iPhone 5 ได้เปิดตัวไปแล้ว แต่สำหรับหลายคนอาจจะรู้สึกว่าหลายอย่างในนั้นมันไม่ใหม่พอ ซึ่งคงเหมือนกับ Jessica E. Vascellaro ผู้สื่อข่าว WSJ ที่มองว่า iPhone 5 มีการพัฒนาต่อยอดขึ้นมาพอสมควรจากรุ่นก่อนหน้า หากแต่หลายอย่างก็เป็นการไล่ตามมาตรฐานปัจจุบันของสมาร์ทโฟนเท่านั้น โดย iPhone 5 มีความสามารถหลายอย่างที่ควรจะมีอยู่แต่กลับไม่มีดังนี้
การจ่ายเงินผ่าน NFC
NFC กลายเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง Android และ Windows Phone มันช่วยเพิ่มความสามารถในการชำระเงินให้สะดวกขึ้น รวมทั้งใช้เพื่อแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟนด้วยกันได้อย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่ iPhone 5 มีคือระบบ Passbook ที่เปรียบเสมือนตั๋วคูปองดิจิตอลเท่านั้น
สำหรับประเด็นนี้ Phil Schiller รองประธานฝ่ายการตลาดของแอปเปิลได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมากับ All Things D ว่าแอปเปิลเองไม่แน่ใจว่า NFC นั้นจะมีปัญหาอื่นตามมาหรือไม่ในอนาคตจึงไม่นำมันมาใส่ใน iPhone 5 และวิธีของ Passbook นั้นก็เป็นวิธีการที่ลงตัว ง่ายดายที่สุดทั้งสำหรับลูกค้าและร้านค้า
Home Screen แบบปรับแต่งได้
ปัญหานี้น่าจะเป็นการก้าวข้ามไม่พ้นข้อจำกัดที่ใหญ่มากสำหรับ iOS เพราะในขณะที่ผู้ใช้ Android สามารถปรับแต่งหน้าการใช้งานได้ด้วย widget มากมาย แต่ iPhone 5 ก็ยังรักษาเอกลักษณ์หน้า Home แบบเดิมไว้เหมือนในอดีต ซึ่งอาจเป็นผลเสียในระยะยาวเพราะ widget บน Android นั้นสามารถจัดเรียงข้อมูลที่สำคัญมาเตือนไว้ในหน้า Home ได้เลย ไม่ต้องเรียก Notification Center แบบ iOS ทำให้เราเห็นสภาพอากาศปัจจุบัน, อีเมล, การแจ้งเตือน Facebook ได้ในหน้าแรก ซึ่งการทำงานลักษณะดังกล่าวก็มีใน Windows Phone ด้วยเช่นกัน
Face Unlock
Android รุ่นใหม่นั้นมีคุณสมบัติปลดล็อกด้วยการรู้จำใบหน้าผู้ใช้งาน ซึ่งมันก็ทำงานได้ดีทีเดียวแต่สำหรับ iPhone แล้วการปลดล็อกยังคงต้องใช้นิ้วปาดอยู่เหมือนเดิม
จอใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่มาก
iPhone 5 มาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นคือขนาด 4 นิ้ว แต่ความจริงแล้วหน้าจอ 4 นิ้วก็ไม่ได้เป็นหน้าจอที่จัดว่าใหญ่นัก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นดังในปัจจุบันอย่าง Galaxy S III ของซัมซุงที่มีขนาดหน้าจอถึง 4.8 นิ้วไปแล้ว
ชาร์จไร้สาย
คุณสมบัติชาร์จไร้สายกำลังเป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟน ซึ่งโนเกีย Lumia 820 และ 920 มีมันแล้วแต่ iPhone 5 กลับเลือกการชาร์จแบบมีสายต่อไป โดยปรับแค่ขนาดหัวเชื่อมต่อให้เล็กลงเท่านั้น
สำหรับประเด็นนี้ Schiller ได้กล่าวถึงเช่นกัน โดยเขาบอกว่าระบบชาร์จไร้สายนั้น ตัวแผงที่ใช้สำหรับวางอุปกรณ์เพื่อชาร์จไฟก็ยังต้องเชื่อมต่อกับส่วนอื่นอยู่ดี ซึ่งสำหรับสภาพการใช้งานทั่วไปแล้วมันคือความยุ่งยากมากขึ้นมากกว่า ส่วนเหตุผลที่แอปเปิลเลือกเปลี่ยนมาใช้ตัวเชื่อมต่อ Lightning ที่เล็กลงนั้นก็เพื่อรองรับอุปกรณ์ในอนาคตที่ต้องการความบางมากขึ้นนั่นเอง
ที่มา: WSJ
Comments
จอใหญ่แค่นี้แหละดีแล้วนะ ไม่งั้นใช้มือเดียวลำบาก
ประชดหรือพูดจริงครับเนี่ย :P
พูดจริงครับ เมื่อก่อนผมใช้ Dell Streak อยู่ 5" ตัวแรกของ Android เลย บางทียังต้องใช้สองมือช่วยจิ้มไอค่อนครับ
Destination host unreachable!!!
มายืนยันอีกคน
สำหรับผม smartphone ต้องใช้นิ้วแตะได้ครบทุกมุมของจอด้วยการถือมือเดียว
ด้วยขนาดมือของผมถ้าเกิน 4.0 นิ้วขึ้นไปนี่บางจุด/มุมจะกดด้วยนิ้วโป้งในท่าถือปกติไม่ถึง
(หรือจะถึงก็ต้องเอื้อมนิ้วกันจนเมื่อย + โทรศัพท์เกือบหลุดมือ)
ยืนยันอีกคนครับ ใหญ่เกิน 4 นิ้วผมว่าใช้ลำบาก
+1 ผมว่าจอใหญ่ไป + กับดีไซน์พื้นฐาน มันไม่เข้ากันซะเลย แค่นี้ผมว่าดีละ
+1
ผู้ชายที่มือใหญ่กว่าอาจใช้ลำบากหน่อย
แต่แบบนี้โดนใจผู้หญิงหลายๆ คนเลยค่ะ :)
เห็นด้วย จอใหญ่มากทำให้ความเป็นส่วนตัวน้อยลงกว่าเดิมอีก
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
เห็นด้วยเรื่อง ชาร์จไร้สาย
+1 เซาะกราวมาก
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เอ้า ตอนนี้คุยไม่ใช้สายชาร์ตอนอยู่หรอกหรอ
+1
+1
แต่ชาร์จไร้สายสะดวกดีเหมือนกันในบางโอกาส
ทั้งหมดนี้ไว้เจอกันใน 5S และต่อๆไปครับถ้าปล่อยหมดทีเดียวก็ขายไม่ได้จิตามแบบ Apple เขาละ
ชาร์จไร้สายสุดท้ายก็ต้องวางบนแท่น ทำให้ถือเล่นไปด้วยชาร์จไปด้วยไม่ได้อีก ผมว่ามันไม่ได้มีข้อดีอะไรไปกว่าความเท่เลยนะ
มันก็ชาร์จแบบมีสายได้อยู่นิครับ
ปรกติผมจะวางมือถือชาร์จไว้ที่เดิมทุกคืน ถ้ามันมีชาร์จไร้สายก็คงดี สะดวกดี ไม่เห็นเท่ตรงไหน
ผมว่ามันถูกต้องแล้ว และมันก็เป็นข้อดีเพราะไม่ควรชาร์ตแบตไปแล้วเล่นโทรศัพท์ไปครับ เวลาชาร์ตแบตควรคว่ำหน้าจอลงเพื่อไม่ให้แบตร้อน หากปิดเครื่องชาร์ตจะช่วยยืดอายุของแบตได้อีกด้วย การชาร์ตไปแล้วเล่นไป ทำให้แบตเสื่อมลงเร็วมาก จากประสบการณ์ที่ใช้มาครับ
น่าเสียดายตรงที่ว่า ถึงแม้จะปิดเครื่อง iPhone ไปแล้ว
เวลาเสียบชาร์จมันก็เปิดเองอยู่ดี - -"
ปกติเวลาชาร์จเราก็จะไม่ใช้งานเครื่องนะคะ อย่าง MBP
เพราะอยากยืดอายุแบต แต่ iPhone ทำงั้นไม่ได้จริงๆ อ่ะ
เคยมีประสบการณ์แบบนี้ป่าวครับ
ไปนั่งร้านอาหารกับเพื่อน มือถือแบตจะหนด แต่ต้องเปิด personal hotspot เพื่อแชร์เน็ต เราก็เสียบ mobile booster ได้เลย
แชร์แค่เน็ท ทำงานไม่หนักหรอกครับ
บางเหตุการณ์มันก็จำเป็นก็ต้องจำใจทำไปอะนะครับ ถ้าไม่ทำก็วุ่นวายละครับ
แบตเสื่อมเพราะว่ามันร้อนครับ ชาร์จไปเล่นไปร้อนมาก
ชาร์จไปเล่นไป มันไปใช้ไฟจาก usb แทนนะครับ
แต่ก็ร้อนครับ
ชาร์ตไร้สายอันนี้พูดถูก แต่ NFC ขัดใจมาก (Dev ไม่ทันก็บอกมาเถอะ)
+1 เลยครับ เห็นด้วยเหมือนกันเรื่องไร้สาย แต่ NFC เนี่ยมันสมควรจะมีได้แล้ว.. หรือจะไปโผล่ใน 5s เพื่อเป็นจุดชูโรงเพื่อให้ขายได้ รึเปล่า
