Emmanuel Fromont ประธานของ Acer ภูมิภาคอเมริกา ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ยอมรับว่ายอดขายพีซีที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8 น้อยกว่าที่คาดไว้
เขาให้เหตุผลว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะอินเทอร์เฟซใหม่ของ Windows 8 ที่ทำให้ลูกค้ายังไม่กล้าเปลี่ยนมาใช้งาน อย่างไรก็ตามเขาก็มองโลกในแง่ดีว่ากระแส Windows 8 จะเริ่มมาแรงเมื่อพีซีจอสัมผัสออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน Acer มีผลิตภัณฑ์ที่มีจอสัมผัสเพียง 15% ของผลิตภัณฑ์ Windows 8 ที่วางขายในอเมริกาเหนือ
ผู้ขายพีซีรายอื่นยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องยอดขาย แต่โฆษกของร้าน Best Buy ระบุว่ายอดขายเป็นไปตามที่คาด
ที่มา - The New York Times
Comments
Best Buy คาดว่าจะขายได้น้อย
55 คาดว่าจะขายไม่ดีอยู่แล้ว
ไม่แปลกใจเท่าไหร่
บางทีอาจจะไม่ใช่ความผิดของ Windows 8 นะ
แต่เป็นความผิดของ Microsoft เลยใช่มั้ยครับ
อาจจะเป็นที่คนขาย
เทคโนโลยีมาเร็วเกินคนจะตามทัน?
เทคโนโลยีมาไว แต่ Microsoft ทำ UI ไม่ทัน
น่าจะตามคาดมากกว่าน้อยกว่าที่คาดนะฮะ :P
หรือว่า ไม่มีใครอยากซื้อของ acer ?
ส่วนใหญ่อัพเดตจาก 7 ทั้งนั้น ไม่ค่อยมีใครซื้อของใหม่หรอก
Usability กาก ไม่แปลกใจแต่อย่างใด :P
+1 Usability กากจริง อย่าโทษ user :P
ตัวอย่าง GUI ที่ดีๆ คือ Ribbon UI สังเกตว่ามีคนบ่นมากในตอนแรกเพราะต้องปรับตัว แต่สุดท้ายแทบทุกคนก็หันมาใช้กันหมดและชอบมัน เพราะ usability มันดีขึ้นจริง ผ่านการวิจัยมาอย่างจริงจังแล้วทั้งรูปแบบและการจัดวาง ทำให้หาอะไรก็เจอ ตอนนี้ลองกลับไปใช้ 2003 กันสิ รับรองมีมึน
แต่กับ Metro UI นี่ Usability มันแย่จริงเวลาใช้กับเมาส์ แบบนี้คนทั่วไปคงไม่เปลี่ยนมาใช้ ไม่ใช้แค่เพราะไม่อยากปรับตัว แต่เหตุผลใหญ่กว่าคือมันทำให้ชีวิตลำบากขึ้นจะฝืนทำไม จนกว่าโลกของ PC (ทั้ง desktop และ laptop/notebook) จะเปลี่ยนไปเป็นจอสัมผัสกันนั่นล่ะถึงจะเหมาะกับ Metro UI ที่ตั้งใจทำมาเพื่ออุปกรณ์พวกนี้แต่แรกจริงๆ
ส่วนคนที่ปรับตัวเร็ว ใช้แล้วชอบ อย่าแปลกใจครับ เพราะนี่เป็นคุณสมบัติของ geek อยู่แล้ว :P
+1,000,000 อูยโดนใจมากกก >w<
ส่วนผมปรับตัวได้ ใช้งานได้ แต่ไม่ชอบ และอยากเอาออก =..=
+1 อัพเดตมาแล้วอยากกลับไป windows 7 เหมือนเดิม
แต่ก็เอาเถอะ 470 บาท เอง...
