ของใหม่ที่สำคัญอีกอย่างของ iPhone 5S/5C คือการรองรับคลื่น LTE ของโอเปอเรเตอร์ทั่วโลกที่ดันใช้ย่านความถี่แตกต่างหลากหลายกันมาก ซึ่ง iPhone 5S/5C รองรับย่านความถี่เพิ่มขึ้นเป็น 17 ย่าน แต่ก็ต้องแบ่งเป็น 4 รุ่นย่อยเพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานทั้งโลกครับ
ย่านความถี่ยืนพื้นที่รองรับในทุกรุ่นย่อยคือ 1 (2100 MHz) 2 (1900 MHz) 3 (1800 MHz) 5 (850 MHz) 8 (900 MHz)
ส่วนที่เหลือต่างกันตามรุ่นย่อย
- iPhone 5c (Model A1532), iPhone 5s (Model A1533) เพิ่มย่าน AWS, 700, 800, 1900 เข้ามา อธิบายง่ายๆ ว่า LTE ของโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ในอเมริกา 3 รายคือ AT&T, Verizon, T-Mobile
- iPhone 5c (Model A1456), iPhone 5s (Model A1453) เพิ่มย่าน AWS, 700, 800, 1900 เข้ามา โดยรองรับย่าน 800 ถึง 4 แบบ (แบนด์ 18, 19, 20, 26) ใช้ได้กับ Sprint และโอเปอเรเตอร์ฝั่งญี่ปุ่นทั้ง 3 ราย
- iPhone 5c (Model A1507), iPhone 5s (Model A1457) เพิ่มย่าน 2600 เข้ามา ใช้กับโอเปอเรเตอร์ฝั่งยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ
- iPhone 5c (Model A1529), iPhone 5s (Model A1530) เพิ่มย่าน 1900, 2300, 2600 เข้ามา ใช้กับโอเปอเรเตอร์ฝั่งเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย
ผมเข้าใจว่ากรณีของบ้านเรา (TrueMove H) ที่ใช้คลื่น 2100MHz ทำ LTE (Band 1) คงไม่มีปัญหาเพราะใช้ได้กับทุกรุ่น แต่เครื่องที่น่าจะนำเข้ามาขายน่าจะเป็นล็อตเดียวกับเครื่องฝั่งเอเชีย A1529/A1530 ครับ
ข้อมูลย่านความถี่ LTE แบบละเอียด อ่านกันตามลิงก์ที่มา
ที่มา - Apple LTE, GigaOm
Comments
ไม่บอกเลยว่ามีชิป tracker แบบ note 3 รึเปล่า โมเดลยุโรปกับเอเชีย ทำไมต้องแยก?
ทีหนัง...ยังแยกกันเลย ยุโรป กับ เอเชีย