กทค. มีมติสั่งให้ DTAC คืนค่าบริการให้แก่ผู้ใช้บริการรายหนึ่งที่ร้องเรียนมายังกสทช. ว่า DTAC เก็บค่าบริการเกิน 99 สตางค์ ตามประกาศของกสทช. พร้อมกับดอกเบี้ยร้อยละ 15 ในส่วนที่เกินมานั้น
ปัญหาคือมตินี้ สั่งเป็นกรณีเฉพาะของผู้ใช้รายเดียวเท่านั้น ไม่ได้สั่งเป็นกรณีทั่วไป ทำให้ผู้ใช้คนอื่นๆ ที่ถูกเก็บค่าบริการเกินเหมือนกัน จะต้องส่งเรื่องเข้าไปยังกทค. ให้พิจารณาเป็นคนๆ ไปทุกคน แม้จะมีบรรทัดฐานไว้ก่อนหน้า แต่รูปแบบการตัดสินแบบนี้ก็น่าจะทำให้ผู้ใช้จำนวนมากไม่ใส่ใจที่จะมาร้องเรียนกัน
ในประเด็นนี้ กสทช. ประวิทย์ ออกมาเชิญชวนให้ผู้บริโภครายอื่นๆ ส่งเรื่องร้องเรียนเข้าไปยังกสทช. เพื่อให้มีการพิจารณาในรูปแบบเดียวกัน และทางฝั่งในสำนักงานเองตอนนี้ก็มีเรื่องอยู่แล้วอีกเกือบ 130 เรื่อง
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
กทค. ชี้ DTAC ผิด เก็บค่าโทรเกิน 99 สตางค์ สั่งคืนเงินส่วนเกินให้ผู้บริโภคพร้อมดอกเบี้ย
คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) พิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีเก็บค่าโทรมือถือเกิน 99 สตางค์รายแรกแล้ว สั่ง DTAC ต้องคืนเงินส่วนที่เก็บเกินให้ผู้บริโภคพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 แต่ยังไม่ยอมให้มีมาตรการเยียวยาเป็นการทั่วไป ส่งผลให้ผู้บริโภคที่ประสบปัญหายังต้องร้องเรียน จึงจะได้เงินคืน
นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เปิดเผยถึงผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภคโดยที่ประชุม กทค. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมได้วางบรรทัดฐานต่อกรณีการคิดค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 2G ในอัตราที่เกินกว่า 99 สตางค์ แล้วว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย นั่นคือประกาศ กสทช. เรื่อง อัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ. 2555 ดังนั้นจึงมีมติให้ผู้ให้บริการต้องคืนเงินส่วนที่เก็บเกินไปนั้นให้แก่ผู้บริโภคที่ร้องเรียน โดยจะต้องจ่ายดอกเบี้ยของเงินส่วนเกินนั้นด้วย ในอัตราร้อยละ 15 ตามอัตราที่บริษัทเรียกเก็บจากผู้บริโภคในกรณีที่ชำระค่าบริการล่าช้า
“มตินี้เป็นการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ร้องเพียงรายเดียว ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการของดีแทค แต่จากกรณีเดียวนี้ก็เป็นบรรทัดฐานว่า ผู้ให้บริการทุกรายที่มีหน้าที่ตามประกาศเรื่องอัตราขั้นสูงนั้น หากมีการเรียกเก็บเงินเกินกว่าอัตราที่ประกาศกำหนด แล้วผู้บริโภคมีการร้องเรียนเข้ามา ก็จะต้องถูกสั่งให้คืนเงินที่เก็บเกินไปนั้นพร้อมดอกเบี้ยเช่นเดียวกันทุกๆ ราย”