นี่ไม่ใช่ช่วงแรกของ Windows 8 เหรอครับ
ก็ช่วงแรกไงครับ ;)
จะช่วงแรก หรือทำมานานแล้ว ผมไม่ค่อยให้ราคาครับ เอาว่ามันลงตัวเมื่อไหร่นั่นคือโอเค
ว่าแต่ ไม่รู้เหมือนกันว่าที่คนบ่นๆ กันเนี่ย เพราะกำลังปรับตัวในช่วงแรก หรือเพราะ UI มันไม่ usability อย่างว่าจริงๆ ของอย่างนี้จะรู้ได้มันต้องทดลอง ซึ่งในช่วงพัฒนา Windows 8 MS ต้องทดลองวิจัยเปรียบเทียบการใช้งานของ UI เก่า-ใหม่กันอยู่แล้ว ซึ่งก็น่าจะรู้ผลการใช้ แต่ก็ยังจงใจ เพราะต้องการเน้นไปที่ตลาด tablet และจอสัมผัสมากกว่า แล้วต้องการให้ UI ไปในแนวเดียวกันทั้งหมดด้วย ผลก็เลยน่าจะเป็นอย่างที่เห็น
เพราะเครื่องเปล่าขายดีมาก
กราฟิก เลยเอ้า ui หลายส่วนเหมือนงานที่ออกแบบยังไม่เสร็จ ขาดๆ เกินๆ ใช้แล้วหงุดหงิด เหมือนนั่งทำงานในบ้านที่ดูสวยภายนอก แต่ยังไม่ได้ตกแต่งภายใน
แต่เดาว่าคงจะรีบเอาออกมา เพื่อได้อยุ่ในกระแสฟองสบู่แท็บเล็ต เลยยังไม่ได้จัดการในส่วนเดสท๊อปให้เป็นไปในอารมณ์และดีไซน์เดียวกับเมโทร
บอกได้ทำเดียว การออกแบบของ Windows 8 เมื่อเทียบกับ Windows 7 มันออกแนวมักง่าย คือไม่มีการทำทั้งมุมโค้งมนเหมือนกับตัวก่อนๆ หรือแม้แต่การเล่นเฉดสีก็ไม่ทำ หรือแม้แต่มิติของในหลายๆ ส่วนก็ดูเหมือนกับทำออกมาเหมือนไม่เต็มใจจะทำ เหมือนกับเราแค่วางสีเหลี่ยมขึ้นมาแล้วก็ใช้ถังเทสีลงไปโดยไม่มีลูกเล่น แล้วก็เอา Icon มาวางแปะเอาไว้ในกรอบแล้วก็วางลาเบลไว้ที่มุมขวาล่าง แล้วก็เอามาวางเรียงๆ กันให้มันยาวๆ ซึ่งมันต่างกับแนวทางของ Microsoft ที่มักจะทำ Interface สวยๆ อลังการงานสร้าง แต่เหมือนกับว่า Microsoft เร่งทำเพื่อให้ทันรอบการออก Windows ยังไงยังงั้น ทำให้หน้าตา Interface มันดูแย่ๆ ยังไงไม่รู้ล่ะ แถมมีระบบหลายๆ อย่างที่ผมรุ้สึกติดขัดมากด้วย เช่น เวลาที่ผม Copy, Move หลาย หน้าต่าง ผมก็ต้องมา Scroll เลื่อนลงไปดูว่าอะไรถึงไหนแล้วสร้างความไม่สะดวกอีกน่ะ
ผมว่า Windows 7 งานนี้เป็นตัวที่ทำออกมาสมบูรณ์แบบมาก ไม่ว่าจะด้านกราฟิกหรือด้าน UI ต่างๆ Wallpaper ธง Windows ที่มีการลงลวดลายในแต่ละสี และอีกหลายๆ ด้าน แต่ข้อเสียก็คือ ซอยรุ่นเยอะไปหน่อย ประมาณว่าแต่ละรุ่นตังแต่ล่างขึ้นบนจะมีการเพิ่มฟีเจอร์ขึ้นมาทีละน้อยๆ ซึ่งถ้า Windows 7 มีแค่รุ่น Home, Professional เหมือน Windows XP/8 มันจะ Fin มากกว่านี้
