Tencent ประกาศความร่วมมือกับ Visa เพื่อนำเทคโนโลยีการชำระเงิน โดยยืนยันตัวตนด้วยฝ่ามือ ออกมาให้บริการกับลูกค้าในต่างประเทศ โดยจะเริ่มต้นที่ประเทศสิงคโปร์ก่อน ซึ่งมีธนาคารที่ร่วมทดสอบได้แก่ DBS, OCBC และ UOB
ปัจจุบัน Tencent ให้บริการเทคโนโลยีชำระเงินโดยยืนยันตัวตนด้วยฝ่ามือในประเทศจีน ความร่วมมือกับ Visa นี้จึงเป็นการทดสอบตลาดนอกจีนครั้งแรก
ในการใช้งานระบบ Pay by Palm นี้ ลูกค้าต้องยืนยันตัวตนครั้งแรกก่อนที่จุดขาย โดยสแกนบัตร Visa และสแกนฝ่ามือเพื่อบันทึกข้อมูลชีวภาพ โดย Visa จะสร้างชุดโทเค็นเข้ารหัสขึ้นจากข้อมูลนี้ ทำให้สามารถใช้การสแกนฝ่ามือในครั้งต่อได้เลยโดยไม่ต้องแสดงบัตรหรือโทรศัพท์อีก เทคโนโลยีนี้ยังรองรับการอ่านข้อมูลแม้ในสภาพแสงที่มีข้อจำกัด
Visa บอกว่าไทยเป็นผู้นำด้านความถี่ในการใช้โมบายแบงก์กิ้งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือราว 97% ใช้โมบายแบงก์กิ้งอย่างน้อยหนึ่งครั้ง/สัปดาห์ ตามมาด้วยเวียดนาม (95%) และอินโดนีเซีย (90%) โดยค่าเฉลี่ยภูมิภาคอยู่ที่ 89%
Visa ยังให้ข้อมูลน่าสนใจผ่าน Visa Consumer Payment Attitudes Study อีกหลายเรื่อง เช่น เวียดนามลดการถือเงินสดจากปีก่อนมากที่สุดที่ 56% ตามมาด้วยมาเลเซีย (49%) และไทย (47%)
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยื่นฟ้อง Visa ด้วยข้อหาผูกขาดเครือข่ายการชำระเงินของบัตรเดบิตในสหรัฐ
ในคำฟ้องของกระทรวงยุติธรรม ระบุว่าธุรกรรมบัตรเดบิต 60% ของสหรัฐอยู่บนเครือข่ายชำระเงินของ Visa สร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมปีละ 7 พันล้านดอลลาร์ ความผิดของ Visa คือกีดกันคู่แข่งรายที่เล็กกว่า เช่น PayPal, Square ผ่านสัญญากับธนาคารและร้านค้า ถ้าคู่ค้าเหล่านี้ไปใช้เครือข่ายเดบิตหรือระบบชำระเงินรายอื่น ก็จะถูกลงโทษจาก Visa ด้วยค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น
กระทรวงยุติธรรม สรุปว่าพฤติกรรมของ Visa กีดกันการแข่งขัน และสร้างต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้ธนาคารหรือร้านค้า ซึ่งจะส่งต่อต้นทุนเหล่านี้มายังผู้บริโภคผ่านราคาสินค้าที่แพงขึ้น
BigPay แอพสายฟินเทคในเครือ AirAsia เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมีฟีเจอร์เด่นคือบัตรเสมือน Visa จากในตัวแอพโดยตรง นำไปใช้จ่ายเงินตามร้านค้าต่างๆ ได้ทันที และสามารถสั่งบัตรพลาสติก Visa Platinum Prepaid Card เพิ่มได้ถ้าต้องการ
ฟีเจอร์อื่นของ BigPay นอกจากการเก็บแต้มของบริการในเครือ AirAsia แล้วยังมี Stash กระเป๋าเก็บเงินย่อยเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการเงิน, Roundup ฟังก์ชันปัดเศษเงินทอนเพื่อช่วยเก็บเงิน และ Analytics ฟังก์ชันวิเคราะห์การใช้จ่าย แอพสามารถดาวน์โหลดได้แล้วจาก App Store และ Play Store
การเปิดตัว BigPay ได้โทนี เฟอร์นานเดส ผู้ก่อตั้ง AirAsia ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปปิตอล เอ (Capital A) และ MOVE Digital มาแถลงข่าวที่ประเทศไทยด้วยตัวเอง
Jitta สตาร์ตอัปด้าน WealthTech ของไทยผู้ให้บริการบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุน เปิดตัว Jitta Card แพลตฟอร์มที่ช่วย จ่าย-ออม-ลงทุน ใช้เทคโนโลยีมาออกแบบการลงทุนขนาดเล็ก (Micro Investment) ช่วยให้ทุกการใช้จ่ายมีเงินออมและส่งไปลงทุนอัตโนมัติ