NFCน่าจะยังใหม่เกินไป มารตฐานกะเรื่องความปลอดภัยน่าจะต้องจับตาดู credit card แบบ contactless ก็มีแล้ว แต่ยังไม่เห็นแพร่หลายสักเท่าไรเลย
+1
Need & Want มากค่ะ ><
ผมว่า Dev อาจจะทัน แต่ที่ไม่ทันคงเป็น Partner หรือเปล่า Apple ชอบเปิดแบบมี Partner ถ้าไม่มี ก็เหมือนเจ้าอื่น
NFC นี่ฝรั่งเค้าใช้กันมากแค่ไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในไทยเหมือนจะยังไม่ค่อยเห็น (แต่เป็นแนวคิดที่มีประโยชน์มาก)
Face Unlock นี่ส่วนตัวผมว่าไร้สาระ แต่เหมือนว่าแถวนี้ก้มีคนใช้มันจริงๆอยู่บางคน
ขนาดจอ จริงๆผมไม่ชอบมือถือจอใหญ่ (มันถือไม่ถนัด) อันนี้เห็นด้วยว่าไม่ต้องบ้าเพิ่มไปตามชาวบ้านเค้าหรอก
ชาร์จไร้สาย จริงๆอยากให้มี อารมณ์ว่าจะเสียบแท่นชาร์จไว้ทั้งวัน กลับบ้านก็วาง ไม่ต้องหาสายมาเสียบมือถือ ไม่ต้องกลัวพอร์ตพังด้วย (ไว้เสียบตอนต่อคอมอย่างเดียวพอ) คืออันนี้เจอบ่อยมาก เสียบเข้าเสียบออกจนพอร์ตพังไปเลย
อีกหน่อยเรื่องที่ชาร์ตไร้สายจะเป็นเหมือน 3.5 นิ้วคือขนาดหน้าจอที่(เคย) เหมาะสมที่สุดหรือเปล่าครับ พอมันติดตลาดก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงประมาณว่าเป็นความต้องการของผู้ใช้ ;D
ซึ่งเรื่อง NFC กับชาร์ตไร้สายเนี่ย อาจเป็นอะไรที่เจ้าอื่นทำก่อน และถือสิทธิบัตรไปก่อนแล้ว ถ้าทำตามโดนแน่ๆ เพราะตอนนี้เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไป และ face unlock ถ้าทำตามแอนดรอยด์ละก็ เสียเครดิตผู้แบกรับความเสี่ยงมือถือไร้ปุ่มตัวเลขไปปล่าวๆ เว้นแต่ต้องคิดใหม่ อืม .. แฟนอันล็อค! สแกนหน้าแฟนเพื่อปลดล็อคเคริ่องตัวเองประมาณนั้น 55 ;D
my blog
ไม่อะครับ(ชาร์จไร้สาย กับNFC) ไมโครซอฟกับแอปเปิ้ลมีสนธิสัญญาแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรอยู่ ไม่ใช่ข้ออ้างได้เลย
I agree with Phill only one thing they should not put in new iPhone is it name. ''iPhone5''
ทำไมผมรู้สึกว่าที่ขาดอยู่ทั้งหมดนั่นมันไร้สาระหว่า - -"
ผมไม่รู้สึกว่ามันไร้สาระนะครับ
จอใหญ่ขึ้นนี่ ไม่เห็นอยากได้เลย รู้สึกจะเอาใจคอเกมส์มากกว่า สู้ขนาดเครื่องเท่าเดิมแต่ขยาย display area ให้ยาวขึ้นน่าจะดีกว่า
ส่วนปรับหน้่า home screen เท่าที่เล่น ๆ มาบน android กะ windows phone รุ่นเก่า ถ้าจะมี ก็อยากได้แบบที่เอาตารางนัดหมายมาแสดง เหมือน spbdiary นอกนั้นก้องั้น ๆ เล่น ๆ แล้วก้อเบื่อ สุดท้ายก็เอาออกหมด
Wireless charge น่าจะเรียก contactless charge มากกว่า จะดีต้อง charge ใช้ light-cell หรือ environment power คือดึงเอาพลังงานที่ทีอยู่รอบ ๆ ตัว เปลื่ยนเป็นไฟฟ้า charge ได้แม้ในสภาพแสงน้อย น่าจะเจ๋งกว่า
NFC ต่อให้มีก้อไม่ใช้
face unlock ทำให้เสียเวลาหนักเข้าไปอีก คิดดู ... กดปุ่ม wake->เล็งให้กล้องส่องหน้า->กดปุ่ม ให้จดจำ เกิดมือขยับ ...ถ่ายใหม่...สู้กดรหัส 4 ตัวไม่ได้ ... แล้วเกิดจะโทร.ตอนขับรถหละ มัวมองกล้องืชนกันพอดี
ที่ไม่น่าเปลี่ยนเลยคือ usb connector คิดได้แย่มาก
ว่าไป แอปเปิ้ลหลังยุคคุณ จ็อบ เริ่มหมดแรงที่จะคิดของที่ล้ำยุค จาก iPhone 3 มา 5 นี่เริ่มจืด ๆ แล้ว จากนี้ถ้าไม่มีอะไรที่น่าประทับใจก้อคงจะเริ่มเข้ายุคตกต่ำหละ
+1ยกกําลัง1000 เลยครับ
📸
NFC ไม่ได้ใช้ ก็เพราะ iPhone ไม่มีไงครับ คนเค้าเลยไม่ได้ใช้กัน
ที่เค้าขาดหวังให้ iPhone5 มี NFC ก็เพื่อที่ เทคโนโลยีนี้จะได้แผ่หลายมากขึ้น
ผมว่าหลายๆ อันที่่ว่ามานั้นเป็นเรื่องที่ Apple ทำไม่ได้กับ iPhone5 (จะเพราะเหตุผลทางเทคนิค, หรือทางการตลาดก็แล้วแต่) แล้วออกมาแก้เกี้ยวให้รู้สึกเหมือนเป็นสิ่งไม่จำเป็น หรือไร้สาระ มากกว่านะครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ชาร์จไร้สายดีนะ ไม่ต้องเสียบสายให้วุ่นวาย แล้วมีสายแกะกะรกตา ไม่ต้องควานหาสายในความมืด
ถ้าอยากเล่นไปชาร์จไปก็เสียบสายสิ พวกนี้มันได้ทั้งสองระบบเลยรึเปล่า
ควานหาแท่น charge แทา 5555 พวกผลิตเปรงสีฟันไฟฟ้าน่าจะฟ้องเรื่อง สิทธิบัตร
+1 ยังไงใช้ได้ทั้ง 2 ยังไงก็ดีกว่า ใช้อะไรไม่ได้มากแต่เท่ 555
NFC ฝรั่งเขามีใช้นานแล้วครับ เพียงแต่พึ่งจะบูมก็เร็วๆนี้ ผมก็ออกจะแปลกใจที่ Apple ไม่มี และเหตุผลของ Phill ฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไร ประมาณว่า Developer พัฒนาให้เสถียรตามคุณลักษณะที่ตัวเองมีมาตลอดยังไม่ได้มากกว่า
เรื่องจอแอปเปิลทำสิ่งที่ตนเองเชื่อเหมือนเดิม ไม่ได้ตามกระแสภายนอกนัก โดยยังคงยึดเรื่องเดิมอยู่คือเรื่องความถนัดในการใช้มือเดียวไม่ว่าแอปเปิลคิดถูกหรือผิด ก็ยังถือว่าทำโดย(เกือบ)รักษาคำพูดเดิม
NFC อันนี้ก็สไตล์แอปเปิลเช่นเคย ไม่ค่อยใส่อะไรมาเยอะเท่าไหร่ ยิ่งเทคโนโลยีที่ยังไม่แพร่หลาย และแอปเปิลไม่มีส่วนได้ส่วนเสียก็หวังยากที่แอปเปิลจะใส่มา #เซง
Face Unlock ถ้ามาคงมาเมื่อกล้องแยกความเป็น 3D หรือแบ่ง user ใช้งาน ปัจจุบันยังค่อนข้างไม่มีประโยชน์เท่าไหร่เป็นแค่กระแสเบาๆ ซึ่งแอปเปิลก็ไม่ค่อยตามเช่นเคย
Home Screen แต่งได้ อันนี้สิ้นหวัง 555 อยากเห็น widget อยู่บน Search Screen อ่าาา + switcher บน Notification Bar
ชาร์จไร้สาย ปกติแอปเปิลยัดทุกอย่างแน่นในเครื่องแล้ว โปรโมทบาง vs ชาร์จไร้สาย แอปเปิลคงเห็อันแรกดีกว่า อีกอย่างตอนนี้ประโยชน์ไม่ค่อยมีนะไร้สายเนี่ย หัวเสียบใหม่เรียบๆน่าจะช่วยเรื่องพอร์ตเสื่อมได้บ้าง :P
อันนี้ค้านหน่อยครับ แอปเปิลจะเลือกใส่และตัดของที่แอปเปิลเองคิดว่าใช่ ไม่เกี่ยวกับแพร่หลายหรือมีส่วนได้เสียหรือเปล่า เช่น เน้น cloud ไม่สน blu-ray เลือก multitouch ซัด retina ขจัด flash
ข้อ 5 น่าคิดมาก
HTML 5 ลื่นไหลกว่าเยอะ แต่ยังขาดเรื่อง compatibility ที่เข้ากันของทุกๆ browser
NFC เอาเข้าจริง ๆ ทำมาไม่ได้จะได้ใช้กันง่าย ๆ ภายในปีสองปีนี้หรอกครับ ต้องมีการพัฒนาระบบการแลกเปลี่ยน security element กับผู้ให้บริการ credit หรือ float อีกซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะตกลงกันได้ง่าย การทำ transaction แบบ offline นั้นมีข้อดีที่ความสะดวกรวดเร็วแต่ก็มีข้อควรระวังที่สำคัญคือเรื่องความปลอดภัยของการทำ transaction ที่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้ใช้และผู้ให้บริการว่า transaction นั้น ๆ ถูกต้องไม่มีการโกง ที่สำคัญที่สุดคือเวลาเกิดปัญหาแล้วใครจะเป็นคนจ่ายค่าความเสียหาย
