ในสมรภูมิของอุปกรณ์พกพาที่มีหน้าจอ LCD และ OLED ยึดหัวหาดอยู่ในขณะนี้ แม้มีความพยายามจากผู้เล่นรายอื่นอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีรายไหนบุกเข้ามาในพื้นที่นี้ได้มากนัก
ล่าสุด Qualcomm และ Sharp ที่มีผลงานพัฒนาหน้าจอแบบใหม่ๆ มาทั้งคู่ได้เผยว่าจะโชว์หน้าจอชนิดใหม่ที่ชื่อว่า MEMS (Micro Electro Mechanical System) หลังจากให้ดูส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ไปในหน้าจอ Mirasol ที่พัฒนามาจากฐานของ MEMS
แม้ว่าจะใช้แผงไฟแบ็คไลท์เหมือนกัน แต่ความแตกต่างของหน้าจอ MEMS กับหน้าจออื่นๆ คือ MEMS นั้นไม่มีชั้นผลึกคริสตัล และฟิลเตอร์สำหรับแปลงแสงขาวให้กลายเป็นสีต่างๆ ซึ่งถูกแทนที่ด้วยกลไกบานเลื่อนขนาดเล็กที่สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยความเร็วสูง จึงสามารถแสดงสีได้ตามความเร็วการเปิด-ปิดของบานเลื่อน หากเปิดหมดจะกลายเป็นแสงสีขาว ปิดหมดจะกลายเป็นสีดำ เรียกได้ว่าทำหน้าที่แทนฟิลเตอร์โพลาไรซ์ไปในตัว
จุดเด่นของ MEMS คือหน้าจอตัวนี้ให้แสงผ่านได้ทั้งหมดโดยที่ไม่ผ่านฟิลเตอร์ (ทีมพัฒนาบอกว่าหน้าจอทั่วไปแสงผ่านได้ประมาณสองในสาม) จึงทำให้แสงจากแบคไลท์มีคุณภาพสูงขึ้น สว่างขึ้น และแสดงผลสีได้กว้างขึ้น
คาดกันว่าหน้าจอ MEMS จะเริ่มลงตลาดในอีกครึ่งปีข้างหน้า โดยในงาน CES ที่ผ่านมา Sharp โชว์ตัวแท็บเล็ตหน้าจอ 7" ความละเอียด 1280x768 พิกเซลที่ใช้หน้าจอ MEMS ไปแล้ว
ที่มา - Android Authority
Comments
หน้าจ => หน้าจอ
"เป็นหัวหาด" คืออะไรครับ?
เป็นหัวหาด => เป็นหัวหอก / ยึดหัวหาด
ถ้ารีเฟรชเรตอยู่ที่ 60Hz ก็หมายความว่าบานพับเล็กจิ๋วนี่ก็ต้องปิดเปิดครบรอบได้ 60 ครั้งต่อวินาทีสินะครับ สุดยอด ... ว่าแต่มันเป็นบนพับหรือบานเลื่อนน่ะ
ดูจากลูกศรน่าจะเป็นบานเลื่อนครับ
กวาดตาเร็วๆ จะเห็นสีรุ้งเหมือนพวก DLP ไหมนะ เล่นสลับเปลี่ยนสีเหมือนกันเลย
LCD/CRT ก็เป็นแบบสลับสีเหมือนกันครับ
ไม่เหมือนกันครับ สลับสีคนละแบบ
สลับสีตามพื้นที่ กับ สลับสีตามเวลา
LCD/CRT/LED/AMOLED
-- เรียงสลับสีตามตำแหน่ง แปลว่า 1 pixel ประกอบไปด้วย subpixel ที่เป็น R-G-B อีกที
-- เอาแว่นขยายส่องเห็นจุดสีเพราะแต่ละ pixel จะแสดงแค่สีเดียวเท่านั้น
-- จำนวนจุดจริงๆ (แยกตามสี) จะมากกว่าความละเอียดเป็น 3 เท่า เช่น 640x480 จะมีจำนวนจุดสี 640x480x3 (จะเว้นพวกเรียงแบบ pentile หรือเรียงแบบแปลกๆ ที่อาจจะคูณ 2 หรืออื่นๆ)
-- จอประเภทนี้กวาดตาไปมา/เอามือไปแกว่งๆ หน้าจอก็ไม่เป็นสีรุ้ง
DLP/MEMS Shutter
-- ตัว pixel นั้นเป็น pixel เดี่ยวๆ ไม่ต้องใช้ subpixel
-- pixel ไม่มีสี แต่สลับ R-G-B ตามเวลาเอา (แหล่งกำเนิดแสงทำงานตามจังหวะ เพื่อผลัดกันปล่อย R-G-B)
-- DLP projector ปกติใช้ color wheel ส่วน MEMS Shutter ตัว backlight R-G-B สลับกันปล่อยแสง
-- ดังนั้นเวลาเอาแว่นขยายส่อง ตัว pixel ไม่มีสีเฉพาะของตัวเอง มันแสดงได้ทุกสี
-- แปลอีกอย่างก็คือ มันใช้จำนวนจุดเท่ากับความละเอียดจริงๆ ได้เลย จอ 640x480 ก็เป็น 640x480 แต่แสดงสีต่างๆ ด้วยการสลับสีจากแหล่งกำเนิดแสงเข้าจังหวะกับการปรับ micromirror (DLP) หรือ MEMS Shutter
-- DLP หลายๆ คนกวาดตาดูแล้วจะเห็นสีรุ้ง (ผมคนหนึ่ง) ผมก็เดาว่าเจ้า MEMS Shutter นี่อาจจะเจออาการเดียวกัน
รูปเปรียบเทียบ Liquid Crystal กับ MEMS Shutter ในเนื้อหาข่าวก็เทียบชัดเจนนะครับ ระหว่างการสลับสีทางตำแหน่ง กับการสลับสีทางเวลา
นึกถึงประตูหน้าต่างเลยทีเดียว :)
ยุคจอกระพริบถ้า refresh rate ไม่สูงพอ จะกลับมาอีกครั้ง -_-
น่าสนแฮะ
จอที่มีกลไลเคลื่อนไหวได้แบบนี้ จะพังง่ายกว่ามั้ยหนอ?
