูดดูถูกประเภท "บูชา" "ไม่ลืมหูลืมตา" ได้แล้วครับ เพราะในเมื่อคุณไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าการที่ตัวแทนของประชาชนไม่ยอมเปลี่ยนแปลงกฎหมายนี้มาเป็นระยะเวลาหลายสิบปีนั้นเกิดจาก "ความกลัว" หรือ "นั่นเป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องการอยู่" กันแน่
สุดท้ายอย่างที่เน้นไว้ตลอดครับ ผมไม่มีปัญหาที่จะแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ เพียงแต่ไม่เคยมีตัวแทนของประชาชนคนไหนยอมทำสักทีเท่านั้น และผมเลือกที่จะเชื่อว่าที่พวกเขาไม่ยอมทำเพราะพวกเขาทำตามความต้องการของประชาชนที่เลือกเขาเข้ามาครับ
That is the way things are.
ตอบช้าเพราะโควต้าหมด ^^
การกล่าวอ้างว่า ในเมื่อไม่มีใครคิดแก้ไข แสดงว่าเป็นการยอมรับโดยประชาชนส่วนใหญ่ ผมว่าเป็นการกล่าวอ้างย้อนกลับที่ไม่สมเหตุสมผลนะครับ
เพราะ
1.ความรุนแรงของบทลงโทษในกฎหมายนี้ ไม่ได้เริ่มต้นมาจากประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศ
2.มีกฎหมายโบราณอีกมาก ที่ไม่ถูกแก้ไขย้อนหลัง ไม่ว่าคนส่วนใหญ่จะรับรู้การมีอยู่ของมันหรือไม่ หรือแม้แต่ไม่ถูกนำมาบังคับใช้แล้วก็ตาม
3.เคยมีความพยายามจะแก้ไข แต่ถูกรปห.ไปเสียก่อน(อันนี้ให้ดูตามประวัติศาสตร์นะครับ)
การที่มันดำรงมาได้ โดยไม่ถูกแก้ไข ไม่ใช่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่อยากแก้ไข แต่อาจเป็นเพราะเงื่อนไขพิเศษอื่นๆอีกมากมาย ที่เคยเกิดขึ้นตะหาก
ที่ผมใช้คำว่า"บูชา" เพราะกฎหมายนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อสร้างความกลัวจริงๆน่ะสิครับ ถ้าคุณจำ 6 ต.ค.2519ได้ เขาก็กล่าวอ้างเพื่อฆ่าคน และคณะรปห.เพิ่มโทษกฎหมายนี้เพื่อกำจัดนักศึกษาที่เหลืออยู่ มองในแง่นี้แล้วก็ไม่ต่างจากการที่ผู้ที่ใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือบังคับให้ผู้อื่น"บูชา"ตัวกฎหมายเป็นของศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
และความกลัวนี้ยังไม่ห่างหายไปง่ายๆ ขนาดโลกยุคใหม่นักวิชาการผู้นำเสนอการแก้ไขอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ยังโดนอำนาจเถื่อน บุกไปทำร้ายร่างกาย โดยอ้างว่าเพื่อกระทำความดีอยู่เลย (ที่น่ากลัวกว่าคือ ภริยาของอดีตรัฐมนตรีท่านนึง ประกาศความสะใจกับเหตุการณ์ และอยากทำร้ายร่างกายเพิ่มผ่านทาง FB คิดดูว่าขนาดelite ระดับเครือข่ายผู้บริหารประเทศ ยังถ่อยขนาดนี้ แล้วคนเถื่อนจริงๆจะถ่อยขนาดไหน?)
หรือจะพูดมุมกลับได้ว่า ถ้าบางกลุ่มบางฝ่ายที่"ถือปืน"เขาไม่ยอม สุดท้ายก็แก้ไม่ได้อยู่ดี ก็อย่างการล้มล้างรธน.ที่มีความผิดโทษประหารชีวิตตรงๆ นักกฎหมายและนักวิชาการหลายคนก็ยังยอมรับการกระทำที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ปีนั้นได้และแกล้งลืมไม่พูดถึง(มันหมายความว่าเรายอมรับการล้มล้างรธน.ว่าเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่?) และบูชาผู้ที่กระทำผิดโทษประหารชีวิต ว่าเป็นรัฐฐาธิปัติย์ มีอำนาจออกกฎหมายได้ตามใจชอบ แม้ว่าจะออกกฎหมายขัดหลักนิติธรรมแค่ไหนได้อยู่เลย?(กรุณาอย่ายกว่าการลงประชามติรับรองรธน. ระหว่างการประกาศพรก.ฉุกเฉิน 45จังหวัดห้ามให้ข้อมูลโต้แย้ง เป็นการลงประชามติตามระบอบประชาธิปไตยนะครับ :P)
อ้อคุณลืมผบ.ต่างๆที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรปห.ตบเท้าออกมาให้ความเห็นขัดขวางการแก้ไขกฎหมาย หรือเปล่าครับ? ผมเห็นเขาลงข่าวทุกเจ้านะ มันไม่ใช่การขู่ด้วยความกลัวตรงไหน?
ผมเข้าใจคุณนะครับแต่ผมก็ยังเชื่อแบบผมอยู่เหมือนเดิม เพราะผมคิดว่าหากคนเราต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่งจริง ๆ มันไม่มีอะไรขัดขวางพลังของความตั้งใจของประชาชนได้หรอกครับ ที่มันยังขัดขวางได้อยู่ก็เพียงเพราะเราไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นมากจริง ๆ ต่างหาก
ยกตัวอย่างเช่น บางคนก่อตั้ง page สนับสนุนการแก้กฎหมายมาตรา 112 โดยที่ไม่ได้กลัวผลกระทบนอกระบบแต่อย่างใด หรือนักวิชาการบางท่านก็เลือกที่จะนำเสนอแนวทางแก้ไขมาตรานี้ออกมา จัดประชุมสัมนากระจายความรู้หลายครั้ง แม้จะโดนทำร้ายร่างกายไปบ้างแต่ผมว่าเขาก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงกฎหมายมาตรานี้หรอกครับ ทีนี้บังเอิญว่าคนกลุ่มนี้ยังเป็นคนกลุ่มน้อยในสังคมอยู่ พลังในการผลักดันมันจึงยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนอะไรจริงจัง การที่มีเฉพาะคนส่วนน้อยที่กล้าทำอะไรแบบนี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ยังต้องการอยู่น่ะครับ
ผมเข้าใจการออกมาขู่กลาย ๆ ของผบ.ทั้งหลายตามข่าวดีครับ แต่การที่เขาออกมาขู่แล้วไม่มีคนทำสิ่งที่เขาห้ามไว้ มันไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นเขากลัวคำขู่นี่ครับ ? คนเหล่านั้นเขาอาจจะเลือกที่จะทำอย่างนั้นอยู่แล้วโดยไม่ได้สนใจคำขู่ก็ได้
ผมยังยืนยันความคิดเดิมครับ ถ้าตัวแทนประชาชนไม่ทำและประชาชนยังคงเลือกคนนั้นเป็นตัวแทนอยู่ตลอดเหมือนเดิม การที่เขาไม่ทำนั้นก็คือสิ่งที่ประชาชนต้องการครับ ลองคิดในมุมกลับกันดูสิครับว่าถ้าผู้แทนรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองจะทำนั้นเป็นสิ่งที่ประชาชนที่เลือกเขาเข้าไปต้องการมาก ๆ แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่ทำครับ ในเมื่อมันคงการันตีเก้าอี้ของเขาในสมัยหน้าได้เห็น ๆ
สมมติว่าตำรวจโบกรถผมให้จอดแล้วถามว่าผมดื่มเหล้ามาหรือเปล่า ผมบอกไม่ได้ดื่ม ตำรวจก็บอกว่าอย่าให้เห็นว่าดื่มแล้วขับรถนะเพราะจะจับแน่ ๆ ผมก็โอเคไม่ดื่มแล้วขับจริง ๆ เมาไม่ขับ ผมขอถามคุณว่าการที่ผมเมาไม่ขับนี่แปลว่าผมกลัวคำขู่ของตำรวจ ? หรือเป็นเพราะผมคิดเองได้ว่าการดื่มแล้วขับมันอันตราย ไม่ดีต่อทั้งตัวเองและคนอื่น ผมจึงเลือกที่จะเมาไม่ขับ ?
คำตอบคือ ... คุณไม่มีทางรู้ความคิดของผมเพราะคุณไม่ใช่ผมครับ
That is the way things are.
ส่วนนี้เห็นตรงกันครับ ถ้าอยากให้เปลี่ยนแปลง เราต้องเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผ่านระบบรัฐสภาที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย แม้ว่าประวัติศาสตร์บ้านเราที่ผ่านมาจะบอกแล้วว่า คนถือปืนมีอำนาจที่สุดและขัดขวางการแก้ไขนี้เสมอมา รวมไปถึงเหล่า ซอมบี้Riot ที่ถูกeliteปลุกขึ้นมาไล่ฆ่าคนอื่นอย่างไรเหตุผล(เช่นภริยาอดีตรมต. ที่สะใจและยุยงให้ทำร้ายร่างกายนักวิชาการอยู่เนืองๆผ่านFB)
แต่ไม่เห็นด้วยตรงที่ว่า การที่ยังไม่มีใครกล้าออกมาเรียกร้องดังๆกลุ่มใหญ่ แสดงว่าคนส่วนใหญ่เขายอมรับมันได้แล้ว เพราะอย่างที่บอกไป คดีนี้มันเป็นtaboo คนทั่วไปยังเข้าใจผิดๆอยู่เลยว่า ถ้าออกมาเรียกร้องให้แก้ไข อาจโดนข้อหาหมิ่นฯเสียเอง(เป็นเพราะกลุ่มการเมืองอีกกลุ่ม ที่คอยชี้นำขู่ผิดๆไปด้วย)แถมยังเสี่ยงต่อการโดนทำร้ายร่างกายจากเหล่าซอมบี้ riotเสียอีก ผู้กล้าในโลกจริงๆมีน้อยเสมอครับ
อย่างที่ผมเปรียบเทียบกับการรปห.ที่มีโทษถึงประหารชีวิต คุณว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่? ถ้าจะอ้างการลงประชามติ ก็ต้องบอกว่า เขาส่งทหารหลายหมื่นนาย ลงพื้นที่ทำปจว.ข่มขู่แกนนำชุมชน ข่มขู่ลูกน้องในสังกัดให้โหวตรับ ประกาศพรก.ฉุกเฉิน ห้ามชุมนุมเกิน5คนในพื้นที่ 45จังหวัดทั่วประเทศ และไล่ปิด จับกุม วิทยุชุมชน เวบไซต์ที่ให้ข้อมูลต่อต้านรปห.อยู่ตลอดเวลา นั่นแสดงว่าเขาพยายามปิดกั้นการแสดงออกหรือการแปลกเปลี่ยนความคิดเห็นในที่สาธารณะแทบจะสิ้นเชิงก็ว่าได้ แต่ขนาดลงทุนไปเยอะขนาดนี้แล้ว ผลประชามติยังชนะแค่เฉียดฉิว(ชนะกันแค่หลักหน่วย% นะถ้าจำไม่ผิด)
คือเราไม่สามารถบอกได้ว่า คนส่วนใหญ่ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ตราบใดที่เรายังไม่มีเวทีสาธารณะที่มีเสรีภาพมากพอครับ การที่เรายังมีคำขู่เรื่องการดำเนินคดี112แม้จะเป็นการแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการ หรือคำขู่การทำร้ายร่างกายจากเหล่าelite มันก็ยากที่จะให้ประชาชนคนส่วนใหญ่ ได้มีโอกาสเข้าถึงข้อเท็จจริง และตัดสินใจเลือกมันอย่างมีเหตุผล ฉะนั้นจะอ้างย้อนกลับว่าการที่ตัวกฎหมายยังดำรงอยู่ได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังสนับสนุนไม่ได้ครับ
แต่ที่เราพูดได้แน่นอนก็คือ ที่มาของกฎหมายที่ไม่ถูกต้อง มันไม่ได้มาจากประชาชนส่วนใหญ่ และขัดกับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยในตัวเองอยู่แล้ว(ซึ่งมันก็แปลกๆตั้งแต่ยอมรับรธน.ที่มาจากคำสั่งคณะรปห.มานานแล้วนั่นแหละนะ :P)
รู้สึกเฉยๆ เหมือนกัน
ผมเห็นใจนักโทษอีกหลายคนมากกว่า เท่าที่รู้ได้ยินข่าวว่า ป่วยตายในคุกหลายครั้งแล้วนะครับ
ตอนที่เค้าทำผิด เค้าไม่ได้คำนึงถึงว่าตัวเป็นโรคอะไรอยู่ หรือมีผลอะไรกับตัวเองนี่ครับ
รู้ได้ไงครับ ว่าเค้าทำผิด เป็นหมอดูเหรอ
แล้วเราจะมีศาลไว้ต้มมาม่าหรือครับ เพราะคดีเหล่านี้ส่วนมากแล้ว ที่ตัดสินจำคุก ก็อาญาทั้งนั้น
ลืมคดี เชอรี่แอน ดันแคน ไปหรือยังครับ?
