ผมมาร่วมงาน TechEd Europe 2013 งานรวมแอดมินองค์กรสายไมโครซอฟท์ ซึ่งไมโครซอฟท์ใช้เป็นเวทีเปิดตัวผลิตภัณฑ์สายเซิร์ฟเวอร์ชุดใหญ่ (รวมถึง SQL Server 2014 ที่เขียนไปแล้ว)
ภาพรวมของงานกล่าวถึงวิสัยทัศน์ "Cloud OS" ของไมโครซอฟท์ ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์สายเซิร์ฟเวอร์องค์กร ที่ทำงานได้เหมือนกันทุกประการไม่ว่าจะรันบนเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร, กลุ่มเมฆของไมโครซอฟท์ หรือกลุ่มเมฆของผู้ให้บริการรายอื่นๆ
สิ่งที่ไมโครซอฟท์พูดถึงในงานมี 4 มิติที่ประกอบกันเป็น Cloud OS ตามภาพด้านล่าง
เริ่มจากประการแรกคือ "คน" ซึ่งหมายถึงระบบไอทียุคใหม่ที่ผู้ใช้งานมีอุปกรณ์หลากหลาย ต้องหาโซลูชันมาบริหารงานไอทีภายในองค์กรที่ตอบสนองทิศทางนี้
ถัดมาคือแอพพลิเคชันองค์กร ก็ต้องปรับตัวให้มีกระบวนการพัฒนาที่รวดเร็วฉับไวขึ้น ซึ่งไมโครซอฟท์ออก Visual Studio 2013 และ Team Foundation Services 2013 ที่เน้นการทำงานร่วมกันของนักพัฒนาแอพมากขึ้น
อย่างที่สามคือการทำงานกับข้อมูลจำนวนมหาศาลในโลกยุคปัจจุบัน ฟากหนึ่งไมโครซอฟท์ปรับปรุง SQL Server 2014 ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น ในอีกฟากหนึ่งก็มีพวก Hadoop/Big Data รวมถึงเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลบน Excel ที่ผู้ใช้จำนวนมากคุ้นเคยอยู่แล้ว เรียกได้ว่าข้อมูลจะมาระดับไหน ไมโครซอฟท์รับมือได้ทั้งหมด (แต่ไม่พูดถึง Access เลย :)
อย่างสุดท้ายคืออนาคตของศูนย์ข้อมูล ซึ่งไมโครซอฟท์สนใจทั้งเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร (on premise) และกลุ่มเมฆ (Azure)
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เปิดตัวในงาน แยกตามมิติทั้ง 4 ได้ตามภาพ
โพสต์นี้ขอเน้นไปที่ Azure (ซึ่งดูจะเป็นอนาคตของไมโครซอฟท์สายเซิร์ฟเวอร์ไปแล้ว) ก่อนนะครับ เริ่มจากแผนที่แสดงที่ตั้งศูนย์ข้อมูลของ Azure รวมถึงหน่วยงานให้บริการทั่วโลก (ไมโครซอฟท์ยังคุยว่าเป็นบริษัทระดับโลกรายแรกที่เปิดศูนย์ข้อมูลในจีนได้สำเร็จ)
ฟีเจอร์ใหม่ของ Azure คือ instance แบบใหม่ที่นำเอา Windows Server และ System Center ไปรันบน Azure ได้แบบสำเร็จรูป
ไมโครซอฟท์เรียกมันว่า "Virtual Machine Role" มีซอฟต์แวร์พรีโหลดให้พร้อมใช้ดังภาพ
ผู้ใช้สามารถสเกลจำนวนเครื่องที่รันได้ง่ายๆ โดยใช้ slider ลากตามจำนวนเครื่องที่ต้องการ ที่เหลือไมโครซอฟท์จัดการให้เสร็จสรรพ (ภาพด้านล่างเป็นตัวอย่างของ Role แบบ IIS พร้อมรายงานสถานะ)
ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างของ Azure คือ Recovery Manager หรือตัวช่วยย้ายศูนย์ข้อมูลในกรณีเกิดปัญหาหรือภัยพิบัติ กดย้ายได้จากหน้าเว็บแบบง่ายๆ เลย
การย้ายไม่ใช่ว่าย้ายกันดื้อๆ แบบลูกทุ่งๆ แต่มีเรื่องแผนการย้ายศูนย์ข้อมูล (recovery plan) ให้เราวางแผนเป็นลำดับขั้นด้วยว่า ไซต์ไหนตายแล้วต้องย้ายไปไซต์ไหนต่อ ลำดับเป็นอย่างไร ยืนยันทางเลือกการตัดสินใจอย่างไร
คนของไมโครซอฟท์ยังบอกด้วยว่าฟีเจอร์ Recovery Manager ใช้งานผ่านมือถือได้ด้วย (เรียกเสียงปรบมือลั่นงาน) แต่ไม่ได้โชว์ให้ดู และไม่ได้บอกว่ามือถือแพลตฟอร์มใดบ้างที่ใช้งานได้
ผมจะทยอยรายงานข่าวของงาน TechEd Europe เรื่อยๆ ตามที่โอกาสอำนวยและประเด็นน่าสนใจครับ
Comments
ตื่นเต้นดีแต่ชาตินี้คงไม่ได้ใช้
"ชาติ"นี้คงไม่ได้ใช้ ...ไม่รู้ว่าชาตินี้คือประเทศไทยหรือเปล่านะ
Cloud OS ครับ
รู้สึกเหมือน Link รูปจะเสียหมดทั้งข่าว
อ่านเป็น Chrome OS ผิดไปไกลเลย
ผมเห็นรูปตามปรกตินะครับ
...ในขณะที่บางบริษัทยังใช้ 2003 และยังไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยน
diskless นี่ถือเป็น mini cloud os ได้ป่าว
Azure ออกเสียงว่าอะไรครับ
Microsoft เค้าบอกว่าแล้วแต่ครับ บางประเทศ อ่านว่า "อสุรี"(อินเดีย) แถบ America อ่าน "อะชัว" บ้าง "อะซัว" บ้าง แต่ที่ผมได้ยินบ่อยๆ จะออกเสัย "อะชัว" ครับ
จากที่คุยกับคน Microsoft Thailand อ่าน อาชัวร์ ครับ (ในวิดีโอ Official ดันใช้ แอชเชอร์)
จริงอ่าน อาซัว แต่ผมชอบอ่านว่า อะซุเระ แบบญี่ปุ่นสไตล์ ฮ่าๆๆๆๆ
อ็อกซ์ฟอร์ด อ่านว่า แอช'เชอะ หรือเปล่าหว่า...อิ อิ
รูปหาย
คนไมโครซอฟต์ออกเสียง
อะ ซัว
ครับ
แต่จะออกเสียงว่า อาเฌอ ก็ได้ครับ
ลองฟังเสียงคนจริง ๆ ดูครับ
http://th.forvo.com/word/azure/
เหมือนฝั่งสหราชอาณาจักร จะออกเสียงว่า อะซัว
แต่ฝั่งอเมริกา ออกเสีย อาเฌอ
สงสัยอนาคตจะเลิกทำ Access