ระยะหลัง ๆ นี้มีรายงานออกมาตลอดว่าไมโครซอฟท์กำลังแอบพัฒนามือถือของตัวเองอยู่ ล่าสุด Eldar Murtazin คนวงในอุตสาหกรรมนี้ได้เขียนบทความเกี่ยวกับแผนพัฒนามือถือของไมโครซอฟท์ ซึ่งอธิบายทุกอย่างว่าทำไมสุดท้ายแล้วไมโครซอฟท์ต้องหันมาผลิตอุปกรณ์อย่างแท็บเล็ตและมือถือด้วยตัวเอง และดีไม่ดีคอมพิวเตอร์ของตัวเองในอนาคตอันใกล้
ในบทความ Windows Phone ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ล้มเหลว แต่มันไม่ได้ล้มเหลวเพราะว่ามันแย่ แต่มันไม่สามารถจะตีตลาดได้ ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นเพราะว่าไมโครซอฟท์เองไม่ได้ทำการตลาดที่ดีพอ หรือไม่พาร์ทเนอร์ก็ไม่กล้าจะทำการตลาดให้กับอุปกรณ์ของตัวเองที่รัน Windows Phone
แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดจากบทความของ Murtazin นี้ก็คือไมโครซอฟท์ได้เริ่ม "คืนเงิน" ให้กับผู้ผลิตมือถือที่รัน Windows Phone อย่างโนเกีย, HTC และซัมซุงแล้วในรูปแบบของมูลค่าทางการตลาด ไมโครซอฟท์ได้ทำการจ่ายเงินคืนให้กับโนเกียเป็นรายไตรมาส โดยไตรมาสสุดท้ายของปี 2011 โนเกียได้รับเงินสนับสนุนการตลาดจากไมโครซอฟท์มากถึง 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมูลค้านี้มากกว่าค่าซื้อลิขสิทธินำ Windows Phone ไปใช้เสียอีก
สิ่งที่ตลาดมือถือแตกต่างไปจากตลาดคอมพิวเตอร์ทั่วไปก็คือการเก็บเงินค่าระบบปฏิบัติการ ไมโครซอฟท์ไม่สามารถที่จะใช้แผนธุรกิจเดิมได้อีกต่อไป ลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์มือถือไปจะไม่มีวันเสียค่าระบบปฏิบัติการให้กับไมโครซอฟท์อย่างแน่นอน ที่แย่ไปกว่านั้น Android และ iOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ "ฟรี" เพราะฉะนั้นไมโครซอฟท์จะต้องปรับแผนธุรกิจใหม่ทั้งหมดเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดหลักของไมโครซอฟท์อย่างคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเริ่มที่จะหดตัวลง
เท่าที่สังเกตได้ เป็นที่รู้กันว่าผู้บริหารของไมโครซอฟท์ก็รู้ดีเกี่ยวกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนไปจากเดิม และทางเดียวที่ไมโครซอฟท์จะรอดได้ก็คือการผลิตอุปกรณ์ด้วยตัวเอง การผลิตอุปกรณ์เองจะทำให้ไมโครซอฟท์สามารถควบคุมประสบการณ์ของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น และยังทำให้ไมโครซอฟท์สามารถทำกำไรได้ด้วยการขายฮาร์ดแวร์ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์ไม่เคยทำเลย (นอกจาก Xbox … และ Zune)
หลังจากที่ผลิตฮาร์ดแวร์ด้วยตัวเองแล้ว สิ่งที่ไมโครซอฟท์จะทำต่อไปคงหนีไม่พ้นการล็อกผู้ใช้ให้อยู่ใน ecosystem ของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไมโครซอฟท์สามารถควบคุมตลาดได้ทุกตลาดตั้งแต่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟนและ Xbox (ลักษณะเดียวกับแอปเปิล ที่ตอนนี้มี iPhone, iPad, Mac และ Apple TV และผูกลูกค้าไว้ด้วย App Store)
ที่ยืนของไมโครซอฟท์ในตลาดไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว หากรวมสามแพลตฟอร์ม (พีซี, แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน) เข้าด้วยกัน ส่วนแบ่งของไมโครซอฟท์จะเหลือแค่ครึ่งเดียวของส่วนแบ่ง Android และ iOS รวมกัน
และอีกสิ่งที่พอจะเป็นตัวยืนยันว่าไมโครซอฟท์จะเริ่มเปลี่ยนยุทธศาสตร์ของบริษัทในครั้งนี้ ก็คือโครงสร้างงบประมาณการตลาดสำหรับไตรมาสที่สองของปี 2013 ซึ่งตอนนี้จะไม่มีการ "คืนเงิน" ให้กับผู้ผลิตที่เลือกใช้ Windows Phone เป็นระบบปฏิบัติการในอุปกรณ์ของตนเองอีกต่อไปแล้ว
ณ เวลานี้ ไมโครซอฟท์ และ HTC ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใด ๆ ต่อบทความนี้
ที่มา - BGR
Comments
จริงๆ ไม่ต้องทำฮาร์ดแวร์ก็ได้นะ แต่ต้องมีระบบนิเวศน์ที่แข็งแรง แล้วกิน 30% ของส่วนแบ่งขายแอพ, เพลง, หนังสือ ฯ ไป แล้วเน้นกระตุ้นตลาด contents + software เหมือนที่บริษัทฯ ถนัดอยู่แล้ว (=เอากูเกิล+แอมะซอน) ขืนทำขายเองแต่แรก ทั้งเสียพาร์ทเนอร์ ทั้งลุยสงครามสิทธิบัตร ทั้งต้องสร้างดีลเลอร์, บริการหลังการขาย และบริหารระบบห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วน .. เยอะ -_-'
my blog
ส่วนตัวผมนะ ผมไม่สนว่า Microsoft จะทำฮาร์ดแวร์เองหรือไม่? แต่ถ้ามันทำให้ตัวเลือกของผู้ใช้เพิ่มขึ้น มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีอยู่...
