Tags:
Node Thumbnail

การใช้งานบัตรเครดิตตามร้านค้าต่างๆ แบ่งออกเป็น 2 ระบบใหญ่ๆ คือ ใช้แถบแม่เหล็กที่อยู่ด้านหลังของบัตร (รูดบัตร) และการใช้ชิปที่ฝังอยู่บนบัตร (เสียบบัตรแล้วกด PIN code)

ระบบในยุโรปนั้นใช้แบบ PIN code กันมานานแล้ว แต่ในสหรัฐอเมริกา (รวมถึงประเทศไทย) ยังใช้ระบบแถบแม่เหล็กอยู่ ระบบแถบแม่เหล็กมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยที่ถูกปลอมแปลงง่ายกว่าระบบ PIN มาก ซึ่งผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่ทั้ง Visa และ MasterCard ก็ประกาศให้ร้านค้าในอเมริกาเปลี่ยนไปใช้ระบบ PIN ในเดือนตุลาคม 2015

Carolyn Balfany ผู้บริหารของ MasterCard ให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ในประเด็นเรื่องการเปลี่ยนระบบจ่ายเงินไว้ว่า เดิมทีตลาดนอกสหรัฐมีอัตราการโกงบัตรเครดิต (fraud) สูง ทำให้ตลาดเหล่านี้ถูกบีบให้เปลี่ยนไปใช้ระบบ PIN เพื่อให้โกงได้ยากขึ้น พอประเทศอื่นๆ เปลี่ยนระบบกันไปเยอะแล้ว บรรดาแฮ็กเกอร์เริ่มหันมาเจาะระบบบัตรเครดิตของอเมริกาแทน ซึ่งก็เป็นเหตุผลให้อเมริกาต้องรีบเปลี่ยนระบบตาม

MasterCard ประกาศแผนการปรับระบบตั้งแต่ปี 2012 โดยใช้ยุทธศาสตร์เรื่อง "ภาระรับผิดชอบ" (liability shift) ผลักดันให้ร้านค้าและธนาคารต้องเปลี่ยนระบบตาม หลักการของ liability shift คือถ้ามีปัญหาการโกงบัตรเครดิตเกิดขึ้น หน่วยงานที่จะต้องรับผิดชอบความเสียหายคือหน่วยงานที่ยังใช้บัตรเครดิตระบบเดิม เช่น

  • ถ้าร้านค้ายังใช้เครื่องรูดบัตรแบบแม่เหล็กอยู่ แต่ลูกค้ามีบัตรเครดิตแบบใช้ชิป แล้วเกิดการโกงขึ้น ร้านค้าจะต้องรับภาระค่าเสียหาย
  • ถ้าร้านค้ามีเครื่องรูดบัตรเครดิตแบบชิปแล้ว แต่ธนาคารยังไม่ออกบัตรเครดิตแบบฝังชิปให้ลูกค้า แล้วเกิดการโกงขึ้น ธนาคารจะต้องรับภาระค่าเสียหาย

MasterCard บอกว่าระบบบัตรเครดิตแบบใหม่ (ที่เรียกว่า EMV) ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ไปไกลกว่าการฝังชิป เพราะเตรียมรองรับระบบการจ่ายเงินแบบ contactless รวมถึงการจ่ายเงินด้วยโทรศัพท์ด้วย

ผมไม่แน่ใจว่าผู้ให้บริการบัตรเครดิตในบ้านเรามีแผนเรื่องนี้อย่างไร แต่ข่าวนี้น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการผลักดันระบบบัตรเครดิตระบบใหม่ของต่างประเทศครับ

ที่มา - Wall Street Journal

Get latest news from Blognone

Comments

By: toandthen
WriterMEconomics
on 10 February 2014 - 12:49 #678786
toandthen's picture

Square งานหนักแล้วครับ


@TonsTweetings

By: modeQ
WriterIn Love
on 10 February 2014 - 12:59 #678789 Reply to:678786

จริงๆแล้วถ้า Square ตกลงธุรกิจกับ Visa หรือ Master card เจ้าใดเจ้าหนึ่งได้ก็น่าไปด้วยกันได้ดีเลยนะครัช


Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้

By: toandthen
WriterMEconomics
on 10 February 2014 - 13:05 #678795 Reply to:678789
toandthen's picture

ผมว่าก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะ investment cost ต่ำ


@TonsTweetings

By: Wang_Peter
iPhoneAndroid
on 12 February 2014 - 10:47 #679358 Reply to:678789
Wang_Peter's picture

VISA เป็นหนึ่งในผู้ให้เงินทุนสนับสนุน Square นะครับ

By: moosaTAE
AndroidWindows
on 10 February 2014 - 13:03 #678793
moosaTAE's picture

เห็นว่าธนาคารในไทยก็มีแผนจะเปลี่ยนไปใช้บัตร ATM และ Debit แบบ Chip หมดทั้งระบบอยู่แล้ว ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด รู้สึกว่าแผนจะดำเนินการภายในระยะเวลาไม่เกินสองปีนี้ ดังนั้น บัตร Credit ก็คงมีผลตามไปด้วยละมั้งครับ

By: tk719
iPhoneBlackberrySymbianIn Love
on 10 February 2014 - 13:15 #678803 Reply to:678793

Credit เป็น Chip อยู่แล้ว และเป็นมานานแล้วนะครับ แต่ไม่ได้ใช้ระบบกด PIN ยังเป็นแบบเซ็นชื่ออยู่

(ที่ US จะเซ็นใส่เครื่อง แต่บ้านเราเซ็นกับกระดาษ เหอๆ)

By: peat_psuwit
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 10 February 2014 - 21:39 #678956 Reply to:678793

และบางที่เค้าก็ไม่ตรวจลายเซ็นซะด้วย

By: PH41
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 10 February 2014 - 22:52 #678991 Reply to:678793
PH41's picture

ใช้ระบบส่ง sms เตือนหรือโทรมาถามแทน

By: kentaonline
iPhoneWindows PhoneBlackberry
on 10 February 2014 - 13:04 #678794

คนจะซื้อ coin (www.onlycoin.com) มีชะงักแร่ (แน่ๆ)

By: Elysium
ContributorWindows PhoneSymbianWindows
on 10 February 2014 - 13:09 #678798
Elysium's picture

เดินจากที่พักไปกดตังค์ กำลังจะล้วงบัตรออกจากกระเป๋าก็พลันนึกได้ "บัตรตรูกดตู้แบงก์อื่นไม่ได้นี่หว่า"

....ใช่แล้วครับ บัตรใบนั้นแหละ Be1ST


คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ

By: Wang_Peter
iPhoneAndroid
on 10 February 2014 - 13:21 #678807 Reply to:678798
Wang_Peter's picture

ตอนนี้ตู็หลายๆธนาคารเริ่มรองรับ Chip แล้วครับ

By: Wang_Peter
iPhoneAndroid
on 10 February 2014 - 13:19 #678806
Wang_Peter's picture

บัตรเครดิตบ้านเราเป็น Chip หมดแล้วครับ แต่เป็น Chip with Signature หมายถึง ยังใช้ลายเซ็น
ในขณะที่ยุโรปเป็น Chip with PIN
ผมเป็นผู้ที่อยู่ในโครงการ Migrate จาก บัตรแถบแม่เหล็กเป็น บัตร Chip
สาเหตุนั้น เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทุกธนาคารไม่อยากลงทุนเครื่องรับบัตร EDC ที่มี PIN pad เลยตกลงร่วมกันว่า เรามาออกบัตร Chip ที่ยังใช้ลายเซ็นอยู่เถอะ ซึ่งมันไม่ได้ปลอดภัยอะไรเลย บัตรโดนขโมย คนขโมยก็สามารถรูดซื้อของได้จนกว่าเจ้าของบัตรจะโทรไประงับบัตร ในขณะที่บัตร Chip with PIN ถ้าถูกกขโมยไป ก็ทำไรไม่ได้เพราะไม่มี PIN

