Tags:
Node Thumbnail

หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศข่าวใหญ่ซื้อกิจการโนเกียไปเมื่อวานนี้ หุ้นของโนเกียในตลาดหลักทรัพย์ฟินแลนด์ก็ดีดตัวต้อนรับข่าวดีทันที โดยราคาหุ้นวันก่อนประกาศข่าวอยู่ที่ 2.96 ยูโร พอเปิดตลาดเมื่อวานนี้ก็ขึ้นมาที่ 4.36 ยูโรทันที (เพิ่ม 47%) ก่อนจะปิดตลาดด้วยราคา 3.97 ยูโร (เพิ่มจากราคาปิดวันก่อนประมาณ 34%)

ส่วนราคาหุ้นโนเกียวันนี้ยังคงอยู่ที่ระดับ 4 ยูโร ไม่เปลี่ยนจากเมื่อวานมากนัก (ราคายังไม่ปิดตลาดนะครับ - กราฟหุ้นโนเกีย)

ในทางกลับกัน หุ้นไมโครซอฟท์ในตลาด NASDAQ หลังประกาศข่าวขายกิจการกลับลดลงเล็กน้อย โดยราคาปิดวันก่อนหน้าคือ 33.39 ดอลลาร์ พอเปิดตลาดในวันใหม่ตกลงมาที่ 31.81 ดอลลาร์ และปิดตลาดที่ 31.86 ดอลลาร์ต่อหุ้น (กราฟหุ้นไมโครซอฟท์)

ที่มา - TechCrunch

Get latest news from Blognone

Comments

By: 0FFiiz
Windows PhoneAndroidWindows
on 4 September 2013 - 18:35 #620033
0FFiiz's picture

หุ้น MS ควรจะเพิ่มมิใช่รึ O_O!!
ผมไม่เคยเข้าใจเรื่องนี้เลย T_T

By: underhill
iPhoneWindows PhoneWindows
on 4 September 2013 - 18:45 #620041 Reply to:620033
underhill's picture

เพราะในระยะสั้น Nokia ได้ Cash Flows เพิ่ม แต่ Microsoft เสีย Cash Flows ไงครับ และราคาหุ้นในระยะสั้นก็ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของงบการเงินในระยะสั้นเช่นกัน ระยะยาวขึ้นกับผลประกอบการครับ

By: bozzini
ContributoriPhone
on 4 September 2013 - 18:57 #620047 Reply to:620033

ประเด็นก็คือในเชิงการลงทุนสำหรับนักเก็งกำไร/นักลงทุนระยะกลางแล้ว ประเด็นนี้ถูกต้องแล้วครับ เมื่อวันก่อนหุ้น Nokia พุ่ง จาก 2.96 ยูโรต่อหุ้นวันก่อนหน้า ไปปิดที่ 3.97 ยูโรต่อหุ้นหรือ +34% ในขณะที่ Microsoft เมื่อวานปิด -4.55% จากวันก่อนหน้า

ประเด็นในเรื่องนี้ก็คือ การที่ Microsoft ซื้อกิจการของ Nokia ด้วยวงเงินกว่า 5.44 พันล้านยูโร (7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการซื้อครั้งนี้ประกอบด้วย 3.79 พันล้านยูโรสำหรับ Nokia's Devices Division และ 1.65 ล้านยูโรสำหรับสิทธิบัตรต่างๆ (Patents)

แตกต่างจากการซื้อขายบริษัทที่เป็นการครอบงำกิจการตรงที่ว่า หาก Microsoft ต้องการ "ครอบงำกิจการ" ของ Nokia นั้น Microsoft ก็จะต้องซื้อ "หุ้น" ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของ Nokia เพื่อให้มีสิทธิ์ออกเสียงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ผู้มีอำนาจเต็ม พูดง่ายๆคือ เมื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีส่วนได้เสียของกิจการ ก็สามารถจัดตั้งคณะกรรมการบริษัทได้ (แต่งตั้งบอร์ดได้) เมื่อแต่งตั้งบอร์ด บอร์ดก็สามารถเลือกคัดสรร แต่งตั้งผู้บริหารบริษัทใครก็ได้ (เช่นไล่ออก CEO คนเก่าออก แล้วแต่งตั้ง CEO ใหม่เป็นคนของตัวเองได้เป็นต้น)

ในกรณีที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการที่ Microsoft "จ่ายเงิน" เพื่อซื้อกิจการของ Nokia โดยไม่ได้ ซื้อ Nokia พอเข้าใจไหมครับ ประเด็นก็คือ Microsoft จ่ายเงิน 5.44 พันล้านยูโรให้บริษัท Nokia โดยไม่ได้แตะต้องหุ้นของ Nokia เลย หรือเป็นการซื้อเฉพาะฝ่าย เฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Nokia ดังนั้นเท่ากับว่า Microsoft โอนเงินเข้าบัญชีของบริษัท Nokia เพื่อแลกกับการที่ Nokia ขายบางส่วนของบริษัทให้กับ Microsoft ออกไป แล้ว Nokia ก็ได้เงินเป็นก้อนใหญ่มหึมา 5.44 พันล้านยูโร (ประมาณ 2 แสนล้านบาท) มาเข้าบริษัท หลังจากนั้น Nokia ก็สามารถจ่ายเงินปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้นทั่วไปได้ครับ