แต่ข้อเสียของ Windows 7 ที่ดูจะแพ้ Windows 8 ก็คือการจัดการด้าน Graphic User Interface คือถ้าเอา Windows 7 ไปลงเครื่องเก่าๆ หน่อย มันจะรู้สึกอืดๆ แต่พอเอา Windows 8 มาลง กลับลื่นไหล แถม Effect การเปิด/ปิด/ย่อ/ขยายหน้าต่าง ยังมีเหมือนเดิม แต่ใน windows กลับหายไป (ผมลองทดลองมาลง Netbook ASUS EeePC 900A ดูแล้ว ลื่นไหลดี ทั้งๆ ที่ Windows XP Pro มาลงแล้วกลับรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก)
อีกอย่าง Start Menu ผมว่ายังไงคนก็ยังต้องการอยู่เยอะมาก ถ้าจะทำ Metro จริง ก็ควรที่จะทำทางเข้าเพิ่ม โดยไม่ต้องตัด Start Menu ทิ้ง ซึ่งถ้าจะโปรโหมตวิธีใช้ก็ทได้ไม่ยาก เพราะยังไงๆ Metro ก็เป็นศูนย์รวมของบรรดาแอพ ที่โหลดจาก Windows Store อยู่แล้ว ถ้าจะมีคนใช้งานก็เข้า Metro Mode ถ้าจะเข้าใช้งาน Desktop ก็เข้า Start Menu ก็ทำได้ แต่ Microsoft เลือกทางที่เป็นการฆ่าตัวเองตายซะเอง ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ขนาด Mac ไม่ค่อยได้เปลี่ยนอะไรมาก เขาก็ยังขายกับกลุ่มเขาได้โดยที่สาวกไม่บ่นเรื่อง UI เลย
อันนี้เห็นด้วยมากเลยครับ ผมลงแค่ Pentium 4 Ram 512MB ยังรู้สึกเลยว่าเร็วกว่า Windows XP ถ้าใช้เครื่อง Spec ที่ดีขึ้นมาก ๆ เนี่ยทำงานได้ลื่นมาก
เรื่อง graphic คุณตอบตัวเองแล้วนะครับ เพราะเขาต้องการเอาไปลงเครื่องที่ spec ต่ำ ๆ ได้ ก็เลยทำ graphic ออกมาพื้น ๆ นั่นแหละ เป็นความตั้งใจครับ ไม่ใช่ทำไม่เสร็จ
อ้อ... ผมไม่ได้บอกว่าทำไม่เสร็จนะครับ (เป็นท่านอื่นหรือเปล่า) ผมบอกว่า Microsoft ทำเหมือนไม่เต็มใจทำ เพื่อเร่งให้ออกไวกับรอบการออก Windows จึงทำให้ GUI มันดูลวกๆ แค่นั้นครับ
การที่ Graphic User Interface ออกแบบมาหมือนมักง่ายขี้เกียจทำ ผมว่าถ้า Microsoft จะให้ทำจริงๆ ก็ทำได้ครับ ประมาณว่าเติมมิติลงไปเล็กน้อย ทำมุมโค้งบน เหลี่ยมล่าง หรือโค้งทั้ง 4 มุมก็ได้หมด เพราะมันไม่ใช่ Effect Aero อยู่แล้วนี่ ซึ่งผมคิดว่าเหมือน Microsoft จะเอาเวลาไปทุ่มให้กับส่วนของระบบ Windows มากกว่า
ซึ่งไม่แน่ว่า Windows 9 อาจจะมี GUI ที่สวยกว่า Windows 8 ก็เป็นได้ และ Start Menu อาจจะ Return ด้วย เพราะการที่ขาย Windows 8 ได้น้อย หรือจากคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ได้น้อย ผมคิดว่ามันจะกลายเป็น Vista Return น่ะสิ เพียงแต่ต่างกันออกไป อย่าง Start Menu หายไป, Metro ใช้งานยาก, GUI สวยสู้ Windows 7 ไม่ได้ (ถ้าเครื่องแรงๆ ผมคิดว่าหลายคนที่คิดว่า Windows