ในไทยตอนนี้เริ่มมีแผนที่จะหันมาทำ Chip with PIN
แต่มีหลายสิ่งอย่างที่ธนาคารต้องเตรียมพร้อม
1 ธนาคารผู้ออกบัตร (Issuer Bank) จะต้องออกบัตร Chip ใหม่ที่มีการ Personalization บน Chip ให้ request ขอ PIN ทุกครั้งที่ทำรายการ และ จัดส่ง PIN ให้ลูกค้า
สมมุติว่า ธนาคาร A มีบัตร 1 ล้านใบ บัตร Chip ราคาประมาณ 40 บาท
เท่ากับต้องจ่ายค่าบัตรใหม่ 40 ล้านบาท
งานนี้บ.ผู้ผลิต Chip และ ผู้ผลิตบัตรรวยเละ
2 ธนาคารเจ้าของเครื่องรับบัตร (Acquirer Bank) ทำการเปลี่ยนเครื่องรับบัตร ให้รองรับ การกด PIN
2.1 ลง Software เพิ่ม เสียค่าแรง 500 บาท/เครื่อง
2.2 เปลี่ยนเครื่อง เครื่องละ 6-7 พันบาท สำหรับรุ่นธรรมดา และ 1 หมื่อนบาทสำหรับเครื่องแบบ Mobile
ถ้าทุกธนาคารจะทำจริงๆคงต้องวางแผน Migrate ทั้งบัตรทั้งเครื่อง ยาวเลยล่ะครับ
เงินมหาศาลนะนั่น

By: lancaster
Contributor
on 10 February 2014 - 13:34 #678811 Reply to:678806

chip มันปลอดภัยกว่าแถบแม่เหล็กตรงที่ก้อปยากน่ะครับ

อย่างน้อยก็ไม่ใช่่เป็น plain text อ่านไปได้ง่ายๆแบบแถบพวกนั้น

By: dazehaze
Android
on 10 February 2014 - 13:39 #678814 Reply to:678806
dazehaze's picture

น่าจะเริ่มทำระบบชิปให้ลูกค้าใหม่ส่วนลูกค้าเก่าก็อาจจะมีจเหมายไปว่าถ้าต้องการเปลี่ยนบัตรเป็นแบบชิปอาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมอะไรก็ว่าไป คนที่ไม่เปลี่ยนก็อาจจะเสี่ยงต่อการถูกปลอมแปลงบัตร แต่จริงๆ ทางธนาคารเจ้าของบัตรก็มีการเก็บค่าธรรมเนียมรายปีอยู่แล้ว ไม่น่าจะต้องเสียเงินเพิ่มมากเกินไปรึเปล่า?

By: l2aelba
iPhoneAndroid
on 10 February 2014 - 15:17 #678846 Reply to:678814
l2aelba's picture

(ผิด reply)

By: Wang_Peter
iPhoneAndroid
on 12 February 2014 - 10:47 #679357 Reply to:678814
Wang_Peter's picture

น้อยธนาคารครับ ที่เก็บค่าธรรมเนียมรายปี
เดี๋ยวนี้ลูกค้ามักจะขู่ว่า "ถ้าไม่ waive ค่าธรรมเนียม ชั้นจะยกเลิกบัตรนะ"
เท่านั้นแหละครับ ธนาคารก็ยอมโดยปริยาย

By: l2aelba
iPhoneAndroid
on 10 February 2014 - 15:19 #678849 Reply to:678806
l2aelba's picture

ใช่ครับยุโรปมีบัตร Visa กันตั้งแต่เด็กประถมต้นเลย.... เพราะ Chip with pin

แถมแถบที่ผมอยู่ทุกร้านมีเครื่องกันหมด

แต่ผมว่ามันปลอดภัยว่าถือเงินสดนะ

By: frameonthai
ContributoriPhoneAndroidSymbian
on 10 February 2014 - 18:20 #678905 Reply to:678849
frameonthai's picture

Visa ที่พูดถึงนี่คงเป็น Debit Card หรือ Prepaid Visa สินะครับ

By: mk-
Symbian
on 10 February 2014 - 18:22 #678907 Reply to:678806
mk-'s picture