Jitta Card เป็นบัตร Visa Card ที่มาในรูปแบบ Virtual Card ร่วมมือกับ Xendit ผู้ให้บริการ Payment Gateway สามารถใช้จ่ายได้ทั่วโลกกับร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Visa
DLSite เว็บไซต์จัดจำหน่ายสัญชาติญี่ปุ่นที่นักวาดและผู้สร้างสรรค์ผลงาน (เรียกกันว่าเซอร์เคิล) สามารถจำหน่ายโดจินชิ, เกม, นิยาย, โปรแกรม และเสียงต่าง (รวมไปถึงพากษ์เสียงสวมบทบาท และ Drama CD) ทั้งเนื้อหาทุกเพศวัยรวมไปถึง 18+ โดยจัดจำหน่ายรูปแบบดิจิตอลเป็นหลัก
บริษัท EISYS ผู้ให้บริการ DLSite ประกาศผ่านเว็บทางการว่าจะหยุดรองรับการชำระผ่านบัตร Visa และ Mastercard ชั่วคราว ทั้งนี้ไม่ได้ระบุว่ากระทบแค่บัตรเครดิตหรือกระทบไปถึงบัตรเดบิตและบัตรเติมเงินเสมือนด้วยหรือไม่ แต่ยังสามารถชำระผ่าน JCB, American Express, E-Wallet กับร้านสะดวกซื้อในประเทศ และช่องทางอื่นๆ ได้ปกติ
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี จับมือ วีซ่า ยกระดับโซลูชันบัตรเดบิต ttb all free ให้เหนือขึ้นอีกขั้น ร่วมเปิดตัว บัตรเดบิตวีซ่า ttb all free Olympic Games Paris 2024 ลายพิเศษ ต้อนรับโอลิมปิก ปารีส 2024 เป็นบัตรเดบิตใบแรกและใบเดียวที่ไม่มีค่าธรรมเนียมบัตรแรกเข้าและรายปี พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ที่ให้ใช้จ่ายได้คุ้มค่าทั้งในและต่างประเทศ และยังจัดแคมเปญพิเศษ ยิ่งใช้จ่ายผ่านบัตรยิ่งได้ของรางวัล และรับสิทธิ์ชิงโชคลุ้นเอ็กซ์คลูซีฟ ทริป บินตรงชมพิธีปิด Olympic Games Paris 2024 ที่ฝรั่งเศส โดยวีซ่า
Google เปิดบริการ Google Wallet ในไทยมาได้ปีนิดๆ แต่ยังมีธนาคารไทยที่เข้าร่วมเพียง 2 รายคือธนาคารกรุงเทพ และกรุงไทย (KTC) หลังจากนั้น TrueMoney Mastercard ก็เข้าร่วมและไม่มีธนาคารรายใดเข้าร่วมเพิ่มอีกเลยมาเกือบปี
ล่าสุดวันนี้ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ttb ได้รองรับการใช้งาน Google Wallet แล้ว ผู้ถือบัตรเครดิต ttb Visa สามารถเพิ่มบัตรเข้า Google Wallet ได้เลย ถือเป็นธนาคารไทยรายที่ 3 ที่เข้าร่วม
Reuters อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวระบุว่า Visa และ Mastercard หยุดการประกาศพันธมิตรกับบริษัทคริปโตเพิ่มเติม และหยุดการเปิดบริการใหม่ๆ ไว้ชั่วคราวหลังตลาดไม่ค่อยดีในช่วงหลังและหน่วยงานกำกับดูแลเริ่มจับตามองมากขึ้น
ทางโฆษกของ Visa ตอบเป็นทางการว่าเหตุการณ์ความล้มเหลวครั้งใหญ่ๆ ของวงการคริปโตเป็นข้อเตือนใจว่าต้องการใช้งานเงินคริปโตเพื่อจับจ่ายนั้นยังอยู่อีกไกล แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแผนกลยุทธ์ของบริษัทแต่อย่างใด
Visa ประกาศบล็อคสถาบันการเงินจากรัสเซีย ไม่ให้เข้าถึงระบบการจ่ายเงินของตัวเอง แบบเดียวกับที่ Mastercard ประกาศออกมาก่อนในวันนี้
Visa ไม่ระบุว่าปิดกั้นสถาบันการเงินรายใดบ้าง และไม่บอกว่าปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานใด บอกแค่ว่าจะดำเนินการตามคำสั่งแซงค์ชันที่มีอำนาจบังคับใช้
ในฝั่งของการช่วยเหลือผู้ประสบภัย Visa ระบุว่าบริจาคเงิน 2 ล้านดอลลาร์ให้ UNICEF, จะสมทบเงินบริจาคของพนักงานให้อีกเท่าตัว และจะคอยดูแลความปลอดภัยของพนักงานในพื้นที่สงครามอย่างเต็มที่