ที่ใช้อยู่ ลงตัวอยู่แล้ว ก็อาจจะไม่คิดที่จะอัพเกรดก็ได้) อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ถ้าจะให้คง Start Menu โดยที่ยังมี Metro อยู่ด้วย มันทำได้ แต่ Microsoft คงอยากจะโปรโมต Metro สุดลิ่มทิ่มประตูก็เลยตัดออกก็เป็นได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่า User เขาถนัด Start Menu ก็มีอยู่มาก Metro ไม่เหมาะกับเมาส์อย่างแรงด้วย
แต่ผมว่าเหลี่ยมๆ มันก็สวยไปอีกแบบนะครับ
เวลาเวลาที่ tile มันอยุ่ชิดๆ กัน มันจะดูแน่นสวยงามกว่าขอบมนๆ โค้งนะครับ
ก็จริงครับ เพราะเลขาคณิต หากเอามาจัดวางดีๆ ก็ทำให้ดูดีได้
แต่ก็อย่างว่าละ ถ้ามันมีผลกับการทำให้เครื่องมันเร็วขึ้นก็ขอยอมรับครับ
ทางเดียวที่จะเปลี่ยน Theme ได้ ก็คงต้องรอให้มี UXTheme Patch เพื่อทำให้ใช้ Theme ที่นอกเหนือจาก Windows 8 style ได้เท่านั้นแล้วล่ะ
ผมอ่านเรื่องที่คุณว่าเกี่ยวกับ GUI แล้วผมโครตงงเลยครับ เพราะไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดนั่นมันคือ Metro และเขาจงใจจะให้มันเป็นแบบนี้เลยนะ - -
จงใจหรือเปล่าผมไม่รู้ครับ เพราะ Start Screen ก็คือ Start Screen และ Desktop ก็คือ Desktop การที่มันรันสลับข้ามกันไปมามันสร้างความไม่สะดวกและความรู้สึกส่วนลึกครับ ซึ่งมันเหมือนเป็นคนละ UI กันอยู่แล้ว แต่ Microsoft ทำให้สมันยุ่งยากเอง ถ้าเป็นผมออกแบบ ผมจะให้คง Start Menu เอาไว้ดังเดิมด้วยซ้ำ แล้วหาวิธีเพิ่มช่องทางเข้า Start Screen ใหม่ขึ้นมา แล้วก็โปรแกรมทุกอย่างที่ใช้งานในโหมด Desktop ก็ควรที่จะใช้บน Desktop ผ่าน Start Menu ไม่ควรมี Icon ไปปรากฏบน Start Screen ส่วน Start Screen ก็ควรเอาไว้เป็นพวก App ที่โหลดมาจาก Store ซึ่งมันจะทำให้ Start Screen ออกมาดูสวยกว่าที่จะต้องมี Icon โปรแกรมที่ลงบน Desktop Mode มาแซมทำให้มันหมดสวย ส่วนใครต้องการจะให้มีไอคอนโปรแกรมไปอยู่บน Start Screen ก็สั่ง Pin to Start Screen ซึ่งจะเป็นการดีกว่าที่มันไปปราฏที่ Start Screen แบบภาคบังคับ
ดังนั้น GUI จึงไม่จำเป็นต้องเหมือน หรือมีคอนเซ็บต์เดียวกันทั้งใน Desktop และ Start Screen ครับ