ที่ชาร์ตไร้สายบอกตรง ๆ ว่า Palm Pre ทำมาตั้งแต่ปี 2009 แล้วแต่ผมไม่คิดจะใช้เลยเพราะผมคิดว่ามันไม่สะดวกเท่าไรนัก อาจจะมีความสะดวกในบางรูปแบบการใช้งานแต่มันก็ยังไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกอยู่ดี (มากกว่า 1,000 บาทแน่นอน) ระยะเวลาที่ต้องชาร์ตก็นานกว่าเนื่องจากการเหนี่ยวนำมีการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็นสูงกว่าการเสียบสายโดยตรง การกินไฟก็น่าเป็นห่วงว่าจะอยู่ที่อัตราเท่าไรเพราะแท่นชาร์ตเองก็ต้องคอยตรวจสอบอยู่เสมอว่ามีอุปกรณ์มาวางหรือสัมผัสแล้วหรือไม่
จอใหญ่ขึ้นผมว่าไม่จำเป็นต้องดีขึ้นเสมอไป มีคนที่ถนัดและไม่ถนัดจอใหญ่ขนาดนี้ ยิ่งไปถึง 5 นิ้วนี่ผมไม่มีทางใช้ได้เลยแน่นอนเพราะมันคงไม่มีทางใส่ในกางเกงยีนส์ขาเดฟสำหรับคนเอว 30 นิ้วอย่างผมไปได้แน่ ๆ ครั้นจะให้สั่งตัดกางเกงแบบเดียวกับที่ขายตาม brand ดังต่าง ๆ แต่สั่งเพิ่มความลึกของกระเป๋ากางเกงเป็นพิเศษก็ดูจะเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนไปเสียหน่อย สำหรับนิ้วมือขนาดผมคงเหมาะกับโทรศัพท์มือถือหน้าจอไม่เกิน 4.5 นิ้วอย่างมาก เกินกว่านั้นบอกตรง ๆ ว่าใช้ลำบาก ถ้าจะให้ใช้จริง ๆ แสดงว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นต้องมี feature อย่างอื่นมาชดเชยจนทำให้ผมอยากใช้จริง ๆ และยอมที่จะใช้งานลำบากในเรื่องนี้
Face Unlock ไม่รู้ว่าจะปลอดภัยแค่ไหนเหมือนกัน คงเป็นแค่การจำ face element pattern จาก face recognition มากกว่าจะเป็นการวิเคราะห์ลักษณะทางชีวภาพจริง ๆ ถ้าให้ผมทายใช้รูปมาทำ Face Unlock บนมือถือก็น่าจะได้ ซึ่งถ้ามันง่ายขนาดนั้นผมคงไม่ใช้
Home Screen ปรับแต่งได้มีประโยชน์แต่คนที่เฉย ๆ หรือไม่รู้สึกอะไรก็มีเหมือนกัน ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ผมว่านานาจิตตังแล้วแต่บุคคล ส่วนตัวผมเฉย ๆ ปรับได้ก็ดีปรับไม่ได้ก็ช่าง
That is the way things are.
NFC หรือ Near Field Communication มันทำอย่างอื่นนอกจาก transaction ทางการเงินได้หน่ะครับ ซึ่งมันเพิ่มความสะดวกสบายต่อการใช้ชีวิตมากขึ้นเยอะ
ส่วนอื่นๆเห็นด้วยครับ เป็นเรื่อง user preference มากกว่า
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+100 ผมว่าหลายๆ คนน่าจะหาข้อมูลเรื่อง NFC เพิ่มเติมมากกว่าที่ Apple ชี้นำให้แค่ว่ามันยังไม่รัดกุมพอสำหรับระบบธุรกรรม เพราะที่จริง NFC พลิกแพลงได้อีกเยอะ ทั้งในเรื่องการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์, หรือใช้งานแบบ NFC tag อย่างที่ Sony ทำ มันก็ทำได้
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ส่วนตัวผมรู้จัก NFC มาตั้งแต่ประมาณ 7-8 ปีก่อนแล้วนะครับ ก่อน Google จะเปิดตัว Google Wallet เสียอีก พอรู้เหมือนกันว่า NFC ทำอะไรได้บ้างครับ แต่ที่ไม่ได้พูดถึงแต่พูดเฉพาะเรื่องธุรกรรมทางการเงินนั้นเป็นเพราะในความรู้สึกของผมนั่นคือ feature หลักที่สามารถทำให้ทุกฝ่าย win ได้ทั้งผู้ใช้และผู้ให้บริการ ส่วนการใช้รูปแบบอื่นผมมองว่ามันเป็นของแถมที่มีการพลิกแพลงได้บ้างแต่ไม่ใช่การใช้งานหลัก
การแลกเปลี่ยน file นามบัตร ข้อมูลต่าง ๆ เวลานำเครื่องมาใกล้กัน แน่นอนว่ามันจะทำให้การใช้งานบางอย่างเช่น การส่ง file ให้เพื่อน การแลกเปลี่ยน game data มีความสะดวกง่ายดายขึ้น แต่สิ่งที่ต้องระวังก็ต้องมีครับ เช่น การโดนเอาข้อมูลไปมากกว่าที่ร้องขอ การโดน middle man เป็นต้น ซึ่งหากจะให้ปลอดภัยก็จะต้องมีการพัฒนาทั้ง software และ hardware มาเพื่อครอบคลุมปัญหานี้ ถึงแม้ผมจะเข้าใจว่าทำได้ไม่ยากมากแล้วในสมัยนี้แต่ในอีกแง่หนึ่งผมยังคิดว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร เพราะอย่างเรื่องการแลกเปลี่ยน game data บน iPhone สามารถทำผ่าน Bluetooth ได้เหมือนกัน
การโฆษณาเล่น event ต่าง ๆ ด้วยการนำโทรศัพท์ไปแตะตามป้ายโฆษณาหรือจุดร่วมรายการต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือเล่น campaign ก็ถือเป็นการโฆษณาที่ล้ำสมัย แต่มันมีความเสี่ยงตรงที่ต้องให้วงการโฆษณาร่วมลงทุนทำด้วยทั้งในแง่ software ตั้งแต่การส่ง service เริ่มแรกไปยังมือถือของลูกค้าและในแง่ hardware ที่ต้องลงทุนกับป้ายโฆษณาเพิ่มเติม รวมไปถึงการ maintenance ระบบไม่ให้เกิดการโกงการร่วมรายการอีก
การใช้ NFC ในการตรวจสอบคูปอง บัตรสมาชิก เพื่อลดจำนวนบัตรหรือคูปองที่ผู้ใช้จะต้องพกไปไหนมาไหนด้วยตลอด ในความคิดของคนวงการ IT แบบเรา ๆ สิ่งนี้มันดูเข้าท่ามากเพราะเราไม่อยากพกบัตรหลายใบที่ทำหน้าที่ได้เป็นเพียงบัตรสมาชิกส่วนลดเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงร้านค้าต่าง ๆ อาจจะไม่ได้คิดแบบนี้ (อย่างน้อยในประเทศไทยเท่าที่ผมเห็นนะ) เพราะการที่ลูกค้ามีบัตรแข็งพกพาแบบจริง ๆ มันจะให้ความรู้สึกที่ดูเป็น professional มากกว่า มีอัตลักษณ์ของตัวเองออกแบบบัตรอย่างไรก็ได้ สามารถใช้บัตรสมาชิกเป็นสื่อโฆษณาแบบปากต่อปากได้ในตัว สิ่งเหล่านี้ยังถือว่ามีคุณค่าอยู่มากเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นการที่ร้านค้าจะรองรับบัตรสมาชิกผ่าน NFC นั่นหมายความว่าร้านค้าต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มขึ้นมาสำหรับบริการนี้ในขณะที่หากเป็นการพิมพ์บัตรแข็งธรรมดาค่าใช้จ่ายจะอยู่ในรูปแบบจ่ายรอบเดียวมากกว่า นี่จึงเป็นประเด็นสำคัญ
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้จัก NFC ครับแต่ความสำคัญของการใช้งานแต่ละเรื่องมูลค่ามันต่างกันมหาศาล ผมจึงได้พิมพ์เน้นไปเรื่องเดียว ถ้าจะให้พิมพ์หลาย ๆ เรื่องมันก็จะยาวแบบนี้แหละครับ -..-
That is the way things are.