แพะสามคนถูกตัดสินโทษประหารในศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ แต่พลิกกลับมายกฟ้องตอนฎีกา เพราะพิสูจน์ได้เรื่องพยานเท็จ แต่กว่าคดีจะสิ้นสุด ก็ผ่านไปนับสิบปี แพะป่วยตายในคุกไปเกือบหมด เหลือรอดมาแค่คนเดียว แต่บ้านแตกสาแหรกขาด ญาติตายหายสาปสูญหมด
ที่สำคัญ คนปั้นพยานเท็จ และพยานเท็จไม่โดนดำเนินคดีใดๆ แม้จะเป็นเหตุทางอ้อมให้ผู้บริสุทธิ์ตายถึงสองคน!
การกระทำใดๆที่เกิดจากคนย่อมเกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ เขาเลยมีให้ถึงสามชั้น เพื่อจะลดความเสี่ยงตรงนี้ลง เราจึงไม่อาจฟันธงหรือตัดสินว่าใครผิดได้โดยง่ายครับ
ก็ได้แต่แช่งครับ ถ้าไม่ผิด ก็จงไปสวรรค์ ถ้าผิดจริง ก็ตามนั้นแหละ
ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่น ก็พูดง่ายครับ "ได้แต่แช่งเอา"
ที่คนจำนวนมากคัดค้าน เพราะเกรงว่า วันนึงจะเกิดขึ้นกับ ตนเอง หรือ ญาติมิตรครับ
ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจแล้ว( จากคดี เชอรี่-แอน )ว่า กระบวนการศาลไม่ใช่สิ่งที่การันตีความถูกต้องได้ 100% เสมอไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การไม่พิสูจน์ให้สิ้นสงสัย
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอันนี้ครับ
ถ้ากลับไปอ่านคดีความของอากง จะรู้ว่าอุทธรณ์ไปก็ไม่มีประโยชน์นะครับ เพราะการอุทธรณ์จะไม่มีการเรียกหลักฐาน หรือสืบพยานเพิ่มแล้ว จะใช้สิ่งที่สืบไปก่อนแล้วมาตัดสินใหม่อีกครับ และถ้าดูจากพยานและคำให้การทางฝั่งอากงแล้ว มันไม่มีทางที่จะเอามาใช้ได้เลยนะครับ เพราะทั้งคำให้การและพยานหลักฐานทางฝั่งอากงมันใช้ไม่ได้ในศาลและไม่มีน้ำหนัก ทางเดียวที่จะหลุดได้คงจะต้องหาให้ได้ว่า หลักฐานและคำให้การทางฝั่งโจทเป็นเท็จ
เป็นคดีที่สะท้อนระบบยุติธรรมและกระบวนการสืบสวนได้ดีเลยครับ
อีกคดีนึงคือคดีเพชรซาอุในช่วงการสืบสวนของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ซึ่งก่อให้เกิดกรณีอุ้มฆ่สองแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์ ทำให้ผมได้เห็นการสืบสวนที่โหดร้ายเพียงเพื่อจะรีดให้ได้ซึ่งคำตอบ ช่างเป็นกระบวนการสืบสวนที่น่ากลัวจริงๆ
ผมเห็นใจเล็กน้อยตอนเห็นจดหมาย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องนี้ ประเทศเรามีอะไรไม่ตรงไปตรงมาอีกเยอะ เพียงแต่เรื่องนี้มันค่อนข้างเกี่ยวข้องกับคนไทยเกือบทุกคน แต่ผมไม่มีความรู้ และไม่มีเวลาไปตามข่าว ให้คนที่มีความรู้ดำเนินการไปดีกว่า
ขอให้ไปสู่สุคติแล้วก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยครับ
คนเขารอร่วมแห่ศพอากงกันเยอะเชียว รถติดไปทั่วกรุง
ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ อากง ด้วยครับ
:: DigiKin8 ::
คนโพสรูปมาการเมืองอีกละ
ผมคอมเมนเตือนแล้วครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
คลายเครียดด้วยข่าวนี่ อากง SMS >> https://www.facebook.com/photo.php?fbid=359405304118370&set=a.237603262965242.57566.237325882992980&type=1&theater
ควายดักควาย
อ่าน(เม้นท์)ในนั้นแล้วยิ่งเครียดครับ คือ...หลายคนเชื่อสนิทว่ามันเป็นเรื่องจริง!
* ลมใส่ *
RIP ครับ
และผมก็ขอพูดคำเดิมเช่นเดียวกันคือ "รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดเป็นคนไทย..... "หวังว่าคงไม่มีคนไล่ผมออกไปอยู่ประเทศอื่นนะครับ :P
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
ไม่ใช่ญาติท่าน หลายๆท่านก็คงเฉยๆ น่าเห็นใจ ญาติๆ อากงครับ
ผมรักในหลวงครับ เสียใจด้วยนะครับญาติผู้ตายนะครับ แต่ใครรว่าไม่ยุติธรรม ผมไม่เห็นด้วยครับ ผลของความยุติธรรมบนกระดาษอาจจะพลิกแพลงได้ แต่ผลของกรรมที่ท่านได้ทำไป มันถูกต้องแล้ว แต่มันอาจจะมาเร็วไปหน่อยยไม่ต้องรอชาติหน้า แค่นั้นเองไม่โหดร้ายเลย
+1
มันมาไวจริงๆครับ ไม่ต้องรอคดีถึงที่สุด
+1000 ให้เวรกรรมที่ตามทันคนที่เนรคุณต่อบุคคลที่มีพระคุณต่อแผ่นดิน
+10000
ความเห็นนี้น่าสนใจมาก
สมมุติว่าอากงเค้าทำผิดตามที่ศาลวินิจฉัยจริง
แปลว่าการส่ง SMS หมิ่นประมาทบุคคลคนหนึ่งนี่มีผลกรรมคือเป็นมะเร็งตายในคุกเลยหรอครับ?
คนรักในหลวงนี่ใจดำอำมหิตดีจังเลยนะครับ แถมการรักในหลวงนี่เหมือนราวกับว่าพูดแล้วก็ได้อาญาสิทธิ์สวรรค์มาชี้ขาดตัดสินได้ด้วยนะว่าใครสมควรตายหรือไม่
ผมรักในหลวงครับ แหม! พิมพ์แค่ 4 คำนี้ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดีขึ้นมาเลย
อาวุธถูกนำไปฆ่าคนได้โดยที่อาวุธไม่มีความผิด ดังนั้นใครจะทำลายซึ่งอาวุธนี้มิได้
มันน่ากลัวตรงจะด่าคนอื่น แต่ขึ้นต้นประโยคด้วย "ผมรักในหลวงนะ" เนี่ยแหละ
อยู่ที่คุณประมาณค่าของคำเหล่านี้มากกว่าคับ
แล้วคุณใจดำอำมหิตหรือเปล่าครับ คงไม่สินะ
ผมเป็นคนใจดี แต่เพราะประเทศเราเป็นแบบใจดี เลยเน่าแฟะ แบบวันนี้ ใครคิดจะทำไรก็ได้ เผาตอนไหนก็ได้ แถมตาย บาดเจ็บยังได้ 7.5 ล้านซะด้วย
มีเท่าไหร่บวกให้หมดเลยฮะ แซบเว่อร์
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
แหม ผมเกลียดพวกไม่มีศาสนา แค่นี้ผมก็ได้เป็นเทวดาแล้วครับ
55+
+1พันล้านให้เลยครับคุณ terminus
+1
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ไม่เห็นด้วยครับ เอาเรื่องบาปเรื่องกรรมมาโยงกับคดี ผมว่าไร้สาระมากๆเลย
ตรรกะนี้คุ้นๆ คล้ายอดีตเมื่อ 36 ปีก่อน
ใช้สมองโง่ๆ ของผมถอดรหัสซับซ้อนซ่อนเงื่อนได้ความหมายที่ผมคิดไปเองว่า "ถ้าอากงแกทำจริงแกก็สมควรตาย เพราะคุณทำผิด คุณจึงต้องตาย" รึเปล่าครับ ผมเข้าใจถูกไหมฮะ?
ตรรกะป่วยๆครับ ถ้าเรื่องบาปบุญ กรรมทัน มันมีจริงๆ ทำไมเราไม่ตรากฎหมายแบบเหตุการณ์ในรามเกียรติ์ไปเลยล่ะครับ
เวลามีคนมาฟ้องอะไรก็ตาม ให้ลุยไฟพิสูจน์เอาครับ สวรรค์ต้องช่วยเหลือคนถูกต้องแน่นอน
หรือถ้าสมัยใหม่ก็ให้ยิงหัวไว้ก่อนเลย เดี๋ยวผลบุญก็ทำให้ลูกปืนด้านเอง
ผมเห็นด้วยนะ เอาลูกปืนยิงหัวให้หมด ใครรอดถือเป็นผู้มีบุญ
แล้วเราก็มาดู ว่าผู้เกี่ยวข้องมันจะรอดซักกี่คน
ประเทศไทย มันวิบัติ ถามว่าทำไมมันวิบัติ ผมบอกได้เลยครับ ไม่ใช่เพราะนักการเมืองหรอก
แต่เป็นเพราะประชาชนนี่หละที่ทำให้มันวิบัติ
ประชาชนเป็นอย่างไรนักการเมืองก็เป็นอย่างนั้นหละ ไม่ได้ดีกว่ากันหรอก
คุณเอาปืนยิงหัวตัวเองให้ดูหน่อยครับ อนุมานจากคำพูดของคุณที่รังเกียจจากสุดขั้วหัวใจ
ผมเชื่อว่าคุณไม่เคยฝ่าฝืน 112 สวรรค์ต้องช่วยคุณแน่ๆ
+1 ครับ สวรรค์ต้องช่วยแน่ๆ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
rip ให้อากงด้วยเช่นกัน และก็ ไว้อาลัยให้กับความเท่าเทียมกันในสังคม
เมื่อนวานดูฟรีทีวี มีรายงานข่าวอากงเป็นเพียงบทบรรยายสั้นๆ เสียงสัมภาษณ์ก็ไม่มี แต่อีกสื่อก็ประโคมราวกับวาระแห่งชาติ
ติดใจอย่าง การแห่ศพ มันทำเพื่อประจานมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันถึงได้มีคำว่าแห่ศพประจาน เดียวนี้คนเราเป้นอะไรกันไปหมด
พวกนี้เขาเล่นศพมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีคนตายนี่ชอบนักแล
เค้าประจานอย่างอื่น ที่ไม่ใช่ศพครับ
การแห่ศพจะมีก็ต่อเมื่อผู้เสียชิวิตมีคุณต่อคนหมู่มาก เหมือนดังการแห่พระศพพระพี่นางเมื่อไม่นานมานี้ เพราะท่านทรงกระทำคุณประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน หากคุณโพสต์แบบนี้มันเป็นการไม่ให้เกียรติแก่ผู้ที่จากไปและแสดงถึงความไม่รู้ไม่เข้าใจโลกที่คุณอยู่ อีกอย่างถ้าเวลานั้นมาถึงคุณแล้วไม่มีญาติมาแห่ศพคุณเลยก็แสดงว่าคุณเป็นเพียงชีวิตที่ถูกลืมไม่มีคุณค่าให้ระลึกถึงเลย
มีคนแห่ศพสตีฟจ็อบไหมนะ
ผมเป็นพวก windows กะ android อ่ะ ไม่ขอแสดงความเห็น
เอามาเทียบผิดคนแล้วมั้งครับ จ็อบเค้าทำเพื่อธุรกิจของเค้า ไม่ได้ทำเพื่อคนอื่นนะครับ
เช่นกัน
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
RIP อากง ขอให้ไปสู่สุคติ
RIP ให้อากงครับ สู่สุขคติครับ
Comment : ผมล่ะสงสัยจริงๆ อากงมาเสียได้ถูกจังหวะพอดีเลยนะครับ ช่วงเค้ากำลังเถียงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญพอดีเลย
แบบนี้ฝ่ายไหนได้ประโยชน์ไป เหมือนเติมเชื้อเข้าไปใหญ่ ได้ทีมันเอาใหญ่เลย พรุ่งนี้จะเดินทางก็ตรวจเส้นทางก่อนนะครับ รถจะติดมากๆเลย
ผมว่าก็แฟร์ๆนะ อีกฝ่าย เอาสถาบันมาเป็นเครื่องมือ อีกฝ่ายก็ยกคนตายมาเป็นเครื่องมือบ้าง คนละหมัด
อ่านคอมเมนต์นี้แล้วสงสารอากง โดนยกเทียบชั้นยุทโธปกรสำหรับต่อสู้ทางการเมือง
รึว่าไม่จริง?