ป.ล. ที่ผมบ่นเรื่อง UI ของ Windows ใน Desktop เพราะว่า ส่วนตัวแล้วผมใช้แต่ Desktop ครับ ผมแทบไม่ได้แตะ Start Screen เลย เนื่องส่วนใหญ่การใช้งานจริง ผมจะใช้บน Desktop ครับ ไม่ใช้บน Start Screen ส่วน Start Menu ผมใช้เพราะผมลงโปรแกรมเยอะ และเมื่อคิดจะรันโปรแกรมอะไร หากผมคิดคีย์เวิร์ดไม่ออก ผมก็จะเข้าไปเปิดที่ Start Menu ครับ Start Screen ไม่ได้ตอบโจทย์ผมเท่าไหร่นัก หากผมไม่ได้เล่นแอพฯ ที่โหลดมาจาก Store อ่ะนะ... จะว่าไปแล้ว ที่ใช้บ่อยมักจะเป็น Dockbar(แบบ Mac,) + Quick Launch + Icon บน Desktop ในการรันโปรแกรมเสียมากกว่า ถ้าให้กล่าวกันจริงๆ Start Menu ผมก็ใช้ไม่ค่อยมากหรอก
ไอ้ที่คุณว่ามามันก็ทำได้ทั้งหมดนะครับ ที่สำคัญ start screen มันก็ unpin ได้เช่นเดียวกันครับ คุณไม่อยากเห็นโปรแกรม desktop mode บน start screen คุณก็แค่ unpin มันไปซะก็หมดเรื่อง แค่นี้มันก็เป็น app จาก store ทั้งหมดตามที่คุณต้องการแล้ว ส่วนโปรแกรมเก่าๆ คุณจะเอา icon ไปเรียงใน taskbar หรือวางไว้ให้เต็ม desktop ก็ได้ถ้าคุณต้องการ มันไม่ใช่จะทำไม่ได้ซะเมื่อไร แล้วก็ตรงกับที่คุณต้องการด้วยว่าแยกกันไปเลย
ส่วนตรง ปล ผมอ่านแล้วผมงงเหมือนเดิม สรุปว่าคุณใช้แต่ desktop และใช้ start menu ในการเรียกหาโปรแกรมทั้งหมด ซึ่งผมเข้าใจว่า windows 8 มันไม่มี start menu แต่ทำไมคุณไม่ลองมองว่า start screen มันคือ start menu ที่ขยายขึ้นมาให้เต็มจอล่ะ? เพราะโปรแกรมที่คุณติดตั้งไปทั้งหมดมันก็จะ list tile(icon) เหมือนใน start menu อยู่แล้วไม่ได้ต่างกัน แถมคุณยังจัดแยกหมวดหมู่มันได้อีกด้วยซ้ำ ทำให้เหลือที่ว่าง desktop กับ taskbar ให้คุณได้ใช้เพิ่มอีก แล้วสุดท้ายผมก็กลับไปงงเหมือนเดิม เพราะคุณบอกว่าไม่ค่อยได้ใช้ start menu อีก อ่าว ละมันยังไงกัน ?
ผมก็รู้ครับว่ามันปักมันย้ายได้ แต่มันไม่สะดวกไงครับ เพราะกว่าจะต้องเลื่อนเมาส์ไปหาโปรแกรมแล้วรันใช้งานนั้น ถ้าโปรแกรมมีเยอะ มันก็จะเสียเวลาเข้าไปอีก แถมถ้าหน้าจอมี Resolution ที่ไม่ละเอียดนักอย่าง 1024x768 (4:3), 1366x768(Wide) ยังไงก็สู้ 1920x1200(Full HD) ไม่ได้อยู่ดี และมันไม่ได้มีกรุ๊ปโฟลเดอร์แบบ Start Menu ด้วย ทำให้โปรแกรมที่ติดตั้งแล้วมันมาเป็นคอมโบอย่าง Nero มันก็จะไปกินพื้นที่ใน Start Screen ไปอีกหลาย Tile เนื่องจากมันไม่ได้มีแค่ exe แต่มันมีพวก text, readme, weblink, uninstall, tools อื่นๆ อีกเพียบ ซึ่งถ้าจะเอาโปรแกรมออกเพื่อให้มันไม่เยอะหรือรกมันทำได้ก็จริง แต่เวลาที่เราต้องการจะรันมันล่ะ ต้องพิมพ์ยังงั้นหรือ ถ้าพิมพ์แล้วเกิดเราลืมชื่อล่ะ? หรืออยู่ในสถานภาพที่ไม่สะดวกจะพิมพ์ล่ะ? ว่าจะไปรันมันได้ที่ไหน ถ้าไม่ลง Start Menu