โอกาสบัตรโดนขโมยมีน้อยกว่าโดนปลอมบัตรแถบแม่เหล็กครับ
ผมเห็นคนไปร้านอาหารเวลาจ่ายตังค์ก็ควักบัตรออกมาให้พนักงานเอาไปรูดที่เคาเตอร์แล้วเอาสลิปกลับมาให้เซ็นที่โต๊ะ
ถ้าจุดนี้มีพวกทุจริตปนอยู่ สามารถเก็บข้อมูลแถบแม่เหล็กได้ง่ายๆเลย
แบบไม่รู้ว่าใครเก็บไปด้วย ถ้ากินอาหารหลายร้าน

By: tk719
iPhoneBlackberrySymbianIn Love
on 10 February 2014 - 13:21 #678808

คิดว่าจะต้องแยกเรื่องเซ็นชื่อเพื่อรับรองหรือกด PIN กับ Chip ออกจากกันนะครับ เพราะเมืองไทยใช้ Chip อยู่แล้ว สังเกตเดี๋ยวนี้แม้บัตรจะมีทั้งแถบแม่เหล็ก และชิป แต่เวลาเราจะใช้บัตรชำระสินค้า พนักงานเอาบัตร "เสียบ" แทนที่จะ "รูด" แต่ยังมีการพิมพ์ Receipt ออกมาให้เซ็นอยู่ แทนที่จะกด PIN เคยได้ยินว่าถ้าใครใช้บัตร UnionPay ก็จะเป็นระบบกด PIN แล้ว แม้แต่บัตรที่ออกในประเทศไทยก็ตาม

By: btoy
ContributorAndroidWindows
on 10 February 2014 - 15:14 #678845
btoy's picture

อยากให้ในบ้านเราเป็นแบบกด PIN ไวๆ


..: เรื่อยไป

By: Bank14
ContributorAndroidRed HatWindows
on 10 February 2014 - 15:42 #678857

ทำไมอเมริกาถึงล้าหลังยุโรปครับ? ระบบเครดิตมีความซับซ้อนมากเลยหรอครับ

By: tk719
iPhoneBlackberrySymbianIn Love
on 10 February 2014 - 15:51 #678864 Reply to:678857

นอกจากเรื่องเงินแล้ว คงเกี่ยวกับเรื่องคน ประเทศนี้คน Conservative มากนะครับ ทุกวันนี้ยังใช้เช็คกันเป็นปกติอยู่เลย เปิดบัญชีไม่ได้สมุดบัญชี แต่ได้สมุดเช็คมาแทน

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 10 February 2014 - 16:07 #678867 Reply to:678864

เสริมนิด เขาเสพติดน้ำมันเบนซินกันจนกระทั่งเอาไปทำเครื่องยนต์ในรถถัง Sharman ในสมัย WW II ผลก็คือโดนแค่ประกายไฟก็บรึ้มทันที ฝาลอยเคว้งเลย (เป็นที่มาของฉายาไฟแช็ครอนสันครับ)

By: mk-
Symbian
on 10 February 2014 - 18:25 #678908 Reply to:678857
mk-'s picture

Conservative American Style

By: nopphorn on 10 February 2014 - 15:42 #678858

บริษัท Digio เราเป็นผู้ให้บริการ Credit Card Payment Acceptance บน Mobile แบบเดียวกับ Square แต่เป็น EMV Chip ครับ
http://www.blognone.com/node/49512

คนที่จะเหนื่อยมากคือ Square เพราะว่า reader นั้นมีต้นทุนที่ต่ำมาก แต่พอต้อง compliance กับ Chip + PIN ส่ิงที่ square จะทำไม่ได้อีกต่อไปคือแจกฟรีฮาร์ดแวร์ตัวอ่านบัตร

สำหรับเมืองไทย ปัจจุบันระบบเราปลอดภัยระดับหนึ่ง แม้ไม่เท่ากับ EU หรือประเทศรอบข้างที่เป็น PIN ซึ่งหากเปลี่ยนระบบทั้งหมดจะมีค่าใช้จ่ายสูงมากทั้งขาออกบัตรและขารับบัตร