ค่า license แพงเกินหรือเปล่า พาร์ตเนอร์ก็เลยไม่กล้าลุยเต็มตัว
ปัญหาคือ สิ่งที่ Apple (App store, iOS และ iCloud) และ Google (Search, Youtube, Chrome และ Android) หรือ Facebook (Social network) ไม่ได้เป็นสิ่งที่สามารถเลียนแบบกันได้ภายในวันเดียว เหมือนการสร้างกำแพงเมืองจีน...
ถ้าผมเป็น Microsoft ผมคงคิดหนัก...
ที่ไม่อยากทำเพราะมันปรับ UI ไม่ได้ ไม่งั้นคงสร้างความแตกต่างระหว่างแต่ละเจ้าไม่ได้หรอก เคยชินกับแอนดรอยมากไป
กำไร มันเท่ากับ ราคาขาย ลบ ต้นทุน .... ในขณะที่คู่แข่งอย่างแอปเปิ้ลทำโทรศัพท์และโอเอสเอง หรือ แอนดรอย์ที่กูเกิ้ลแจกโอเอสฟรี เอาไปพัฒนาให้เข้ากับโทรศัพท์ของตัวเองเอาเอง ตีซะว่าต้นทุนด้านตัวเครื่องเท่ากัน ถ้าไมโครซอฟท์ขายโอเอส ก็จะทำให้วินโดว์โฟนมีต้นทุนสูงกว่าทั้งแอนดรย์และไอโฟน กำไรที่ผู้ผลิตมือถือก็จะเหลือนิดเดียว แล้วใครอยากจะทำตลาดหละครับ แต่ก่อนนี้มันขายได้เพราะว่ายังไม่มีคู่แข่ง สมาร์ทโฟนมีแค่ 3 เจ้า คือ ปาล์ม กับ วินโดวส์ แล้วซิมเบียน อาศัยว่า วินโดวส์สมัยนั้น โดดเด่นเพราะมีคนเปิดแอพสโตร์อย่าง ....เกียร์ (จำชื่อไม่ได้แล้ว) มีคนเขียนโปรแกรมขาย
ถ้าจะสู้ในตลาดนี้ ไมโครซอฟท์ต้องเลือกเอาว่า จะแจกโอเอสฟรี แล้วไปกินหัวคิวจากคอนเท้นท์ แบบไอจูนสโตร์ ซึ่งตอนนี้ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่ ไม่รู้ว่าปลายเดือนนี้จะได้เรื่องแล้วรึยัง กะทางเลือกที่สอง คือ ทำอย่างแรก แล้วก็เอากำไรจากตัวเครื่องด้วย เรารู้ ๆ กันอยู่แล้วว่า ตัวเครื่องนั้นราคาถึงมาสเตอร์ดีลเลอร์นั้น กำไรอย่างน้อย ๆ ก็ 300 เปอร์เซนต์ เงินมหาศาลอย่างนี้ มันหอมหวลซะจนน่าจะเสี่ยงทิ้งพาร์ตเนอร์ทั้งหลายที่ตอนนี้ก็ไม่ได้ปวรณาตนเป็นสาวกของไมโครซอฟท์ ต่างก็มีทางเลือกไปแอนดรอย์กันทั้งนั้น
ในเมื่อไม่สามารถประมาณการได้ว่า ผู้ผลิตมือถืออย่างเอชทีซี หรือ แอลจี หรือ โซนี่ จะภักดีขนาดกุลีกุจอทำยอดขายอย่างจริงจัง หนทางรอดที่แน่นอนคือ ทำมันซะเอง แล้วให้คนอื่นเอาไปขาย ง่ายกว่า กำไรเยอะกว่า คุมเกมได้ง่ายกว่า
ผมดูว่าตลาดปิดสนิดไป 2-3 ปีแล้วครับ ต่อให้ ms เอา wp มาแจกฟรี ก็จะไม่ค่อยมีใครซื้อ
เพราะการผูก app กับ os ทำให้ ใครก็ตามที่ซื้อมือถือใน os ใดก็ตามไปแล้ว จะมี app ที่ใด้ซื้อไว้แล้วจำณวนมากตามไปด้วย ทำให้ไม่มีใครอยากย้ายค่าย ios ที่เกิดก่อน และ Android ที่เกิดพร้อมกันและ free / open เลยเป็นตัวเลือกต้นๆ os อื่นจึงเกิดยาก
แม้ wp จะมีเงินของ ms หนุน แต่เกิดตามหลัง ios / Android นานมากต่อให้ ms ทุ่มหมดตัว ผมว่า ... ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อย่าลืมว่าวินโดวส์โฟนเกิดมาก็เริ่มมีระบบนิเวศ ตั้งโต๊ะก็มีวินโดวส์รองรับ ส่วนหุ่นถ้าออนไลน์ไม่ได้ทุกอย่างก็จบ
สิ่งที่ทำให้ผู้ผลิตไม่อยากเล่นกับ WP นอกจากเรื่องค่าไลเซนส์แล้ว ยังเป็นเรื่องของการปรับแต่งครับ ทุกค่ายต่างต้องการปรับแต่ง OS ให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองทั้งนั้น ดูที่ผ่านมาในอดีตก็ได้ คนเอา Symbian, Android (หรือแม้แต่ Windows Mobile หลายๆรุ่น) ไปใช้ ต่างก็มีการปรับแต่งให้เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองทั้งนั้น แทบไม่มีใครที่ทำแบบ Stock เลย (จะมีมากหน่อยก็ WinMo ที่ปล่อยมาแบบ Stock แต่คนทำหน้าตาครอบก็ค่อนข้างเยอะอยู่ดี)