ที่มา - Visa, ภาพจาก Visa
Amazon กับ Visa ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการชำระเงินอย่างเป็นทางการแล้ว โดยข้อตกลงระหว่างสองบริษัทจะมีผลทั่วโลกซึ่งจะทำให้ Amazon ยังคงรับบัตรเครดิต Visa ต่อไป
ก่อนหน้านี้ Amazon เคยจะยกเลิกรับบัตรเครดิต Visa ในสหราชอาณาจักร โดยให้เหตุผลเรื่องค่าธรรมเนียมสูง แต่สุดท้ายก็เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ซึ่งนอกจากในสหราชอาณาจักรแล้ว Amazon ไม่ได้จะแบน Visa ที่อื่น แต่ในออสเตรเลียและสิงคโปร์ก็มีชาร์จค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบ้าง (ซึ่งตอนนี้ยกเลิกแล้ว)
Al Kelly ซีอีโอ Visa เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจในช่วงแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ผ่านมา ว่าบัตร Visa ที่เชื่อมต่อกับพาร์ตเนอร์แพลตฟอร์มคริปโต มีการใช้จ่ายถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ ภายในไตรมาส และคิดเป็น 70% ของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรประเภทนี้ตลอดปี 2021
Visa ระบุว่ามีการออกบัตรที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มคริปโตแล้วมากกว่า 65 ราย ซึ่งรวมทั้งรายใหญ่อย่าง Coinbase และ BlockFi ด้วย
ด้านซีเอฟโอ Vasant Prabhu บอกว่าการใช้จ่ายในบัตรประเภทดังกล่าวมีความหลากหลายไม่ได้เน้นที่หมวดใดหมวดหนึ่งเป็นพิเศษ มีทั้งการซื้อสินค้า บริการ ร้านอาหาร ท่องเที่ยว สะท้อนว่าบัตรที่เชื่อมต่อกับคริปโต มีการนำมาใช้งานแบบในชีวิตประจำวันทั่วไป
เมื่อปลายปีที่แล้ว Amazon จะเลิกรับบัตรเครดิต Visa ที่ออกในสหราชอาณาจักรโดยให้เหตุผลเรื่องค่าธรรมเนียม ซึ่งจะมีผลในวันที่ 19 มกราคมนี้ แต่ล่าสุด Amazon กลับลำ โดยส่งอีเมลแจ้งลูกค้า Amazon.co.uk ในวันนี้ว่าการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการรับบัตรเครดิต Visa จะยังไม่เกิดขึ้น
ในอีเมลระบุว่า Amazon กำลังทำงานร่วมกับ Visa เพื่อหาทางออกร่วมกันในการใช้บัตรเครดิต Visa บนเว็บไซต์ Amazon.co.uk ซึ่งถ้าหากเว็บไซต์ Amazon.co.uk จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับบัตรเครดิต Visa ทาง Amazon จะแจ้งให้ลูกค้าทราบก่อนล่วงหน้า โดยตอนนี้ ลูกค้ายังคงสามารถใช้บัตรเครดิต Visa, บัตรเดบิต, Mastercard, American Express และ Eurocard ได้เหมือนเดิม
Amazon ประกาศเลิกรับบัตรเครดิต Visa ที่ออกในสหราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2022 เป็นต้นไป โดยแหล่งข่าวระบุว่าสาเหตุเกิดจาก Amazon โดนเก็บค่าธรรมเนียมสูงเกินไป
ลูกค้าของ Amazon ยังสามารถใช้บัตรเดบิต Visa, บัตรเครดิต Mastercard และ American Express รวมถึงบัตรเครดิตของ Visa ที่ออกนอกสหราชอาณาจักรได้ตามปกติ นอกจากนี้ Amazon ยังเสนอเครดิตเงินสดให้ 20 ปอนด์ (ราว 880 บาท) ให้กับลูกค้าที่เปลี่ยนบัตรเป็นเดบิตหรือเครดิตที่ไม่ใช่ Visa อีกด้วย
วันนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาชี้แจงเหตุการณ์ผู้ใช้จำนวนมากถูกตัดเงินออกจากบัญชีหรือถูกสั่งจ่ายบัตรเครดิตเป็นการ "สุ่มข้อมูลบัตร" โดยไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นการสุ่มข้อมูลใดบ้าง (เฉพาะ CVV, ข้อมูลอื่นๆ, หรือเลขบัตร 16 หลักด้วย) อย่างไรก็ดีการโจมตีแบบสุ่มเลขบัตรนี้มีนานแล้ว และทาง Visa ก็ได้ออกรายงานแจ้งเตือนผู้เกี่ยวข้องเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