แยกขึ้นมาอีกทีก็คงหาที่รันไม่ได้แล้วล่ะ นอกจากเข้าไปที่ C:\Programs Files\Nero\ แล้วไปรันโปรแกรมมันตรงๆ เท่านั้น ผมบอกได้เลยว่า Start Screen ไม่เหมาะกับโปรแกรมจาก Desktop เดิมที่มักจะทำออกมาเป็นหลายไอคอนหลายตัวรันโปรแกรม แต่ที่จะเหมาะกับมันจริงๆ คือมีไอคอนเดียว โดยกดรันแล้วเข้าไปแตกย่อยโปรแกรมภายในอีกที, อีกอย่างการที่ต้องสลับกันไปมาระหว่าง Full Screen และ Window Mode มันทำให้ผมรู้สึกขัดตาครับ ประมาณว่าโปรแกรมที่รันบน Desktop ทำไมต้องรันแบบ Full Screen โดยไม่จำเป็นด้วย อย่าง Photo งี้อ่ะ จนผมต้องหาโปรแกรมอื่นหรือเซ็ต Default เป็น Photo Viewer เดิมที่เคยมีใน Windows 7 ไม่งั้นมันก็สลับกันไปมาสร้างความรำคาญ นี่เป็นแค่ 1 ตัวอย่างนะ (จะว่ามันทำเหมือนจะไม่เสร็จเหมือนที่ท่านบอกไว้ก็ได้นะ)
ส่วนตรง ป.ล. นั้นผมอยากจะบอกว่า ผมให้ความสำคัญกับการเรียกใช้โปรแกรมตามฉบับของผมครับ คุณจะไม่เข้าใจก็คงไม่แปลก เพราะการใช้งานของผมนั้น ยืดหยุ่นตามอารมณ์ใช้งานครับ หากขี้เกียจก็ปล่อยไว้ ไม่ว่าไอคอนจะอยู่ไหนก็ตาม และอาจจะจัดลวกๆ ด้วยนะ แต่ถ้าผมมีกะใจที่จะจัดผมก็จะจัดให้มันเข้ากับกลุ่ม และตรงส่วนของบาร์ต่างๆ ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการเรียกใช้งานของผมเอง
Quick Launch มันก็ทำหน้าที่เสมือนกับ Start Menu ไปในตัว ซึ่งถ้าไคอนมันมีมากจนเราคิดว่าต้องเอาออก ก็ไม่ต้องเอาออก เพราะสามารถเลื่อนซ่อนไอคอนเอาไว้โดยไม่ต้องลบออกได้ ผมก็เลื่อนให้ไอคอนที่มันเกินนั้นซ่อนแล้วกดคลิก >> เพื่อโชว์ไอคอนที่เกินนั้นขึ้นมาเรียกใช้งานแทน ซึ่งมันก็จะทำหน้าที่คล้ายกับ Start Menu แบบย่อมไปในตัว (ถ้าให้พูดก็คล้ายกับการปักหมุดที่ Start Screen นั่นแหละ แต่การเรียกใช้งานมันง่ายกว่าปักที่ Start Screen สมกับชื่อ Quick Launch แต่ถ้าให้เทียบกับ Super Bar ที่เราสามารถปักหมุดโปรแกรมเอาไว้ที่ Task bar ได้ ขอไม่เลือกใช้และหันไปใช้ Quick Launch แทน เนื่องจากว่า Super bar นั้น เวลาที่ปักหมุดไอคอนแล้ว เวลาที่รันโปรแกรมไอคอนมันจะกระจาย เช่น Explorer, Notepad, IE, AIMP ตามลำดับ ซึ่งถ้าผมรัน Notepad ตัว Notepad ก็จะเปิดอยู่ตรงตำแหน่ง 2 นั้นเลย และถ้าเราเปิด AIMP ด้วย และมีโปรแกรมอื่นๆ ด้วย ไอคอน IE มันก็จะแทรกอยู่ระหว่างนั้น ทำให้มันดูแล้วไม่ดี โดยเฉพาะหากเราเปิดให้โชว์ Title bar ด้วย แต่ Quick Launch มันจะอยู่ทางซ้ายเราตลอด