สิ่งที่ Microsoft ต้องการนั้นคือการทำให้ผู้ใช้ WP มีประสบการณ์การใช้งานที่เหมือนกันหมดทุกคน ซึ่งเป็นผลให้ Microsoft ไม่ยอมให้ผู้ผลิตปรับแต่ง OS มากนัก ผู้ผลิตจึงไม่กล้าที่จะทุ่มตัวลงไปกับ WP เท่าที่ควร
ที่ระดับความลื่นไหลของ WP และสามารถปรับแต่งและทำราคาให้ได้เท่าแอนดรอยด์ ผมค่อนข้างมั่นใจครับว่าผู้ใช้และผู้ผลิตพร้อมที่จะโดดเข้ามาเล่น WP ไม่ได้มีแค่สองสามคนที่อยากได้สมาร์ทโฟน แต่เบื่ออาการใช้ไปกระตุกไปของแอนดรอยด์รุ่นล่างและรุ่นกลาง แต่ก็ไม่สะดวกที่จะไปซื้อแอนดรอยด์รุ่นบนมาใช้งานนะครับ
หรือว่าไมโครซอฟท์จะซื้อโนเกีย
มูลค้า => มูลค่า
Coder | Designer | Thinker | Blogger
อาจจะซื้อก็ได้ แต่คงซื้อช้าที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะราคาตกลงทุกวัน ยิ่งซื้อช้ายิ่งถูก
แต่ถ้าให้เดา คงไม่ซื้อ
ข้อมูลส่วนไหนครับที่ว่าถูกลง??
http://www.dailyfinance.com/quote/nyse/nokia/nok ?
เท่าที่ลองใช้ HTC Mozart โดยลงรอมของ PPJD ผมว่าเมื่อเอาไปเทียบกับ มือถือรุ่นใหม่ในตลาดตอนนี้ก็ยังเทียบได้สบายๆครับ
ต้องบอกเลยว่า WP เป็นระบบปฎิบัติการที่ดี เสถียรและไหลลื่นที่สุดแล้ว(เท่าที่ลองเล่นมาทุก OS) ยิ่งบวกกับ Nokia ที่ยังมีจุดแข็งเรื่อง แบรนด์ ที่ยังมีสาวกซึ่งจงรักภักดีในความประทับใจแรกกับ Nokia อยู่ไม่น้อย
อีกทั้งยังมี Nokia Drive ซึ่งผมประทับใจมาก (ข้อนี้คนที่เคยใช้คงยอมรับอยู่แล้วว่ามันดีขนาดไหน)
ยิ่งชีวิตผมแค่ ใช้ Nokia Drive นำทาง , ถ่ายรูป , ฟังเพลง , อัดเสียง , เล่น line จึงแทบไม่รังเลเรื่องการเลือกมือถืออย่าง Nokia 920 เพราะมันตอบโจทย์การใช้ชีวิตผมได้ดีมาก + OS ที่ดีในตัวของมันอยู่แล้ว
เพียงแต่สิ่งที่ MS ต้องคิดคือ
- จะทำยังไงให้คนได้หันมาสนใจ (ซึ่งตอนนี้ Nokia ก็สามารถทำได้ดี)
- ราคา App พี่จะโหดไปไหน (เข้าใจว่าราคาสากลแต่ก็นะบ่นเผื่อลด ฮาๆ)
- พวก Office ผมใช้แค่ one note บันทึกเสียง ที่เหลือแทบไม่ได้ใช้เลยเพราะมันใช้งานไม่ถนัด (อันนี้บ่น)
ขอบคุณครับได้ระบายละ
ผมไม่ได้ถือ WP เองในการใช้งานปรกติ ได้ไปลองถือ Lumia 900 ตามร้านเอา
ทำไมมันเลื่อนรูปในแกลอรี่แปลกๆ เลื่อนหลายๆทีแล้วเด้งมารูปที่สองใหม่ รู้สึกว่ามันไม่ดีเอาซะเลย มันเป็นปรกติรึเปล่าครับ
คือ หมายถึงหน้าช่วงหน้าปกแกลอรี่หรือเปล่าครับ ถ้าหมายถึงตรงส่วนนั้นมันจะเป็นเหมือนภาพ แนวนอนครับ เลื่อนซ้าย - ขวาและจะมาจบที่ส่วนแรกใหม่สวยดีนะครับ ถ้าหมายถึงส่วนนั้นทุกทีมันไม่เด้งนะครับ
ไม่ใช่ที่ปกครับ ที่รูปที่ถ่ายจากกล้อง
ประมาณว่าจะเลื่อนไปทางซ้าย 6-7 รูป เลื่อนเร็วๆ มันก็เลื่อนตามนิ้วบ้าง แบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แล้วพอถอนนิ้วออก เลิกเลื่อน มันกลับเด้งมาที่รูปที่ 2 ถัดจากรูปแรก ไม่ใช่รูปที่ 6-7
ผมก็เลื่อปกติภาพต่อภาพกันเลยนะครับ เว้นเสียแต่ว่านิ้วเราไปสัมผัสภาพ 2 จุดอาจไป Zoom Out ภาพ มันจะแสดงผลเป็นภาพเล็กเรียงตต่อกัน