Nokia สามารถจ่ายปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้นได้สูงสุดถึง 1.44 ยูโรต่อหุ้น (เมื่อวันก่อนราคาจึงดีดตัวขึ้นมากว่า 1 ยูโรต่อหุ้นไงครับ) แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยความน่ากังวลในข้อที่ว่า Nokia จะไม่เหลือความสามารถอะไรในตัวเองอีกต่อไปแล้ว เพราะในเมื่อตัวเองผลิตมือถือ และไม่มีสิทธิบัตรในมือ ก็เท่ากับว่า Nokia อาจต้องไปประกอบธุรกิจอื่นๆ (ที่อาจจะแหวกแนวไปเลยเช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือเทคโนโลยีอะไรอื่นๆ)

ในขณะเดียวกัน Microsoft ก็ต้องร่วงลงมาตามปกติด้วยเหตุผลที่ว่าบริษัทได้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อไปซื้อกิจการ ดังนั้นเงินจำนวนที่ถูกจ่ายออกไป ส่วนผู้ถือหุ้นก็ต้องลดลงไปด้วย พูดให้ง่ายกว่านั้นคือ เงินสดของ Microsoft จะต้องลดลง ซึ่งอาจเป็นเงินสดที่จะต้องไปลดส่วนที่จะต้องจ่ายปันผลงวดต่อไปให้แก่ผู้ถือหุ้น Microsoft ดังนั้น Microsoft จึงต้องมีโอกาสที่ราคาจะร่วงลงในระยะสั้น และในส่วนที่ Microsoft ไปซื้อกิจการมานั้น ทางนักลงทุน และนักวิเคราะห์ก็ยังไม่ได้ปรับราคาเป้าหมาย หรือคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือประการใด ดังนั้นอนาคตในส่วนนี้ของ Microsoft จึงยังดูเสี่ยง เพราะไปซื้อกิจการมาซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปสู้กับ Apple หรือ Google ได้มากน้อยแค่ไหน

ประเด็นของเรื่องการลงทุนก็เป็นเช่นนี้ครับ ในการลงทุนเรามองแค่ว่า ใครเสียเงินให้ใคร และจะหาเงิน หรือผลกำไรได้จากตรงไหนแค่นั้นแหละครับ หุ้นเทคโนโลยี นักลงทุนจำนวนไม่มากนักที่ถือยาวครับ ส่วนมากมักเป็นหุ้นที่เล่นไปตามกระแสบางช่วง เพราะมันเป็นกิจการที่มีการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ได้ง่ายเหลือเกิน

By: SaMzAn
Windows PhoneWindows
on 4 September 2013 - 19:03 #620056 Reply to:620047
SaMzAn's picture

อธิบายเข้าใจง่ายดีครับ

ขอบคุณ ได้ความรู้เยอะดี ^^

By: Ford AntiTrust
ContributorAndroidBlackberryUbuntu
on 4 September 2013 - 19:11 #620061 Reply to:620047
Ford AntiTrust's picture

+1

By: FreeS
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 4 September 2013 - 19:41 #620092 Reply to:620047

ถ้าอย่างงั้นโนเกียร์ก็มีแต่เสียกับเสียสิ ถ้าไม่ทำมือถือแล้วจะไปทำอะไร ในเมื่อเป็นแบรนมือถือ

By: Kurozaku
Windows PhoneAndroidWindows
on 4 September 2013 - 20:02 #620106 Reply to:620092

เค้าก็บอกแล้วนี่ครับ โนเกียไม่ได้ทำแค่มือถือ ตัดพนักงานออกไปสามหมื่นกว่า ก็ยังเหลืออีกกว่าห้าหมื่น

By: 0FFiiz
Windows PhoneAndroidWindows
on 4 September 2013 - 20:51 #620124 Reply to:620047
0FFiiz's picture

อื้อหือ ชัดเจนครับ
ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ ^^

By: Jaddngow
AndroidUbuntuWindows
on 4 September 2013 - 21:25 #620149 Reply to:620047
Jaddngow's picture

ขอบคุณครับ อยากรู้อยู่พอดี ขัดกับความรู้สึกตัวเอง

By: Jonathan_Job
WriteriPhoneUbuntuWindows
on 4 September 2013 - 22:52 #620199 Reply to:620047
Jonathan_Job's picture

Nokia ไม่ได้ขายสิทธิบัตรครับ เพราะเจ้าตัวยังคงความเป็นเจ้าของอยู่ เพียงแต่ให้สิทธิการใช้งานกับ Microsoft 10 ปี เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าเงื่อนไขการใช้งานกำหนดให้ MS ใช้งานได้คนเดียวหรือเปล่า นั่นอีกเรื่อง

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 4 September 2013 - 18:44 #620039
hisoft's picture

โห คนถือโนเกียอยู่สบายเลย

By: nonarav
ContributorAndroid
on 4 September 2013 - 23:06 #620214
nonarav's picture

ดูกราฟโนเกียแบบ 10 ปี ผู้ถือหุ้นที่เคยถืออยู่ตั้งแต่ปี 2007 คงชอกช้ำระกำทรวงมากๆ
จากราคาเกือบๆ 30 ยูโร ... ปัจจุบันตกมาเหลือประมาณ 4 ยูโร

By: zephythor
iPhoneAndroidRed HatWindows
on 5 September 2013 - 00:30 #620291

ตลาดบ้านเค้าไม่มี Celling เหมือนบ้านเราเหรอเนี่ย