กระแสข่าว iPhone ราคาถูกกำลังร้อนแรง และผู้เกี่ยวข้องรายล่าสุดคือ John Sculley อดีตซีอีโอของแอปเปิลก็ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg Television สนับสนุนแนวทางนี้
Sculley บอกว่าแอปเปิลต้องปรับตัวเข้ากับ "โลกที่ต่างออกไป" เพราะช่วงราคาของสมาร์ทโฟนขยับจากเครื่องละ 500 ดอลลาร์ ลงมาอยู่เครื่องละ 100 ดอลลาร์ ทำให้แนวคิดเรื่องห่วงโซ่อุปทานต้องเปลี่ยนแปลง แอปเปิลต้องคิดว่าจะผลิตสินค้าราคาถูกให้มีกำไรได้อย่างไร
เขาบอกว่าแนวทางที่แอปเปิลใช้กับ iPhone รุ่นล่าสุดไม่มีอะไรผิด แต่ช่องว่างระหว่าง iPhone กับสมาร์ทโฟนของซัมซุงหดลงเรื่อยๆ ซึ่ง Sculley มองว่าซัมซุงถือเป็นคู่แข่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษ
Sculley ยังสนับสนุน Tim Cook ว่าเป็นซีอีโอที่เหมาะสมมากกับแอปเปิลในปัจจุบัน เพราะความเชี่ยวชาญด้านการบริหารห่วงโซ่อุปทานของเขานั่นเอง
ที่มา - Washington Post
Comments
คนนี้ใช่คนที่ Jobs ชวนเข้ามาทำงาน แล้วตอนหลังขัดขากันทำให้ Jobs โดนไล่ออกใช่ไหมครับ ?
คนคนเดียวกับที่ ทำแอปเปิ้ลเกือบเจ้งอ่ะครับ
โอเค จะได้ไม่ฟังมัน
ไม่เชื่อเหมือนกันครับ
แนะนำกลับไปอ่านข่าวเก่าอีกทีนะครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ช่วงวัยรุ่นจ๊อบส์เกรียนแตกมากนะครับ ถ้าไม่มีสกัลลี่มาคอยเบรกล่ะก็แอปเปิ้ลคงเจ๊งคามือจ๊อบส์ไปนานแล้ว
ช่วงแรกๆ ที่เข้ามาบริหารคนๆ นี้ทำให้ Apple โตแบบก้าวกระโดดเลยนะครับ ถ้ามองในแง่การบริหารงานในยุคนั้นน่าจะนับได้ว่ามีฝีมือพอตัวเลย ช่วงที่ Apple ร่วงมากๆ น่าจะเป็นหลังจากอาเมลิโอเซ็นต์สัญญาทำ Mac Clone มากกว่า
อยากเห็นจัง
หาคำว่า Macintosh Portable ครับ
มาซะขนาดนี้ ชกหน้าเลยดีกว่าครับ ความผิดหลายกระทงเกิน
ใช่ครับ Jobs อุตส่าห์ไปจีบตั้งนานเพราะสาวเจ้าเล่นตัว แต่สกัลลีย์เจอประโยคเด็ดของ Jobs ที่ว่า "คุณจะขายน้ำผสมน้ำตาลแบบนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลือ หรือจะเลือกโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ล่ะ" ถึงกับอ่อนละทวยมาร่วมงานจนได้
ระทวย XD
Do you want to sell sugared water for the rest of your life? Or do you want to come with me and change the world?