ระบบ NFC เพื่อจับคู่กับอุปกรณ์ Bluetooth ได้อย่างรวดเร็ว?
นี่คือบางสิ่งที่คุณลืมไป
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ส่วนตัวผมไม่คิดว่าการแลกเปลี่ยน game data ต้องการความเร็วระดับ ms เท่าไรนะครับ
That is the way things are.
เดี๋ยวนี้มันมีลูกเล่นใหม่ๆเพิ่มหน่ะครับ เช่น NFC Tags/Stickers ที่แตะแล้วสั่งการได้(programmable) มีราคาค่อนข้างถูก(เคยเห็นอันละ $1) อย่าง Xperia S ที่ Singapore ก็แถม Smart Tags มาให้(3 อันมั้ง) ส่วนของไทยดันเป็นสาย mHDMI
เวลาจะใช้เช่นจะออกจากห้อง/บ้าน ก็แตะ Tag เพื่อปิด WiFi อยู่บนรถอาจจะเปิด GPS/โปรแกรมแผนที่อัตโนมัติ เข้าไปนั่งใน Office อาจจะแตะ Tag เพื่อเปิด WiFi และปิดเสียงโทรศัพท์ อะไรแบบนี้หน่ะครับ
มันช่วยอำนวยความสะดวกได้ดีเลยนะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1 informative ครับ
That is the way things are.
ผมมี Galaxy S3 ได้มีโอกาสทดลองใช้งาน S Beam ที่ใช้ NFC ร่วมกับ WiFi Direct มันสะดวกมากเลย ไม่ต้องไปนั่ง paring อะไรให้ยุ่งยากวุ่นวาย
แค่เปิดแอพมาตรฐาน เช่น Gallery แล้วเปิดรูปภาพที่อยากจะส่งให้เพื่อน แล้วเอาเครื่องทั้งสองเครื่องหันหลังชนกัน แค่นี้มันก็จะเริ่มติดต่อการสนทนา WiFi Direct แล้วส่งได้เลย
ไม่ต้องไปคอนฟิค,แพร์ริ่ง,จดรหัสผ่านอะไรวุ่นวายทั้งสิ้น
ผมว่าคุณอคติกับ NFC มากเกินไปนะครับ... :-)
ผมว่า NFC ทำชีวิตสะดวกขึ้นพอสมควรเลยนะครับ
อย่างแรก คือผมไม่ได้จะพาดพิงคุณนะครับ แต่นั่งอ่านๆ คอมเมนท์มา แล้วเจอที่คุณ Mckay ให้ความเห็นเรื่อง NFC แล้วผมเลยเสริมไปว่าเห็นด้วย เพราะส่วนตัวผมเองรู้สึกชอบใจเรื่องการนำ NFC ไปใช้เป็น tag ของ Xperia S แล้ว แต่ประเด็นข่าวอันนี้กลับกลายเป็นว่า มีเฉพาะการพูดถึงเรื่องการจ่ายเงินด้วย NFC เพียงแง่เดียว
สิ่งที่ผมอยากสื่อจริงๆ ก็คือ การที่ Phil ออกมาชี้แจง "iOS ว่ามี passbook ก็ OK ดีอยู่แล้ว" ทำให้ "NFC ถูกพิจารณาว่าไม่จำเป็นหรือไม่มีเหตุผลที่ควรจะถูกใส่มาใน iPhone5" นั้น เหมือนยังไม่ค่อยตรงไปตรงมาสักเท่าไหร่นัก ทั้งที่ Apple ก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่า NFC ยังทำอย่างอื่นได้อีก แต่ไม่พูดถึง ซึ่งนั่นน่าจะมีเหตุผลมาจากเรื่องอื่นมากกว่า (อาจจะกั๊กไว้สำหรับรุ่นต่อไป หรือติดปัญหาทำให้เครื่องหนาขึ้น....ก็สุดแล้วแต่)
ทีนี้คนบางส่วนก็อาจจะรู้จักแค่ว่า NFC เอาไว้ใช้จ่ายเงิน (เพราะรู้จัก google wallet) แล้วก็จะมุ่งประเด็นของ feature นี้ไปที่การใช้งานแง่มุมเดียวน่ะสิครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
+1 บางทีแล้วดูความเห็นของคุณ zerocool แล้วรู้สึกเข้าข้าง Apple มากเกินไปหน่อย จนลืมว่า usability ที่ใช้งานจริงมันเป็นเช่นไร
Coder | Designer | Thinker | Blogger
พูดตรง ๆ นะครับผมจะเถียงอธิบายกับคุณก็ได้ แต่เนื่องจากความเป็นคนที่สักแต่วิจารณ์คนอื่นโดยที่ตัวเองยังไม่รู้จักอย่างถ่องแท้แบบคุณ ผมคิดว่าคงจะเป็นการเสียเวลาหากผมต้องมาอธิบายตัวเองให้คุณฟังน่ะครับ ขนาดจุฬา ฯ คุณไม่เคยไปเรียนอาศัยแค่ฟังมาจากปากเพื่อนไม่กี่คน คุณยังกล้าวิจารณ์เสีย ๆ หาย ๆ ขนาดนั้น ดังนั้นผมไม่แปลกใจครับที่คุณจะกล้าวิจารณ์ความคิดของผมแม้ว่าคุณจะไม่รู้ว่าผมคิดอะไรหรือไม่คิดอะไรอยู่บ้างก็ตาม
That is the way things are.
แต่ผมมองว่าความคิดของคุณยังคงไม่เปิดรับกับสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Apple คุณยังมองว่า Apple ยังถูกต้องเสมอ แค่เจอความคิดที่ต่าง คุณก็รับไม่ได้ นี่แหละครับคือสาวกประเภท "จมปลัก"
งั้นผมก็ขอสรุปผ่านคำพูดตาม Quote ดังนี้
คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อผมก็ได้ แต่ผมแค่อยากให้คุณรู้ว่า ในโลกนี้ ไม่ได้มีแค่ Apple แค่นั้นนะครับ ลองปรับความคิดคุณใหม่ ผมยอมรับ ผมอาจจะยังไม่รู้จักแบบถ่องแท้เท่าคุณ แต่เพียงแค่คุณไม่เคยมองสินค้าอื่นดีในสายตาคุณ แค่นั้น คุณอยากเถียง เถียงมาเลย ผมรับฟัง และตอบคำตอบที่คุณอยากรู้ เพียงแต่คำตอบนั้น จะไม่ถูกใจคุณแค่นั้นเอง
ปล. ผมเกลียดสาวกจมปลักจนไม่มองสินค้าอื่นดีในสายตาเลย และผมมองว่า Apple เป็นสินค้าที่คนนิยมซื้อเพราะรสนิยม
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แค่ย่อหน้าแรกของคุณก็บ่งบอกความตื้นเขินของคุณได้แล้วครับ มันก็เหมือนเดิมกับกรณีจุฬา ฯ ที่คุณไม่รู้อะไรแต่ก็ยังจะวิจารณ์คนอื่นแบบเสียๆ หายๆ
คุณบอกผมเป็นสาวกที่จมปลักไม่ยอมรับความคิดของคนอื่น คุยเอาอะไรมาวัดครับ? คุณรู้หรือไม่ว่า smartphone เครื่องแรกของผมคืออะไร ที่บ้านผมมีอุปกรณ์ Apple กี่ชิ้น และ smartphone เครื่องหน้าของผมผมเล็งตัวไหนไว้ ? ไม่รู้อะไรเลยสักแต่ใช้คําพูดกล่าวหาผู้อื่นนี่มันใช่วิถีของคนมีหลักการหรือครับ ?
การที่ผมไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของคุณ ไม่ยอมรับเหตุผลของคุณเพราะตรรกะมันอ่อน นี่มันสรุปได้เลยเหรอครับว่าผมคิดว่า Apple ดีที่สุด ไม่รับฟังเหตุผลของคนอื่น ? ก่อนจะกล่าวหาว่าคนอื่นไม่มีวิจารณญาณน่าจะลองวิเคราะห์หลักการเหตุผลของตัวเองดูก่อนนะครับ คนอื่นพูดมีเหตุผลผมรับฟังหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ที่ผมไม่ค่อยรับฟังเหตุผลคุณมันเพราะอะไรก็ควรลองไปคิดดู ไม่ใช่มองว่าถ้าใครไม่ฟังคุณคนนั้นต้องเป็นสาวก ผมว่ามันเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางสิ้นดี
บอกตรงๆ เบื่อครับกับพวกชอบตราหน้าแบบนี้ พอคนอื่นโต้แย้งด้วยเหตุผลก็พยายามยัดเยียดสถานะโน่นนั่นให้ เดี๋ยวเป็นพวกก่อดราม่าบ้าง เดี๋ยวเป็นพวกสาวกบ้าง พิจารณาคนอื่นโดยไม่พิจารณาตนเองแบบนี้ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเหมือนกัน
ทําไมคนที่อธิบายด้วยเหตุผล มุมมอง ประสบการณ์ของตัวเอง แล้วออกมาในทางสนับสนุน Apple แปลว่าคนนั้นต้องเป็นสาวก ในขณะที่คนที่ด่า Apple เท่านั้นจึงจะเป็นคนปกติ ? ผมว่ามันตลกนะ โลกเรานี่มันอยู่ยากขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่าไม่รู้จักรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นกันแน่
That is the way things are.
