สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวของบริษัทไทยบนหน้า TechCrunch ที่อาจจะสะดุดตาหลายๆคน คือบริษัท ShopSpot ได้รับทุนมูลค่า 628,000 ดอลลาร์ (เกือบ 20 ล้านบาท) จาก SingTel Innov8 บริษัทในเครือ SingTel และ Jungle Ventures ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลสิงคโปร์
ShopSpot เป็นกลุ่มของคนทำงานไอทีที่ตัดสินใจมาทำงานร่วมกันสร้างโปรดักของตัวเองเป็นสตาร์ตอัพที่น่าสนใจ จากคนทำงานร่วมกันตัดสินใจมาทำบริการของตัวเอง และหาทางรับเงินทุนเพื่อให้บริการเป็นจริงขึ้นมาได้ วันนี้ Blognone จึงเชิญทีมงานมาพูดคุยกับเรากันครับ
ShopSpot เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับเปิดหน้าร้านขายสินค้าบนโทรศัพท์มือถือในรูปแบบเดียวกับร้านค้าบน Facebook และ Instagram ให้สมาชิกสามารถเข้ามาเปิดร้านค้า และสื่อสารกับผู้ขายได้แบบเดียวกับการขายของผ่านบริการ Social Network อื่นๆ
ครับ แต่เครื่องมือข้างต้น ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเป็น Mobile Shopping Platform โดยเฉพาะ ต่างกับ ShopSpot ที่เราเน้นประสบการณ์บนโทรศัพท์มือถือเป็นหลัก ฟีเจอร์ต่างๆที่เราสร้างขึ้นมา เรามีเป้าหมายที่จะช่วยให้ร้านค้าต่างๆ และผู้ซื้อสินค้า มาพบเจอ พูดคุย ซื้อขายสินค้ากันได้ง่ายที่สุด ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำกัดเพียงแค่หน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้นครับ
โมเดลแรกของ ShopSpot เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับซื้อขายสินค้ามือสองครับ แต่หลังจากเปิดให้ใช้งานระยะหนึ่ง เราพบว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นร้านค้าบน Facebook, Instagram ต่างๆมากกว่า ซึ่งต่างจากข้อสมมติฐานที่เราคิดไว้ตอนแรก เราจึงปรับแนวทางมาเป็น Mobile Shopping Platform แบบปัจจุบันนี้ครับ
ทีมงานตอนนี้มีทั้งหมดเจ็ดคน เคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมหรือตอนเรียนมหาวิทยาลัย ก่อนหน้านี้เราเคยทำงานทำงานด้วยกันมาก่อน โดยรับเป็นทำในโครงการอื่นๆ อย่างการทำเว็บบ้าง ทุนที่ได้มาก็นำมาทำโครงการของตัวเองจนได้เป็น ShopSpot ทุกวันนี้
ในทีมของเรามีหลากหลายสาขา ทั้งเศรษฐศาสตร์, สถาปัตย์, วิทยาศาสตร์/วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ทำให้ทีมมีความหลากหลาย
ก่อนหน้านี้กลุ่มของเราได้เข้าร่วมกับโครงการ AIS Startup Weekend มาก่อน จนได้รางวัลรองชนะเลิศ แล้วจึงส่งใบสมัครเข้าไปยังโครงการบูตแคมป์ของ JFDI (Joyful Frog Digital Incubator) จนสุดท้ายได้เข้าร่วมบูตแคมป์
บูตแคมป์ของ JFDI นั้นเป็นการเข้าแคมป์ 100 วันเพื่อสร้างธุรกิจสตาร์ตอัพและโปรดักที่ใช้งานจริงได้ขึ้นมาได้ หลังจากจบโครงการนั้นเราจึงได้เงินทุนก้อนแรกเพื่อมาดำเนินการต่อจากกลุ่มนักลงทุนไทย (Angel Investor) ซึ่งนำโดยคุณกฤษณ์ ณ ลำเลียง จากนั้นจึงเจรจากับทาง Innov8 เรื่อยมาเพื่อรับเงินทุนก้อนล่าสุดที่เป็นข่าว
จริงๆ แล้วทุนทั้งสองก้อนคงเรียกว่าเป็นก้อนเดียวกัน แต่เงินจ่ายเข้ามาสองรอบเพราะยังตกลงกันไม่เรียบร้อย จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์แล้วจึงออกเป็นข่าวอย่างที่เห็นกันตอนนี้