ไม่ได้แซมแบบแทรกกันไปแทรกกันมา แถมรันก็จะติดขัดด้วย ทำให้ Quick Launch ใช้งานได้คล่องตัวกว่า สะดวกกว่าในความคิดของผมนั่นแหละ แต่เพราะ Microsoft ลดความสำคัญของ Quick Launch ลงไป ทำให้ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติจากเมนู Toolbar ทำให้ต้องใช้เทคนิคเปิดมันขึ้นมาเอง แต่ก็ปัญหาอยู่ว่า ตอนที่ผมเปิดใช้งานนั้น หลายๆ ครั้งมันชอบหาย จนผมต้องมาเปิดมันใหม่ทุกครั้ง และสร้างความไม่สะดวกในหลายๆ ครั้ง ก็จึงหาตัวเลือกที่จะเรียก Quick Launch มาใช้งานได้ง่ายๆ แทน ซึ่งก็มาลงตัวที่ Free Launch Bar (คาที่ v2.0 มานานมากละ ส่วน True Launch Bar ก็เป็นตัวเสียเงิน แต่แค่ตัว Free ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว) เพราะมันเรียกใช้งานได้ง่ายและ Icon จัดเรียงเอาไว้ มันจำค่าเอาไว้หมด เมื่อเปิด Bar ขึ้นมาก็ไม่ต้องมาจัดเรียงไอคอนใหม่ให้เสียเวลา
Dock bar ส่วนใหญ่ผมมักจะเอาไว้วางโปรแกรมที่ผมเห็นว่ามันกดเรียกใช้งานบ่อยเช่นกัน เพราะ Icon มันใหญ่ และเวลาที่ Explorer มัน Crash แล้วมันไม่เรียกตัวเองขึ้นมา ผมก็กระตุ้นด้วยการรัน Windows Explorer ที่ปักไว้บน Dock bar แทนได้ โดยไม่ต้องเข้า Task Manager แล้วสั่ง New Task ให้เสียเวลา
ก็ลองทีความดูอีกแล้วกันครับ อีกอย่างผมมักจะใช้เมาส์เลื่อนๆ คลิกๆ ไปมา ทำให้หลายๆ ครั้งผมจะนั่งในท่าที่ไม่สะดวกกับการพิมพ์ Search โปรแกรม ซึ่งผมก็จะใช้เมาส์นี่แหละคลิกเปิดโปแกรมใน Start Menu แทน
ถ้าไม่เข้าใจอีกก็คงไม่แปลกล่ะ เพราะการใช้งานเครื่องของผมนั้นจะดูซับซ้อนกกว่า User ทั่วไปซะหน่อย
มันเป็นดีไซน์ครับ จงใจทำไม่เรียบด้วย ผมยังรำคาญเลยว่าทำไมโปรแกรมเดสก์ทอปต้องมาไล้เฉดสี เอาเรียบๆ เหมือนตอนเบต้าไม่ได้หรือไง
โปรแกรมเมโตรถ้าจัดวางดีๆ นี่มีประโยชน์เยอะเลยนะ แค่กดปุ่มสตาร์ทก็เห็นข้อมูลที่อยากเห็นละ ไม่ต้องมาเสียเวลาเข้าเว็บ เข้าโปรแกรมให้ยุ่งยาก
ทำไมไม่มีใครพูดถึง performance ของ windows 8 บ้างเลยเน้ออออออ
พูดถึงกันแต่เรื่อง UI
บอกตามตรงนะครับ ประทับใจกับ windows8 มากกว่า window 7 อีก เพราะตั้งแต่ลงมา เครื่องไม่มีแฮง ไม่มีค้าง เข้า window ก็เร็ว ปิดก็เร็ววววว (ไม่เกิน 10วิ ตั้งแต่เปิดจนถึงหน้า login)
ทุกอย่างลื่นมากกกก
+1
ผมใช้ SSD ไม่สน I/O performance อยู่แล้วครับ - -"
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
Dream high, work hard.
