ผู้ใช้ Google Maps คงคุ้นเคยกับฟีเจอร์แสดงสภาพจราจร (ซึ่งมีข้อมูลจราจรของกรุงเทพมานานแล้ว) ในโอกาสที่วันนี้กูเกิลประกาศเพิ่มข้อมูลจราจรในเมืองใหญ่ๆ ของสหรัฐและละตินอเมริกาอีกหลายเมือง (Google Lat Long) ผู้บริหารของกูเกิลก็เผยข้อมูลกับเว็บไซต์ Technology Review ของ MIT ว่านำข้อมูลเหล่านี้มาจากไหนบ้าง
Stephan Seyboth ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ฝ่ายสภาพจราจรและการขนส่งของ Google Maps ให้สัมภาษณ์ว่าตามปกติกูเกิลใช้ข้อมูลสภาพจราจรจากหน่วยงานของรัฐในแต่ละประเทศ (ซึ่งฝังเซ็นเซอร์ไว้ที่พื้นถนน) แต่ในประเทศที่กูเกิลไม่มีข้อมูลเหล่านี้ จะใช้ข้อมูลจากมือถือ Android เข้าช่วยแบบ crowdsourcing
วิธีการคือมือถือ Android จะส่งข้อมูลพิกัดและความเร็วไปยังกูเกิล ซึ่งกูเกิลจะวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ และถ้าอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งๆ เดินทางด้วยความเร็วสูงบนทางหลวงหรือทางด่วน แล้วจู่ๆ เคลื่อนที่ช้าลง กูเกิลจะถือว่าสภาพจราจรเริ่มติดขัด
Stephan Seyboth บอกว่ามือถือ Android จะส่งข้อมูลแบบไม่ระบุตัวตน คือส่งเฉพาะพิกัดและความเร็วเท่านั้น (ในต้นฉบับไม่ได้บอกไว้ แต่ผมเข้าใจเอาเองว่าจะส่งก็ต่อเมื่อเราเลือก Location & Google search ในหน้า Settings ด้วย) ส่วนการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้งานจริงๆ ขึ้นกับจำนวนและคุณภาพของข้อมูลที่กูเกิลได้รับในแต่ละเมือง ซึ่งกูเกิลก็ไม่ได้บอกว่าต้องมีเยอะน้อยเท่าไรถึงผ่านเกณฑ์นี้
Stephan Seyboth ยังบอกว่าการใช้ข้อมูลจาก Android ช่วยให้กูเกิลสามารถขยายบริการแสดงสภาพจราจรได้เยอะขนาดนี้ในเวลาอันรวดเร็ว ส่วน Technology Review ตั้งข้อสังเกตว่าแอปเปิลเองก็อยากทำแบบเดียวกันกับสภาพจราจรในแอพแผนที่ตัวใหม่ของ iOS บ้าง แต่ด้วยฐานผู้ใช้ iOS ที่น้อยกว่า Android มาก ก็มีคำถามว่าฐานข้อมูลของแอปเปิลจะสู้กับกูเกิลได้แค่ไหน
ที่มา - Technology Review
Comments
โอ้ววว ล้ำดีแท้
สุดยอด แต่เมื่อไรจะใช้ได้ในไทย
งงกับข้อสงสัยของคุณ..
กรุงเทพมีรายงานสภาพการจราจรบน Google Map ตั้งนานแล้ว
ผมหมายถึงใช้ข้อมูลจากมือถือ android ช่วยวิเคราะห์สภาพจราจร ครับ
ตอบย่อหน้าสุดท้าย อย่าถามเลย.. ว่าแต่เทคนิคนี้จดได้ไหม xD
ถ้าเป็นแอปเปิ้ล คงจดไว้ก่อนแล้ว ^^
ผมคิดจะทำแอพหลายทีแล้วนะ แต่ถ้าคนเปิดแอพมาช่วยรายงานน้อยมันก็ช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ
Google เอาจำนวนผลิตภัณฑ์มาทำให้เป็นจริงได้แบบนี้ก็ดีล่ะครับ ถ้าไม่เจอปัญหาความเป็นส่วนตัวตามมาอีกนะ
ผมว่าเทคโนโลยีแบบ crowdsourcing แบบนี้ ยิ่ง data เยอะยิ่งดี ทั้งกูเกิลกับแอปเปิลน่าจะแบ่งกันด้วยซ้ำ แล้วเลือกแข่งเอาว่าจะ present ข้อมูลที่มีนี้อย่างไร เพราะข้อมูล raw data ทั้งสองฝ่ายมัน homogenous อยู่แล้ว
@TonsTweetings
+1 ถ้าต้องใช้ข้อมูลมากๆ แทนที่จะแข่งกันเอามาข้อมูลมารวมกันน่าจะดีกว่า
อ่านแล้วนึกถึงประเทศไทยใช้ Human sensor ตามอาคาร และ cctv แทนการฝังตามถนน เพราะขุดบ่อยมาก
คล้ายกะ longdo map บ้านเราเลยแฮะ
Waze จะตายก็งานนี้ แอพดีแต่ในใช้ในไทยน้อยเหลือเกิน ใช้หลักการเดียวกันเป๊ะๆ
แบเดียวกัน => แบบเดียวกัน
สงสัยต้องเปิด Location ไว้ซะแล้ว แบ่งปันข้อมูลกับประชาชี
เป็นการแอบเก็บข้อมูลชาวบ้านที่มีประโยชน์ครับ ผมให้ผ่าน
"ส่วน Technology Review ตั้งข้อสังเกตว่าแอปเปิลเองก็อยากทำแบบเดียวกันกับสภาพจราจรในแอพแผนที่ตัวใหม่ของ iOS บ้าง แต่ด้วยฐานผู้ใช้ iOS ที่น้อยกว่า Android มาก ก็มีคำถามว่าฐานข้อมูลของแอปเปิลจะสู้กับกูเกิลได้แค่ไหน"
แต่ Apple มี case iDevice เยอะกว่ามาก :)
เครื่องมือครองโลกเริ่มทำงาน
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ผมเปิดดูเวลาเลือกเส้นทางมาสักพักใหญ่ๆและ และมีข้อสงสัยข้อนึงที่สงสัยมากๆมานานแล้ว
ถ้าวันนั้นผมนั่งวินมอเตอร์ไซด์ หรือนั่ง BTS ในขณะที่รถติดสุดๆ google maps มันจะงงมั้ยอะ? แล้วถ้าแบบ google ได้ข้อมูลทั้งจากคนนั่งวิน นั่ง BTS และรถติดมาเท่าๆกัน มันจะคิดไงเนี่ย
แล้วแต่ผมเดินเอา ในขณะที่รถวิ่งฉิวๆ มันจะงงด้วยมั้ยเนี่ย