ไม่มีเงื่อนไขในส่วนนั้นครับ ทุนตอนนี้ทุนที่ได้มาจะเน้นให้สร้างบริการที่ใช้งานได้จริงและครบถ้วนเป็นหลัก
คาดว่าต้องขอเพิ่มครับ ทุนที่ได้รับมาคาดว่าจะใช้ดำเนินการได้ประมาณ 15 เดือน เมื่อถึงจุดที่ต้องขยายงานคงต้องหาทุนอีกครั้ง
ช่วงแรกเราตั้งเป้าสร้างกลุ่มผู้ใช้ในไทยก่อน และเตรียมจะขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบนี้อีกครั้ง เป้าหมายของเราคือเป็นแอพพลิเคชั่นซื้อขายอันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้
ช่วงหลังจากที่ทีมกลับมาจากสิงคโปร์พบว่าดีขึ้นมาก เริ่มมีกิจกรรมและบริษัทต่างๆ ให้ความสนใจกันเยอะขึ้น น่าจะถือเป็นขาขึ้นของวงการสตาร์ตอัพในไทยได้ครับ อยู่ทีว่าต่อไปนี้จะมี success case ให้เห็นได้กันมากน้อยแค่ไหน เพื่อก่อให้เกิด ecosystem ที่ยั่งยืน
ตัวแอพพลิเคชั่นตอนนี้พัฒนาบน iOS เป็นหลัก ซึ่งใช้ Native language คือ Objective-C และไลบรารีของแอปเปิลเพราะต้องการความเสถียร มีบางส่วนที่ใช้ไลบรารีภายนอกบ้าง ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์เราใช้ node.js และ MongoDB ทำงาน ทั้งหมดรันอยู่บน Amazon AWS
การออกแบบแอพพลิเคชั่นเรานึกถึงการเติบโตในอนาคตว่าหากมีผู้ใช้มากขึ้นจะสามารถขยายความสามารถขึ้นไปรองรับได้ทันที การใช้ AWS หากมีผู้ใช้มากขึ้นก็เพียงแค่สร้าง instance ของเครื่องเพิ่มเติมเพื่อรองรับผู้ใช้
เราเล็งเห็นว่ากลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มแรกๆของเรา จะเป็นกลุ่มเดียวกับผู้ที่คุ้นเคยกับแอพพลิเคชั่น Social network ต่างๆอยู่แล้วครับ เช่น Instagram, Facebook หรือ Foursquare
ซึ่งผู้ใช้งานกลุ่มนี้ใช้ iOS เป็นหลักครับ เรียกว่าเราเลือกกลุ่มเป้าหมายก่อน แล้วจึงย้อนมาพิจารณาเทคโนโลยีที่จะใช้ครับ
ตอนนี้เราก็มีเวบซึ่งเป็นเบต้าเวอร์ชันอยู่ครับ สามารถเข้าใช้งานได้ที่ http://shopspotapp.com ซึ่งเรามีแผนจะพัฒนาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆครับ
ส่วนแอนดรอยด์ทางทีมงานก็กำลังเร่งพัฒนาอยู่ครับ ซึ่งมาได้ค่อนข้างไกลแล้ว ทางเราจะรีบแจ้งให้ทราบทันที เมื่อพร้อมปล่อยให้ดาวน์โหลด ซึ่งรับรองว่าไม่นานเกินรอครับ
ปกติเราพยายามจะออกฟีเจอร์ใหม่ให้ได้เดือนละครั้ง โดยแต่ละรอบที่จะออกจะมีการทดสอบกับกลุ่มผู้ใช้กลุ่มปิดก่อน และหลังจากออกซอฟต์แวร์ออกไปแต่ละรอบแล้วจะมีการพูดคุยกับกลุ่มผู้ใช้ ทั้งการรับความคิดเห็นที่ผู้ใช้แจ้งเข้ามา และการออกไปพูดคุยกับผู้ใช้โดยตรง รวมถึงการเชิญผู้ใช้เข้ามาที่ออฟฟิศเพื่อขอให้ทดสอบฟีเจอร์บางอย่างก่อนออกสู่วงกว้าง
ตอนนี้ทีมพัฒนายังอยู่ที่ 7-8 คนเท่าเดิมครับ แต่หลังจากนี้เรามีแผนจะขยายขึ้นไปอีกเท่าตัว ตอนนี้ก็กำลังรับสมัครคนมาเพิ่มอยู่โดยเฉพาะ ถ้าใครสนใจก็ติดต่อเข้ามาได้ ที่ info@shopspotapp.com
ตอนนี้มองว่าก็ยังแข่งขันได้นะครับ ในแง่เงินเดือนเรายังถูกกว่าสิงคโปร์มาก และจากที่เคยร่วมงานกับ Developer ในชาติอื่นๆ ความสามารถเราไม่ได้ด้อยกว่าใครเลยครับ สิ่งที่ต้องพัฒนาน่าจะเป็นเรื่องของภาษาอังกฤษ และทัศนคติในการทำงานในบริษัท startup มากกว่า
Comments
20 ล้าน ใช้ดำเนินการได้ 15 เดือน!!!