มาบริหาร Apple แล้วเจ๊ง
ใช่ครับ อดีต CEO Pepsi-Co
หลังจากเข้ามา ก็ทำให้ Apple เกือบเจ๊ง แล้ว ก็ทำให้ Job โดนออก -*-
ผมคิดว่า ไม่ต้องทำหรอกครับ ไอโฟนราคาถูก แค่ทำให้รุ่นปัจจุบันเนี่ย ขายให้มันถูก ๆ หน่อย - -* ไม่มีอะไรใหม่เลย ขายซะแพงเชีย
+1024 ครับ จริงๆๆเลยครับ ผมว่าถ้า iphone ตัวปัจจุบันลดราคาลงซัก 100 us ทุกรุ่น ยอดขายน่าจะพุ่งกว่านี้อีกเยอะ
อยากอย่างคือเน้นกลับไปสร้างนวัตกรรมที่สร้างความ wow ดีกว่า ผมว่าตั่งแต่หลังท่านศาสดา สิ้นไป apple ไม่ค่อย wow เหมือน ทุกที่แล้วนะครับ อีกอย่าง ipad mini จะกั๊กใส่ A 5 ทำไม่ ใส่ A 6 ไม่ได้หรอ apple ถ้านายใส A6 มา เชื่อว่าจะขายได้อีกเยอะ เพราะมีหลายคนที่อยากได้นะแต่ A5 หรอ ชิปมันเก่าแล้วอะ ไม่ซื้อดีกว่า
+1024 ถูกต้อง
ไม่มีลายเซ็น
GTX680 Ref. มีพัดลมแค่ตัวเดียวนะครับ
https://www.google.co.th/search?q=gtx+680+ref&oe=utf-8&aq=t&rls=org.mozilla:en-US:official&client=firefox-a&channel=fflb&um=1&ie=UTF-8&hl=th&tbm=isch&source=og&sa=N&tab=wi&ei=4gr2UIb2F82srAeDnoGACA&biw=1280&bih=645&sei=5Ar2ULuNH4n_rAeK5YCAAQ
ไอ้พวกพัดลม 3 ตัวน่ะส่วนใหญ่ OC ทั้งนั้น แต่ถึงแม้ตัว Ref มันจะมีพัดลมแค่ตัวเดียว Max Temp ก็แค่ 79c เองนะครับ (ไม่ใช่เฉลี่ยนะ)ส่วนตัว OC กันสุดๆพวก ASUS DC2TOP เนี่ย Max เหลือ 64c เลยด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ผมไม่ไปยุ่งเนื้อหาของคุณนะครับ แต่ตัวอย่างที่ว่าควรจะหาใหม่ดีกว่าเพราะความร้อน ณ ปัจจุบันไม่ได้ไม่ได้แปรผันกับความเสถียรอีกต่อไปแล้ว
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
เป็นวิศกรเหรอครับถึงไปรู้มากว่าเขาครับ - -
ผมแค่มองจาก อดีตว่า ถ้าเครื่องที่ใช้ ชิปใหม่ มันจะมี อนาคตรองรับ iOS ไปอีก 3 - 4 Gen อยากจาก ipod touch 2 มาพร้อม ios 2 ทำงานดีที่สุดกะ iOS 3 พอเจอ iOS 4เท่านั้นละเหมือนจะต้องเตรียมตัวตายแล้ว กระตุก มากๆๆเลย
ปล่อยกระทู้ให้นอนสงบดีกว่านะท่าน..
จริงเหรอ ผมอยู่กับ it มาจะ 20 ปีละ ซื้อเจ้าตัวนี้ผมยังไม่สนเลยว่าจะ A5 หรือ F16 ขอแค่ใช้แล้วลื่นไม่สะดุดก็พอ ไม่ได้เอาไป Benchmark โชว์ที่ไหน
ปล. ซื้อที่ Store วันนี้ยังรอของ 2 สัปดาห์อยู่นะฮะ ผลิตไม่ทัน
ผมสั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ในเว็บบอก 1 week แต่ 3 วัน DHL ก็มาส่งแล้วนะ
^
^
that's just my two cents.
จาก Thailand Store
ของผมสั่งช่วงธันวา ใช้เวลาส่ง 13 วัน มาก่อนกำหนดวันเดียว
แต่ของท่านอาจเป็นช่วงเทศกาลหรือเปล่าถึงมาเร็ว เพราะผมสั่งของจาก Ebay ผ่าน USPS ช่วงนี้ก็มาเร็วเหลือเชื่อเหมือนกัน อาทิตย์เดียว
ผมสั่งวันที่ 8 นะ คงเลยเทศกาล(ปีใหม่?)แล้วนะ ได้ของวันที่ 11
แต่กำหนดจริงๆ ส่งวันที่ 15
พอดีว่าวันที่ 11 ของมาอยู่ที่ dhl เชียงใหม่แล้ว ผมเลยให้มาส่งเลย
แต่ตอนแรกโทรถาม dhl บอกจะส่งตามที่ apple store กำหนดไว้ คือวันที่ 15 ซะงั้น -'-
^
^
that's just my two cents.