nokia แต่ก่อนน่ะมีจุดแข็งดีๆเยอะ
แต่ nokia ในยุคปัจจุบัน มีจุดแข็งทีน่าประทับใจสุดๆ เช่น กั๊ก ราคาแพง ทิ้งลูกค้า ออกช้า ไม่สนลูกค้า
@fb.me/frozenology@
ผมว่าตอนนี้เป็นตรงกันข้ามกับที่คุณบอกนะครับ อันนั้นมันเมื่อก่อนมากกว่า และตอนนี้โนเกียก็มีจุดแข็งหลายๆอย่างอยู่เช่นเดิม และดีกว่าคนอื่นซะด้วย เช่น โนเกียแมฟ , PrueView เป็นต้น
ตัวอย่าง nokia 900
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อันนี้ผิดที่โนเกียหรือ Microsoft แน่อ่ะครับ
ถ้า nokia ตั้งราคาต่ำกว่า 15,000 ตั้งแต่แรก ผมคงพูด(พิมพ์)อะไรแบบนั้นไม่ใด้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ความเห็นส่วนตัว
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังไง Nokia ก็ต้องรู้ และที่สำคัญคือกำลังช่วยทดสอบ WP8 ตัวใหม่ให้ MS อยู่ด้วยซ้ำ
สรุป ความโลภของ Nokia เป็นเหตุ
Single Core กับวิดีโอ 720p อันนั้นเป็นข้อจำกัดของ WP7 ครับ ศึกษาดีๆก่อนจะดีกว่าครับ (เหมือนเคยบอกไปแล้วเหมือนกันว่าเรื่องนี้มันเป็นที่ WP7) แต่เรื่องราคาอันนี้ยอมรับว่าเป็นที่ทางโนเกียตั้งราคารุนแรงจริงๆ
เรื่องทิ้งไม่ให้อัพเกรดเป็น WP8 อันนี้ผมไม่รู้ว่าผิดที่ใคร เพราะ WP8 ต้องการ CPU คนละแบบกับที่ WP7 ใช้ ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าทำไมโนเกียไม่ใช้ CPU ตัวนี้ตั้งแต่แรก ถ้าเป็นเพราะ WP7 ไม่รับ CPU ของ WP8 ด้วย อันนี้ก็ผิดที่ไมโครซอฟท์
ส่วนออกช้านี่โนเกียผิดเต็มๆ
จะโทษอะไรใครก็ศึกษาให้ดีก่อนครับ
เรื่องการตั้งราคา ถ้าให้เดาผมว่าคนที่มีอำนาจก็คงสองจิตสองใจแหละครับ อาจจะเนื่องจากเครื่องนี้มันคือเรือธงของ Nokia ในขณะนั้นถ้าตั้งต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับเรือธงยี่ห้ออื่นๆ พอตัวใหม่มาแทนแล้วกลับตั้งช่วงราคาที่แพงกว่าเดิมมันก็อาจจะเกี่ยวกับความรู้สึกของลูกค้าที่ว่าอัพราคาขึ้นตัดสินใจซื้อยากกว่าเดิมเพราะเหมือนขายของแพงกว่าเดิม และหลังจากนั้นอาจจะไม่สามารถตั้งราคาที่สูสีกับเจ้าอื่นได้อีกเลยเพราะลูกค้าจำภาพฐานราคาของ Nokia ไปอยู่อีกระดับไปแล้ว
ไมโครซอฟทำแบบ Apple น่าจะดีทำมือถือเองทุนก็มีเยอะทำโทรศัพพรีเมียมเหมือนไอโฟนรับรองคนซื้อเยอะ ระบบวิโดโฟนก็ดีไม่แพ้ไอโฟนและสเถียรดีด้วย คนซื้อไอโฟนเพราะวัสดุพรีเมียมมีเยอะ แต่ไอโฟนกับแอนดรอยคนก็เริ่มเบื่อหน้าตากันแล้วเพราะมันคล้ายๆกัน แต่วิโดโฟนมันต่าง
เสือนอนกินมานาน มีทางเดียวคือต้องขวนขวายหากำไรจากบริการอื่น ๆ แบบพี่กูเกิล ทำแบบเดิมคือกำไรโต้ง ๆ จากการขายแผ่นพลาสติกคงไม่ได้แล้ว
ต่างจากเสือนอนกินเยอะนะครับ เพราะกว่าจะได้ของมาแจกจ่ายออกไปเค้าก็ลงทุนไม่ใช่น้อย (ถ้าเทียบกับเสือนอนกินแถวนี้)
ถูกครับต้องลงทุนเยอะ แต่ตอนนี้ตลาดมันเปลี่ยนไปเมื่อมีหุ่น ซึ่งพี่กูเกิลอาศัยกำไรจากส่วนอื่นมาทดแทนไม่ใช่การเขียนโค๊ดไปรันแล้วได้เงินเลย มันต้องอาศัยกำไรจากหลายส่วนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน
google ต่างหากเสือนอนกิน อาศัยคนอื่นหากินมาตั้งแต่ต้นเลย
เช่นอะไรหละครับ