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ตกเดือนละ 1.3 ล้าน ... สงสัย instance บน AWS จะเยอะ + traffic ท่วมท้น
น่าจะมีค่าใช้จ่ายที่ผมไม่รู้อีกเยอะนะ ... ถ้าใครพอจะเข้าใจเรื่องบริหารช่วยชี้แนะหน่อยครับ
ออกตัวก่อนว่าไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับ แค่เอาข้อมูลที่อ่านมายำๆ แล้วเดาครับ
แล้วก็ต้องมีค่าจัดการของ jfdi กับนักลงทุนไทยอีก ซึ่งไม่รู้ว่าเค้าแบ่งกันไงนะ สมมติว่าเหมาๆ ตกเดือนละ 300k ละกัน 555
หมดนี่ก็ปาไป ต่อเดือน 870k แล้วครับ ยังไม่นับค่าทำการตลาดโปรโมท ค่าเซล ค่าเดินทางไปหาลูกค้า แล้วก็อาจจะมีค่าไปออก tradeshow อีก
ถ้าหารแล้วตกเดือนละ 1.3m นี่ ไปๆ มาๆ กำไรที่เข้าบริษัทจริงๆ อาจจะไม่เหลือก็ได้นะ
ปล เดาล้วนๆๆ
เค้าน่าจะมีรายได้บ้างนะ อาจจะเป็นเดือนหลังๆ ก็ตาม อยากรู้จังว่าทำพวกนี้จริงๆ ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
รายได้เขาก็มาจาก นักลงทุนนั่นแหละครับ
โมเดลธุรกิจ ดูเหมือนจะทำให้มีรายได้ แต่ไม่พอหรอกครับ
หลายอย่างต้องให้บริการ Users ฟรี
โปรเจคแบบนี้เขาทำไว้ขาย ต่อให้กับนักลงทุนเป็นทอดๆไป
ลงทุนต้องได้ผลตอบแทนครับถึงเรียกว่าลงทุน แม้แต่ VC หรือ Angel ก็หวัง return ครับ แต่เค้าเอาแค่ไม่กี่โปรเจคที่สำเร็จก็คุ้มแล้ว อันนี้ก็คงต้องมีมองเรื่องการหาเงินในอนาคตไว้บ้างเหมือนกันทางใดทางหนึ่งแหละครับ ถึงจะบอกว่าทำไว้ขาย ใครจะซื้อถ้าทำรายได้ไม่ได้
facebook, youtube, ebay คนก็เข้าไปใช้บริการฟรี แต่ก็มีรายได้นะครับ แม้จะใช้เวลาหลายปีกว่าจะมี business model ที่เหมาะสม
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
indirect เช่นฐานลูกค้าก็ขายได้ครับ
วิเคราะห์ได้ดีใช้ได้เลยครับ :) แต่คงบอกไม่ได้ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร ยังงัยถ้าสนใจแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือมีข้อเสนอแนะต่างๆสามารถเมลมาหาผมได้โดยตรงเลยครับ natsakon@shopspotapp.com
โอ้ ... user นี้ชื่อและหน้าเหมือนกับคุณนัฏฐ์สกลในบทสัมภาษณ์เลยครับ