ไอ้พวกที่บอกว่ามาร้องไห้ ถามจริงๆ เหอะครับ ถ้าไม่ใช้ญาติ จะมีคนแอบยิ้มที่ กฏหมาย 112 ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงกี่คน
ตรงไหนคือข้อเท็จจริงครับ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
มะเร็งระยะสุดท้าย อยู่ได้ประมาณ 6เดือน +อยู่ในคุกสภาพแวดล้อม และการรักษาคงไม่เท่าข้างนอกแน่นอนแหละ มันก็น่าจะสั้นลง แต่ปัญหาคือรู้กันก่อนรึปล่าว แต่ที่แน่แน่ทางครอบครัวน่าจะรู้อยู่ก่อนแล้ว
RIP ขอให้ไปสู่สุขติ
ผมสงสัยในระบบยุติธรรมมากกว่า เรื่องอากงตายมีแต่คนเล่นไม่ตรงประเด็น เอาจริงๆแล้วคำพิพากษาที่ศาลตัดสินเนี่ยถูกต้องแล้วหรือ เพราะหลักฐานเนี่ยค่อนข้างคลุมเครือ แม้แต่ตำรวจยังให้ความเห็นว่า"เชื่อว่า" จริงๆแล้วต้องยกฟ้องนะครับ แต่เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของสถาบันที่แตะไม่ได้ จึงต้องมีการตัดสินโทษ ทั้งนี้คดีนี้ยังถูกเอาไปโยงทางการเมืองโดยพรรคปชป. จึงทำให้ตอนที่เกิดคดีขึ้นครึกโครมพอสมควร การตัดสินออกไปในทางที่ รีบพิจารณาหาคนผิด แต่เอาเถอะครับ จากประวัติศาสตร์หลายๆด้าน ผมว่าทุกวันนี้ผมได้มาเล่นเนตความเร็วสูง เสพของตะวันตกได้ ก็บุญแค่ไหนแล้ว
โดยหลักการแล้ว คดีอาญาถ้าไม่สามารถพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยได้ว่าจำเลยผิดจริง (อ่านจากบทความเครื่องความเห็นเชิง technical ที่คุณ lew เขียนไว้ได้) ต้องยกประโยชน์ให้จำเลยครับ มีกรณี 112 นี่แหละ ที่ศาลพิจารณาแบบที่สงสัยว่าผิดจริงไว้ก่อน แล้วจำเลยต้องพิสูจน์ตัวเองว่าบริสุทธ์ ซึ่งประเทศอารยะที่ไหนๆ เค้าไม่ทำกันแบบนี้ครับ
pittaya.com
ศาลชั้นต้นตัดสินว่าผิดไปแล้ว อยู่ในขั้นตอนอุทรธ์ แต่จำเลยมาตายไปเสียก่อน อย่างนี้กระบวนการศาลนี่ยังไงต่อ ศาลจะค้างคดีไว้อย่างนั้นหรือว่าตัดสินต่อจากหลักฐานเท่าที่มีให้คดีจบ
ผมยังไม่กลัวกฎหมายเท่าความคิดคน แค่คอมเมนต์ในกระทู้นี้ก็ไม่ไหวแล้ว สาปแช่งคนอื่นให้ตายได้หน้าตาเฉย
น่ากลัวนะ ถ้าต้องเจอกับคนแบบนี้ในชีวิตจริง ต้องอยู่ห่างๆเก้าอี้เอาไว้
+1984
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
+1
ความคิดคนแถวนี้
อารมณ์คล้ายๆ พวกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เลยแหะ
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ขอ chair นะ
กระทิงแดง, นวพล?
ทำไมต้องห่างๆ เก้าอี้อ่ะ
ผมต้องห่างๆ โต๊ะ เพราะกลัวเป็นแบบนี้ (╯°□°)╯︵ ┻━┻
ทำไมคุณไม่ลองส่งsmsบ้างละครับ จะได้รู้ว่ากม.ม.112หน้ากลัวแค่ไหน คนถูกแช่งไม่เป็นไรหรอกครับ แต่คนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนแช่งถูกขังคุกโดยกม.จนตาย คนแช่งจริงๆก็ยังไม่ทันรู้ว่าเป็นใคร ชื่อของคนตายก็ต้องแปดเปื้อนต่อไปเพราะเค้าไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้คดีได้อีก จะมีคนสืบหาความจริงต่อหรือไม่หรือจะปล่อยให้ตายไปพร้อมอากง
ผมคิดว่าคุณ plyteam พูดถึงคนใน node นะครับ ไม่ได้หมายถึงอากง - -"
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เก้าอี้ไม้สักด้วยนะ ไม่ใช่ไม้สักไม่กลัว เอ๊ะ หรือเก้าอีกพับ จำไม่ได้ละ
RIP อากง
ถ้าถามผมมาตรา 112 ไม่ผิดนะครับ ผิดที่คนเอาไปใช้ต่างหาก
กรณีของอากงผมไม่รู้นะครับ ว่าอากงทำหรือไม่ได้ทำ อยู่ที่กระบวนการสืบสวนสอบสวน และความตั้งใจและความสุจริตของเจ้าหน้าที่ในการสอบสวนมากกว่า ตรงนี้สำคัญครับ เพราะหลายๆคดีก็มีสาเหตแบบนี้ ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก
บางคนกระทำผิดอย่างโจ่งแจ้งก็ไม่เห็นจะโดนอะไร ผมอยากให้คนเหล่านั้นต้องรับโทษมากกว่า
(ความคิดเห็นส่วนตัว) RIP และเสียใจด้วยถ้าอาไม่ได้ทำ แต่ก็ปล่อยไปตามกรรมใช้หนี้แผ่นดินถ้าอาได้ทำจริง ผมไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร ผมไม่สนใจว่า 112 จะร้ายแรงแค่ไหน จะแก้ให้แรงกว่าเดิมหรือเบากว่าเดิมผมว่ามันไม่สำคัญ แต่ผมให้ความสำคัญกระบวนการการหาความจริงมากกว่า ให้สามารถระบุได้ชัดเจนจริงว่าใช่ผมโอเค
น่าสงสารอากงนะครับ ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือตอนนี้ซึงเสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังเป็นเครื่องมืออยู่ดี
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ หลับให้สบายนะครับอากง
คุกมีไว้ขังคน จน คับ คนมีเงิน มีอำนาจ สบายยยยยยยยย
ก็อย่างคดีไอ่ปื้ด ยิง ดาบยิ้ม ดิครับ
ใช่ครับ ท่านอดีตนายก ก็ยังลอยนวลอยู่ ตปท ยังไม่ได้เข้าคุกเลย กระบวนการยุติธรรมไทยนี่มันห่วยจริงๆ
presume innocent เป็นหลัก ก ม ทั่วไปในอารยประเทศ
แต่บางคดี ในบางประเทศ เมื่อเร็วๆนี้เอง ไม่ใช่ยุคโบราณที่ไหน ศาลวินิจฉัยว่า
"โดยศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีกับพยานหลักฐานที่ศาลชั้นต้นได้พิจารณาแล้วนับว่าร้ายแรง ประกอบกับข้อที่จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น ยังไม่มีเหตุเชื่อว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด หากให้ปล่อยชั่วคราว ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยจะไม่หลบหนี
และที่จำเลยอ้างเหตุความเจ็บป่วย ไม่ปรากฏถึงขนาดจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ทั้งราชทัณฑ์ก็มีโรงพยาบาลที่จะให้การรักษาจำเลยได้ทันทีอยู่แล้ว ในชั้นนี้ศาลอุทธรณ์จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง"
นั่นคือ "presume guilty" ใช่หรือไม่ ?
ป.ล. ผมพูดถึงคดีสมมติลอยๆนะครับ ไม่ได้พูดว่าคดีนี้นะครับ
x
ผมว่าปัญหาอยู่ที่การดำเนินการของเจ้าหน้าที่มากกว่าครับ ...
ม. 112 เค้าระบุไม๊ครับว่าห้ามให้ประกันตัวสู้คดี
ถ้าผมเป็นศาลผมก็ไม่กล้าให้ประกันตัวเหมือนกันฮะ เกิดโดนกล่าวหาว่าเป็นพรรคพวกกับพวกล้มเจ้าขึ้นมาก็อนาคตดับดิครับ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เค้าถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงห้ามประกันตัวครับ,,
นั่นเป็นเหตุผลว่าควรแก้กฏหมายมาตรานี้
เพราะกฏหมายนี้จะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งใครๆ ก็ฟ้องได้ เกิดมีเพื่อนไม่พอใจผมแอบเอาโทรศัพท์ผมส่ง SMS
หมิ่นไปที่ใครสักคนละถูกฟ้องขึ้นมา โอกาสที่เราจะได้ยืนยันความบริสุทธิ์แทบเป็นไปไม่ได้
และแทนที่กฎหมายนี้จะใช้เพื่อปกป้องสถาบันจะกลายเป็นนำมาใช้
เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการกำจัดฝ่ายตรงข้ามอีกต่างหาก
สนธิลิ้ม โดน 112 เหมือนกัน ประกันตัวออกมาได้ เดินทางไปต่างประเทศ สบายใจ
นายอำพล ยื่นประกันตัว 8 ครั้ง ถูกปฏิเสธหมด
pittaya.com
ลองเอาเนื้อหาที่สองคนนี้กล่าวถึงมาชั่งน้ำหนักดูซิ
จะรู้ว่าทำไมอีกคนประกันได้ อีกคนประกันไม่ได้
กรณีสนธิลิ้ม คือเอาคลิปเสียงการปราศรัยของ ดา ตอร์ปิโด มาเปิดซ้ำ, กรณีนายอำพลเป็น SMS 4 ข้อความ
ได้เห็นเนื้อหาของทั้งสองคดีแล้วหรือยังครับ? โดยส่วนตัวผมคิดว่าเนื้อหาที่สนธิเอามาเปิดซ้ำนั่นแรงกว่าชัดๆ เลยนะครับ เทียบกับ SMS ที่แค่เป็นคำด่าเฉยๆ
pittaya.com
ผิดกฎหมายมตราเดียวกัน ต้องเอามาชั่งน้ำหนักอะไรอีกครับ ?
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
อยากถามความเห็นหน่อยครับ สมมติว่า ผมเห็นอากงพิมพ์ SMS ที่ว่าจริง อากงติดคุกเพราะความผิดจริง (จบในตัว ก่อความผิด และติดคุกตามความผิดที่ก่อ) "อากงสมควรตาย" รึเปล่า????????
อยากเห็นคำตอบจากใจหลายๆคนใน node นี้เหมือนกัน ว่าจะป่าเถื่อนถึงใจพระเดชพระคุณขนาดไหน
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ผมรักในหลวงครับ และผมคิดว่าการที่ไม่ว่ามนุษย์หน้าไหนบนโลกตาย ไม่เคยเป็นเรื่องดี
ขอให้คุณมีความสุขความเจริญครับ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ขอให้คุณพบความล่มจมครับ
อาจจะเกรียน แต่คนที่ตั้งเป้าไว้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนป่าเถื่อนก็สมควรโดนอวยพรเป็นแบบนี้หละ
ผมอ่านการสนทนาข้างบนแล้วก็ยังอยู่ในความสุภาพแลกเปลี่ยนกันดีนะครับ
ขอให้คุณรักษาความสุภาพและพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ด้วยนะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ผมคืนให้คุณครับ เพราะผมไม่ได้ตั้งเป้า ผมมองจากหลาย comment ว่ามีธงอะไรในใจอยู่แล้ว เลยอยากจะเห็นแบบไม่ fake
แล้วก็ถูกนะครับ ไม่อาจจะหรอก เกรียนเลยล่ะ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ผมก็เห็นธงในใจคุณเหมือนกันว่าอีกฝ่ายเค้าป่าเถื่อน ผมก็อยากเห็นแบบไม่ fake
คนเราจะรุ่งเรืองจะล่มเจริญก็อยู่ที่การกระทำของเราเองเป็นที่ตั้งครับ
คงไม่ใช่ลมปากของใครที่จะทำให้ใครสักคนเจริญหรือล่มจมได้
ผมขอถามคุณ nant หน่อย
วันนี้เป็นอะไร ทำไมเกรียนจังเลยคนที่ตั้งเป้าว่าคนอื่นป่าเถื่อน สมควรล่มจมเลยหรือครับ?แล้วคนที่เที่ยวอวยพรคนอื่นแบบที่คุณ nant ทำอยู่ละครับ สมควรกับสิ่งใด
ผมเตือนสติในฐานะผู้มีแนวคิดบางอย่างร่วมกันนะครับ อย่าหลงไปกับความโกรธครับ
หวังว่าจะเข้าใจ
การตั้งเป้า เหมารวมถือเป็นการกระทำที่เป็นการใช้ตรรกะวิบัติครับ อ้อใช่ครับ คุณไม่รู้หรอกว่าแนวคิดบางอย่างผมเป็นอย่างไร เพราะผมก็เกรียนกับทุกฝ่ายนั่นหละครับ
ใครก็ตามที่ผมเห็นว่าใช้เหตุผลวิบัติ ผมก็มักจะอดใจไม่ไหวจนต้องเกรียนใส่เรื่อยๆ
เดี๋ยวบางคนจะมาบอกว่า "เชิญไปเกรียนที่อื่น" นะครับ
^
^
that's just my two cents.