ผมสั่งแล้วได้ก่อนที่บอกในเว็บอาทิตย์กว่าอะ - -"
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ที่แปลกใจกว่าคือราคา US$ มันก็เหมือนเดิมทุกปี แต่ทำไม TH Baht มันแพงขึ้นทุกรุ่น ทั้งๆที่คูณค่าเงินมันก็ไม่ถึงขนาดนั้น
Us ติดสัญญา ไทยเครื่องเปล่า
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เค้าก็เทียบจากราคาเครื่องเปล่า US กับเครื่องเปล่าไทยครับ ราคา US จะเป็นราคาเดิมตลอดทุกรุ่น แต่ราคาไทยกลับแพงขึ้นทุกรุ่น
อ่านดีๆครับ
ถ้าลดลงมาเหลือเครื่องละสามร้อยดอลความจุสูงสุด(ในไทยขายหมื่น5) แล้วไปเน้นที่appหรือทำกำไรจากระบบแวดล้อมเอา โคตรจะฟิน สาวกอย่างวิน แต่เป็นไปไม่ได้แน่นอน ==
ประเทศไทยทำไมไม่มีแบบนี้บ้่างนะ
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ทำไม่ได้เพราะผิดกฎหมายครับ ห้ามขายเครื่องที่ติดล็อคกับผู้ให้บริการโดยไม่สามารถนำเครื่องไปใช้กับค่ายอื่นได้
เรื่องนี้ผม เคยต้องตอบคำถาม ลูกค้า ที่มาฝากหิ้วของ วันนึงเคยโดน ถามเรื่องเดียวกัน 5 6 คน
คือต้องการหิ้วมือถือ ราคาถูก เห็นใน เว็บ มัน 199$ จะเอามา 10 20 เครื่อง
ผมก็บอกไม่ได้ มันเครื่องติดสัญญา แล้วรายปีอีกสองปีใครจะจ่ายให้ผม ลูกบอกก็ไม่ต้องจ่ายไง เราเอามาปลดลอค -*-
คือถ้าผมเลวๆ คิดสั้นๆ หน่อยนะ รับหิ้ว ไอ้ 199$ นี่ แล้วเชิดเงินหนี ผมคงดังทั่วประเทศ ไปแล้ว เพราะตอนโดนจับคง หลายล้าน อ่ะ ยอดที่โอนเข้ามาฮะๆ
...
Ton-Or
คนที่เขาอยู่กับระบบติดสัญญา เขารู้กันดีครับว่ามันไม่ได้ถูกจริง แต่บังคับจ่ายโปรแพงๆ ต่อเนื่อง ยิ่งเครื่องราคาถูกยิ่งต้องจ่ายแพง
lewcpe.com, @wasonliw
แต่พอมันอยู่ในรูปแบบเงินผ่อน เลยรู้สึกลืมตัวไปว่าดีไม่ดีก็แพงกว่าซื้อเครื่องที่ปลดล็อกมาแล้ว
ประเทศไทยเครื่องก็แพงโปรก็แพง ??
เมืองไทยคุณมีสิทธิเลือกใช้โปรที่คุณอยากใช้ได้ครับ ผมเห็นคนไม่น้อยซื้อเครื่องรุ่นใหญ่ๆ มาใช้กับอินเทอร์เน็ตคิดเป็นเมกกะไบต์ใช้แชตอย่างเดียวเดือนละร้อยก็มีความสุขกันดี
lewcpe.com, @wasonliw
แอปเปิลเป็นบริษัททำกำไรจากฮาร์ดแวร์ครับ ไม่ใช่กูเกิลหรืออเมซอนที่ทำกำไรจากการบริการ
รายได้จาก App Store ดูไม่น่าจะน้อยนะครับ
ก็เจลเบรค,รับลงแอปแท้กันทั่วเมืองซะขนาดนี้
แล้วจะเอากำไรจากตรงไหนดีล่ะครับ
ลดราคาลงมาแล้วจะดูแลลูกค้ายังไง เพราะเจ้านี้ไม่มีซ่อม มีแต่เปลี่ยนอย่างเดียว
ถูกต้องถ้าลดราคาลง แล้วมาเอาเครื่องไปซ่อมเหมือนซัมซุง (เผลอๆได้ของแถมพนักงานเอาไปใช้เล่น) ผมยอมราคาเดิมครับ
เพราะคิดแบบนี้ไง เลยเจ๊ง ตอนบริหาร apple
แอปเปิ้ลลดราคาไอโฟนไม่ได้หรอกครับ มันจะทำให้ความภูมิใจในแบรนด์หายไปนะ แบบ คุณค่ามันจะลดลงถ้าใครๆก็ซื้อได้ถูกๆปาทิ้งได้
coke ไม่เคยเห็นลดราคาเลย