คิดค้น algorithm อย่างดีมา หาคนมาลงทุนนาน 6 ปีถึงจะมีคนลงทุนด้วย ขยายกิจการ emai g docs ซื้อ youtube , android inc มาเริ่มต้น เอาคนเอา dev ไปทำจนมาถึงวันนี้ พอโดนฟ้องก็ซื้อ motorola มาป้องกันตัวเอง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เป็น Search engines ผ่าน OS อื่นๆอีกทีไงครับ google โดดๆมันจะเป็นรูปเป็นร่างเหมือนทุกวันนี้หรือปล่าว
เขาจ่ายเงินเพื่อให้ OS ที่ว่านั่น (มีตัวเดียวแหละ โดนเอาออกไปแล้วด้วยมั้ง) ใช้เป็นระบบค้นหาหลักนะครับ
Browser บางตัวก็แบบนี้เหมือนกัน
แล้วแบบนี้เรียกเสือนอนกิน ?
iTunes?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
Apple + Google
ทำเอง ขายเอง + แจกให้คนอื่นใช้แล้วบีบให้ใช้ ecosystem
ชอบ ไมโครซอฟอต์ รักโนเกีย แต่ติดที่พี่ท่าน เริ่มทุกอย่างช้าซะเหลือเกิน แต่พีซียังไงก็ไม่หายครับ เหมือนพวกเครื่องเกมคอนโซล เกมดีๆ มันส์ ๆ ยังไงมันต้องเล่นด้วยคีย์บอร์ดกับเมาส์ ครับ จอใหญ่ สะใจกว่าด้วย
แต่พวกฮาร์ดแวร์ไมโครซอฟต์ที่ผ่านมา แปลกและแพงหลายตัวนะ แต่ใช้ดีจริงๆ ไม่กี่ตัวเอง ที่เคยลอง
iOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ "ฟรี" เข้าใจผิดหรือเปล่า
น่าจะหมายถึงผลิตเอง เลยไม่โดนเอากำไรจากค่า license มั้ง
แต่มันก็ไม่ฟรีอยู่ดี - -
มันคงเป็นฟรีในความรู้สึกบวกกับเวลาอัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไร ซึ่งจริงๆ ก็รวมมาในราคาเครื่องอยู่แล้วน่าจะประมาณนั้น ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ราคาเครื่องในรุ่นท็อปของ Android ก็มีช่องว่างของราคาที่ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ ก็คงพอจะทำให้รู้สึกได้ว่ามันเหมือนได้มาฟรี
การที่ MS ทำ hardware เอง เป็นทางรอดที่เหลืออยู่จริง (แต่ยากที่จะทำสำเร็จ) อย่างที่เคยวิเคราะห์ไว้แล้ว ตลาด OS มีที่ว่าให้กับ OS เพียงตัวเดียวเท่านั้น และในตลาดมือถือ ผู้บริโภคได้เลือกแล้วว่าเป็น Android (MS ตกที่นั่งลำบากมาพักใหญ่แล้ว เห็นได้จากการปฏิวัติ interface windows 8 ซึ่งผมคิดว่าทำได้ดี แต่เหมือนไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ อย่างน้อยคนในนี้ก็ยังบ่นกัน) จุดชี้จริง ๆ ของ MS คือ สงครามในตลาด tablet กับยอดขาย surface หลังจากที่มันออกมา จะเป็นตัวบอกทิศทางโลก IT ในอนาคตเลย (ถ้า MS surface ไม่สามารถยืนได้ มันหมายถึง window ทั้งหมดพร้อมจะเสียที่ยืน ให้กับ mobile OS อย่าง Android เพราะถ้าเมื่อในก็ตาม Android สามารถยึดตลาด tablet ได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ที่ Android จะเข้ามาในตลาด PC โลกที่ window ยืนอยู่)
ผุ้ใช้เลือก Android ตอนไหนเหรอครับ และ Android จะครองตลาด tablet ได้เมื่อไรกัน ผมว่าตลาด Desktop กับ Tablet มันคนละตลาดเลยนะครับ เหมือนเปรียเทีนบรถเก๋งกับรถบรรทุก ถึงแม้จะถึงจุดหมายเหมือนกัน แต่จุดประสงค์มันต่างกันครับ
+1 แอพพลิเคชั่นในแอนดรอยด์ก็ยังทำงานจริงเทียบ PC ไม่ได้เลยนะครับ จะทดแทนกันก็กระไรอยู่