นายประวิทย์กล่าวต่อไปด้วยว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ กทค. ไม่ยอมมีมติสั่งเป็นการทั่วไปในเรื่องดังกล่าว ทั้งๆ ที่ทางผู้ร้องเรียนรายนี้ก็มีคำร้องขอในประเด็นดังกล่าวด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคที่ประสบปัญหาไม่จำเป็นต้องมาร้องเรียนกันทุกคน และ กทค. ก็ไม่ต้องพิจารณาเรื่องร้องเรียนเป็นกรณีๆ ไป โดยถ้า กทค. มีมติออกมา สำนักงาน กสทช. ก็จะสามารถสั่งการให้บริษัทที่คิดค่าบริการเกินดำเนินการคืนเงินแก่ผู้ใช้บริการทั้งหมด
นอกจากนี้ยังปรากฏด้วยว่า สำนักงาน กสทช. มีการเสนออีกวาระหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกันให้ กทค. พิจารณา นั่นคือ เรื่องมาตรการเยียวยาผู้ร้องเรียนกรณีถูกคิดค่าบริการเกินอัตราขั้นสูงฯ ซึ่งมีข้อเสนอประกอบด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญ 2 ประการคือ 1)ให้ผู้ร้องเรียนมีสิทธิชำระค่าบริการเฉพาะส่วนที่เห็นว่าไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด (99 สตางค์) ได้ 2) เมื่อมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้ว หากพบว่าไม่เป็นการเรียกเก็บเกินอัตรา ก็ให้มีสิทธิเก็บเงินต่อไปได้ แต่ถ้าเป็นการเรียกเก็บเกิน ก็ต้องคืนเงินส่วนต่างพร้อมดอกเบี้ยให้แก่ผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตาม กทค. ไม่ได้พิจารณาวาระดังกล่าว เนื่องจากทางส่วนงานเจ้าของเรื่องได้ขอถอนข้อเสนอออกไปเพื่อปรับปรุงใหม่ หลังจากพบว่า ในการแสดงความเห็นชั้นกลั่นกรองเรื่องก่อนบรรจุวาระ กทค. ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่เสนอ
“มีผมที่เห็นด้วยกับข้อเสนอของสำนักงาน โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ข้อ 1) เพราะรู้ว่าเรื่องการไม่ยอมรับชำระเงินบางจำนวนนั้นเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ผู้บริโภคถูกต้อนเข้าตาจนในที่สุด กล่าวคือ เมื่อมีปัญหาการโต้แย้งเรื่องค่าบริการบางส่วน โดยทั่วไปแล้วผู้บริโภคเพียงไม่อยากจ่ายค่าบริการส่วนที่ยังมีข้อติดใจหรือข้องใจ และพร้อมจ่ายค่าบริการส่วนที่ไม่มีปัญหา แต่ที่ผ่านมาก็ทำไม่ได้ เพราะผู้ให้บริการหรือบริษัทจะยอมรับชำระยอดเต็มเท่านั้น ผู้บริโภคจึงเลือกไม่ชำระ และพอครบสองรอบบิล บริษัทก็ใช้สิทธิตามกฎหมายระงับหรือตัดบริการของผู้บริโภค เท่ากับบังคับผู้บริโภคให้เลิกโต้แย้งโดยปริยาย เพื่อแลกกับการได้ใช้บริการ ดังนั้นข้อเสนอของสำนักงาน กสทช. ในข้อแรกจึงนับว่ามาถูกทาง ส่วนข้อ 2) ก็เป็นหลักที่ถูกต้อง ซึ่งผมเสนอด้วยซ้ำว่า ควรกำหนดเป็นมาตรการทั่วไป ไม่ใช่ใช้กับคนที่มาร้องเรียนเท่านั้น แต่เนื่องจาก กทค. ท่านอื่นๆ เห็นว่าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนนั้นจำเป็นต้องดูเป็นกรณีๆ ไป เพราะข้อเท็จจริงแต่ละกรณีมีความแตกต่างกัน ความจริงเหตุผลนี้ผมก็ไม่เถียง แต่ก็เห็นว่ามาตรการที่เสนอนั้นก็มีเงื่อนไขเฉพาะ ไม่ได้ครอบคลุมจนกว้างไปหมด ก็เลยเสียดายที่ยังต้องให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายเริ่มต้นร้องเรียนเข้ามา ซึ่งผมก็อยากชักชวนนะครับ เพื่อที่จะได้รับการคุ้มครองในบรรทัดฐานเดียวกันกับกรณีที่ กทค. พิจารณาแล้ว ขณะเดียวกันผมก็แจ้งให้สำนักงานเร่งรัดเสนอเรื่องร้องเรียนกรณีค่าบริการเกิน 99 สตางค์รายอื่นๆ เข้ามาด้วย เพราะทราบว่ามีอีกเกือบ 130 เรื่อง” กสทช. ประวิทย์กล่าวในที่สุด