รายงานของ Visa ระบุถึงการโจมตีที่มาเป็นคู่กัน คือ enumeration attacks หรือการสุ่มเลข และ account testing ที่คนร้ายจะทดสอบตัดเงินยอดเล็กๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยก่อน หากเลขบัตรใดตัดเงินผ่านก็จะเก็บเอาไว้เพื่อนำข้อมูลไปขายหรือโจมตีรุนแรงภายหลัง
Visa ทวีตข่าวว่า บริษัทได้ซื้องานศิลปะ NFT CryptoPunk #7610 จาก Larva Labs มูลค่าราว 149,939 ดอลลาร์ หรือราว 5 ล้านบาท เข้าเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่นแล้ว
ในทวีตพูดถึงการสะสมสิ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์การพาณิชย์มายาวนานตลอด 60 ปีของ Visa ตั้งแต่บัตรเครดิตกระดาษในยุคแรก ไปจนถึงเครื่อง zip-zap (เครื่องบันทึกการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต) รุ่นแรกๆ และกล่าวว่าวันนี้บริษัทเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการพาณิชย์ NFT แล้ว
Visa ประกาศแผนเข้าซื้อ Tink บริษัทฟินเทคสตาร์ทอัพในยุโรปที่พัฒนา API สำหรับ Open Banking ที่มูลค่า 1.8 พันล้านยูโร
Tink เป็นสตาร์ทอัพจากสวีเดน งานหลักคือพัฒนา API ชุดเดียวที่ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อเข้าแอปหรือบริการต่าง ๆ เข้ากับบัญชีธนาคาร เนื่องจากข้อกำหนด PSD2 ของยุโรประบุให้ธนาคารต้องเปิดอินเตอร์เฟสให้เชื่อมต่อได้ แต่ก็ยังไม่มีมาตรฐานกลาง ซึ่ง Tink จะเข้ามาช่วยในการอินทิเกรตธนาคารและสถาบันการเงินกว่า 3,400 แห่งมาอยู่ภายใต้ API เพียงชุดเดียว สามารถเรียกรายการเดินบัญชี, ทำการชำระเงิน และเรียกข้อมูลอื่น ๆ ของบัญชีได้
VISA ประเทศไทยออกผลสำรวจพฤติกรรมและความคิดเห็นคนไทย 1,000 คน อายุระหว่าง 18-65 ปี มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน เริ่มทำการสำรวจตั้งแต่ไตรมาสสามปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงหลังประกาศล็อกดาวน์ พบว่า สถานการณ์โรคระบาด กระตุ้นผู้คนให้ใช้จ่ายแบบไร้เงินสดมากขึ้น โดยการถามความเห็นระบุว่า คนไทยสามารถอยู่ได้โดยไม่ใช้เงินสดได้นาน 8 วัน
เมื่อต้นปีที่แล้ว Visa ประกาศเข้าซื้อ Plaid สตาร์ทอัพพัฒนา API การชำระเงิน ล่าสุดทั้งสองบริษัทประกาศยกเลิกการซื้อกิจการอย่างเป็นทางการแล้ว เนื่องจากถูกหน่วยงานภาครัฐมองว่าเป็นการทำลายการแข่งขัน
กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ หรือ DoJ เป็นหน่วยงานที่ยื่นฟ้องเพื่อหยุดการควบกิจการนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าการควบกิจการครั้งนี้เป็นภัยคุกคามการแข่งขัน ซึ่ง Visa ในตอนนั้นยืนยันว่ามุมมองของภาครัฐมีข้อบกพร่อง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยุติการเข้าซื้อกิจการเนื่องจากกระบวนการทางกฎหมายที่ยืดเยื้อและใช้เวลานาน
หลังจากสำนักข่าว New York Times ลงบทความ The Children of Pornhub ส่งผลให้ Visa และ Mastercard สอบสวนเรื่องดังกล่าว ทาง Pornhub จึงจะเริ่มปิดกั้นการอัพโหลดเพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้ในอนาคต
