แม้จะไม่ค่อยได้ใช้งาน แต่หลายคนก็คงมีความเชื่อว่าการสั่งงานด้วยเสียงแบบไร้สายขณะขับขี่ยานพาหนะน่าจะเป็นวิธีที่ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ดีวิธีหนึ่ง ทว่าผลการศึกษาจากองค์การขนส่งประจำรัฐเทกซัสกลับได้ผลออกมาตรงกันข้ามเสียงั้น
นาง Christian Yager เจ้าของผลการศึกษาบอกว่าเมื่อเปรียบเทียบระหว่างการส่งข้อความแบบเดิมๆ (ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอุบัติเหตุมาตลอด) กับการส่งข้อความด้วยเสียง ผลปรากฏว่าผู้ขับขี่ก็ยังมีปฏิกิริยาตอบสนองช้ากว่าเมื่อไม่ได้ใช้งานมากพอๆ กันคือเท่าตัวจากปกติ
Yager ให้เหตุผลว่าการการส่งข้อความแบบไร้สายยังคงทำให้ผู้ขับขี่ไม่มีสมาธิต่อถนนหนทาง และวิธีนี้ยังใช้เวลามากกว่าปกติ ทั้งการประมวลผลที่ช้าอยู่แล้ว ยังต้องพะวงเรื่องการแก้คำผิดอีกด้วย ในระหว่างนั้นสมองจึงจดจ่ออยู่กับข้อความที่พูดออกไปมากกว่าสนใจถนนนั่นเอง
ที่มา - Reuters
Comments
เมื่อวานกะจะเขียนอยู่พอดีเลย เพิ่มแท็ก Safety ด้วยครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ยังไงก็ต้องมองจออยู่ดีว่ามันพิมพ์ให้ผิดรึเปล่า
แล้วส่งเป็น voice ไปเลยล่ะ?
สงสัยว่าเค้าศึกษากันยังไงนะ?
แล้วยังสงสัยว่า การส่งข้อความด้วยเสียงนี่ใช้สมาธิมากกว่าคุยกับคนที่นั่งอยู่บนรถด้วยกันหรือเปล่าหนอ?
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
คุยกับคนบนรถด้วยกันน่าจะใช้สมาธิน้อยกว่านะครับผมว่า
แต่ถ้าพูดเพื่อให้แปลงเป็นข้อความ มันพะวงว่าแปลถูกตามที่พูดรึเปล่า เหมือนในข่าวจริงๆ ครับ (ทุกวันนี้เลิกใช้ไปแล้วเพราะสำเนียงตัวเองไม่ชัด T_T)
Dream high, work hard.
ตรงนี้อาจจะลามไปถึงเรื่องของความปลอดภัยจากการใช้ Google Glass
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.