ตราบที่ยังขายได้และขายดี ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่สินค้านั้นจะต้องลดราคา
โดยส่วนตัวไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ว่า Apple ใช้อะไรเป็นอาวุธ จนขึ้นมาอยู่ในระดับนี้
แต่ที่แน่ๆ อาวุธนั้น ไม่ใช่ "ราคา" แน่นอน
Sculley บอกให้คิดเรื่อง supply chain ใหม่นะครับ ไม่ได้บอกให้ลดราคา อ่านดีๆ
สิ่งที่เขาขายมันคือนวัตกรรมใหม่ใน"ราคา"ที่คุ้มมากครับ
แต่ตอนนี้มันชักไม่ใหม่แล้ว
ผมว่าครั้งนี้เขาพูดถูกนะ ตลาดมันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่การลดราคาเครื่องเดิมแต่เพิ่มไลน์ใหม่เข้ามา ซึ่งน่าจะเป็นงานที่ทิม คุกถนัด
ความต้องการแต่ละคนไม่เหมือนกันนี่ครับ ลองดูซัมซุงเป็นตัวอย่าง ทำไมทำ Galaxy ตั้งหลายรุ่น คุณเข้าใจการตลาดหรือเปล่า
ผมว่าแนวทางของบริษัทมันต่างกันมากเกินไป ไม่มีความจำเป็นที่จะไปเป็น Samsung 2
ตอบได้ถูกใจผมมากครับ
ขอตอบในส่วนโซนี่แผนกกล้องนะ เพราะตามเรื่องตามใช้อยู่แผนกกล้องโซนี่ มันมีปัญหาที่ทีมงานกากครับ โดยเฉพาะทีมส่วนอัลฟ่าโคตรแห่งกาก ทีม NEX นี้ถือว่าพอใช้แต่ยังทำอะไรกั้กๆอยู่แบบเพี้ยนๆ แต่ไม่เละเท่าอัลฟ่าที่ทีมนั้นทำกล้องมาพิกลพิการ SW ไม่ครบเครื่องระบบก็อืดๆ SLT เป็นเทคที่ดีแต่คนพัฒนาดันเป็นคนที่หัวโบราณ อย่างว่าเล่นเอาตากล้องรุ่นลายครามหงวดโค้งมลซะ มาเป็นคนเทสโปรโตไทป์ รุ่นเทพเขาไม่ใส่ใจเรื่องฟังชั่นที่ทำให้ชีวิตสบายขึ้น อย่างใส่ wifi รึจอทัชก็ดันเชื่อเขา ดูอย่างพานาโน่น GH3 จัดมาเต็มกว่ามากๆเป็นกล้องที่เป้นกึ่งกล้องถ่ายรูปกึ่งกล้องวีดีโอ มากว่า SLT ของโซนี่จมถ้าโซนี่ไม่เปลี่ยนทีมรึทีมมันเปลี่ยนทัศนะคติ กล้องก็จะกากแบบนี้ต่อไปๆๆๆ
เล่นเอาคนถามเงิบเลย =_=
ชอบครับ แตกฉานเลยครับ +1
+1024 ตอบได้ดีมากครับ ทำงานด้านการตลาดหรือเปล่าครับ
ไม่มีลายเซ็น
ผมขอลองตอบหน่อยนะครับ คันมือ
มันมีปัจจัยอื่นๆ ต้องพิจารณาประกอบด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องความหลากหลายของชิ้นส่วนครับ เช่น เรื่อง economy of scale หรือเรื่องการใช้ชิ้นส่วนจากบริษัทในเครือ (ซึ่งยิ่งมากก็แปลว่าอัฐิยายซื้อขนมยายยิ่งเยอะ)
หักลบสิครับในฐานะบริษัท มันก็ต้องมีต้นทุน เพียงแต่หักลบแล้วอาจจะคุ้มก็ได้
คือตรงนี้ซัมซุงหักออกมาแล้วอาจมีกำไรต่อหน่วยน้อยกว่าแอปเปิล แต่จากผลประกอบการสุดฮอตในแต่ละปี ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีกำไร และถ้าเทียบรายได้หรือกำไรรวม ตอนนี้ซัมซุงเป็นบริษัทไอทีที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่แล้ว
แอปเปิลเป็น newcomer ในตลาดมือถือเมื่อปี 2007 แต่ก็ไม่ได้ใช้ยุทธวิธีนี้?
iPad mini?