ค่อนข้างเห็นด้วยเกือบทั้งหมดเลยครับ ปล.ผมชอบจอใหญ่
+1 เห็นด้วยครับ
ผมว่า Apple เน้นบริหารการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี เพราะมีลูกค้าเยอะ หลายประเภค หลายความชอบ บางพวกก็หัวอนุรักษ์หน่อย บางพวกก็หัวก้าวหน้าซึ่งค่อนข้างเอาใจยาก เหวี่ยงตลอดเวลาอยู่แล้ว อยากได้โน่นนี้นั้นไปหมด ทำให้ Apple ต้องออกมือถือสองจังหวะ
ตระกูลตัวเลขอย่างเดียว ก็เอาใจหัวอนุรักษ์ ไม่เน้นเปลี่ยนมาก เพราะเดี๋ยวกลุ่มนี้จะรับไม่ได้
ตระกูล S ก็จัดของใหม่ที่ตระกูลตัวเลขไม่ใส่มา พวกหัวอนุรักษ์ก็จะเริ่มรับได้มากขึ้นเพราะมีเวลาได้เห็นมือถือเจ้าอื่น ๆ บวกกับได้ฟังเสียงบ่นของพวกเดียวกัน ทำให้มีโอกาสซื้อรอบสอง ส่วนพวกหัวก้าวหน้าพอเห็นว่ามีทุกอย่างที่ตนเองต้องการก็จะกลับมาซื้อตัวนี้
การจะบริหารความต้องการซื้อของลูกค้าค่อนข้างทำได้ยาก แต่ Apple ก็สามารถทำได้ในระดับดีมาก วิชานี้น่าจะได้ A+
ที่คุณพูดเกี่ยวกับ NFC ก็ถูกต้องครับแต่อย่างที่ผมคิดคือมันไม่บูมง่าย ๆ หรอกเพราะจริง ๆ เทคโนโลยีนี้มีมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นบูมเสียที มองในมุมกลับกันหากผู้ขายต้องยัด feature ทุกอย่างเผื่ออนาคตที่ยังไม่แน่นอน โทรศัพท์เครื่องหนึ่งจะต้องมีราคาต้นทุนเพิ่มขึ้นเท่าไร และผู้ใช้กลุ่มอื่นที่ไม่ได้สนใจ feature เหล่านั้นจะยอมจ่ายเพิ่มขึ้นหรือเปล่า มันเป็นโจทย์ที่แล้วแต่คนจะมองครับ ถ้ามันทำแล้วได้เงินมากกว่าเดิมลูกค้าซื้อมากกว่าเดิม เชื่อผมเถอะครับไม่มีบริษัทไหนไม่อยากทำหรอก แต่ถ้าทำไปแล้วได้เงินเท่าเดิมโดยที่เสียเงินเพิ่มขึ้นใครที่ไหนจะอยากทำครับ
เรื่องจอผมก็บอกไปแต่แรกแล้วครับว่าแล้วแต่คน
ที่ชั่งน้ำหนักผมเข้าใจว่าใช้กลไกล mechanic นะครับเพราะว่าร่างกายคนเรามีน้ำหนักมากสามารถใช้กลไกนี้ได้ แต่สำหรับโทรศัพท์มือถือผมว่าคงต้องใช้คนละกลไกกัน การที่ผมคิดว่าต้องวน loop ตรวจสอบนี่น่าจะเป็นความโง่ของผมเองครับ จะใช้เทคโนโลยีแบบของ Palm Pre ที่เป็นแม่เหล็กเพื่อมาเปิดวงจรก็ได้ แต่ในแง่อื่น ๆ ผมยังคิดว่ามันไม่จำเป็นอยู่ดีโดยเฉพาะเรื่องราคาและประสิทธิภาพในการชาร์ตที่ต่ำกว่าแบบเสียบสาย
Face Unlock ผมว่ามันเหมือนจะ secure แต่มันก็ไม่ secure น่ะครับต่อให้เพิ่มเสียงใช้รูปไม่ได้แต่ผมก็ยังใช้ video ได้อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า อีกอย่างผมว่ามันใช้ไม่สะดวกด้วยเพราะในระหว่างที่ยกมือถือขึ้นมาส่องหน้าผมก็สามารถพิมพ์ PIN 4 ตัวเสร็จไปก่อนหน้านั้นแล้ว อะไรประมาณนั้นน่ะครับ แต่ทุกอย่างคนเราก็มองไม่เหมือนกันอยู่แล้วครับ
That is the way things are.
= =!! แล้ว NFC ไม่ใช่ว่าไม่น่ามีอนาคตซะที่ใหน ผมว่ามันใช้งานได้ประโยชน์มีโอกาศผุดอย่างรวดเร็วได้โดยดูการใช้งานจริงๆที่มีอยู่ในญี่ปุ่น ผมเลยมองว่าตรงเนี้ยทางผู้บริโภคค่อยข้างเสียเปรียบ จริงๆถ้าเค้าใส่มาด้วยฐานลูกค้า Apple ที่มีมันยิ่งทำให้บูมขึ้นมาเร็วด้วยซ้ำ
บางทีแล้วคุณอาจจะไม่เคยมองถึงความสะดวกในการใช้งานนะครับ แท่นชาร์ฺจไร้สาย สะดวกกว่าชาร์จแบบมีสาย (ถ้าหากไม่เล่นเกม) แม้ประสิทธิภาพจะแย่กว่า แต่ความสะดวกได้มากกว่าที่ชาร์จมีสายนะครับ
NFC มีคุณประโยชน์อื่น ๆ ที่คุณไม่เคยรู้ และยังคงจะมีอีกในอนาคต อย่าลืมว่า แม้เกิดมา 7-8 ปีแล้ว แต่นี่มันแค่เริ่มต้นนะครับ และอีกอย่างคือ NFC ไม่ใช่แค่ประกอบธุรกรรมทางการเงินนะครับ
จอแล้วแต่คนครับ สำหรับผม ไม่ชอบที่ใหญ่เทอะทะแบบ Note แต่ก็ไม่เล็กเกินไปแบบ Galaxy Pocket (มือผมใหญ่ไปหน่อยน่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ)
เรื่อง Face Unlock ผมมองว่าถ้าเป็นคนพิการมือข้างหนึ่งขาด มันจะช่วยปลดล็อกแบบปลอดภัยได้ดีกว่านะครับ ไอ้ PIN 4 ตัวนี่ บางคนเขาว่าไม่สะดวกเท่านะ ส่วนเรื่อง Security ถ้าไม่กังวลมาก มีอะไรก็ใช้ไปเหอะครับ
สุดท้าย Home Screen ก็นานาจิตตังครับ แต่ส่วนตัวผมเบื่อกับ UI บน iOS มากมาย ปรับหน่อยก็น่าจะดีกว่านะ แบบ Live tile บน WP นี่ OK ดี
Coder | Designer | Thinker | Blogger
NFC นี่เห็นด้วยเลย โดยเฉพาะในไทยคงอีกนานมาก แต่ก่อน BBL กับ KBANK มีบัตร bluewave, paywave ไม่เห็นจะมีใครสนใจ
ที่ชาร์จไร้สายถ้าชาร์จช้าก็ไม่น่าสนใจ แต่ยังไม่รู้ว่าของ Lumia ชาร์จช้าหรือเร็วแค่ไหน ยังตัดสินไม่ได้
จอใหญ่ก็แล้วแต่คนชอบ แต่เรื่องเสื้อผ้านี่ แต่ก่อน Nike ยังทำช่องเสียบ ipod ให้ใส่วิ่งเลยครับ แถมมี sync ข้อมูลจากรองเท้าเข้า ipod อีก
Face unlock ตอนนี้เค้าทำให้เช็กการกะพริบตาด้วย ภาพนิ่งใช้ไม่ได้แล้ว ไม่รู้ภาพ gif ใช้ได้รึเปล่า
Home screen นี่มีให้เลือกดีกว่าไม่มีครับ ใครชอบก็ใช้ ใครไม่ชอบก็ข้ามไป
ผมสนใจครับ จนกระทั่ง ผมถอนเงิน จากตู้ ATM หน้าบ้านไม่ได้
ทำไมถึงถอนไม่ได้ล่ะครับ?