หลายคน != ทุกคน
คุณใช้เหตุผลวิบัติ สรุปเกินข้ออ้างครับ ผมไม่ได้เหมารวมเลย
ปล. ตรรกวิทยาผมได้ A นะครับ (ฮา)
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
มะเร็งระยะสุดท้าย ยังงัยก็ตายครับ นอกจากจะมีปฎิหารค้นพบวิธีรักษาได้ทัน เพราะงั้นไม่ตายในคุก ก็ตายนอกคุกอยู่ดี
ผมขอตายนอกคุกกับครอบครัวนะ ตายในคุกคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องมันขี้กาก เอ้อ อีกอย่าง ประเด็นผมไม่ใช่ตายในคุกหรือไม่นะ คำถามผมคือ "สมควรตาย" ไหม? ถ้าหากกระบวนการศาลตัดสินแล้วว่าผิดจริง จบ
ผมว่าตรรกะนี้เพี้ยนนะ อากงสมควรตายใหม
ผมพูดให้ได้ครับ
อากง สมควรตาย ถ้าอยู่ในประเทศเผด็จการ
ตรรกะ? นี่มันคำถามมมมมม ไม่ใช่ตรรกะบ้าบออะไรเลย มันคือคำถามมมมมมม
ก็นั่นไง คำตอบ
ps0. ดีมากครับ เกรียนแตกอีกคนแล้ว
ไม่ได้เกรียนแตกครัฟ จะเอาฮา คำถามต่อมาฮะ ในประเทศไทย อากงติดคุก (กรณีสมมติเช่นเคยว่าพิสูจน์ได้ว่าอากงผิดจริง) สมควรตายไหมครับ?
ในความคิดผมนะ และผมก็ไม่มีความรู้ด้านกฏหมายนักหรอก ผมก็คิดตามตรรกะง่ายๆ
ผมว่าไม่มีใครสมควรตายหรอกครับ แต่ไม่มีใครรู้ว่าอากงทำผิดจริงหรือไม่ แต่ด้วยข้อความที่โพสต์มากันเหมือนกับว่าหลักฐานและพยานไม่แน่นหนาพอที่จะเอาความผิดกับอากงได้ ดังนั้นอากงไม่ควรติดคุก
แต่ถ้าอากงผิดจริง ก็ควรติดคุกและรักษาตัวตามกฏหมายที่ระบุไว้ถ้ากรณีนักโทษป่วยระหว่างติดคุก ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ดีก็เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่มาตราแต่อย่างใด
กรณีนี้เป็นแค่กรณีที่มีผลประโยชน์ทางการเมืองและกลุ่มจ้องล้มสถาบัน บางคนก็มีความคิดอิสระเสรี เช่น ทำไมต้องยืนเคารพในโรงหนัง โฆษณาอะไรหนักหนา ถ่ายทอดสดทำไมทุกช่อง เป็นต้น ก็จะถูกมองหรือถูกตัดสินโดยคนอีกกลุ่มว่าเป็นคนไม่รักเจ้า
โดยส่วนตัวกฏหมายมาตรานี้เปิดโอกาศให้คนที่จ้องหาผลประโยชน์นำมาใช้งานเพื่อประโยชน์ส่วนตัวมากกว่า เพราะทุกวันนี้ชายแดนไทยอีสาน-ลาวก็ด่าเจ้ากันอยู่ร่ำไปไม่เห็นจะมีคนไปทำอะไร และมาตรานี้ก็ไม่ได้ทำให้คนไม่เจริญหรือชาติไม่ก้าวหน้า จุดประสงค์หลักก็เพื่อให้สถาบันกษัตริย์ไม่ให้ถูกดูหมิ่นหรือโดนอาฆาตมาตรร้ายจากผู้ไม่หวังดี โดยปกติคนทั่วไปมีใครบ้างที่ทำผิดมาตรานี้? มีก็อยู่กลุ่มใหญ่กลุ่มเดียว ผลประโยชน์ร่วมกันก็ร่วมกันทำไป
กฏหมายข้ออื่นๆมีให้ปรับปรุงตั้งเยอะไม่ไปสนใจกัน เช่น ข่มขืนรายวัน ลักทรัพย์ การพนัน ยาเสพย์ติดและการคอร์รัปชั่น เป็นต้น อันนั้นทำให้สังคมเสื่อมโทรมและฉุดประเทศไม่ให้พัฒนามากกว่ามาตรานี้อีก
ถ้าผมพิมพ์ยาวไปและไม่มีสาระก็ขออภัย
ผมว่าประเด็นไม่ใช่เรื่องอากงทำหรือปล่าวแล้วล่ะ เราอาจไม่มีทางรู้ความจริง
แต่ประเด็นคือ การไม่พิสูจน์ให้สิ้นสงสัยต่างหาก รวมถึงอาจกลายเป็นตัวอย่างให้คดีต่อๆไป .......
ถ้าอากงล้มเจ้าได้ ทำให้กระเทือนถึงเจ้าได้ ผมคงล้มอเมริกาได้แล้วล่ะครับ
การตีความมันเวอร์เกินความเป็นจริงไปมาก
ผมสงสัยอย่างหนึ่งครับว่าทำไมหลายคนดู sensitive กับการที่คน ๆ หนึ่งแช่งให้อีกคนหนึ่งไปตายเสียเหลือเกิน ผมไม่แน่ใจว่าหลายคนที่นี่เติบโตกันมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน แต่แถวบ้านผมผมก็ได้ยินคนด่ากันแช่งกันให้ไปตายสาดเสียเทเสียเป็นเรื่องปกติ (ไม่ใช่ได้ยินทุกวันนะครับแต่มันก็มีมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เด็กจนโต 2-3 เดือนทีนึงอะไรแบบนี้) แม้กระทั่งที่เกาหลีก็มีวลีติดปากคนทั่วไปว่า "อยากตายเหรอ" อยู่ตลอดที่ญี่ปุ่นก็มีวลี "น่าจะตาย ๆ ไปซะ" ว่อนไปทั่ว internet ฝรั่งแช่งกัน "ให้ตกนรกหมกไหม้" ไปเลยก็มี ยิ่งกว่าแช่งให้ตายอีกเพราะนอกจากตายแล้วยังต้องลงนรกไปทรมานต่ออีกด้วย ผมก็ไม่เห็นว่าประเทศเขาจะบ้านป่าเมืองเถื่อนไร้อารยธรรมอะไรขนาดนั้น
ผมว่ามันไม่แปลกหรอกครับที่คนเราจะแช่งคนที่เราไม่ชอบโกรธเกลียดให้ไปตายไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะเกิดจากเหตุผลเรื่องอะไรก็ตาม และผมไม่เคยที่จะ sensitive กับเรื่องพวกนี้เลย มันเป็นเรื่องปกติของสังคมโลกมาก ๆ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดา
สุดท้ายผมเลยอดคิดไม่ได้ว่าหลายคนที่ออกมาประชดประชันเพราะเรื่องคนด่ากันแช่งกันนี่ออกจะ over-react กันเกินไปหน่อยหรือเปล่า ? มันเหมือนแบบได้ทีแล้วฉันขอเหยียดพวกเธอหน่อยแล้วกันว่าเป็นพวกไร้อารยะต่ำชั้นสถุล ขอฉันเหยียดหน่อยฉันจะได้แลดูสูงส่งเป็นผู้เจริญ อะไรแบบนั้น
คนเราบนโลกนี้มันก็แช่งกันทุกวันแหละครับ
That is the way things are.
กลายเป็นว่าคนที่มองอะไรที่แย่ว่ามันแย่คือ over-reaction แล้วคนที่ไม่รู้สึกอะไรกับสังคมแบบนั้นคือปกติ?
Ok ครับ ok
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ข้างบนก็เห็นชอบอ้างอิง อยากได้ กฎหมายและอารยะธรรมแบบต่างประเทศกันจัง ว่าเป็นผู้เจริญแล้ว ที่เค้าอ้างถึงในคอมเม้นข้างบนนี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว
มันจะเป็นเรื่องไม่ธรรมดาสำหรับคุณทันที
ถ้าเป็นการแช่ง ...
"โง่จัง ไปตายไป เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้หรือไง" เป็นไงครับ อ่านแล้วปรี๊ดเลยไหมครับถ้าผมไม่ใส่เครื่องหมายคำพูดไว้? จริงๆ แล้วโดยส่วนตัวผมไม่ค่อยซีเรียสกับคำด่า (ผมก็ด่าเพื่อน "สาดดด ไปตายไป๊" ออกจะบ่อย) แต่ผมอ่านเจตนา (แน่นอนว่าอาจจะผิด) แล้ว หลายคนดูจะจริงจังมากกว่า "ละเมิด 112 (แปลว่าพูดถึงองค์ฯ ในทางเสียหาย) ต้องตาย! ตายเท่านั้น กรรมแกจะไม่มีวันสิ้นสุดตกนรกหมกไหม้"
พวกเขาแลดูจะอยากยื่นมือทะลุหน้าจอไปบีบคอคนที่โดนคดี 112 เองกับมือมากกว่าจะแช่งเฉยๆ ครับ
เพื่อความชัดเจนอีกครั้ง ผมดูที่เจตนาในคอมเม้น บางคอมเม้นไหนผมตีความผิด คุณแค่คอมเม้นขำๆ " อุ๊ย อากงแม่มละเมิด 112 แหละ ไปตายซ้าาน้าาา แอร๊ย" แต่ผมตีความว่าคุณ (คำว่าคุณ หมายถึงผู้พูด)อยากสาปส่งอากงและเจ็ดชั่วโคตร ก็ขออภัยครับ
คุณต้องแยกแยะให้ออกนะครับระหว่างการเห็นคน ๆ หนึ่งแช่งอีกคนหนึ่ง กับการถูกคนอื่นแช่งโดยตรงว่ามันต่างกัน มันเหมือนกับที่เรารู้ว่าทุกวันนี้มีคนด่ากันแน่นอนในประเทศไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมให้คนอื่นมาด่าเราโดยที่เราไม่รู้สึกอะไรได้นะครับ
ต้องแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างความเข้าใจในความเป็นไปของโลกกับความชอบหรือไม่ชอบส่วนตัวด้วย
ต่อให้คุณสาปแช่งใครก็ตามผมก็เข้าใจว่าคนเรามันเกลียดมันก็สาปแช่งกัน แต่ถ้าถามว่าผมชอบไหมถ้ามาสาปแช่งผมหรือคนที่ผมรักคำตอบคือไม่ชอบ และผมคิดว่าคงไม่มีใครชอบ แต่ผมคงไม่ถึงขนาดมองว่าคุณเป็นพวกไร้อารยธรรมป่าเถื่อนต่ำช้าสถุลอะไรอย่างที่คนอื่นในข่าวนี้เหยียดกันอยู่ ผมว่ามันดัดจริต ผมยังแอบคิดเลยนะว่าถ้าวันหนึ่งพ่อแม่ของคนที่เหยียดคนอื่นนี่ทะเลาะกับเพื่อนบ้านรุนแรงมากถึงขั้นสาปส่งสาปแช่งให้ไปตายกัน คนพวกนี้จะมองว่าพ่อแม่ของตัวเองเป็นพวกต่ำชั้นสถุลอย่างที่ตัวเองกำลังพิมพ์อยู่ตอนนี้หรือเปล่า ?
นี่ขนาดแค่สาปแช่ง (ด้วยปากหรือด้วยมือผ่าน keyboard) ยังก่นด่ากันขนาดนี้ แล้วบางคนที่ลงมือกระทำจริง ๆ เลยจะต้องถูกจัดอยู่ในจำพวกไหน บางคนแค่ขับรถปาดหน้าก็ถูกยิงเสียชีวิต บางคนแค่เดินผ่านมองหน้าก็โดนรุมกระทืบ บางคนแค่ลูกตัวเองถูกชกต่อยทำร้ายก็ส่งคนไปกระทืบอีกฝ่ายจนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือนก็มี คนพวกนี้ควรจัดอยู่จำพวกไหน มีคำด่าอะไรที่มันแสดงระดับชั้นการกระทำผิดที่มันแย่กว่าต่ำชั้นสถุลอีกหรือไม่ ? เวลาอ่านข่าวพวกนี้คุณอินกับเรื่องราวเหมือนกับข่าวเกี่ยวกับมาตรา 112 หรือเปล่า ? ไปตามด่าตามเหยียดคนพวกนี้บ้างเหมือนกันไหม ? หรือคุณมองว่าเรื่องพวกนี้เห็นจนชินแล้วไม่มีอะไรจะต้องด่า มันเป็นเรื่องปกติ แต่กลับมองการสาปแช่งคนอื่นเพราะไม่ชอบที่คนอื่นลบหลู่ความเชื่อของตัวเองเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ไร้อารยธรรม ?
คำเดิมครับ overreact
That is the way things are.