ในตลาดมือถือ ผู้ใช้เลือก android ไปแล้วครับ ตอนไหน สำหรับผม ก็เมื่อส่วนแบ่ง android เกิน 50% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นแหละ (อย่างที่เคยบอกไว้หลายครั้ง OS มีแนวโน้มที่จะเหลือเพียง 1 ตัว คือตัวที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด ในโลก pc ก็เหลือเพียง windows อยู่ตัวเดียว ในตอนนั้นก็มีคู่แข่งทั้ง os2 mac linux สุดท้าย windows ก็ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 90%) สำหรับตลาด tablet จะครองตลาดได้เมื่อไร ถ้าถามผม คิดว่าไม่เกิน 2 ปี หลังจากนี้ ส่วนแบ่งตลาด tablet android น่าจะเกิน 50% (ดูจาก nexus7 kindle และแนวโน้มการแข่งขัน spec hardware และราคา) ตลาด tablet กับ desktop คนละตลาดกัน ถูกครับถ้ามองจากมุมผู้ใช้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ทั้ง 2 ตลาด จะใช้ os เดียวกันไม่ได้ (ตัวอย่าง windows 8 ที่เป็น os สำหรับ desktop และ tablet พร้อมกัน) เพราะฉนั้น ถ้ามองจากมุม os ที่ใช้แล้ว ไม่ได้มีความแตกต่างครับ ส่วนเรื่อง app บน android ยังทำงานเทียบกับ pc ไม่ได้ เป็นความจริงเฉพาะตอนนี้ครับ (แต่ในอนาคต ไม่เป็นความจริงครับ ผมเคยให้ตัวชี้วัดสำหรับเรื่องนี้ไว้ และตัวชี้วัดนั้นกำลังเป็นความจริงแล้ว นั่นคือตลาด game บน android ถ้าเทียบกับเมื่อต้นปี ที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็นเกม แบบ horn, wind blood บน android ตอนนี้ทุกคนก็ได้เห็นมันแล้ว) เมื่อ เกมระดันนี้มาบน android ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่คุณจะได้เห็น app บน pc พาเรต มาบน android (ms office, bittorrent และอีกมาก)
ผมเห็นด้วย ว่ามันจะค่อยๆหลอมเข้าหากัน desktop กับ tablet
ทั้งนี้รอฐานลูกค้าย้ายฟาก แอปต่างๆ และการพัฒนาของโอเอสไปด้วยกัน ทำแอนดรอยให้เป็นหน้าต่างบ้างก็ได้
คล้ายๆกับการเอา tablet ไปใช้งานทดแทน desktop ตอนนี้เลย ก็พอทำได้แล้ว ขาดแต่ส่วนซอฟแวร์แค่นั้นเอง
กูเกิลซื้อออฟฟิศเสริมทัพให้แอนดรอยแล้ว อยู่ที่ว่าจะบันเดิลมากะแอนดรอยเมื่อไร ซึ่งแน่นอนว่าฟรี
ต่อไปเทียบกัน คอมประกอบตัวนึง เพิ่มค่าซอฟแวร์เบื้องต้น Windows + Office แค่ค่าซอฟแวร์ก็เกินหมื่นแล้ว ซื้อแทปเล็ตแอนดรอย พร้อมซอฟแวร์ได้เลย Nexus7 ราคาแค่ 199$ Nexus10+key dock อาจจะแค่ 250$ ก็ได้
ยูสเซอร์ทั่วไปที่ใช้คอมแค่ท่องเนต โซเชียลเนตเวิก ตอบเมลงาน iPad ทดแทนได้แล้ว ถ้าทำงานมากอีกหน่อย Transformer ก็พอทดแทนได้ เหลือแต่ทำงานเยอะๆ ยังชินกับระบบเก่า องค์กร งานเฉพาะทาง ประมาณนี้ครับ
ก็ nexus7 kindle ราคามันต่ำขนาดนั้น จะขายดีก็ไม่แปลกหรอก = =
ผมว่าพี่กูเกิลคงจะมากินส่วนตั้งโต๊ะได้ยากมากแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย คงจะมีไมโครซอฟท์กับแอปเปิลอยู่เหมือนเคย ประสบการณ์จากโครมยังน้อยมากไม่เข้าใจผู้บริโภค ต้องเริ่มจากทำให้องค์การซื้อให้ได้แบบขาดไม่ได้ก่อน
คุณเข้าใจผิดนิดนึง คนกำหนดเทคโนโลยี ไม่ใช่ลูกค้าองค์กรครับ แต่เป็นลูกค้าทั่วไป (ลูกค้าองค์กร ส่วนใหญ่ใช้สินค้าตามลูกค้าในตลาด ทั่วไป เพราะมันมีราคาถูกกว่า) จะให้ยกตัวอย่างก็มีหลากหลายครับ