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 10 February 2014 - 15:46 #678861 Reply to:678858
hisoft's picture

จริงๆ ระบบอ่านบัตรนี่ บัตรแบบ chip น่าจะอ่านได้ง่ายกว่าด้วยนะครับ มีขั้วมาให้ต่อไปอ่านตรงๆ ขณะที่แถบแม่เหล็กต้องมีหัวอ่านแถบแม่เหล็กมาแปลงเป็นข้อมูลก่อนอีกรอบนึง

By: nopphorn on 11 February 2014 - 10:25 #679060 Reply to:678861

จริง ๆ แล้วตรงกันข้ามกันนะครับ เพราะว่าพอเป็น chip แล้วขั้นตอนการทำงานจะซับซ้อนกว่าแถบแม่เหล็กมากครับ

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 11 February 2014 - 10:37 #679067 Reply to:679060
hisoft's picture

ส่วนที่ซับซ้อนนี่เราให้ตัวโทรศัพท์ทำงานไปเลยไม่ได้เหรอครับ? ผมไม่แน่ใจว่าขั้วต่อหูฟังนี่มันรับ-ส่งข้อมูลอะไรได้บ้างด้วยสิ - -" หรือออกแนวว่าตัวอุปกรณ์ต้องทำงานทุกอย่างเองได้แล้วส่งข้อมูลสำเร็จกลับมาอย่างเดียว

By: lancaster
Contributor
on 12 February 2014 - 04:10 #679319 Reply to:679067

chip มันคือ smartcard ครับ ต้องคุยกัน ต้อง authen ต้องมีโปรโตคอลอะไรอีกมากมาย

แถบแม่เหล็กแบบเก่านี่ มันแทบจะอ่านได้เป็นสัญญาณเสียงแต่แรกอยู่แล้วครับ -_-

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 12 February 2014 - 12:18 #679387 Reply to:679319
hisoft's picture

คือถ้าเราโยนงาน authen และโปรโตคอลมากมายนั่นให้โทรศัพท์ล่ะครับ? ตัวอุปกรณ์ก็ใส่ไว้แค่ A2D D2A กับวงจรอะไรอีกไม่มากนี่พอจะเป็นไปได้รึเปล่า

By: nopphorn on 12 February 2014 - 14:55 #679428 Reply to:679387

ไม่ได้ครับ ต้อง process ให้เรียบร้อยบน hardware เพราะเป็น requirement ของทาง Card Scheme ครับ ถ้าทุกอย่างยกไป process บน phone หมดแปลว่า หาก phone ถูก compromise ได้ ระบบจะไม่ปลอดภัยทันที

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 12 February 2014 - 15:02 #679429 Reply to:679428
hisoft's picture

ขอบคุณครับ

By: dagdun
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 10 February 2014 - 16:35 #678872

ใช้ให้เต็มวงเงินเลยครับ ถึงจะโดนก๊อบแถบแม่เหล็ก หรือทำบัตรหาย ยังไงก็ปลอดภัย

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 10 February 2014 - 17:18 #678883 Reply to:678872
mr_tawan's picture

ใช้ให้เต็มวงเงินว่ายากแล้ว หาคืนมาให้ครบนี่ยากกว่าหลายเท่าครับ :)


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: kajokman
ContributorAndroidIn Love
on 10 February 2014 - 18:57 #678913 Reply to:678883
kajokman's picture

ขอแย้ง การใช้ให้เต็มวงเงินไม่ยากเลยนะครับ เอาบัตรคุณมาให้ผมลองดูเอาไม๊ ;)

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 10 February 2014 - 19:39 #678921 Reply to:678913
hisoft's picture

ตรงนั้นไม่ยากครับ มันยากตรงนี้

หาคืนมาให้ครบ

By: kajokman
ContributorAndroidIn Love
on 10 February 2014 - 21:21 #678951 Reply to:678921
kajokman's picture

ที่ผมแย้งคือ part แรกครับ ส่วน part หลังนั้นเห็นด้วย

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 10 February 2014 - 22:17 #678974 Reply to:678951
hisoft's picture

อ่อ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมขอช่วยด้วยนะครับ (>_<)