"โดยส่วนตัว" กรณีที่พูดมาผมมองเหือนกันครับ ถ้าพ่อแม่ผมแม่มไปด่าข้างบ้านสาดเสียเทเสีย ผมก็เบื่อ (ใช้คำว่าเกลียดกับที่บ้านไม่ได้เนอะ) เข้าขั้นรุนแรงครับ ส่วนขับปาดหน้าโดนยิง เดินผ่านโดนกระทืบ หรือลูกโดนตื้บมาก็ส่งคนไปตื้บกลับ ผมมองเหมือนกันครับว่าตำชั้นไม่ใช่น้อย ส่วนเรื่องอินไหม ผมก็ว่าผมอินนะครับ ส่วนตัวผมว่าผมอินน้อยกว่า 112 ด้วยซ้ำ ยกเว้นแต่การสาปแช่ง อันนี้ผมก็เฉยๆ จนกระทั่งประเภท "ไปตายซะ ไปตายให้หมด โอ๊ย รกแผ่นดิน แม่งตายๆ ไปซธเหอะดีละ กูรำคาญ" อันนี้ผมว่าก็เข้าขั้นรับไม่ได้นะครับ ถ้าเป็นคนในโลกออนไลน์ยังมองข้ามได้ แต่ถ้าเพื่อนที่รู้จักกันมาสิบปี แถมมารังควาญประโยคเหล่านี้บน facebook ผม ผมก็พิจารณาใหม่เหมือนกันว่าเรายังน่าเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า ถ้าวันหนึ่งเขาไม่ชอบขี้หน้าเราขึ้นมา เขาจะพูดประโยคเหล่านี้ใส่ตัวเราหรือเปล่า
ส่วนเหตุผลที่อินนะครับ เพิ่งเจอแบบนี้มาบนเฟซบุ๊ค เพื่อนที่รู้จักกันมานานทำตัวแบบนี้แหละ ผมเลยอินกว่าปกติ (ปกติผมไม่ค่อยสนใจข่าว 112 มากนัก)
อะไรแบบนี้ผมถือว่า ignorant
ignorant ยังไง?
คุณพิจารณาถึงความแตกต่างระหว่างการก่นด่าสาปแช่งกัน กับ การสมน้ำหน้าสาปแช่งในกรณีนี้ดีๆ สิครับ
ถ้ามันเป็นแค่การก่นด่าสาปแช่งกันด้วยอารมณ์ ใครก็เข้าใจ ใครบ้างไม่เคยโกรธ
แต่กรณีนี้มีคนตายและมีการสมน้ำหน้าเห็นด้วยว่าคนๆนั้นสมควรตายเพียงเพราะ..เพราะอะไรถ้าไม่ใช่แค่การเชื่อว่าคนนั้นได้กระทำการอันละเมิด ideology ของเขา
ตรงนี้ต่างจากอารมณ์โกรธที่เป็น urge มาก และมันก็มีรากเหง้าและผลกระทบทางสังคมที่กว้างกว่ามากอย่างเทียบกันไม่ได้
การพูดเหมารวมเพื่อให้ความชอบธรรม (แม้จะไม่ตั้งใจ) ต่อการใช้ความรุนแรงในการรักษา ideology ที่เป็น status quo แบบนี้ ยังไงก็ต้องเรียกว่า ignorant
จะใช้แต่กฏหมายและหลักนิติรัฐน่ะได้ แต่ต้องมีนิติธรรมด้วย
สำหรับกฏหมายนี้ โทษค่อนข้างสูง ซึ่งพอเข้าใจได้ว่ามันกระทบต่อจิตใจคนหลายคน
แต่การตั้งกฏหมายก็ต้องระบุโทษให้สมควรแก่เหตุด้วย จึงจะทำให้รัฐมั่นคงและมีความน่าเชื่อถือ
ไม่ใช่สักจะบอกว่าเพราะคนนี้ทำผิดแบบนี้สมควรต้องมีโทษจนตาย
อีกทั้งที่ผ่านมา มีคนเอากฏหมายนี้ไปใช้ในทางการเมืองเพื่อหวังผลทำลายผู้อื่นก็เยอะ
เลยเกิดปัญหามากมายตามมา (ก่อนหน้านี้ยังไม่มีปัญหาเลยกับกฏหมายนี้นะ)
เอาจริงๆว่า ไม่อยากเห็นกฏหมายแรงๆแบบนี้สักเท่าไร เพราะยิ่งใช้ไม้แข็งคนก็เกิดการต่อต้าน ตะขิดตะขวงใจ
ประเทศนี้ก็ไม่ได้อยู่แยกจากโลกภายนอก คนภายนอกประเทศเขามองเราอยู่
ถ้าจะบอกว่าต่างประเทศไม่เกี่ยวมันเรื่องภายในก็ไม่ใช่ เพราะโลกสมัยนี้มันถึงกันหมด
เพราะมันส่งผลถึงความเชื่อมันภาพรวมของประเทศด้วย
แล้วก็คงไม่มีใครคิดยกเลิกหรอกในเมื่อยังจำเป็นอยู่
รู้สึกเสียใจจัง เห็นคนสาบแช่งที่เขาตายแล้ว ทั้งๆที่เขาก็เป็นคนเหมือนคุณ
@fb.me/frozenology@
ศาลก็ไม่ยุติธรรม เวรกรรมก็โหดร้าย ใครออกรับแทนก็ผิด คิดไม่ดีกับในหลวงท่านก็ต้องเฉยๆ ไม่ใช่ผมหล่ะ
ใครจะว่าประเทศอื่นมองไม่ดี จะแคร์ทำไม ประเทศมันมีในหลวงที่ทำงานเพื่อประเทศชาติแบบนี้รึเปล่าล่ะ
อาจจะไม่มีครับ แต่ไม่มีประเทศไหนที่มีโฆษณา ในหนังสือเรียน และโรงหนังเยอะขนาดนี้เช่นกันครับ
แล้วก็กฎหมายนี้ครอบคลุมไม่ใช่แค่องค์ประมุขของประเทศนะครับ
ประเทศอื่นก็มีครับ คิมอิลซุง/คิมจองอิล (เกาหลีเหนือ), เชาเชสคู (โรมาเนีย), อาตาเติร์ก (ตุรกี)
pittaya.com
คราวหน้าเจอ "โฆษณา" ทีี่ว่า ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องยืนนะครับ แล้วจะได้รู้ว่าคนที่รักในหลวงเค้ารักกันแรงแค่ไหน ^^
กระทู้นี้ดีจิงๆ หางแดงโผล่ออกมาให้เห็นกันเลย
ถ้าไม่ยืนแล้วคนอื่นเคารพในสิทธิของผมที่จะไม่ยืน แล้วก็ไม่ต้องไปโรงพัก ผมก็โอเคนะครับ
ปล.เลือกตั้งผมกาประชาธิปัตย์ครับ
อันนี้เหมาว่าคนที่รักในหลวงนี่เค้านิยมความรุนแรงเหมือนกันหมดหรือครับ? ผมเห็นคนที่เค้ารักกันแบบมีเหตุผลก็เยอะอยู่นะ ไม่รู้ว่าพวกที่รักแล้วต้องใช้ความรุนแรงด้วยเนี่ยมีมากน้อยแค่ไหน
pittaya.com
ก็คนรักในหลวงเล่น ดิบ เถื่อน รุนแรง และมีสิทธิพิเศษ กันขนาดนี้ ใครจะกล้าไม่ยืนละครับ
คนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในฝ่ายใหน ก็มีพวกหัวรุนแรงทั้งนั้นหละครับ
รักเขาหรือเอาเขามาเป็นข้ออ้างในการระบายอารมณ์
รักแบบงี่เง่ารุนแรงไม่ต่างกับการไม่มีสมองครับ
ตรรกะแบบคุณนี่ผมชอบนะ มันเปิดเผยสันดานของคุณยิ่งกว่าคนที่คิดเห็นต่างจากคุณที่คุณประนาม ที่ถูกคุณผลักใสให้ไปอยู่กลุ่มนั้น กลุ่มนี้
อ้าว หางคุณก็โผล่สิ แบบนี้
ผมรักในหลวงและเมื่อก่อนก็ยืนทุกครั้งด้วยความรู้สึกถึงคุณความดีของท่าน แต่เดี๋ยวนี้เริ่มรู้สึกว่าต้องยืนเพราะความหวาดกลัว ท่านก็ยังเป็นดังเดิมแต่คนรักท่านพยายามทำให้ท่านกลายเป็นผู้ปกครองที่ใช้ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจผู้คน ความดีที่ท่านทำมากลับโดนพวกอ้างว่ารักท่านกระทำให้เสื่อมเสียไปมาก แถมไม่มีทางห้ามการกระทำประเภทนี้ได้ด้วย เพราะคนพวกนี้จะอ้างความรักท่านมาบังหน้า
ผมรักในหลวงเพราะผมรักในหลวง แต่ผมกำลังเห็นคนรักในหลวงบางคนถือปืน ไล่ยิงคนที่เฉยๆ กับในหลวง..... ผมจะไม่พูดต่อละ เดี่ยวหาว่าผมหมิ่น คือผมรักในหลวงนะ แต่ผม... คนที่พูดว่ารักในหลวง แต่ไม่ได้ทำอะไรที่ท่านสอนบ้างเลย
ไอการที่ไม่ต้องอยู่เฉยๆนี่คือ ทำยังไงก็ได้ให้อีกฝ่ายต้องตาย ???
สถาบันมันจะเสื่อมก็เพราะพวกคลั่งกันแบบนี้แหละ
ไม่แคร์ประเทศอื่นน่ะได้ครับ แต่ถ้าประเทศอื่นเขาเห็นว่าป่าเถื่อน แล้วคว่ำบาตรก็อย่ามาร้องแรกแหกกระเฌอกันล่ะ
ประเด็นคือ เขาคิดไม่ดีอย่างที่คุณว่า จริงหรือเปล่า
แล้วถ้าเขาไม่ได้ทำ คุณจะยังหาว่าเขาคิดไม่ดีอยู่หรือเปล่าละ
การพิสูจน์คดีนี่มันคลุมเครือในด้านเทคนิคอยู่เลยนะ
@fb.me/frozenology@
ผมขอวกออกจากกีฬาสีก่อนนะครับ แล้วก็ขออภัยที่ออกทางการเมืองในบล็อกนี้ แต่ว่าหัวข้อนี้มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
คือกฎหมายนี้ ส่วนตัวผมอยากให้ยกเลิก เราจะได้เป็น "ไท" กันจริงๆ เสียที แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การยกเลิกไม่สามารถทำได้ในรุ่นสองรุ่นเพราะฝังรากลึกในวัฒนธรรมและระบบคุณค่าในจิตใจของประชากรส่วนมากไปแล้ว
แต่ในทางเทคนิคและทางกฎหมาย มาตรานี้ควรถูกแก้ครับ
แค่นี้ก่อนครับ ผมรักชาติผมและอยากให้เดินต่อไปข้างหน้าอย่างสันติและเสรีครับ
+1
การปฏิเสธการประกันตัว อากงไม่ได้ อาลิ้มได้....
+1 ครับ นั่งคิดอยู่ตั้งนานว่าผมจะก็เกรียนคุณยังไงดี แต่ก็คิดไม่ออก สุดท้ายก็ต้อง +1
หลังๆชักออกทะเลแล้ว สงสัย จ่ามีงานทำอีกแล้วมั้ง
ตาบอดเพราะความรัก ใจบอดเพราะความเกลียดชัง
คิดจะตอบหรือไม่ตอบหลายรอบ แต่คิดไปคิดมาเราไม่ได้อะไรจากการที่พยายามจะแสดงเหตุผลให้กับคนที่ไม่เข้าใจเหตุผล
ส่วนตัวสำหรับผม
เราโชคดีเกิดมาเป็นคนไทย ประเทศเก็บภาษีเราทุกวัน แล้วเราดันได้สิทธิเป็นเพียงแค่ "ผู้อยู่อาศัย" ไม่ใช่เจ้าของประเทศ แถมไม่พอยังถูกเขาบอกอีกว่าเราเป็นหนี้แผ่นดิน
@TonsTweetings
+1
โทษประหารชีวิตไม่ควรมีเสียด้วยซ้ำ ทำไมรัฐถึงสามารถฆ่าคนได้อย่างถูกกฎหมาย?
เพราะรัฐ เป็นผู้ใช้อำนาจแทน ประชาชน
ไม่ครับ เพราะคนมีอำนาจในรัฐตีความเช่นนั้นเองต่างหาก
อะไรผิดอะไรถูก กฎหมายไทยบอกหมดแล้วครับ มัน imprint อยู่ในรากง่าวของเรา
@TonsTweetings
ผมพูดตามปรัญญาการปกครองไง รัฐคือผู้ใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชน
ดังนั้นอะไรก็ตาม รวมถึงกฏหมายที่รัฐออกมาบังคับ ถือว่าออกมาจากประชาชน
Hater gonna hate เถียงกันไปก็ไร้สาระ
lover gonna love
เมื่อไหร่โลกจะเเตก...!!?