เดาล้วนๆ ครับ :D
สู้ๆ ครับ ลองเล่น app แล้ว polish ขึ้นเยอะเลย เคยใช้สมัยแรกๆ เกือบปีมาแล้วเทียบกับตอนนี้ยังกับคนละอัน :)
ขอบคุณมากครับ เราพยายามปรับปรุงกันอย่างต่อเนื่อง
ถ้ามีข้อเสนอแนะอะไร ก็รบกวนบอกได้เต็มที่เลยนะครับ
นั่นสิ ตั้ง20M เยอะนะเนี้ย ไม่ถึงปีครึ่งหมดแล้วหรอ อันนี้แผนธุรกิจไม่ได้วางสโคปถึงรายได้ของบริษัทจะเข้ามาป่าว
ส่วนCloudน่าจะไม่ใช้เงินขนาดนั้นนะ(รึป่าว) และรวมค่าเช่าออฟิศ+น้ำ+ไฟ+เน็ตก็น่าจะไม่น่าสูงมาก ถ้าเริ่มต้นเล็กๆ
แล้วในทีมเขียนสคริปได้เองบ้างก็ลดคนไม่ต้องจ้างdevelopขนาดนั้น เงินเดือนแต่ละถ้า2-3หมื่นก็สูงแล้วพอค่าน้ำมัน ค่ากินใช้สบาย(สำหรับการเริ่มต้นStartup) ถ้าตั้งสวัสดิการ เงินเดือนตัวเองสูงก็หมดแน่นอน
เรื่องบัญชี ภาษี จ้างบริษัททำ(มีมากมาย)ปีหนึ่งก็หลักสองหมื่น-สามหมื่น ก็น่าจะพอได้
ส่วนเว็บ http://shopspotapp.com/index.html?time=1361886078104 ผมไม่แน่ใจว่าถ้าใช้ wordpressก็น่าจะไหว(เหมือนคล้ายๆกัน) Joomla หรือไม่ก็ Magento ก็น่าจะไม่ต้องใช้เงินสูงมากนะเหมือนกึ่งเว็บป่าวอ่ะ. ในส่วนตัวที่ผมคิดนะ20Mเยอะมากๆทำอะไรได้เยอะ.
เงินเดือน 2-3 หมื่น เอาไว้จ้างโปรแกรมเมอร์ปลายแถว เหรอครับ
หรือไม่ก็ พวกสอบ cert มาเขียนโปรแกรม ในมุมมองผมเดาว่า
8 คนที่ว่านั้นน่าจะอยู่ในฐานะหุ้นส่วนด้วย
50K-60K ถือได้ว่าอยู่ระดับแนวหน้าในไทย
แต่ยังตามตูดเด็กจบใหม่ที่สิงคโปร์
สำหรับเรื่องเงินเดือน ผมคิดว่ามีแต่พวกไม่เจ๋งเท่านั้นแหละที่จะเรียกน้อยๆ กลัวเขาไม่จ้าง
เพราะผมคิดว่า ถ้าความสามารถเขาถึงระดับที่ออกมาทำเองได้ ไม่ต้องเป็นลูกจ้าง
รายได้ต่อปี 5 แสน 6 แสน น้อยไปด้วยซ้ำ เงินแค่นี้บางคนใช้เวลาหาแค่ครึ่งปี
โปรแกรมเมอร์ไทย ควรหาคำตอบว่าความสามารถของตัวเองอยู่ระดับไหนของสากล มากกว่า
ไม่ต้องกลัวไม่มีใครจ้างถ้าเก่งจริง ถ้าผมเป็นนายจ้าง
ผมกล้าในเงินเดือนคุณ 60K ถ้าความสามารถในการทำงานของคุณทำได้มากกว่า
เด็กจบใหม่ที่เงินเดือน 20K ประมาณ 3 คนซึ่งทำโปรเจคเป็นปีไม่เสร็จซักที