ผมว่าย่อนี้ของคุณมันขัดกับย่อหน้าก่อนหน้านี้ของคุณเองนะ "แต่ถ้าคุณอยู่บนจุดบนอยู่แล้ว คุณมีความจำเป็นอะไรต้องแตกสายพานการผลิตออกมาเพื่อไป cut สินค้าชิ้นบน"
อันนี้รู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นการทำลายกำไรในอนาคตล่ะครับ?
motto บริษัทเขียนไว้แบบนี้?
ตอบคำถามผมหน่อยสิครับ ว่าคุณทำ galaxy 10 รุ่น คุณต้องลงทุนกับสายพานการผลิตเท่าใหร่ รับมือกับชิ้นส่วนที่หลากหลาย คนงานที่ชำนาญการประกอบแต่ละชนิด ต่างกันทั้งสิ้นกี่โรงงาน เมื่อเทียบกับการผลิตที่มีเพียงหนึ่งสายพาน บริษัทใหนเสีย cost ในการบำรุงผลิตภัณฑ์มากกว่า.
มันมีปัจจัยอื่นๆ ต้องพิจารณาประกอบด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องความหลากหลายของชิ้นส่วนครับ เช่น เรื่อง economy of scale หรือเรื่องการใช้ชิ้นส่วนจากบริษัทในเครือ (ซึ่งยิ่งมากก็แปลว่าอัฐิยายซื้อขนมยายยิ่งเยอะ)
Samsung จะมีชิ้นส่วนที่ Common กันเยอะ( Chip , Screen ) และชิ้นส่วนส่วนใหญ่ก็ผลิตเอง ทำให้ Line ผลิตชิ้นส่วนไม่ยุ่งยากครับ แต่ปัญหาอยู่ตรง Line ประกอบ และ After service เพราะ Line ประกอบจะเกิดความสับสนเพราะจำนวนรุ่นที่เยอะและ คล้ายกันในหลายรุ่น ทำให้การ QC ยากขึ้นไปอีก ทำให้สินค้าที่หลุด QC มีโอกาสสูง
After sale service : ปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่การ Stock อะไหล่ เพราะหลายชิ้น Common กัน แต่ความรู้ของพนักงานที่ดูแลเรื่อง Service จะดูแลยาก Cost ในการ After service จะสูงเนื่องจาก Model ที่หลากหลายทำให้พนักงานที่ดูแลอาจสับสน และใช้เวลานานในการซ่อมบำรุง
มีความรู้แค่เรื่องเดียว ขอตอบแค่นี้นะครับ :)
like!
ที่กล่าวมาทั้งหมด ผมไม่เห็นด้วยเลยสักข้อเดียวครับ
ถ้าบอกว่าบริษัทพยายามจะวางตัวเองไว้ในกลุ่มตลาดของแพง ... ถ้าบอกอันนี้ผมเชื่อเลยทันทีครับ
ถ้าจะมีเหตุผลใดๆ ที่แอปเปิลจะไปจับกลุ่มตลาดราคาถูก เหตุผลนั้นก็น่าจะเป็นว่าแอปเปิลต้องการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดครับ
ที่ผมไม่เห็นด้วยเลย ก็เพราะแอปเปิลมีการแตกไลน์สินค้าอยู่ตลอดครับ ไม่เห็นจะมีผลเสียอะไรเลย
ตัวอย่างก็คือ iPad mini
คิดเหมือนผมเลยครับ ถูกใจ
การค่อนขอดกันนี่ไม่สร้างสรรค์เลยครับ ถ้าหากมีความรู้จริงๆยังไงลองโต้กันด้วยเหตุผลแบบท่าน Seco จะดีกว่า
ต้องขอโทษด้วยที่ผมอธิบายไม่เก่ง ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ต้นทุนในการผลิต แต่มันอยู่ที่มันมีตลาดที่มีความต้องการไม่เหมือนกับตำแหน่งตลาดเดิมของไอโฟนเกิดขึ้นมาและมันมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวันดูได้จากประเทศจีน แล้วไอ้ที่เคยทำคือจะต้องมีแค่สองสีที่เรียบหรูคือขาวและดำมันก็จะไม่ถูกใจตลาดกลุ่มนี้อีกต่อไป ขนาดหน้าจอเดิมที่เคยทำมันก็อาจไม่พอ ดูตัวอย่างทำไม Windows 8 ถึงทำให้ลงแอพได้ ตลาดที่เกิดใหม่นี้มันมีคนที่ไม่ต้องการความสามารถของแอพขั้นสูงเหมือนแต่ก่อน มีคนอีกมากที่ใช้แอพไม่เกิน 10% ของฟีเจอร์มันแต่อยากเป็นเจ้าของแอพโดยถูกต้อง คราวนี้ถ้าแอปเปิลไม่สนใจตลาดกลุ่มนี้สิ่งเดียวที่ยืนยันความมั่นคงของธุรกิจนี้คือระบบนิเวศก็จะเริ่มรกร้าง เพราะจำเป็นที่ต้องมีอุปกรณ์ที่ใช้ไอโอเอสมาใช้งานควบคู่กันไปด้วย