อีก 6 เดือน
จากการสังเกต หลายๆ comment พบว่า
มีหลายคนที่คิดว่าตนเองสามารถคิด หรือ ประพฤติตัวป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม ผิดกฎหมาย แค่ไหนก็ได้ หากว่านั่นคือสิ่งที่ "ทำเพื่อในหลวง" แล้วละก็ จะถือว่ามีความชอบธรรมในสังคมนี้ สามารถทำได้อย่างไม่ต้องอายใคร
ผมโพสไว้แล้วข้างบน
คนทุกคน ไม่ว่าฝ่ายใหน ก็มีพวก hardcore ทั้งนั้น
--
คุณ Fourpoint มีหลักการและเหตุผลดีครับนับถือ
คุณ zerocool ก็ไม่เลวเช่นกัน ถือว่าเป็นมวยถูกคู่
เข้าใจบริบทการคุย ไม่ใช่การจับผิดคำพูดของฝ่ายตรงข้าม
แล้วนำมาสวนชาวบ้านเขาเพื่อแค่จะเอาชนะ
นับถือทั่งคู่
อ่านคอมเมนท์แล้วไม่กล้าคอมเมนท์ = _=)"
Drama-Addict แฮ่ !
+1
ตอนนี้เรายังไม่มีคู่กรณีครับ แกไม่มาหรอก
RIPครับ ยังไงซะคนก็ไปดีแล้ว
ต้นเหตุคือตัวมือถือ ถ้ามันเปิดได้มันคงจะเคลียมากกว่านี้ จะได้รู้ว่าอากงทำจริงหรือเปล่า
ยกเลิกไปเถอะครับ กฏหมายน่ะ ยกเลิกให้หมดทุกมาตรา เพราะตรายังไง ก็มีคนไม่พอใจอยู่ดี ล้มมันอยู่ดี แก้มันอยู่ดี
ยิ่งมาตราที่พูดถึงกัน ที่บอกว่ามันไม่เท่าเทียม มันโหดเกินไป มันเกินกว่าเหตุ ผมถามหน่อยเถอะ นี่ขนาดมันเกินกว่าเหตุนะ ผมเปิดทีวีผ่านๆไปบางช่อง ยังพูดกันโครมๆ โดยไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครไปยุ่ง แล้วนับประสาอะไรกับยกเลิกมาตรานี้ไป แล้วมันจะเน่าขนาดไหนประเทศนี้ นี่เหรอประชาธิปไตยที่ต้องการกัน ใครจะพูดถึงใครก็ได้
ความคิดผม ในส่วนหมิ่น ให้คงโทษไว้ แต่ควรระบุความผิดให้ชัดเจนกว่านี้ นี่มันหว่านแหโดนไปหมด คนสนับสนุนเองยังโดน ยังพูดถึงไม่ได้เลย
ตรรกะ วิบัติอีกแล้ว เค้ากำลังพูดว่า การพิจรณาของศาล เมื่อพิจรณามาตรตรา 112 มัน เป็นการตั้งธงไว้ล่วงหน้าหรือ เป็นการไม่พิสูจน์ให้สิ้นสงสัยหรือเปล่า
คอมเม้นท์ลักษณะย่อหน้าแรกนี้ เขาเรียกว่าเหวี่ยง ลามปาม เป็นอาการของคนที่สู้ด้วยเหตุผลไม่ได้
@TonsTweetings
โทษขนาดนี้มันยังทำกันเยอะแยะ ในทางกลับกัน โทษเล็กๆน้อยๆอย่างลักขโมยที่ทำผิดกันเยอะ ต้องเพิ่มโทษประหารมั้ยครับเผื่อว่าคนจะทำกันน้อยลง??????
ก็ดีนะครับ ผมไม่เคยลักขโมยก็ไม่เห็นเดือดร้อนว่าโทษมันจะหนัก
ตัดมือ แบบกฏหมายอิสลาม?
จะว่าใครก็ว่าไป แต่จะมา หมิ่น ถึงพ่อหลวง
RIP แก่อากง ครับ
อยากให้คอมเมนท์ปิรามิดทั้งหลายช่วยใส่ @ จังครับ อ่านไปอ่านมาไม่รู้ใครรีพลายใครละมันเยอะเกิน
กดที่ Reply to ครับ ข้างๆ toggle
คือพอมัน Reply ไปถึงยอดแล้วมันจะต่อกับคนสุดท้ายอะครับ เลยไม่รู้ว่าเค้าตั้งใจ Reply ใครกันแน่
ใครใช้คาถาอันเชิญ
Bijuu เต็มข่าวแล้ว ... ผมปล่าวนะ ก็เห็นคนนั้นคนนี้เที่ยวเติมหางให้ชาวบ้าน
ไม่เห็นน่ารักเลย โดยเฉพาะพวกที่มีตรรกะ ดังนี้
ไม่เห็นด้วยกับกับการจัดสินคดีอากง = ไม่รักในหลวง
ไม่เห็นด้วยกับกับการจัดสินคดีอากง = เสื้อแดง
เสื้อแดง = ไม่รักในหลวง
รักในหลวง มีแต่เสื้อเหลือง
เสื้อเหลือง = ประชาธิปปัตย์
ประชาธิปัตย์ = รักในหลวง
ฯลฯ
ตรรกะทั้งหมดเป็นอิสระต่อกันครับ ไม่มีตรรกะตัวใดจากข้างบนที่ Inherits กันมา
มันเป็นเหมือนกับ Interface ที่ Class นึงจะเอาไป Implements สักกี่ Interface ก็ได้ครับ
เล่นมุขเฉพาะทางแบบนี้ เด๋วก็งงซะเลยนิ
ไม่ใช่เสื้อแดงทุกคนที่ล้มเจ้า แต่คนล้มเจ้าทุกคนเป็นเสื้อแดง วลีนี้ท่านว่าใช้ได้ไหม ???
อย่าดราม่าไปเลยครับ อำพลอายุน้อยกว่าเฉลิมอีก เป็นผมจะไม่ใช้สรรพนามเรียกว่า อากง
แต่จะเรียกว่า อำพลหมิ่นเจ้า ครับ
หลานๆเขาเยอะครับ
และไปเยี่ยมบ่อยๆ ไปเยี่ยมทีก็เรียกอากงๆ
คนเลยเรียกกันครับ อ่านข่าวบ้างนะครับ
แน่ใจนะครับว่านั่นคือเหตุผลที่ คนบางกลุ่มชูธงเรียกนำหน้า อำพลหมิ่นเจ้า ว่า อากง ???
ถ้าไปฟังทฤษฎีอะไรมาก็เล่าได้ครับ หรือถ้าเป็นทฤษฎีที่คิดเองก็ควรเล่าครับ
และควรบอกด้วยว่าฟังมา ฟังมาจากไหน หรือว่าวิเคราะห์เอาเอง
ผมว่าเค้าเรียกให้ดูแก่ ดูดราม่า มากกว่าเรียกตามหลานนะ เพราะอากงนี่เรียกกันตั้งแต่คดีเริ่มดัง ยังไม่เข้าคุกเลยมั้ง
ไม่ใช่เสื้อแดงทุกคนที่ล้มเจ้า แต่คนล้มเจ้าทุกคนเป็นเสื้อแดง
อืม มีใครจะเถียงมั๊ย?
วิบัติ
เถียงครับ ไม่จริงในทุกกรณีครับ คนรักในหลวงก็ล้มเจ้าด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์(hardcore) ดังนั้นคนทั้งสองสีก็มีพวกล้มเจ้าทั้งคู่ เพียงแต่พวกเหลืองจะอ้างว่ารักในหลวงมาเป็นเกราะ คนเสื้อแดงที่รักในหลวงเช่นผมปรารถนาให้คนเสื้อเหลืองเลิกดึงเจ้าลงมาต่ำซะที
ในที่นี้ผมหมายถึง "เจตนา" ครับ
"ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์" ผมไม่ถือว่าเป็นเจตนาล้มเจ้าครับ
ยอมรับว่าพวก hardcore ส่งผลเสียมากกว่าผลดี แต่นั่นก็เกิดจากความไม่ตั้งใจ
ถ้าอยากให้คนพวกนั้นเลิกพูดถึงในหลวง คงต้องบอกให้เพื่อน ๆ คุณเลิกล้มเจ้าก่อนนะครับ เพราะมันเป็นเหตุเป็นผลกัน
ผมไม่ได้เป็นเสื้อเหลือง และไม่ชอบเสื้อเหลือง
ผมชอบแดงแบบคุณจัง มีเยอะมั้ยน่ะ ปกติเจอแต่..... #คอมเม้นนี้คอมเม้นตามที่คิดจริงๆ #ไม่ได้ประชด
พวกดึงในหลวงมาอ้าง แล้วบอกว่าตัวเองไม่แดง ผมไม่นับว่าพวกนั้นเหลืองนะ
มันเหมือนผ้าขาวเลอะอึ
พวกอึว่าคนอื่นล้มเจ้า แต่ตัวเองก็อ้างในหลวงซะมั่วซั่ว
เหอๆ ผมไม่มีสี เพราะไม่รู้ว่าตกลงเหลืองนี่มันมีแกนความคิดเป็นอะไรกันแน่
เพราะมีกลุ่มย่อยกระจายๆเหมือนแดง
แดงบางคนไม่ได้ต้องการล้มเจ้า แต่ไม่ชอบพวกเหลือง(ผมเรียกว่าอึ)ที่อ้างในหลวง
เข้าเรื่องคดีอากง
ผมไม่เห็นด้วยกับการตัดสิน มันยังมีปมอยู่ยังไม่ชัดเจนแล้วตัดสินได้ยังไง
ไม่มีหลักฐานชี้ว่ามีเครื่องอื่นแก้ EMEI และก็ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเครื่องนี้ส่งจริงๆเพราะเลขยังไม่ตรง
เหอๆ
ถ้าให้พูดตามตรง ตามความคิด ผมขอต่อจากด้านบนเลยละกัน
เสื้อแดงทุกคนไม่ได้ล้มเจ้า แต่คนล้มเจ้าทุกคนเป็นเสื้อแดง ตามที่ผู้สื่อข่าวเสนอมาเป็นเช่นนั้น
คนที่ไม่ได้ล้มเจ้า บางคนก็ไม่ได้เคารพเจ้า ยังชอบดึงเจ้ามาลงที่ต่ำ ใช้เจ้าเป็นเครื่องมือทางการเมือง และทำเหมือนจะบูชาเจ้า แต่ดูลักษณะแล้ว ผมถามว่ามันใช่เหรอ?