เวลาเปิดปิดเครื่อง เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ที่เราจะต้องเจอครับ (คงไม่มีใครซื้อคอมมาแล้วเปิดปิดเครื่องเล่นทั้งวันแล้วชื่นชมว่ามันเร็วและทำงานได้ดี) เวลาใช้งานจริงสิ่งที่เราจะต้อง Focus กับมันคือ UI ของระบบครับ UI ที่ดีทำให้เราทำงานได้เร็วขึ้นครับ ประสิทธิภาพของเครื่องเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นเองที่ทำให้งานเสร็จไว (ไม่นับงานพวก Batch processing อย่าง render ไฟล์ครับ) เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจที่จะมีคนบ่นเรื่อง UI ครับ
ส่วนตัวผม Metro นี่ไม่ได้แตะเลย ใช้ Desktop Mode ล้วน ๆ (แบบไม่ลง Start menu) ก็ค้นพบว่าชีวิตมีความสุขดี เครื่องก็เร็วดี Crash น้อยมาก จอฟ้านี่ไม่เคยเจอ ถือว่าทำได้ดีอยู่มากนะครับ Win 8 ติดปัญหาจุกจิกเรื่อง Driver นิดหน่อย แต่เดี๋ยวผุ้ผลิตก็คงแก้ไขให้ โดยรวมพอใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกต่างจาก Win 7 แค่เป็น Win 7 ที่ทำงานเร็วขึ้นเท่านั้นเอง
ป.ล. แอบชอบระบบ 2 จอ ของ Win 8 แหะ ดีกว่า Win 7 เยอะเลย
performance ดีจริงเหรอ ลองสั่ง copy สัก 3 gig ดูสิ ... จะได้เห็นอาการ mouse กระตุก .... ใน W7 ไม่เป็น ... ตามหลักการออกแบบ o/s แล้ว ไม่ควรเกิดแบบนี้ อันนี้ชี้ให้เห็นว่าการจัดการ cpu resource ยังไม่ดีพอ
ผมไม่เป็นนะ ผม copy ไฟล์จำนวณ 8MB - 8GB ทั้งหมดเกือบ 1.2TB ผ่าน USB 3.0 ก็ทำงานได้เร็วและปรกติดีครับ
นอกเรื่องครับ วันนี้ไปเดินดู Iconia W510 ที่ฟอร์จูนมา เดินเข้าไปถามหลายร้านครับ ส่วนมากของหมด มีร้านหนึ่งบอกว่า ของเข้ามา 10 ตัว เมื่อตอนกลางวัน ตอนเย็นหมดแล้ว ผมไปถึงเขากำลังนั่งลงโปรแกรมให้ลูกค้าอยู่เลยเหลือตัวเดียว
นี่มัน Tablet ไม่ใช่ PC เกี่ยวกันไหม
เรื่อง ui หัวมังกุดท้ายมังกรจริง ๆ เอาซะอย่าง ไม่ก็จับมารวมกันซะ คือมีแถบ Task bar เหมือนเดิม แต่ desktop ทำให้มันเลื่อนได้เหมือน start screen ตัด sidebar menu ออกไปซะ เกะกะมาก ... ดูไป ๆ เหมือนไปลอกไอเดีย Launchpad ของแมคมาอย่างงั้น
logo ไม่สวยไง