คิดว่าที่ขาดไปก็ไม่ได้จำเป็นอะไรมากมาย มีก็ดีแต่ไม่มีก็ไม่ถึงกับน่าเกลียด
แต่เรื่อง NFC นี่ไม่น่าพลาดนะ ส่วนหน้าจอก็โอเคแล้วครับ จอแค่นี้มือเดียวจะได้ใช้นิ้วกวาดได้ทั่ว
ไม่รู้ซิ เปิดตัวแบบนี้ ผมรู้สึกดีใจยังไงไม่รู้ lumia 920 ดูหล่อขึ้นเป็นกอง ที่แน่ๆ ทำให้เป้าหมายผมไม่เปลี่ยน
แต่ตัว super sensitive touch ผมว่ามีประโยชน์มากนะ ไม่รู้ iPhone 5 มีไหมแต่ไม่เห็นพูดถึงเลย
+1
+1 ผมรู้สึกเปิดตัวรอบนี้ Nokia win เลย
+1 น่าใช้กว่ามาก
+1 สมควรจัดอย่างยิ่ง
Coder | Designer | Thinker | Blogger
คู่แข่ง iPhone 5 คือ 820 ครับคงสู้ 920 ไม่ไหวแล้ว 55+
ผมคิดว่าพวกเรือธง Android และ Lumia หล่อขึ้นหมดเลย
Android ในสายตาผมไม่หล่ออยู่ดีอะ เครื่องมันกินไฟ
แล้วพวกเรือธงยิ่ง 4 core กินไฟหนักกว่าเดิม ร้อนด้วย
แถมเป็น OS ที่กินแรมอีก (แต่ผมก็ใช้ 555+ มัน open ดี)
Lumia อันนี้เป้าหมายเลย ผมรอซื้อมา 1 ปีละ จะรอไม่ไหวแล้ว
ดีใจที่เป็น Snapdragon S4 ทั้งเย็น ทั้งแรง
เห็นด้วยนะครับเรื่องกินไฟ แต่ในเรื่องการโฆษณา พวก 4 core หรือสเปกสูงๆ มันก็ดึงดูดลูกค้าได้เสมอ และยิ่ง iPhone 5 ออกมาไม่ "ว้าว" ด้วยอะนะ
Apple มีสิทธิบัตรเกี่ยวกับ NFC หลายชิ้น แต่สุดท้ายคงประเมินสถานการณ์แล้วว่า ไม่ง่ายที่จะปรับใช้เทคโนโลยีนี้ รอดูแนวคิดของเจ้าอื่นๆไปก่อนดีกว่าว่าจะมี การแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งฝั่งผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการ ทำอย่างไรจะง่ายและใช้งานได้ดีแทน credit card ที่เราใช้อยู่กันทุกๆวัน Apple ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกระโจนเข้ามาในสนาม NFC หากยังไม่รู้ว่า จะใช้เทคโนโลยีนี้อย่างไรจึงประสบความสำเร็จในตลาด
Home Screen แบบปรับแต่งได้นี่ จำเป็นแค่ไหน สำหรับหลายๆคนมันไม่จำเป็น และรกมากกว่า
ส่วน Face Unlock นั้นไม่ได้ถือสิทธิบัตรเหมือน Google และยังงัยก็ไม่สะดวกเท่า Slide to Unlock
iPhone 5 มาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นคือขนาด 4 นิ้ว แต่เป็นสัดส่วนที่ใช้งานง่ายด้วยมือเดียว และไม่ว่ามือเล็กมือใหญ่ก็จับถนัดเพราะมันยาวขึ้นไม่ได้กว้างขึ้นแบบมือถือเจ้าอื่นๆ 4.5 นิ้ว หรือ 4.8 นิ้ว
เรื่องชาร์จไร้สาย นี่น่าสนใจ แต่มันควรจะไร้สายจริงๆ ไม่ใช่มีแท่นมีสายเสียบเข้ากับปลั๊กไฟบ้าน แล้วเอาโทรศัพท์วางบนแท่น มันควรจะชาร์ตไฟเข้าเครื่องโดยที่ มือถือวางอยู่ในรัศมี 10 เมตร วางตรงไหนก็ได้
ดู สตีฟ จ้อบส์ เมื่อก่อนทำไมมันขลังกว่านี้อะ เดี๋ยวนี้เฉยๆ
ผมมองว่าLightning เป็นอะไรที่ถือว่า apple ทำออกมาได้ดีมากนะครับเพราะเล็ก สวย ไม่มีเหลี่มมุ่มที่จะขูดเครื่องและเหมือนจะสามารถเสียบกลับหน้ากลับหลังกันได้
Home Screen ผมว่าไม่ดีอะดีแล้ว ไม่รู้จะเอามาทำไม
ผมว่า ที่ว่ามันควรจะมีแต่กลับไม่มีคือ iPad Mini นี่แหละครับ(ขอนอกเรื่องสักหน่อยนะ อิอิ)
+1 Lumia 920 ยัง Wow กว่า
ต้องขอลองจับตัวจริงก่อนตัดสินใจครับ
แท่นชาร์จไร้สาย ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด บ้านเราก็เคยได้ใช้ตั้งแต่สมัย PCT SANYO ปี2000นู่นแล้วล่ะครับ เครื่องละสามพันกว่าบาท ยังมีได้เลย ไม่ได้แพงอะไร (ตัวใหม่น่าจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นกว่าสมัยนั้นแล้วนะ?)
ข้อดีคือมันวางง่าย โดยไม่ต้องระวัง ให้เสียบตรงช่อง เหมาะเวลาแสงน้อยๆ(เช่นกลางคืน)จะวางแท่นง่ายๆ ไม่เหมือนพวกแท่นที่มีปลั๊กตัวผู้โผล่มา(เช่นdockingของ SII) ต้องคลำๆให้ดีเสียบให้ตรง ไม่งั้นมือถือจะมีรอยอีก
ส่วนNFC เห็นมีบัตรเครดิตบางเจ้าเริ่มใช้ เข้าใจว่า Apple จะไม่เป็นผู้ตาม คือถ้าไม่เป็นfirst move ทำเจ้าแรก ก็รอให้มันแพร่หลายสุดๆก่อน ค่อยใส่มา อาจเพราะเรื่องของสิทธิบัตร และค่าLCด้วย
จอใหญ่ ผมว่าหลายคนชอบที่จะให้มันใหญ่ๆ แต่ไม่กว้างมากเกินไปมากกว่า จอใหญ่อ่านเวบ อ่านemailอะไรก็สะดวก เรื่องการพกพา ถ้าเป็นผู้หญิงไม่ลำบากเพราะใส่กระเป๋าถือกัน ผู้ชาย ถ้าไม่ใหญ่เกินไปแบบNOTE ก็คงพกกันไม่ยากเท่าไร
เชื่อว่าหลายอย่างที่ขาดไป อาจจะใส่มาในgenถัดๆไป แล้วผู้ใช้ก็จะบอกว่า ดีแล้วเหมาะสมแล้วนั่นเอง
แอ๊ะหรือว่าเหตุนี้จะทำให้ apple ต้องคลอด iphone รุ่นต่อไปก่อนเวลาหรือเปล่า
อย่างอื่นไม่ติดใจ แต่ไม่มี NFC นี้เกินความคาดหมายมาก
ถ้า iPhone มี NFC ผมว่าอย่างน้อยมันเป็นการวางรากฐานให้ มีอุปกรณ์อื่นๆตามมาเร็วขึ้น
เรื่องอื่นเฉยๆ แต่เรื่อง ไม่มี NFC ช็อคมาก ส่วนตัวไม่ซื้อแน่ๆ iOS
แต่ถ้า iPhone มีมันจะทำให้ NFC กว้างขวางขึ้น
แล้วก็มันไม่ได้ใช้แค่ จ่ายเงินนะครับ
แสดงว่ายังไม่เคยใช้ส่งไฟล์ระหว่างเครื่องกัน
มันสะดวกมากๆเลยนะ
แล้วก็ยังทำอย่างอื่นได้อีก
แต่จอไม่มีความเห็น
เพราะเคยเถียงกับคนแถวๆ นี้เรื่องจอ 3.5 นิ้วเป็นจอที่ดีที่สุดในโลกมาก่อน
ตอนนี้กลายเป็น 4 นิ้วซะแล้วแย่จัง
บางทีมันก็ไม่ได้มีเวลาเอาหน้าไปทาบจอ lockscreen xD
ยังไม่เห็นว่า face unlock จะมีประโยชน์บนมือถือ เว้นแต่บน desktop, laptop + tablet
ปกติ unlock ไม่ดูจออยู่แล้ว
เรื่อง NFC เนี่ย ถ้ามีมันจะดีมาก แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ผิดหวัง เพราะกำลังคิดว่า ถ้าแอปเปิลจุดกระแส NFC ติดจริงๆ จะโดนชุบมือเปิปพลังไปใช้แน่ๆ เพราะคู่แข่ง ready to go แล้ว ....
ที่ผิดหวังคือ CEO คนนี้(อาจจะ)ไม่ใช้แนวทางรักษาความลับแบบเข้มข้น
และ i5 ก็งั้นๆ
NFC กับ ชาร์จไร้สาย ดูสำคัญมาก แต่ไหงเป็นงี้ รอฟังแต่กลับไม่มี
เห้อ!!! แค่ 4S อัพเกรด
หรือไม่ก็ 4S II อิอิ
ชาร์จไร้สาย ไม่เห็นจำเป็นและสำคัญอะไรเลย ถ้ามันจะว๊าวจริง ๆ คือ มันต้องไร้สายจริง ๆ ประมาณว่าเสียบอะแดปเตอร์ที่ปลั๊กไฟ แล้วมันสามารถชาร์จเข้ากับอุปกรณ์ได้เลยสิ ว๊าวแน่ ๆ
ส่วนกรณี NFC แอปเปิลเจอข้อจำกัดบางประการมากกว่า เท่าที่อ่านข่าวลือก่อนหน้า หลายสำนักข่าวก็ทำนายล่วงหน้าแล้วว่าไอโฟน 5 จะไม่มี NFC
"NFC chips tend to be as large as possible in order to maximize the chance of connection, and the chip seen here is very small. The iPhone 5's presumed aluminum back panel wouldn't do much to help this, either, a position backed up by Jim Dalrymple of The Loop. The Wall Street Journal also reported last month that Apple abandoned the idea of NFC due to concerns over battery life and adoption rate."