อย่างที่ประชาธิปัตย์ชอบทำ หาเหตุผลอะไรไม่ได้ก็บอกคนนั้นคนนี้ล้มเจ้า คนไทยที่เอาด้วยก็เฮโลกันไปถล่ม ... แล้วก็เอาข้อกฏหมายมาใช้เป็นเครื่องมือทำลายคู่แข่ง กฏหมายมันเปิดช่องโหว่นี่ครับ บอกข้อห้ามกว้างๆ เอาไว้ให้คนถือกฏหมายเอาไปใช้ได้สบายๆ
ก็มีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับกฏหมายครับ ... กลุ่มคนเหล่านี้กลายเป็นพวกล้มเจ้าไป จริงๆ แล้วพวกล้มเจ้าก็มีอยู่ในนี้แหละครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน
พวกที่ใช้เจ้าเป็นเครื่องมือก็มีครับที่เป็นพวกล้มเจ้า ... ก็แค่ยืมมือฝ่ายตรงข้ามอีกทีแค่นั้น พยายามทำให้พวกที่ไม่ชอบกฏหมายมาตราดังกล่าวทำตัวรุนแรงขึ้น พยายามเป็นตัวเติมเชื้ออยู่เสมอๆ แต่ไม่ต้องลงมือเอง แค่อาศัยความเกลียดชังของฝ่ายตรงข้ามแค่นั้น
ทั้งหมดนี่ผมคิดเองเออเองครับ Conspiracy theory เหมือนเดิม
ปล. ขึ้นต้นโอเค แต่ลงท้ายห่วย ขออภัยที่ทำให้เสียเวลาอ่านครับ
ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า คนที่พยายามปกป้องในหลวงด้วยวิธีการที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันกลายเป็นการทำร้ายทางอ้อม(ด้วยความไม่ตั้งใจ) ในเมื่อรู้แล้วแต่ทำไมยังทำอยู่อีก
"คิดไปเอง" หรือเปล่าคร๊าาาาาาาา
ตรรกะของคุณมันเพี้ยนๆ ไม่น่าจะสื่อออกมาแบบนี้ มันส่อถึงความคิดแล้วทำให้คนอื่นแตกแยกได้
ถึงจะไม่ค่อยชอบอากง แต่ก็ RIP ครับ คนตายไปแล้ว สิ้นเวรสิ้นกรรมไปแล้ว
ตายไปแล้วก็ขออย่าให้ถูกใครเอาไปใช้เป็นเครื่องมืออีกละกัน
แล้วก็ ผมรักในหลวงนะ แต่พวกบ้าๆ คลั่งๆ ในหลวงทั้งหลายน่ะ ช่วยเพลาๆ ลงหน่อยเถอะครับ ยิ่งแรง มันยิ่งทำให้แย่ลงนะ
ช่องดาวเทียมบางช่อง พยายามโหนกระแสกันใหญ่ตอนนี้ เปิดดูแล้วปลง นี่หรือคนไทย
พูดแบบอุดมคติที่สุดนะครับ ตายไปแล้วก็ขออย่าให้ถูกใครเอาไปใช้เป็นเครื่องมืออีกละกัน
เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะมัน โดนไปแล้ว
ใช่ครับ ผมพูดแบบอุดมคติ เพราะตอนนี้ "ศพ" ก็กลายเป็นเครื่องมือ (โดนแห่) ไปแล้ว
แต่ผมแค่อยากลดความรุนแรงลง
แล้วคุณรู้ตัวบ้างหรือป่าว การที่คุณแรงแบบนี้ มันไม่เท่ส์เลยนะ แต่มันยิ่งส่งผลเสียต่อในหลวงมากขึ้นไปอีก พวกต่อต้านก็ยิ่งต่อต้านหนักขึ้น
ถ้าจำกันได้ ก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเอาศพหญิงสาวคนหนึ่งโหนกระแสเช่นเดียวกันครับ
คนที่ตายไปด้วยความน่าเคลือบแคลงสงสัยไม่ว่าจะกรณีไหน ควรถูกนำมาถกเถียงกันครับ แม้การถกเถียงจะไม่ได้ทำให้เขาฟื้น แต่มันจะช่วยไม่ให้มีใครตายอย่างเขาอีก
เห็นด้วยกับคำว่า "ยิ่งแรงทำให้ยิ่งแย่" แค่นั้นครับ
ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะแยะ ลิเบีย ตูนิเซีย ฯลฯ
@TonsTweetings
ผมก็สงสัยเหมือนกันครับ ผมรักใช้คำว่าบูชาก็ได้ ก็มีคนบางกลุ่มมาบอกว่าผมคลั่ง ผมไม่เคยแช่งคนอื่นครับ เห็นท่านประชวรก็อยากให้ท่านหาย เห็นท่านแข็งแรงก็น้ำตาไหลปลื้มปิติ แบบนี้เรียกว่าผมคลั่งมั้ยครับ
จากที่ว่ามาไม่คิดว่าเรียกว่าคลั่งนะครับ แต่ถ้า "พวกมันด่าในหลวง พวกมันต้องตาย ตายๆไปให้หมดเลยไป" นี่น่าจะเข้าขั้นคลั่งนะครับ
ผมว่าผมก็ประมาณคุณล่ะมั้งครับ รักท่านเหมือนรักญาติผู้ใหญ่ ในความคิดผมผมว่าไม่ใช่คลั่งหรอก
ที่ผมมองว่าคลั่งก็อย่างเช่น ถ้าไม่รัก ก็ออกนอกประเทศไปซะ คนจะไม่รักมันก็สิทธิของเค้า จะไปไล่เค้าได้ยังไง ถ้าตัวเองไม่รักไม่เคารพก็เฉยๆ ไป อย่ามายุ่งมาดูหมิ่นคนอื่นที่เค้าเคารพ ต่างคนต่างอยู่ แค่นี้มันก็จบ(มั้ง)
แต่มาหมิ่น อาฆาตแบบอางกง (ถ้าเค้าทำผิดจริง) ก็สมควรได้รับโทษตามกฏหมายถูกแล้วครับ (ผมไม่ได้แช่งให้ตายนะ เด๋วจะว่าผมป่าเถื่อนอีก -*-)
เหตุผลหลักของการต่อต้านโทษประหาร ในอารยประเทศหลายๆแห่ง
คือการไม่เผื่อ error
หากประหารไปแล้ว วันหลังได้หลักฐานใหม่ พิสูจน์ว่าไม่ผิด
ก็แก้ไข undo , rollback ไม่ได้
ฉะนั้นถ้าป่วยหนักเห็นๆ มีแววจะตายในคุกเร็วๆนี้
ก็ควรจะนำไปรักษา ถ้า รพ ในคุกรักษาแล้วไม่ดีขึ้น
ก็ต้องส่งต่อ เหมือนประชาชนทั่วไป
เมื่อดีขึ้นแล้ว ก็นำมาจำคุกต่อแล้วเข้ากระบวนการอะไรก็ว่าไป
แต่นี่เหมือนมี...ว่าต้อง...
TxT
ลืมไปว่าไทยเราไม่เคยมีกระแสต้านโทษประหารนี่นะ
คนไทยจิตใจดี เมืองไทยเมืองพุทธ
อย่างในนี้ยังเชียร์ประหารกันตึม ^o^
ถูกต้องครับ
ที่สำคัญ การประหารชีวิต มันไม่ได้ช่วยให้คน "เกรงกลัวต่อการกระทำผิดกฏหมาย" หรือ "ลดความรุนแรงในสังคม" แต่อย่างใดครับ (ใครค้านเชิญกลับไปเรียน crimonology 101)
คนเจ็บปวดจากการประหารชีวิต มักจะไม่ใช่คนโดนประหาร แต่เป็นคนที่รู้จักหรือสนิทกับคนที่โดนประหาร
เหมือนรัฐจับคนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นตัวประกัน?
@TonsTweetings
-1
ที่สำคัญ การประหารชีวิต มันไม่ได้ช่วยให้คน "เกรงกลัวต่อการกระทำผิดกฏหมาย"
Failure to Deter Crime
รอหลักฐานจากคุณอยู่นะครับ
@TonsTweetings
งั้นทำไมมาเลเซีย หรือ สิงคโปร์ ถึงแทบไร้ปืนเถื่อนหรือยาเสพติดเลยล่ะครับ
แล้วมีอะไรบ่งบอกว่า การมีอยู่ของโทษประหารในประเทศนั้นทำให้มันไม่มีของผิดกฎหมาย
รู้ได้ยังไงว่าคนเขากลัวโทษประหารถึงไม่มี ไม่ใช่เพราะคนเขามีวินัยในตัวเอง? หรือว่ามีแต่เราไม่รู้?
คุณไปมุดอยู่รูไหนครับเนี่ย ว่าสิงคโปร์กับมาเลเซียไม่มียาเสพติด
@TonsTweetings
ครับ ผมคงมุดรู "แทบไร้" :)
ว่างๆเชิญไปเที่ยวบาหลี (อินโด) หรือจอฮอร์ (มาเลย์) ดูละกันครับ ยาหาง่ายกว่ากะหรี่อีก
สิงคโปร์แถวๆ Tanjong Pagar ตอนดึกๆก็มี นักศึกษาเพียบ
@TonsTweetings
ผมว่าคุณไปมุดรูที่ใหนมามากกว่าที่ทำให้ไม่ทราบว่า โทษประหารมันทำให้คนกลัว?
กลัวถูกจับเพื่อรับโทษกลัวโทษไม่เหมือนกันนะครับ (enforcement v punishment)
กรณีอีกอันที่น่าสนใจคือเรือ่งโทษประหารชีวิตกรณีข่มขืนคนในประเทศไทยสมัยก่อนนี่ล่ะ ที่ไม่ทำให้การข่มขืนลดลง แต่ทำให้เหยือโดนฆ่าเพื่อปิดปากมากขึ้น
@TonsTweetings
ก็นั่นไง อะไรคือสิ่งที่ควรถูกปรับปรุงอย่างเร่งด่วน กฏหมาย หรือกระบวนการยุติธรรม
ผมชักสงสัยว่าสิ่งที่คุณพูดคือ ประเทศที่กระบวนการยุติธรรมห่วย สมควรจะมีกฏหมายแบบผ่อนปรนฦ เพื่อว่าอาจจะมีหลักฐานใหม่ๆ
หรือคุณกำลังจะพูดว่าโทษประหารมันขัดต่อเสรีภาพความเป็นมนุษย์ การลงโทษหลายๆอย่าง เราไม่ได้ลงโทษเพื่อให้คนที่โดนประหาร หลาบจำ ถึงแม้ว่าจะเป็นโทษแบบโบราณก็ตาม แต่เราลงโทษให้ เกิดความกลัวในคนที่ยังไม่ทำ
นอกจากนี้โทษประหารชีวิต ยังทำให้คนให้การสารภาพมากขึ้น เพื่อจะลดโทษลง
แต่อย่างไรก็ตาม ผมไม่สนใจหรอกครับว่า คุณจะเหมารวมว่าผมสนับสนุนโทษประหารชีวิตหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ผมต้องการ ไม่เห็นด้วยกับคุณ การที่การแตกประเด้นออกมาไกลถึงการประหารชีวิต ถือเป็นเรื่องนอกประเด็น และผมจะไม่แสดงความเห้นเรื่องนี้อีก
โทษประหารชีวิต ไม่ได้ทำให้ผู้ต้องหา สารภาพ เพื่อลดหย่อนโทษแต่อย่างใด และไม่ได้ทำให้ มีคดีความน้อยลงด้วย
ข้อเท็จจริงคือ คดีความยังมีอยู่ในระดับเดิม แต่ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะไม่ต้องโดนข้อหา ที่มีโทษประหารชีวิต นับตั้งแต่ อำพรางคดี (สังหารเหยื่อ) เว้นเสียแต่ว่า จำนนต่อหลักฐาน
"โทษประหารชีวิต ยังทำให้คนให้การสารภาพมากขึ้น เพื่อจะลดโทษลง" คุณคิดไปเอง โดยไม่สัมพันธ์กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจริงบนโลก
สรุปสั้นๆคือ ตอนทำไม่กลัว จะกลัวก็หลังกระทำครับ
ข่าวนี้เกี่ยวอะไรกับโทษประหารหรือครับ?
แตกประเด็นครับ
ผมถามคุณ ginhub ครับ
ผมเกลียดคำตอบลักษณะนี้ครับ
ตามสบายครับ ที่ผมพิมพ์แบบนั้นเพราะว่าเรื่องบางเรื่องมันตอบแทนกันไม่ได้ครับ
^มีบางคำตอบบอกว่าถ้าผิดจริงก็ควรประหาร
ผมเลยมาชี้ให้เห้นอีกมุมคิดแบบอายะประเทศหลายๆประเทศ
ผมไม่กล้าพูดต่อว่าการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดากับ 112 ต่างกันมากแค่ไหน
และถ้ามีโทษประหารให้ 112 จริง สังคมจะดีขึ้นจริงหรือ ? เพราะ ?
แล้วโทษของ 112 ที่มากกว่าหมิ่นบุคคลธรรมดาหลายเท่าหลัง 2519 มา ทำให้สังคมดีขึ้นจริงหรือ ? เพราะ ?
ที่ผมถามเพราะผมอ่านแล้วเข้าใจว่าคุณพยายามจะโยงเรื่องประหารกับเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกัน
จากท่อนบนที่พูดถึงเรื่องประหาร แล้วท่อนล่างเชื่อมด้วยคำว่าฉะนั้น
ผมคิดว่าคุณกำลังบอกว่าการตายของนายอำพลเป็นเรื่องของการประหาร คือมีผู้ที่ต้องการให้นายอำพลตาย
เป็นข่าวที่สร้างความแตกแยกได้ดีจริงๆ ยิ่งกว่าแอปเปิ้ลกับดรอยด์ซะอีก
เพิ่งมาแตกแยกกันเพราะข่าวนี้?
ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติในสังคมครับ ตราบใดที่ไม่ทำร้ายกันผมก็ไม่มีปัญหากับความแตกแยก
pittaya.com
ถ้าไม่เขียนข่าวนี้ แล้วลองให้ทั้งสองฝ่ายไปคุยกันเอง
จะไม่แตกแยก ... ผมให้เตะทีนึงเลยเอ้า
คนเขาตายไปแล้วก็น่าจะนึกถึงแต่สิ่งดีๆ
อนาจใจ
เป็นที่น่าแปลกใจว่าคนเราถึงกับปราถนาชีวิตคนที่เพียงแค่'อาจ'เห็นต่างกันได้
มันเริ่มมาตั้งแต่มีเสื้อเหลืองเสื้อแดงนี่แหละ ตูเกลียดสนธิจริงๆ ให้ตาย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
พอดีไปเจอใน เฟสบุ๊คของคุณหนุ่ย นะครับ ลองอ่านดู อีกด้านหนึ่ง
คัดลอกจาก Manager.co.th ความคิดเห็นที่ 57 +354 )
ข้อเท็จจริง กรณีอากง SMS
จากการที่มีการพูดถึงกันมาก เกี่ยวกับอากงSMS ผมขอแชร์ความรู้คราวๆ เกี่ยวกับระบบมือถือเท่าที่ผมรู้เพื่อเป็นข้อมูลอีกด้าน นอกจาก ดราม่า "อากงผู้น่าสงสารที่นั่งอยู่ดี ๆ ที่บ้าน ก็โดน ตร. บุกมารวบเข้าซังเต 20 ปี ด้วยข้อหาหมิ่น และ ศาลก็มีหลักฐานที่อ่อนอย่าง IMEI ที่สามารถปลอมแปลงได้"
ปกติ แล้ว โทรศัพท์ที่พร้อมใช้งาน จะมีข้อมูลสำคัญ 2 อย่างคือ 1) IMEI ซึ่งเป็น รหัสที่ระบุ ตัวตนของโทรศัพท์ซึ่งตามหลัก โทรศัพท์แต่ละเครื่องควรจะมี IMEI ไม่ซ้ำกันถึงแม้จะเป็น ยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกันก็ตาม
2) IMSI ซึ่งเป็น รหัสที่ระบุใน SIM
หลังจากที่ เปิดโทรศัพท์แล้ว โทรศัพท์ จะรอคลื่นจาก Cell Site ที่มีรหัส SID(รหัสค่ายมือถือ) ตรงกับที่ระบุใน SIM
หากพบคลื่นจาก Cell Site โทรศัพท์มือถือจะทำการ "ลงทะเบียน" กับ Cell Site นั้น โดยส่ง IMEI/IMSI ไปให้ Cell Site
Cell Site ก็จะจดจำ IMEI/IMSI เข้าในเครือข่าย เพื่อว่า ใครโทรมาหาเรา เครือข่ายจะได้รู้ว่า เราสังกัดอยู่ Cell Site ไหน แล้วทำให้โทรศัพท์เราดัง ได้ถูก ซึ่ง Cell Site นี้ มีระยะทำการตั้งแต่หลัก ไม่กี่ร้อยเมตร จนถึงหลายกิโลเมตร ทำให้ข้อมูล Cell Site สามารถบ่งชี้ สถานที่ของผู้ใช้โทรศัพท์แบบคราว ๆ ได้ (ถ้าใครใช้ GoogleMap บน Smart Phone คงจะเคยเห็น วงฟ้าๆของระยะ Cell Site เวลา GPS ยังรับคลื่นไม่ได้)
ดัง นั้น log จาก โอเปอเรเตอร์ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในชั้นศาล จะมีข้อมูลสำคัญถึง 4 ด้าน คือ 1) IMEI (รหัสที่ระบุ โทรศัพท์) 2) IMSI (รหัสที่ระบุ SIM) 3) Cell Site ที่เชื่อมต่อ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงสถานที่ 4) ช่วงเวลา ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย
ซึ่งข้อมูล log จาก โอเปอเรเตอร์ บ่งชี้ว่า ช่วงเวลา เชื่อมต่อกับ True หยุดไป ไปเชื่อมต่อกับ DTAC แล้วส่งข้อความหมิ่นฯ ก่อนจะกลับมา เชื่อมต่อกับ True อีกครั้ง ใน cell site สถานที่เดียวกันคือ บ้านลุง
นั่นคือ โทรศัพท์อากง มีการเปลี่ยน SIM เพื่อหมิ่นฯ ก่อนจะเปลี่ยน SIM กลับ นั่นเอง!!!!