ผมมองว่ายังไง PC ก็ตัองล้ำกว่าอย่างน้อย 1 ก้าวเสมอ ในเรื่องของสเปคที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า(สังเกตได้จาก CPU, RAM, HDD, VGA และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ทั้งมีประสิทธิภาพและมีความจุมากขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก) และการตอบสนองการทำงานต่อผู้ใช้งานที่ไม่ใช่แค่ ดูหนัง, ฟังเพลง, หรือเล่นอินเตอร์เน็ต ผมเชื่อในทฤษฎี PC-Plus era ว่ายังไง PC ก็ยังมีความจำเป็นอยู่ คุณเคยสังเกตบ้างหรือไม่ว่า โปรแกรมหรือเกมส์ต่างๆ สมัยนี้ มันกินสเปคเครื่องมากขนาดไหน แล้วอนาคตต่อไปมันจะยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ขึ้นไปอีก อย่าลืมว่าเทคโนโลยีฟาก PC เค้าก็มีการพัฒนาตลอดไม่ใช่หยุดรอให้ platform อื่นตามมาเชือดนิ่มๆ เอาได้ง่ายๆ นะครับ
คุณมองเรื่อง hardware กับ OS แยกกันหรือเปล่าครับ Android รับบน X86 ได้นะครับ (หมายถึง hardware ประสิทธิภาพสูงทั้งหมด ถึงเวลา Android ก็สามารถใช้ได้ เช่นเดียวกับ windows ใช้อยู่ เพียงแต่ตอนนี้ Android ยังโฟกัสในตลาด tablet)
ถึงอย่างไรประสบการณ์การใช้งานก็ต่างกันอยู่ดี ลองคิดดูนะครับว่าทำไม Linux ที่รันบน X86 ถึงไม่ค่อยได้รับความนิยมในกลุ่ม Home Use แม้กระทั่งเครื่อง mac ทำไมถึงยังตี PC ที่มีวินโดว์ไม่ได้สักทีทั้งที่มีคนใช้งาน iPad หรือ iPhone กันเกลื่อนเมือง
เรื่องนี้ ส่วนแบ่งการตลาดจะเป็นคนตอบเองครับ และเราจะรู้คำตอบนั้นพร้อมกัน (เมื่อวันหนึ่ง android เกิดทำ desktop ขึ้นมาจริง ๆ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ) ตอนนี้มาลุ้นตลาด tablet กันดีกว่า
ผิดอย่างเดียวจริงๆยะ คือหน้าตา Metro UI แนวไปหน่อย หลายคนเข้าไม่ถึงกับประสบการณ์ แนวๆของมัน แม้ว่าจะทำระบบอะไรมาดีก็ตาม
@fb.me/frozenology@
ผมว่า Metro UI ไม่ได้ทำออกมาเพื่อ user หรอกครับ ทำมาเพื่อ developer มากกว่า
เพื่อให้ developer เขียนโปรแกรมครั้งเดียว run ได้ทุกอุปกรณ์
ผมว่า MS คิดผิดไปหน่อยที่จะเอา Metro ไปใช้บน desktop เป็นหลัก
เพราะยังมีคนที่ไม่ยอมรับ Metro แต่ถ้าเป็น Aero Grass แบบเดิม ยังไงทุกคนก็รับได้
ผมมีเรื่องตลกนิดนึงเกี่ยวกับ interface windows (คุณลองเทียบ interface android ตอนนี้ กับ interface windows 8 ดูสิครับ มันกลับกลายเป็น interface android เหมือน windows เก่า มากกว่า interface windows 8 ตลกมั้ยละ) ผมก็ไม่รู้ว่า MS ต้องเปลี่ยน interface ตัวเองขนาดนี้ทำไม ในเมื่อของเก่ามันดีอยู่แล้ว (แค่ทำให้มัน touch ง่าย ก็พอแล้ว)
ไม่น่าจะปรับไปหารูปแบบของ apple เต็มตัวน่าจะเอาอย่าง google มากกว่า แต่ควบคุม ecosystem แบบ apple
ทำอย่าง droid ทั้งหมดก็ไม่ไหว defragment เยอะเกิน
ผมว่า Android ไม่ได้ต้องการควบคุมอะไรตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ดังนั้นไอ้เรื่องปัญหา Fragment มันแก้ง่ายมาก ก็แค่ออกนโยบายว่า ต่อไปนี้เครื่องที่จะถือว่าเป็น Google Certified (มี GApp) จะต้องมีรายละเอียด A B C (เช่น หน้าจอ 720p มี NFC และอื่น ๆ) แล้วรุ่นก่อนหน้าถือว่าเป็น Obsolete รองรับแค่ถึง EOL เท่านั้น ไม่มีอัพเดต จบ ...