และถามว่าทำไมโปรแกรมเมอร์ควรได้เงินเดือนเยอะ ? เพราะว่ามันต่างจากอาชีพนักบินไง
กลายเป็นโปรแกรมเมอร์ปลายแถวไปซะแล้ว T__T"
อ่านๆอยู่ก็เห็นด้วยครับ (แค่ตรงที่ว่ามันใจในฝีมือ) แต่โปรแกรมเมอร์ต่างกับนักบิน?? ประโยคสุดท้ายหมายถึงอะไรอ่า
สำหรับนักบินความเชี่ยวชาญของเขาเน้นไปกับเรื่องเดิมๆ
ยิ่งอยู่นานขับนานเงินเดือนยิ่งเยอะ ในช่วงชีวิตนักบินคงขับเครื่องบินไม่กี่รุ่นหรอก
สำหรับโปรแกรมเมอร์ต้องเรียนรู้ตลอด นอนหลับไปวันนี้ตื่นมากอีกวัน
สิ่งที่สั่งสมมา อาจไม่ได้ใช้เลย
ผมกำลังจะบอกว่าเทคโนโลยีในสาย IT มันเปลี่ยนเร็ว
โปรแกรมเมอร์ต้องเลือกความเชียวชาญ และลงทุนศึกษาไปกับมัน
กว่าจะเกิดความเชียวชาญจนเป็นโปรเรื่องนั้นๆได้แสนสาหัส
"ย้ำนะครับว่าเป็นโปรไม่ใช่เป็ด" และผมอยากบอกว่าสมองดีๆ
ที่พร้อมเรียนรู้อยู่ตลอดมันจะอยู่กับเราสักกี่ปีกันเชียว
ทำใมไม่จ้างเขาแพงหน่อย
เพราะไหนๆชีวิตพวกนี้สุดท้ายก็ไปจบอยู่กับ
เปิดร้านกาแฟถือว่าให้ทุนเขาไปทำจะเจ้งจะรุ่งไปลุ้นเอา
อันนี้เห็นด้วยครับ นอกจากต้องเรียนรู้ตลอดเวลาตลอดชีวิตแล้ว ในช่วงเวลาทำงานก็ต้องคิดวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลาด้วย เพราะมือเราต้องพิมพ์ตลอดเวลา ยิ่งถ้าไม่มีการดีไซน์นี่ยิ่งหนักเลย ทั้งคิด วิเคราะห์ แก้บัคตลอดทั้งวัน =_=" มันล้านะ
นี่ยังไม่นับรวม ค่าเทรนนิ่ง ค่าสอบใบ สารพัดอีก แต่ค่าจ้างนิดเดียว
ผมไม่เคยเป็นนักบินนะ แต่ผมว่าเวลาทำงานเค้าน่าจะสั้นกว่า แล้วตอนอยู่บนเครื่องก็น่าจะมีเวลาชิลเยอะกว่าโปรแกรมเมอร์อีก (Auto Pilot)
มีอาชีพอะไรอีกหละที่ต้องใช้สมองตลอดเวลาทั้งวันแบบโปรแกรมเมอร์? (ชวนคุยครับ)
จริงๆช่วงนี้มีการคุยกันเรื่องโปรแกรมเมอร์ใน Pantip ด้วยครับ ยังไงไปแสดงความเห็นกันมั้ยครับ
http://pantip.com/topic/30186572
เห็นบอกว่าชวนคุย ไม่รู้ชวนเค้าหรือเปล่าง่ะ เค้าขอแจมหน่อยนะ
สั้นๆ ว่าโปรแกรมเมอร์ต้องใช้ตรรกะ ... เท่าที่เคยคุยกับเด็กรุ่นใหม่ๆ
ตรรกะมันป่วยกันมาก ตรรกะในการใช้ชีวิตก็ป่วยครับ
เด็กฝึกงานรุ่นล่าสุด ตรรกะล้มเหลว ตีกับภาษาโปรแกรม
I need healing.
