The Washington Post รายงานถึงเอกสารของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้มาจาก Edward Snowden แสดงงบประมาณด้านข่าวกรองโดยรวมจากทุกหน่วยงานของสหรัฐฯ รวมเป็นเงิน 52,600 ล้านดอลลาร์ โดยงบประมาณส่วนนี้เป็นความลับทั้งหมด การเปิดเผยครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่าการใช้เงินเป็นอย่างไร แม้จะเป็นแค่ระดับกว้างๆ
นับแต่ปี 2004 งบประมาณ 5 หน่วยงานที่ใช้งบประมารข่าวกรองนี้มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆหน่วยงานเช่น CIA และ NSA นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา งบประมาณแบ่งออกเป็น 5 หมวดได้แก่
ในบรรดาตัวเลขเหล่านี้ มีจำนวนพนักงานอยู่ในโครงการ Consolidated Cryptologic สำหรับการดักฟังและการถอดรหัสจำนวน 35,000 คน โครงการหนึ่งเช่น CLANSIG ที่เป็นโครงการร่วมระหว่าง NSA และ CIA เพื่อสร้างระบบดักฟังการสื่อสารทั้งวิทยุและโทรศัพท์ในพื้นที่เป็นศัตรูกับสหรัฐฯ
ทาง The Washington Post ได้โพสกราฟิกสรุปเอกสารนี้ รวมถึงยกเอกสารบางส่วนมาไว้ในเว็บแล้ว
ที่มา - The Washington Post
Comments
ทำให้เราเห็นว่ากฎ....?
ผมไม่เห็นว่าเนื้อข่าวเกี่ยวกับ Snowden ตรงไหนเลย หรือผมอ่านตรงไหนผิดไปรึเปล่าหว่า
เอกสารที่หลุดมา มาจากโนวเด้นคุง
Seeder
ประเทศอเมริกา ดูในหนัง เหมือนเรารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่แรกว่าประเทศเขาดักฟังมานานแล้ว อาจจะยุคที่เริ่มมีโทรศัพท์เลยมั้ง
เห็นคำผิดนิดหนึ่งครับ งบประมารข่าวกรอง --> งบประมาณข่าวกรอง
สหรัฐ นี่ยิ่งขุดยิ่งลึกยิ่งเละ
Person of Interest
Enemy of the (United)States, Hero of the world >> Edward Snowden
ชีวิตตอนนี้เป็นไงบ้างไม่รู้ เปลี่ยนชื่อแซ่มาอยู่บ้านผมก็ได้นะว่างอยู่ อิ อิ
แปลก หนังสมัยนี้ก็ยัดรูปแบบการดักฟัง เข้าถึงข้อมูลคนอื่น การจำกัดสิทธิ์ จนมองว่าธรรมดาไปแล้ว หรือว่านี่คือแผน
ในยุคสงคราม (โลกครั้ง 1,2 สงครามเย็น) การดักฟัง "ชาติอื่น" เป็นเรื่องปกติครับ หนังสมัยก่อนหรือสมัยนี้การดักฟังไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดทั้งสิ้น คนสหรัฐฯ ก็รับรู้กันพอสมควร
ปัญหาคือในยุคอินเทอร์เน็ต เมื่อเห็นการเชื่อมต่อเข้าหรือออกประเทศ จะบอกอย่างไรว่าเป็นการเชื่อมต่อของคนในประเทศ (ซึ่งการดักฟังต้องการกระบวนการปกติ)
รายงานหลังๆ ที่ตื่นตัวกัน คือ สหรัฐฯ ใช้นโยบาย "ไม่รู้ถือว่าไม่ใช่ (พลเมือง)" ถ้ามีข้อสงสัยว่าเป็นการเชื่อมต่อจากคนชาติอื่น เช่นเชื่อมต่อเข้าหรือออกนอกประเทศ ไม่มีข้อมูลตัวตนชัดเจน ผ่าน TOR ฯลฯ ก็ให้ถือว่าเป็นคนต่างชาติได้เลย
พอเป็นแบบนี้เลยเริ่มมีปัญหา (กับคนสหรัฐฯ) มันไม่เหมือนโทรศัพท์ที่แอบไปตั้งศูนย์ดักฟังนอกประเทศสักที่ ซึ่งโอกาสดักฟังพลเมืองเองมันต่ำ รูปแบบปัจจุบันมันเป็นทำให้เจ้าหน้าที่ตีมึนๆ ว่าไม่รู้ว่าเป็นพลเมืองสหรัฐฯ หรือไม่ก็ดักฟังได้เหมือนกัน
lewcpe.com, @wasonliw