Visa และ Mastercard เปิดเผยว่ากำลังสอบสวนว่า Pornhub ปล่อยให้มีการเผยแพร่วิดีโอโป๊เด็กและวิดีโอข่มขืนจริงหรือไม่ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ The New York Times ลงบทความ "The Children of Pornhub" ระบุว่าเว็บไซต์เต็มไปด้วยวิดีโอที่ไม่ได้รับความยินยอม เช่น วิดีโอข่มขืน, ภาพแอบถ่าย, และวิดีโอโป๊เด็ก
รูดบัตรเก็บแต้มแลกไมล์อาจจะเชยไปแล้วสำหรับ Visa เมื่อผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์รายใหญ่เปิดตัวบัตร Bitcoin Rewards Credit Card ที่เปลี่ยนการสะสมแต้มหลังใช้จ่ายผ่านบัตรมาเป็นบิตคอยน์
Visa ร่วมมือกับ BlockFi สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน ลงทุนบิตคอยน์และให้บริการด้านบล็อคเชน ขณะที่บัตรเครดิตจะถูกออกโดยธนาคาร Evolve Bank & Trust โดยตัวบัตรมีค่าธรรมเนียมรายปีที่ 200 เหรียญหรือราว 6,000 บาท
นักวิจัยจาก ETH Zurich รายงานถึงช่องโหว่ของโปรโตคอล EMV ที่ใช้ในบัตรเครดิตยอดนิยมทั่วโลก โดยช่องโหว่เปิดทางให้คนร้ายที่ขโมยบัตรไป สามารถจ่ายบิลที่วงเงินสูงๆ ได้โดยไม่ต้องใช้รหัส PIN แม้ตัวบัตรเครดิตจะกำหนดเพดานที่หากยอดจ่ายเกินเพดานจะต้องใช้ PIN ไว้ก็ตาม
สำหรับผู้ใช้บัตรเครดิตในไทยอาจจะไม่ชินนักเนื่องจากการยืนยันจ่ายเงินผ่านบัตรใช้ลายเซ็น แต่ในยุโรปหากวงเงินน้อยๆ การจ่ายแบบ Contactless จะสามารถแตะจ่ายได้ทันที แต่หากยอดชำระสูงขึ้นตัวเทอร์มินัลก็จะขึ้นถามรหัส PIN เพื่อยืนยันอีกครั้ง
สำนักข่าว Bloomberg อ้างเอกสารของ Visa ที่ไม่ได้เปิดเผยคนทั่วไปปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี โดยปรับตามประเภทธุรกิจ เช่น เว็บอีคอมเมิร์ชนั้นจะถูกขึ้นค่าธรรมเนียม ขณะที่ร้านค้าปลีกบางประเภท, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, และการศึกษา จะปรับลดค่าธรรมเนียมลง
การใช้งานออนไลน์ หรือ card-not-present จะปรับค่าธรรมเนียมสูงขึ้นทั้งหมด ส่งผลให้เว็บอีคอมเมิร์ชต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแพงขึ้น โดยบัตรพรีเมียมจะขึ้นค่าธรรมเนียมเป็น 2.6% จาก 2.5% แต่การซื้อของชำในร้านจะลดค่าธรรมเนียมลงจาก 2.3% เป็น 1.5% โดยอัตราเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า Visa ต้องการขยายการใช้งานบัตรเครดิตให้สูงขึ้นในธุรกิจที่อาจจะไม่ยอมรับบัตรมาก่อนหน้านี้
Visa ผู้ให้บริการชำระเงินผ่านบัตรรายใหญ่ ประกาศเข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพ Plaid ด้วยมูลค่าถึง 5,300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 160,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากการเพิ่มทุนรอบล่าสุดในปี 2018 ที่บริษัทมีมูลค่ากิจการราว 2,700 ล้านดอลลาร์
Plaid เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ API สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้ใช้งาน เข้ากับแอปบริการทางการเงินต่าง ๆ ตัวอย่างลูกค้าอาทิ Venmo แอปโอนเงินหากัน, Robinhood แอปสำหรับซื้อขายหุ้น, Coinbase บริการซื้อขายเงินคริปโต เป็นต้น โดย Plaid ระบุว่าผู้มีบัญชีธนาคารในอเมริกาถึง 1 ใน 4 ที่ใช้บริการ Plaid เชื่อมต่อสู่บริการแอปฟินเทคต่าง ๆ
รายชื่อนักลงทุนใน Plaid นั้นมีทั้ง Visa, คู่แข่งอย่าง Mastercard, Citi, American Express ไปจนถึง Goldman Sachs