แต่ถามจริง ๆ ถ้ามือถือทุกรุ่นมีสเปคเหมือนกันหมด ใช้ชิพตัวเดียวกันหมด ต่างกันแค่ "หน้าตา" ของแต่ละรุ่น ... มันเหมือนกันไปหรือเปล่า ? แล้วจะทำยังไงให้กินตลาดตั้งแต่ล่างขึ้นบนได้ จะกดราคารุ่นต่ำอย่างไร ... รวม ๆ ก็คือ จะ differentiate มือถือแต่ละรุ่นยังไง ?
ผมคิดว่า สิ่งที่เราเรียกว่า Framentation ถ้ามองในแง่บวก เราสามารถเรียกมันว่า Diversity ได้ไม่ใช่หรือ ?
ผมว่าโลกเราคงไม่สนุกอย่างที่เป็นอยู่ ถ้าคนเราต่างกันแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ว่าความคิดความอ่านลักษณะนิสัยเหมือนกันหมดเหมือนหุ่นยนต์น่ะครับ 555
ปัญหาของ MS คือ ถ้าเขาทำ OS อย่างเดียวขาย จะไม่สามารถสู้ Android แจกฟรีได้ครับ (คือ 100$ เทียบกับ ฟรีแล้วดี ใคร ๆ ก็ต้องเลือกแบบฟรี) ศึกครั้งนี้ไม่เหมือนตอนสู้กับ linux เพราะ android มาก่อน แล้วก็ทำได้ดี MS เลยถูกบีบให้ทำโมเดลแบบ apple ครับ คือ ต้องทำทั้ง OS และ Hardware เพื่อรวม ๆ กันแล้วจะได้กำไร (อาจจะกำไรจาก hardware ก็ได้) เนี่ยถ้า Surface เกิดแป๊กขึ้นมา เราอาจได้เห็นโศกนาฏกรรม ครั้งใหญ่ของ MS เร็วขึ้นครับ
ไม่มีใครพูดถึง Kin เลยแฮะ..
อุปกรณ์ผู้น่าสงสาร
พูดถึง ms จะใด้โมโหสิครับ ....
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่จำเป็นต้องโมโหนี่ครับ เพราะเบื้องหลังจริงๆแล้ว Microsoft เขาทำ Kin แบบขอไปทีเท่านั้นเอง เป็นข่าวอยู่ในนี้แหละ เรื่องประมาณว่ามีคนใน MS สัญญาว่าจะทำมือถือให้ แต่ตอนหลัง MS ไม่อยากทำ (หรืออะไรสักอย่าง) เลยทำๆให้ไปแบบขอไปที
แล้วก็เจ๊งแบบขอไปที
Microsoft (เล็กนุ่ม) ควรเปลี่ยนชื่อเป็น Microhard (เล็กแข็ง) นะ
แต่ก็เล็กอยู่ดี
วันนี้ที่รอคอย
ดีครับ เพราะอาจถือว่ามาถูกทาง แต่ต้องใส่ใจรายละเอียดด้านความต้องการของลูกค้าเยอะๆ อาจต้อง +1000% เลย
น่าจะทำตั้งนานแล้ว เพราะหลายๆ คน รวมทั้งผม อยากใช้สินค้า IT ที่แปะสัญลักษณ์ เดียวกันทั้งหมด
เกือบเอรเอียงไปหา Apple เพราะอนนี้แหละ หวังว่าจะออกมาในเรผ้ววัน >__<
ผมว่า Microsoft ทำมือถือ android ขายตอนนี้ก็ยังไม่สาย อย่างน้อยให้ผู้บริโภคได้ทำความรู้จักกับมือถือของบริษั่ทตัวเองก่อน ซึ่งพอใช้ดีแล้วต่อไปผู้บริโภคคงกล้าที่จะเปลี่ยนไปใช่ windows phone มากขึ้นนะ อยู่ๆ ออกโทรศัพท์ยี่ฮ้อ(สมมุติ)ไมโครซอฟท์แล้วรัน win phone ออกมาเลย ผมว่าพวกพ่อบ้านแม่บ้านตาสีตาสาคงไม่กล้าใช้นะ
ห๊ะ!!! Microsoft เป็นบริษัทผลิตซอฟต์แวร์นะครับ ไม่ใช่ผลิตฮาร์ดแวร์ (ถึงแม้จะมีฮาร์ดแวร์ของตัวเองขายก็เถอะ)