ประมาณว่ามันมีข้อจำกัดบางประการที่ไม่ใส่ NFC ในไอโฟน 5 เพราะชิป NFC ต้องมีขนาดใหญ่เท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังมีปัญหาของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ด้วย
อ้างอิงจาก http://www.theverge.com/2012/8/28/3271017/iphone-5-rumors
"ทำไมเราต้องเสี่ยง ทำอะไรที่ยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรในอนาคต
เราทำแค่นี้ ก็ผลิตกันแทบไม่ทันแล้ว เรารอคนอื่นให้ทำก่อน เมื่อมัน work
เราค่อยทำก็ยังไม่สาย" -- Apple ไม่ได้กล่าว
เวลาดูสาวชอบดูสาวขาวๆ Sex Sex เวลาดู Notebook ชอบแบบ"ถึกๆดำๆ"
Twitter : @Zerntrino
G+ : Zerntrino Plus
ผิดหวังกับ NFC เพราะเราเอาไปใช้มันได้มากกว่าการชำระเงิน
จะปันใจให้เจ้าอื่นก็คราวนี้แหละ
เรื่องสายชาร์ต ผมไม่เห็นด้วยกับ เรื่องที่เขาอ้างว่า ยังไงก็ต้องเสียบสายนะ เพราะในการใช้งานจริงผมเห็น lifestyle ที่สบาย ขึ้นในการมีที่ชาร์ตไร้สายทันที เช่น เสียบแท่นวางทิ้งไว้ใน office เช้ามาก็วางชาร์ตไว้ จะเดินไป ประชุม ก็ยกไปได้เลย กลับมาก็วางไว้ มันตอบโจทย์ผมเลย
แล้วถ้าเป็นแท่นที่มีหัวdockยื่นขึ้นมานิดนึงมันก็ต่างกันไม่มากหรอกครับ
ผมเห็นด้วยเหมือนกัน ตอนโนเกียเปิดตัวก็มีร้านกาแฟบางร้านเข้าร่วมด้วยโดยจะมีแท่นชาร์ตอยู่บนโต๊ะ ผมว่าสะดวกดีนะเพราะเห็นหลายคนเหมือนกันไปนั่งเอามือถือไปชาร์ต
เสียดาย NFC เหมือนกัน แต่คิดว่า Apple หลังยุคจ๊อบส์คงขาดอิทธิพลในการต่อรองเพื่อให้เกิด การปฏิวัติวงการการจ่ายเงินซึ่งไม่ง่ายเพราะส่งผลกระทบมาก ส่วนถ้านำมาใช้ด้านอื่น ๆ Apple คงคิดว่ายังเป็นรองไม่รีบ
NFC เนี่ยไม่ใช่สักแต่ว่าใส่มาแค่ chip
ถ้าจะทำจริงๆต้องคิดให้หมดว่า จะให้ user ใช้ยังไง
[นอกประเด็น + ประสบการณ์ส่วนตัว] สิ่งที่ผมคิดว่า Android ยังสู้ iOS ไม่ได้อยู่เรื่องหนึ่งคือ Accessibility สำหรับผู้พิการ
NFC เนี่ยคิดว่าใส่มาก็ดีครับ มันจะได้แพร่หลาย แต่ชาร์จไร้สายเห็นว่าไม่จำเป็นมากๆ เพราะถ้าจะออกแบบเครื่องให้บางเบา การเอาวงจรชาร์จไร้สายไปรวมในเครื่อง มันน่าจะยุ่งยากและหนาขึ้นนะ
แถวนี้ องุ่นจี๊ดเข็ดฟันเลย
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
จิ้งจอกหางด้วนแล้วบอกว่าสบายกว่ามีหางเยอะ มีไว้ก็เกะกะ ทุกคนควรไปตัดหางกันดีกว่า :P
ผมว่าเปรียบเทียบไม่ถูกนะครับเพราะจิ้งจอกตัวนี้ไม่ได้หางด้วนแต่แค่มีหางน้อยกว่าจิ้งจอกบางตัวเท่านั้นมากกว่า
มันคงยากนะครับถ้าหากจะบอกว่าระหว่างจิ้งจอก 9 หางกับจิ้งจอก 20 หางแบบไหนดีกว่า เพราะการจะมี 20 หางเท่ากับว่าจิ้งจอกตัวนั้นต้องแบบภาระเพิ่มขึ้นพอสมควรเหมือนกัน หรือถ้าคุณจะบอกว่า 20 หางดีแล้วจิ้งจอก 200 หางล่ะยังดีอยู่ไหม ?
อะไรแบบนั้นน่ะครับ
That is the way things are.
ไม่ใช่นารูโตะน่ะครับ อันนี้นิทานอีสป มีหางกับหางด้วนแค่สองอย่างอ่ะ
จิ้งจอก 9 หาง 20 หาง 200 หาง ไม่ต่างกับ 1 หางครับเพราะมีหางอยู่ แต่ถ้าหางด้วนเจ้าตัวจะรู้สึกว่ามีอะไรขาดไป ไม่ครบ ไม่เหมือนคนอื่น ด้วยกลัวจะถูกล้อเลียน เลยต้องหาเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ มาชักจูงให้คนอื่นเห็นดีด้วยกับความหางด้วนของตน
ถ้าจะบอกว่าจิ้งจอกตัวนี้มีหางน้อยกว่าคนอื่นก็ต้องเป็นหางด้วนเท่านั้นครับ เพราะไม่สามารถทำหน้าที่แทนสิ่งที่ขาดได้ ถ้าจะบอกว่าเป็นจิ้งจอก 20 หาง แต่ก็เป็นตัวที่หูขาด ถ้าจะบอกว่าเป็นจิ้งจอก 20 หาง 20 หู ก็จะเป็นตัวที่จมูกแหว่งอ่ะครับ
ผมแค่ตามองุ่นมาน่ะครับ ไม่ได้ซีเรียส ข้างบนผมก็ยังชมว่า Apple จัดการเรื่องความแตกต่างของลูกค้าได้ดีอ่ะ เพราะมีลูกค้าเยอะเลยต้องทำอย่างนี้ ยังไงยอดขายก็เยอะอยู่แล้วไม่เห็นต้องมาบอกว่าโน้นนี้ไม่จำเป็นอะไรอย่างนี้เลย เพราะถ้ามันจำเป็นสำหรับใคร คนนั้นก็จะไปซื้อเครื่องที่มี ส่วนใครชอบ iPhone ก็ซื้อ iPhone ไป เพราะคนที่ไม่ได้ตามเทคโนโลยีก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว ซึ่งฐานลูกค้า iPhone ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าแบบนี้ บ้านผม พ่อ แม่ น้องสาว น้องชาย น้องเขย ของผมก็ใช้ 4S ทุกคน มีน้องชายกับน้องเขยที่ใช้เป็นเรื่องเป็นราว พ่อ แม่ น้องสาว เอาไว้ LINE กะโทรออก ดังนั้นไม่มีก็ขายได้อยู่ดี
อ่า พอดีไม่เคยได้อ่านนิทานอีสปเรื่องนี้เลยเข้าใจประเด็นผิดไปครับ แต่ส่วนตัวยังคิดเหมือนเดิมครับว่าอะไรมากอะไรน้อยอะไรเหมาะสมมันเป็นเรื่องของมุมมองแต่ละคน
That is the way things are.