แพงแต่ได้วัสดุดี บริการหลังขายดี (ผมสั่งจาก Online) ประสบการณ์ในการใช้งานดี ผมยอมครับ
ทุกวันนี้เราใช้มือถือก็เหมือนติดสัญญาเลยนะ อยู่กับเบอร์เดิม ๆ เปลี่ยนไม่ได้ เพราะคนจำได้แล้ว ของไทยน่าจะมีแบบติดสัญญาบ้างจะได้ใช้มือถือถูก ๆ กับเขามั่ง
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
เดี่ยวนี้เค้าเบอร์เดิมย้ายค่ายได้แล้วนะครับ
Carrier in the US is stepping out of that contract, why we would want to get back to that boat :)?
The subsidy model isn't changing any time soon. It's just a strategy by an industry laggard: T-mobile.
Read this article.
@TonsTweetings
ติดสัญญามือถือถูก ๆ แต่โปรแพงกว่านี้มาก จะจ่ายเหรอครับ?
ปลายปี ออกเรือธงใหม่ iPhone HD ปรับ iPhone 5 เป็น 8GB ราคาเท่าหรือแพงกว่า S3 mini นิดหน่อย และ iPhone 4S 8GB ราคาเท่าหรือแพงกว่า Lumia 620 นิดหน่อยก็พอแล้ว
ระดับของสินค้าไงครับ คุณลองไปบอก BM สิว่าต้องปรับตัวทำรถรุ่นถูกแข่งกับ Brio, March บ้าง
+1
ปัญหาคือส่วนแบ่งการตลาดของ ios เหลือไม่ถึง 20% แล้ว (iphone q ที่แล้ว 14.9%)
ดังนั้นการปรับตัวนั้นจำเป็น แต่จะปรับยังไงอีกเรื่อง เวลาปรับต้องให้สมดุลยระหว่าง ราคา ความพึงพอใจ และ ความสดวกที่ใด้รับ
ปรับตัวแบบ ipad mini (ขายของลดเสปคในราคาไม่ถูกนัก) ไม่น่าจะใด้ผลมาก (แต่ก็ต้องรอดูตัวเลขกันต่อไป)
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมว่าน่าจะเป็นไปตามที่เคยตอบไว้เมื่อครั้งก่อน คือถ้ามองในภาพรวมของสมาร์ทโฟนแน่นอนว่ามันลดลง เพราะตลาดใหญ่ขึ้นแต่ส่วนที่โตมันก็โตมาจากกลุ่มสมาร์ทโฟนตลาดล่างเป็นส่วนใหญ่ แล้วผมก็สันนิษฐานว่ากลุ่มลูกค้าที่ยังพอใจอยู่กับ iOS ในระดับราคาที่เป็นอยู่มันก็น่าจะมีปริมาณที่คงที่คือมีฐานลูกค้าอยู่แน่ๆ แล้ว โดยที่ Apple ไม่จำเป็นจะต้องลงไปเล่นที่ตลาดล่าง ก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจโดยที่ยังมีกำไรไปได้ ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นอยู่ อยู่แล้ว
+1 If you check the market share of Mac OSX, you would see that although the share is almost no where to be seen on the chart (at least it used to be like that), the revenue it makes still high enough to make the company survive before iPhone even exists. That's because the current target group is happy with the ecosystem they have and they are willing to spend money on both hardware and software. That's why we don't have Mac that's cheaper than 10k baht.
It may be better to have larger target group, but also keeping the existing target group happy is also important.