Comments
อืม ... รวมๆ เศษสตางค์ส่วนเกินอีกสักสิบปีนี่ -..-'
my blog
รายหนึ่งที่ร้งเรียน > รายหนึ่งที่ร้องเรียน
ร้องเรียนต้องทำเรื่องวุ่นวาย คอลเซนเตอร์เขาก็แจ้งแล้วทำไมไม่รวบรวมเรื่งไปจัดการ ดีแทคก็ชอบหักเงินมั่ว หลายครั้งแล้ว
เสือกระดาษกำลังเกา
เสือมันใหญ่ไปครับ ใช้แมวกระดาษดีกว่า
อืมมม พร้อมดอกเบี้ย งั้นดองเรื่องไว้นาน ๆ แล้วค่อยฟ้องดีกว่าสินะครับ
15% ต่อปีนะครับ เมื่อไหร่จะรวยอ่ะ
เมื่อทำค่าโทรส่วนเกินได้ยอดสักหมื่นล้านบาทครับ :D
เอาใว้ค่อยมาอ่อนดีกว่า - - เดี๋ยวไปทำงานมิทัน
ถ้าอย่างงั้นถ้าทุกคนไปร้องเรียน จาก 130 เรื่อง จะเป็นเป็น 20,000,000 เรื่องทันที
ทำไมไม่ไปจัดการ dtac ตัวเดียวเลยล่ะ
ต้องไปร้องเรียนที่นี่รึเปล่าครับ http://1200.nbtc.go.th/1200/
(แต่พอเข้าด้วย google chrome บอกเว็บติดมัลแวร์ - -)
เคสที่ห้ามเกิน 99 สตางค์นี่คือทุกกรณีรึเปล่าครับ ถ้าอย่างนั้นเราร้องเรียนว่าทางบริษัทมีโปรโมชันที่เก็บเกิน 99 สตางค์แทนได้รึเปล่าครับ (เช่น นาทีแรกที่เห็นจะเกินตลอด)
ทำยังไงจะได้ทำมั่ง
ผมยังไม่เข้าใจโปรของตัวเองทุกวันนี้เลยว่ามันคิดยังไง ควรร้องเรียนรึเปล่า
เดือนละ 600 บาท โทรฟรีในเครือข่าย (ครั้งละไม่เกิน 60 นาที ส่วนเกินคิด 1 บาท)
นอกเครือข่ายนาทีละ 1 บาท
Net unlimited ใช้ 3G ได้ 3GB FUP 384 kb/s ทั้งหมดยังไม่รวม Vat
เฉลี่ยนจ่ายเดือนละ 900 บาท
ถามว่า
จำนวนเงินที่คิดเป็นจำนวนปรับ คิดจากจำนวนนาทีที่เคยใช้ไปตั้งแต่ออกกฎหมาย หรือเริ่มคิดจากบิลที่มีความประสงค์ที่จะตรวจสอบว่าทางผู้บริการคิดเกินหรือไม่
โดยส่วนตัวผมคิดเรื่องนี้มาเป็นพักๆตามกระแส พอนานๆไปก็ลืม (สมกับเป็นคนไทยจริงๆ)
ชื่นชมคนที่กล้าร้องเรืยนครับ
จะว่าไปโปรรายเดือนผม ถ้าโทรเกินโปรมันก็คิด 1.50 บาทอยู่นะ แบบนี้ก็คงร้องเรียนได้สินะ
แล้ว happy one-2-call นาทีแรก 1.8 บาท 3 บาท 2 บาท นี่ผิดกฏหมายมั้ยครับ
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
ถ้าผู้ให้บริการรับผิดชอบและจริงใจ ข่าวออกมาแบบนี้ทั้งทีแล้ว คืนเงินให้ลูกค้าทุกคนพร้อมทั้งปรับราคาใหม่ให้ถูกต้องก็จะได้จบๆ ไป ภาพลักษณ์จะได้ดีขึ้นจากที่แย่มามากพอแล้ว
แต่คงจะยากนะสำหรับดีแทคยุคมืดบอดนี่
อยากเห็น แบ็งค์ชาติ ทำแบบนี้กับธนาคารทั้งหลายจัง เพราะตุกติกมากมาย แต่ก็ปล่อยให้เอาเปรียบประชาชนไปเรื่อยๆ น่าจะให้ กสทช ไปคุมแบ็งค์ชาติอีกทีก็ดีนะ :P
ของผมนาทีละบาท แต่มี vat 7 % ด้วย เหอะๆ รวมๆแล้ว 1.07 บาท -*-