กำลังนึกภาพแท่นชาร์ตไร้สายที่ไร้สาย (มีแบตในตัว) ('_' ) #wirelesschargeption
NFC เอาไว้ยิงข้อมูลกับ Windows 8 Tablet ต่างๆ มั๊งครับ
ที่ผมเห็นคือบริษัทที่ครั้งนึงเคยมีจิตวิญญาณที่กล้า"งัดข้อ"กับหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างอุตสาหกรรมเพลง
อุตสาหกรรมที่เทคโนโลยีกำลังเดินไปในยุคดิจิตอลทั้งที่ผู้ผลิตก็ไม่พร้อม พฤติกรรมผู้บริโภคก็ดูจะบั่นทอนความสามารถในการทำกำไรเหลือเกิน
บริษัทนั้นสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการ โน้มน้าวจนผู้ผลิตเห็นโอกาส เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค กลับมาผงาดเป็นหนึ่งใน"ผู้นำ"ของอุตสาหกรรม สร้างสาวกมากมายที่นับถือในจิตวิญญาณแบบนั้น
วันนี้บริษัทนั้นบอกว่าเรายังไม่ทำของที่เห็นแน่ๆว่าจะเป็นอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ด้วยเหตุผลด้านเทคโนโลยีไม่พร้อม ที่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือแม้แต่สาวกก็ยังปล่อยให้จิตวิญญาณนั้นตายไป
สำหรับผม แอปเปิลกำลังหลงทางครับ
NFC ตอนนี้ environment ยังไม่พร้อม แต่ที่ผิดหวังคือ หวังไว้ว่าAppleจะสร้างenvironmentสำหรับจ่ายเงินเสร็จแล้ว
พูดตรงๆ ผมหวังเรื่อง NFC กับเรื่องการ แชร์ สิ่งต่างๆ ข้ามเครื่องมากกว่าครับ
ทุกวันนี้ มันดูอนาทเกินกับพวก SmartPhone ทั้งหลาย ที่พอจะแชร์อะไรนิดๆ หน่อยๆ ง่ายๆ
เช่น URL ไฟล์เล็กๆ ก็มึนแล้วว่าจะส่งให้เพื้่อนยังไงดี
สุดท้ายก็ต้องส่งผ่าน Whatsapp line mail
แอ๊ปเปิ้ลไม่ทำหรอกครับ ทุกคนก็น่าจะรู้ไต๋เจ้านี้ดี bluetoothที่มียังใช้ส่งไฟล์ไม่ได้เลย
อันนี้ตั้งใจไม่ทำไม่ใช่ทำไม่ได้ครับ ปัญหาเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์ของไฟล์ที่ส่งไปมา
"สำหรับประเด็นนี้ Schiller ได้กล่าวถึงเช่นกัน โดยเขาบอกว่าระบบชาร์จไร้สายนั้น ตัวแผงที่ใช้สำหรับวางอุปกรณ์เพื่อชาร์จไฟก็ยังต้องเชื่อมต่อกับส่วนอื่นอยู่ดี ซึ่งสำหรับสภาพการใช้งานทั่วไปแล้วมันคือความยุ่งยากมากขึ้นมากกว่า ส่วนเหตุผลที่แอปเปิลเลือกเปลี่ยนมาใช้ตัวเชื่อมต่อ Lightning ที่เล็กลงนั้นก็เพื่อรองรับอุปกรณ์ในอนาคตที่ต้องการความบางมากขึ้นนั่นเอง"
แล้วถ้ามีที่ชาต ไร้สายด้วยมันจะไม่ยิ่งยืดหยุ่นยิ่งกว่าเรอะ - -;
แล้วถ้ากลัวมันจะมีที่ต่อหลายอัน สายรกรุ่งรัง พวก hipster รับไม่ได้ ก็ทำให้มันเหลือปลั๊กเดียว
แล้วที่ชาตไร้สาย มีที่ชาตแบบมีสายติดมาด้วยก็ได้.....ข้ออ้างชัดๆ
พูดกันตรงๆ ยกเว้นสเกลงานที่ดูอลังการแล้ว
เครื่องไม่มีอะไรใหม่พอๆ กับของ Moto วันก่อนเลยอ่ะ
เดี๋ยวมันก็มา ปล่อยหมดตอนนี้รุ่นหน้าผมไม่มีอะไรจะขายครับ จบปะ
ไม่เห็นด้วยกับจอที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้นะ มันใส่กระเป๋ากางเกงมิได้และก็ไม่ชอบบานๆ แต่แบน และ Face Unlock ก็ไม่ถึงขั้นจำเป็นเท่าไรนัก
ตรง Home Screen นี่เห็นด้วยมากๆ เลย
5 ปีต่อจากนี้แอปเปิ้ลยังขายได้ หลังจากนี้หืดขึ้นคอแน่
NFC ไม่มีเพราะเรื่องเดียวเลยครับ แก้ไม่ได้ด้วยสำหรับ iPhone 5
เพราะ ฝาหลังมันเป็นอลูมิเนียม !!!
เอาไว้ด้านบนล่างที่เป็นกระจกก็ได้ครับ
ผมแอบอยากได้จอใหญ่กว่านี้นะ .. คือผมชอบเล่นเน็ต เปิดเว็บอ่านอะไรบนมือถือครับ
แต่ว่าจะไปเอาพวก iPad หรือพวก Tab 7.7,7.0 ไรพวกนี้มันก็ใหญ่เกินไป ลำบากตอนถืออีก
ผมว่าจอเท่า s3 นี่แหละ กำลังดี ไม่ใหญ่เกินไป ( ผมมือใหญ่ด้วยมั้ง ) แล้วมันก็น่าจะใสกระเป๋ากางเกงได้ด้วยนะ
ตอนนี้อยู่ในช่วงตัดสินใจ iPhone5 กับ Note2 แต่ตอนนี้เริ่มเอียงไป Note2 ล่ะ i5 ดูไม่ค่อย "ว้าว" เลย
ปล. ตอนนี้ใช้ 3GS เน่า ๆ ปุ่ม Home ใกล้พังเต็มที :P
เห็นด้วยทุกข้อเลย
WE ARE THE 99%
ไม่ใช่ว่า ฝัง NFC ไว้อยู่แล้วแต่ไม่ได้เปิดใช้เฉยๆล่ะ
อยากให้ออกมารูปนี้มากกว่า
อยากได้ Gorilla glass 2 ด้วยจัง
Drama ซะงั้น
สงสัยถ้าเข้าใจความแตกต่างของแนวทางสองข้อนี้ทุกอย่างคงง่ายขึ้น
less is more/
put everything into it
เชื่อเถอะ คนรัก apple รอ iPhone5s ดีกว่า
ตอนนี้ผมฮาเหล้าสากวกผลไม้มาก XD
ความรู้ที่มีทั้งหมด กลับเอามาแอนตี้กับระบบที่ Apple บอกว่าไม่น่าสนใจ ทั้งๆ ที่ความรู้สึกลึกๆ ตัวเอง บอกว่ามันเจ๋งนะ แต่โดนอคติครอบงำ เลยมองข้ามไป
NFC ผมมองว่ามันเจ๋งอะ และคิดว่า เหล่าผู้ประกอบการจะไม่รอ Apple เหมือนที่แล้วมาแน่ๆ แล้วเมื่อวันนั้นมาถึง เหล่าสาวกจะโดนถากถางแบบโหดร้ายแน่นอน - -/
เรื่องขนาดจอ อาจเป็น ความเห็นส่วนตัว คือผมรำคาญมาก เมื่อเล่นเกมส์บนจอที่ขนาดเล็ก ( ถึง iP5 จะเพิ่มเป็น 4 นิ้ว แต่ความกว้างเท่าเดิม เพื่อ - -* )
เรื่องชาร์จไร้สายนี่ ผมก็ว่ามันเจ๋งนะ ไม่เห็นจะทำให้ยุ่งยากมากขึ้นเลย เวลาไม่ใช้ ก็เอาไปวาง มันก็ชาร์จ ไม่ต้องไปงมหาสายมาเสียบ ไม่รู้มีคนเป็นเหมือนผมมั้ย ว่าเวลากลับมาห้อง ง่วงมากๆ อยากจะวางมือถือเลย โดยขี้เกียจงมหาสายมาเสียบชาร์ตแบต - -/
ส่วนเรื่อง ปลดล็อคด้วยหน้านี่ ผมมองว่ามันไร้ค่ามากเหมือนกัน เพราะแค่ใส่รหัส คนก็ขี้เกียจที่จะพยายามปลดล็อคเครื่องแล้ว -..-
เรื่อง Home Screen อันนี้ก็ขึ้นกับคนชอบด้วยเหมือนกันแฮะ ถ้ามี ก็อาจสะดวกกว่า แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าซีเรียสเท่าใหร่นัก แต่ก็อยากให้มีนะ -..-
สำหรับหลายๆท่านที่บอกว่า อันโน้นอันนี้ "ไม่จำเป็น" ผมเองก็อยากบอกแบบชวนตีว่า ทุกฟีเจอร์ในสมาร์ทโฟนมันก็ไม่จำเป็นทั้งนั้น
สิ่งสำคัญน่าจะเป็น คุณค่า หรือ ประสบการ์ณของผู้ใช้มากกว่า และ ถ้ามองว่า Apple เน้นประสบการ์ณของผู้ใช้เป็นสำคัญแล้วล่ะก็ ผมคิดว่า ความเห็นของ Phil Schiller ก็อธิบายแนวคิดได้ดีแล้ว เพราะทุกสิ่งที่พูดมา คือความยุ่งยากและสับสนของผู้ใช้ (ลองจินตนาการ ป้า/ลุง ที่ไปบ่นที่ร้านว่าใช้ face unlock ไม่ได้ดูครับ)
ดังนั้น ถ้าไม่ชอบก็ไม่ซื้อครับ Apple ก็จะเสียลูกค้าที่อยากได้ฟีเจอร์พวกนี้ไป ถ้าอยากได้คืนก็ต้องขยับครับ Capitalism, Ho! :)
ระบบคงยังไม่พร้อม ไม่ก็ยังทำให้ "ง่าย" ไม่ได้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
สิ่งหนึ่งที่ทำให้แอปเปิ้ล ดูหยิ่งยะโส ในสายตาผู้ท้าชิงหรือคู่ต่อสู้อยู่เสมอ คือทำไม่สนใจคู่แข่ง และไม่ยอมเดินตามเกมส์ของใคร
เพราะการเดินตามใครอยู่ แสดงว่าไม่ใช่ผู้นำอีกต่อไป
คนที่บอกว่า NFC ไม่มีประโยช์นหรือว่ายังไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้อีกบ้าง ยังไงผมขอเสนอให้ไปดู Link พวกนีั้นะครับ
http://www.tagstand.com/
http://rapidnfc.com/
http://howto.cnet.com/8301-11310_39-57478334-285/the-most-practical-creative-ways-to-use-nfc-with-your-android-device/