เป็นประโยคเห็นต่างที่ผมเห็นด้วยมากๆ อ่านแล้วเกือบเคลิ้มเลย
แต่อย่าลืมว่าตอนนี้แอปเปิลอยู่ในฐานะ"ผู้นำ"แล้วนะครับ ถ้าแอปเปิลคิดแบบตลาดนีชก็คงซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง
ตลาด OS มันมี Network Effect อยู่ คนใช้ยิ่งเยอะมูลค่ายิ่งมาก ถ้าแอปเปิลไม่กินส่วนแบ่งตลาดให้มากเข้าไว้ก็จะถูก Network Effect ขย้ำเหมือนสมัยที่แพ้วินโดว์ที่ห่วยกว่า
ถึงแม้ตอนนี้จะดีกว่าเดิมตรงที่โปรแกรมมัน multi-platform ซะมากแล้วก็เถอะ แต่ถ้ายังทำแบบนี้ต่อไปคนเลือกใช้แอปเปิลก็คงเหมือนคนที่เลือกใช้ Mac ตอนนี้ คือส่วนใหญ่ใช้เพราะมันเท่แบบไม่มีนัยสำคัญ(และส่วนน้อยใช้เพราะจำเป็นต่อวิชาชีพจริงๆ) ซึ่งตลาดจะเล็กลงไปมากทีเดียว
คือผมก็ลองประเมินดูจากหลายๆ ข่าวที่ออกมาเช่น John Sculley อดีตซีอีโอให้ความเห็น แอปเปิลต้องปรับตัวทำ iPhone ราคาถูก ซึ่งดูแล้วเหมือนกับว่าเห็นด้วยที่จะไม่ไปร่วมวงในมหาสมุทรแดง
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วมองว่าจะลงไปร่วมหว่านแหเพื่อหวังจะได้ปลาเล็กปลาใหญ่ไปทำไมในเมื่อสามารถหาวิธีใช้คันเบ็ดหรือปรับปรุงคันเบ็ดอันที่มีเพื่อตกปลาตัวใหญ่ๆ ได้อยู่แล้ว
ประเด็นคือ network effect ครับ
ในตลาด OS ปลาเล็กๆจำนวนมากจะมีมูลค่าสูงขึ้นแบบ Exponential เพราะทุกครั้งที่มีปลาเล็กมากขึ้นคุณค่าของแหก็จะสูงขึ้นไปด้วย ในขณะที่ปลาใหญ่มีมูลค่าคงที่และไม่ได้เพิ่มคุณค่าค่าให้คันเบ็ดเท่าไหร่
คุณค่าของ OS จะสูงขึ้นตามจำนวนผู้ใช้งาน เป็นเหตุผลนึงที่ทำให้ MS ชนะ Apple ราบคาบเมื่อครั้งก่อนครับ
คือเราอาจจะมองคนละมุมอยู่ ตรงนี้ผมมองว่าลักษณะของแอปเปิ้ลเนี่ยจะออกผลิตภัณฑ์อะไรสักอย่างก็จะออกแบบอินดี้ ไม่ได้ไล่ตามชาวบ้านสักเท่าไหร่ เหมือนจะเน้นส่วนของ user experience และสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุดเหมาะสมที่สุดในขณะนั้น ส่วนยอดขายเป็นเรื่องที่จะตามมาทีหลังโดยไม่สนว่าจะแพ้หรือชนะตราบใดที่ยังมีคนใช้อยู่ก็จะยังยึดแนวทางตามนี้ไปเรื่อยๆ ตามนั้นครับ ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่แน่ใจว่าในยุคปัจจุบันแนวทางนี้จะยังคงอยู่หรือเปล่า
ซึ่งหากหวังยอดขายเป็นหลักเพื่อที่จะเบียดพื้นที่ใน market share ก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำอะไรที่ผิดแผกไปจากเดิม
ใช่เลยครับ จริงๆเรามองเรื่องเดียวกันอยู่ละ เพียงแต่มองคนละแบบเท่านั้น
แต่ผมมองว่าสเน่ห์ของแอปเปิลแต่เดิมมันกำลังหายไป ถ้าแอปเปิลจะทำแบบเดิมจริงๆคงต้องสร้าง WOW factor ออกมาให้ได้ ไม่งั้นรีบไปชิงส่วนแบ่งตลาดแต่เนิ่นๆน่าจะดีกว่า
ผมไม่ใด้บอกว่า apple ต้องลดราคา แต่บอกว่าต้องทำตัวให้น่าซื้อมากขึ้นจะใด้ไม่โดน network effect เล่นงานจน ecosystem ทีมีอยู่สั้นคลอน