ถึง แม้จะมีข้อเท็จจริงว่า "มีโปรแกรมเฉพาะที่สามารถเข้าไปแก้ไขเลข IMEI ได้อย่างอิสระ" แต่ log จะไม่มีทางที่จะหน้าตาแบบนี้ อย่างน้อย cell site และ เวลาควรจะแตกต่างกันมากกว่านี้ ไม่ใช่สถานที่เดียวกัน แล้วช่วงเวลาสลับการเชื่อมต่อ SIM กันแบบนี้
สรุปง่ายๆคือ 1) โทรศัพท์มือถือสามารถปลอมแปลง IMEI หรือไม่? คำตอบคือ "ใช่" . แต่ . 2) อากงถูกปลอมแปลง IMEI ไปหมิ่น หรือไม่? คำตอบกลับเด่นชัดว่า "ไม่"
เพราะ ข้อเท็จจริงของ log จาก โอเปอเรเตอร์ นั้นครอบคลุมชัดเจนกว่า เพียงด้าน IMEI
แสดง ให้เห็นว่า "จำเลยกระทำความผิดจริง อย่างมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อกลบเกลื่อนความผิดด้วยการซื้อ SIM DTAC แบบใช้แล้วทิ้ง มาก่อการ"
หน่ำซ้ำ จำเลยยังไม่สำนึกผิด ยังพยายามกลบเกลื่อนต่อในชั้นศาล เพื่อให้ตนพ้นข้อกล่าวหาว่า โดย
1) ตอนแรกพยายามจะบอกว่า เดือนพฤษภาคมนั้นตนเอามือถือไปซ่อม (จะโบ้ยว่าร้านมือถือเป็นคนส่ง) แต่หลักฐาน log มีสถานที่กำกับ จำเลยจึงเปลี่ยนคำให้การ อ้างว่าจำผิด อาจส่งซ่อมเดือนเมษายน
2) จากนั้นจึงอ้างว่า IMEI นั้นสามารถปลอมแปลงได้ ดังนั้น อากงอาจถูกปลอมแปลงตอนไปซ่อมมือถือ แต่คำให้การก็มีพิรุธ อ้างว่าจำร้านซ่อมมือถือไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ ถ้าส่งซ่อมจริงต้องจำได้เพื่อไปเอามือถือคืน นอกจากนี้ log ก็ ชี้ชัดอยู่แล้วว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
3)อากงจึงดิ้นรนเฮือกสุด ท้ายว่า อากงลืมมือถือไว้ที่บ้านบ่อย ๆ โดยให้คนใกล้ชิดมาเป็นพยาน (จะโบ้ยว่ามีใครบุกเข้ามาในบ้านเปลี่ยน SIM แล้วส่ง??) ซึ่งไม่ make sense เลยคือ ถ้าบุกถึงในบ้านจะมาเปลี่ยน SIM ทำอาแป๊ะอะไร??
ศาลจึง จัดเต็ม ไป 4x5 = 20 ปี คุก 20 ปีของอากง จึงไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย!!
4) ข้อน่าสังเกตอันนึงคือ หลังจากจนต่อหลักฐานโจทก์ อากงยังเลือกที่จะสู้ต่อ ด้วยดราม่าน่าสงสาร ว่าตนจงรักภักดี, แก่แล้วหลงๆลืมๆ, ส่ง SMS ไม่เป็น ฯลฯ และ ยังเอาหลานมาเป็นพยาน เพื่อให้บันทึกในศาลอีกด้วย ซึ่งตรงนี้ถ้าใครรู้เรื่องนิติศาสตร์ จะรู้ว่าการต่อสู้แบบนี้จะไม่มีผลต่อคดีในศาลเลย เหมาะกับจัดตั้งมวลชนนอกศาลมากกว่า เพราะคนปกติ มักจะคิดว่า คนใกล้ชิดให้การ ศาลควรให้น้ำหนัก เพราะน่าเชื่อถือ แต่จริงๆแล้ว ตามหลักนิติศาสตร์ คนใกล้ชิดฝ่ายใดฝ่ายนึง จะมีน้ำหนักน้อยมาก ในศาล เพราะมีแนวโน้มสูงว่าจะให้การช่วยเหลือ โจทก์/จำเลย (ดูความหมาย ผู้หญิงปิดตา ถือตาชั่งและดาบ) ยิ่งอากงให้การขัดกับหลักฐานมาก่อนหลายครั้งยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าจะเหลือ น้ำหนักเท่าไหร่
พูดง่าย ๆ คือ การสู้แบบนี้ มันไม่ได้คิดชนะในศาลแต่แรกแล้ว แต่จะใช้การดึงอารมณ์ร่วมจากประชาชนปกติที่ไม่รู้ตรงนี้ เพื่อจัดตั้งมวลชนนอกศาลมากกว่า!!!
อากงซวยโคตร...ทนายที่ว่าความให้ เป็นแดงเต็มตัวชื่อ อานนท์ นำภา มีฉายาว่า "ทนายดราม่า" ไม่รู้ว่าอากงรู้ว่าโดนหลอกหรือเปล่า แต่ทนายคนนี้กะสังเวยอากงเพื่อเอาไปปลุกกระแสเหยื่อ ม.112 แน่ เพราะถ้าอากงรับสารภาพ 1. จะมีโทษ 4 วาระ ๆ ละ 3 ปี = 12 ปี 2. สารภาพรับโทษกึ่งนึงเหลือ 6 ปี 3. ไม่มีประวัติต้องโทษมาก่อนเหลือ 3 ปี 4. มีผู้เยาว์ในความดูแลและมีปัญหาสุขภาพ...ศาลอาจสั่งให้รอลงอาญา กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน....
อยากให้หลายคนลองอ่านดู
.
ที่มา https://www.facebook.com/nuishow/posts/10150788403856976
กระทู้เก่าเขาโต้แย้งกันเรื่องนี้ไปนานแล้วครับ หลายอย่างยังมีข้อกังขา ทั้งในแง่ของกระบวนการยุติธรรม(ที่ไม่ให้ประกันตัว แต่คดีฆ่าคนตายอื่นๆประกันได้ง่ายกว่า?) นิติธรรมในข้อกฎหมาย(ที่มาและเนื้อหาของกฎหมาย) และหลักฐานทางITที่คลุมเครือ
1.การแก้ไข IMEI โดยเฉพาะกับมือถือรุ่นของอากง ง่ายนิดเดียว เพียงdownload โปรแกรมแก้จาก internet(มีทั้งฟรีและไม่ฟรี) แต่ศาลไม่รับฟัง และระบุว่าเอกสารในinternet ไม่น่าเชื่อถือ(แล้วทำไมไม่เรียกพยานผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ?)
2.log ที่อ้างว่ามีการสลับsim และไม่เคยใช้งานพร้อมกัน ที่เปิดเผยมาในสำนวนคำพิพากษา เป็นเพียงcall detail log บันทึกรายละเอียดการโทรเข้าโทรออก และการส่ง smsครับ ไม่ใช่ location register log ที่จะแสดงการการonline ของระบบในช่วงเวลาหนึ่งๆ ซึ่งทำให้แย้งข้อกล่าวหาว่าไม่เคยเปิดพร้อมกันได้
3. ในระหว่างการไต่สวน ไม่มีการเรียกผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการมาตรวจสอบหลักฐานเลย มีแค่พนักงานธุรการของบ.มือถือ กับจนท.ที่ไม่รู้ความหมายของ IMEI และไม่เข้าใจว่าทำไม log ของบ.เก็บไม่ครบทุกหน่วย
ประเด็นสำคัญอีกอัน คือพยานวัตถุครับ ตัวมือถือของอากงที่เก็บมา เปิดไม่ติด และไม่มีความพยายามในการแกะข้อมูลจากเครื่อง อ้างว่าเครื่องนี้มี IMEIนี้จาก sticker ที่ติดหลังเครื่องเท่านั้น ไม่มีหลักฐานไฟล์ sms อื่นใดเลย โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญ ที่เลขนานุการของอภิสิทธิ์เป็นคนแจ้งความคดีหมิ่นฯ ก็เป็นเพียงภาพถ่ายหน้าจอมือถือ ไม่มีการเก็บข้อมูลตัวไฟล์smsจริงๆจากมือถือ เพื่อไปเปรียบเทียบกับข้อมูลในระบบเครือข่ายมือถือ(ระบบชุมสายโดยปกติจะเก็บเนื้อหาsmsทุกอย่างที่รับส่ง ในช่วง24hr)ว่าตรงกันจริงหรือไม่ มองในแง่ร้ายสุด รูปถ่ายมือถือที่ส่งไปเป็นหลักฐานอาจผิดพลาดหรือปลอมแปลงตั้งแต่ต้นก็เป็นไปได้ด้วยซ้ำ อย่าลืมว่าตอนนั้นเป็นช่วงการชุมนุมทางการเมือง ตร.ชุดจับกุมแถลงข่าวว่าอากง เป็นฮาร์ดคอ มีชื่อในบัญชีเฝ้าระวังของกอ.รมน. แต่พอขึ้นสู่ศาลจริง คำพูดนี้หายไปหมด ราวกับว่าที่แถลงข่าวตอนนั้นเพียงเพื่อหวังผลโจมตีทางการเมืองเท่านั้นเอง น่าแปลกที่ไม่มีการพิสูจน์เจตนา หรือแรงจูงใจ ว่าทำไมอากงถึงส่งข้อความแบบนั้นได้ ในทางกลับกัน กลับมีหลักฐานว่าอากงเคยพาหลานๆไปลงนามฯที่ศิริราชหลายครั้งด้วยซ้ำ
และสุดท้าย ก็ไม่มีข้อพิสูจน์อันชัดเจนว่า คนส่งคืออากงจริงๆ สมมติว่ามันคือมีดในคดีทำร้ายร่างกาย การที่แค่มีมีดชนิดเดียวกัน เลขนับเบอร์ที่ซ้ำกันได้ กับมีดที่ใช้ทำร้ายคนอื่นอยู่ในครัว โดยที่ไม่สามารถพิสูจน์ถึงแรงจูงใจ หรือพิสูจน์ว่า"มีด"อันนี้คือมีดที่ก่อเหตุจริง หรือมีหลักฐานอื่นใดว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนใช้มีดนั้นจริงๆ ตามหลักแล้วถือว่ายังมีข้อกังขาอีกมาก ยังไม่ถือว่าพิสูจน์จนปราศจากข้อสงสัยครับ
ไม่ใช่เสื้อแดงทุกคนที่ล้มเจ้า แต่คนล้มเจ้าทุกคนเป็นเสื้อแดง วลีนี้ท่านว่าใช้ได้ไหม ???
ขอประชด .... นี่แหละจะทำให้สงครามเกิดกันได้ง่ายๆ
ถ้าจะออกจากกีฬาสี มีแค่ 2 ประเด็นคือ
- บทเรียนเรื่องกฏหมายในระบบไอที
- ผู้ต้องหาที่เป็นผู้ป่วย
นอกนั้น มันเหตุผลส่วนตัวทั้งนั้นเลย
..: เรื่อยไป
+1
Pages