เคลื่อนที่แนวนี้ บ้านผมเรียกบานเลื่อนอะครับ
ตอนไม่ได้ดูรูปคิดว่าพับไปมากระพือจนจอเย็น
ดูๆแล้วรู้สึกผลิตจะยากน่าดู แถมน่าจะมีปัญหาเรื่องอายุการใช้งานกับความทนต่อการกระแทกน้อยอีก
"เผยโฉม MEMS"
น่าจะเปลี่ยนเป็น "เผยโฉมหน้าจอ MEMS"
เพราะ MEMS เป็นคำที่หมายถึงกลุ่มเทคโนโลยีที่กว้าง แม้แต่หน้าจอที่ใช้เทคโนโลยี MEMS ก็ยังมีหลายชนิด
สมมุติว่าเป็นจอ LCD ถ้าพาดหัวว่า "เผยโฉมผลึกเหลว" คงฟังดูแปลกประหลาด
"ทีมพัฒนาบอกว่าหน้าจอทั่วไปแสงผ่านได้ประมาณสองในสาม"
ตรงนี้ไม่ทราบว่า 2/3 มาจากไหน ผมหาอย่างไรก็ไม่เจอ ที่จริงแล้วจอ LCD ให้แสงผ่านได้ไม่ถึง 10% (หายไปกับ polarizing filter 50% หายไปกับ color filter อีกมากกว่า 80% คูณกันแล้วเหลือไม่ถึง 10%)
ถ้าบอกว่าหน้าจอ MEMS แสงผ่านได้ 2/3 หรือ 60-80% ยังมีบอกไว้ในลิงค์วิดีโอข้างล่าง
"บานพับ"
ไม่ใช่บานพับ แต่เป็นบานเลื่อน ดูภาพเคลื่อนไหวได้ที่นี่
http://www.youtube.com/watch?v=4EB-ClETZd4
อธิบายการทำงานของพิกเซล
แต่ละพิกเซลจะประกอบด้วย LED สามสีที่ผลัดกันฉายแสงเข้าไปในชั้นกระจกสะท้อนแสงที่มีช่องเปิดด้านบน ไม่มีพิกเซลย่อย แต่ใช้วิธีผลัดกันฉายแม่สีสามสีสลับกันภายในพิกเซลเดียว
แสง LED เกือบทั้งหมดจะสะท้อนไปมาในกระจก จนกว่าจะถึงทางออกที่ช่องเปิดด้านบน ทำให้มีการสูญเสียน้อย
ด้านบนช่องแสง จะมีชัตเตอร์แบบบานเลื่อน เป็นตัวควบคุมปริมาณแสงโดยการเลื่อนเปิดปิดเป็นจังหวะ
ชัตเตอร์นี้สามารถทำงานได้หลายพันครั้งต่อวินาที เพียงพอที่จะให้ refresh rate สูงๆ
ด้วยวิธีนี้ทำให้กำจัดฟิลเตอร์ PL และฟิลเตอร์สี ออกไปได้ ทำให้ได้ปริมาณแสงประมาณ 75% เทียบกับจอ LCD ที่ให้แสงได้เพียง 7-8% ทำให้ได้ประสิทธิภาพในการให้แสงผ่าน สูงขึ้นกว่าจอ LCD 10 เท่า
นอกจากนั้น ข้อดีอีกอย่างของการกำจัดฟิลเตอร์สีคือ ทำให้ได้แสงแม่สีที่บริสุทธิ์ขึ้น
การใช้ฟิลเตอร์กรองเอาแม่สี จะทำให้มีสีอื่นปนมาด้วย ทำให้ไม่สามารถแสดงสีสดๆ ได้
(เทียบกับจอที่ไม่มีฟิลเตอร์ เช่น OLED จะสีสดกว่ามากๆ)
http://www.electronicproducts.com/Optoelectronics/Displays/MEMS_displays_aim_small_while_LCDs_get_big_amp_bright.aspx
รวมๆคือ Brightness สูง และสีที่เที่ยงตรงแบบ OLED
แล้วก็ประหยัดไฟกว่าเพราะ loss น้อยกว่าในความสว่างหน้าจอเท่ากันสินะ
ถ้าบานเลื่อนมันปิดได้สนิทก็ไม่น่ามีแสงลอดออกมานะครับ
ในทางกลับกัน ผมล่ะขยาดกับจอเปล่งแสงที่ตัวพิกเซลอย่าง Plasma, OLED, AMOLED เวลาพิกเซลที่ใช้งานหนักๆ มันเสื่อมก่อนพิกเซลอื่นจริงๆ บางทีจอแบบนี้อาจจะมาพลิกวิกฤติให้ก็ได้ (ถ้ามันดีจริง ทนจริงนะ)