apple จะปรับตัวท่าใหน ผมไม่ทราบใด้ แต่ความจำเป็นมันชัดเจนเพราะตอนนี้ส่วนแบ่งการตลาดของ ios เหลือไม่ถึง 20% แล้ว (iphone q ที่แล้ว 14.9%) Network effect ทำงานแล้ว สัญญาน ecosystem สั้นคลอนก็มีบ้างแล้วเช่น Android มี app ตามขึ้นมา ล่าสุดหุ้นก็ตกไปแล้ว
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมไม่ค่อยรู้ประวัติแอปเปิ้ลเท่าไร
พอจะทราบไหมครับว่า คราวที่แพ้ MS ไปแล้วทำไมถึงเกือบเจ๊ง
หรือว่าผมเคยได้ยินว่ารายได้ช่วงหลังก่อน iPhone ส่วนใหญ่ของแอปเปิ้ลมาจาก iPod ไม่ใช่ Mac
เครื่อง Mac ราคาแพงกว่า PC สมัยนั้นมาก โปรแกรมต่างๆหนีไปลง PC หมด
หลังจากนั้นมี Mac Clone ที่ราคาถูกกว่ามาแย่งตลาด Apple เอง แถมยังทำคุณภาพต่ำทำให้คนเกลียด Mac OS มากขึ้น
เพราะคำว่า IBM Compatible ครับทำให้ PC สาย DOS/Windows ขยายได้อย่างรวดเร็ว
ส่วน Apple ผลิตเครื่องขายเองคนเดียว
ผมไม่เห็นความจำเป็นต้องปรับตัวแบบนั้นครับ อย่าง iPad mini ผมเห็นว่าจำเป็น เพราะบางคนอยากได้ iPad แต่ไม่อยากพกหนัก แต่ไม่ใช่จับตลาดล่างเสียทีเดียว
แต่ผมไม่ทราบว่า iPhone จะเป็นอย่างไร แต่ถ้าดูจากที่ Phil บอก iPhone ราคาถูกไม่น่าเกิดได้เร็ว ๆ นี้ (ในอนาคตไม่แน่)
Series 1?
ผมไม่เห็นว่ามันจะเหมือน March,Brio ตรงไหนเลย ทั้งราคา ทั้งรูปแบบ(รถสองประตู)
เค้าหมายถึงลงมาจับตลาดล่างครับ
edit: มันลงมาผิด Reply ครับ
BMW Series 1 จัดอยู่ใน C-Segment ครับ เทียบเท่า Civic, Altis
แต่มัน Overlap กับ Series 3 ที่เป็น C-Segment ระดับบนสุด ถ้าจะถีบลงมา Segment ล่างเต็มที่ก็ไม่ต่ำไปกว่า B-Segment กลุ่ม Honda Jazz ครับ
รถบีเอ็มดับเบิ้ลยู"มินิ"ที่เมืองนอกไม่ได้แพงรากเลือดเหมือนในเมืองไทยนะครับ
อย่างแรกที่ Apple ต้องทำคือ จ้างพริตตี้สวยๆหุ่น Sexy + จ้างผู้ชายหล่อๆหุ่นดี ผมรับรอง เข้าถึงทุกตลาดชัวร์ ~_~
ถ้าทำออกมา ความโดดเด่นคงลดลงไปเยอะนะครับผมว่า
ทำไมต้องซีเรียสกันขนาดนั้นครับ ผมคิดว่ามันไม่ต่างกับตอนที่ทำ iPod nano, iPod shuffle แค่โทรออกได้เท่านั้นเอง Apple ก็เคยทำแบบนี้มาก่อนแล้วก็ได้เงินผมไปด้วย ตอนนั้นซื้อ iPod nano แจกน้องแจกแฟนกันเลย
ผมว่าบางทีแฟน Apple ยกให้ผลิตภัณฑ์ของ Apple สูงส่งเกินไปหรือเปล่าครับ ถ้าเค้าจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีสำหรับตลาดกลางและตลาดล่างทำไมจะต้องเป็นเดือดเป็นร้อนด้วยครับ
กลัวรถติดครับ #ไม่เกี่ยว
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ทำธุรกิจแต่ไม่คิดขยายตลาด ผมว่ามันเเปลกๆ อยู่นะครับ
+1
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")