ผมว่าผมเจ๋งพอควร และผมก็ค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง
เงินเดือนผมไม่ต่างจากเด็กจบใหม่ ... เหตุผลของผมคือมันใกล้บ้าน เจ้านายดี งานมีความสุข
ของดีและถูกมีแน่นอนครับ และผมเชื่อว่าตัวเองคือของดีและถูก
และผมไม่พอใจในระดับนึงที่มีคนบอกว่า "เงินเดือน 2-3 หมื่น เอาไว้จ้างโปรแกรมเมอร์ปลายแถว"
ผมไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ปลายแถวครับ
เห็นด้วย เงินเดือนน้อยไปจริงๆ เงินเดือน 2หมื่นนี่ ผมได้ตอนจบใหม่เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว
แต่ path ของการหาเงินมากๆไม่ใช่เรื่องง่าย มีความสามารถออกมาติสมากไป หางานไม่เก่งอาจจะกินแกลบก็ได้
โอ้ววว
วัยรุ่นไฟแรง
คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เยี่ยมครับ^^
สุดยอดจริงๆ
ยินดีด้วยนะเฉื่อย :)
ยินดีด้วย
สุดยอด
ความคิดของผมมันคือเว็บขายของธรรมดาจริงๆ TT -*-
ใช่ครับ ที่นอกเหนือคือมันถูกพัฒนามาเพื่ออุปกรณ์มือถือแบบชัดเจนครับ และอีกอย่างคือเป้าหมายเค้ามองไปไกลกว่าพวก tarad หรือ inwshop หรือเจ้าอื่นๆ ครับ
ครับผม เรามองว่าเราเป็น mobile-first company เหมือน Instagram ซึ่งโฟกัสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จะเน้นให้ใช้งานง่ายเป็นหลัก โดยตั้งเป้าให้เป็น mobile shopping platform อันดับหนึ่งในเอเชียให้ได้น่ะครับ :) (สนใจแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผมได้ที่ natsakon@shopspotapp.com นะครับ)
ใช่ครับ พื้นฐานมาแบบเดียวกันแต่ simplify ให้ขั้นตอนน้อยลงและเหมาะกับ mobile ครับ
ลองดู concept คร่าวๆของแอพจากวีดีโอนี้ได้ครับ
http://www.youtube.com/watch?v=55iSk3HMZQ4
Ebay Amazon ก็เวบขายของธรรมดา
Pantip ก็แค่เวบบอร์ด
Sanook ก็แค่เวบรวมลิงค์
Blognone ก็แค่เวบข่าว
ไม่จำเป็นต้องมีอะไรซับซ้อนก็ไปได้ครับ
มานจะเหมือนเว็บ HTML5+CSS3 ป่าว ซึ่งทำในDream weaver cs6 ก็ย่อตามขนาดอุปกรณ์ได้ด้วย
เหมือนมันจะเหาะกับคนขายมากกว่าคนซื้อแฮะ
ครับผม เราเองยอมรับว่าตอนนี้ยังมีอะไรต้องปรับปรุงอีกเยอะครับ ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะครับผม :)
ยินดีด้วยครับ
อยากทราบว่า รูปแบบการสร้างรายได้ มาจากทางไหนครับ
นั้นสิสงสัยเหมือนกัน
กินหัวคิว , ค่าธรรมเนียมการชำระค่าบริการ, บริการเสริมหากต้องการฟีเจอร์เด่นๆ , โฆษณา, Premium Account ฯลฯ เพียบความจริงการทำ Software สิ่งแรกที่ควรทำคือโมเดลรายได้ ผมว่าเขาเสนอกันเรียบร้อยแล้วแหล่ะเขาถึงให้เงินทุนมา แต่อาจไม่ออกข่าวเพราะบางเรื่องเป็นเทคนิคการคิดเงินโดยที่เราไม่ได้รู้สึกอะไรรู้เฉพาะกลุ่มผู้ใช้บริการ(ผู้ขาย) แต่หลายรายเข้าก็เป็นล้าน
ของผมเขาให้ Credit มา 9 ล้าน กับคนกลุ่มนึง คิดสาระตะปีนี้น่าจะหารายได้อย่างน้อยก็ 16 ล้าน กำไรก็ ~7 ล้าน ผมว่า VC เขาคงไม่มองข้ามประเด็นสำคัญอย่างนี้หรอก
Business Model เขา define กันไว้นานและชัดเจนแล้วครับ ไม่งั้น VC ไม่ปล่อยเงินให้ง่ายๆหรอกครับ :)
แต่ของพวกนี้บางทีมันก็เป็นข้อมูลลับ สัมภาษณ์คร่าวๆแบบนี้ลงไปไม่ถึงหรอกครับ
ครับผม คงยังให้รายละเอียดที่ชัดเจนในที่นี้ไม่ได้ ยังไงคอยติดตามละกันนะครับ หรือถ้าอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสามารถเมลมาหาผมได้ที่ natsakon@shopspotapp.com เลยครับ
ดีๆ เป็นแนวทางใหม่สำหรับบ้านเรา
..: เรื่อยไป