สามารถ ไอ-โมบาย รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 มีรายได้รวม 3,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 197 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.0%
ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้เฉพาะส่วนนี้ 2,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.9% เป็นจำนวนเครื่องที่ขายได้ถึง 1.08 ล้านเครื่อง ราคาเฉลี่ยต่อเครื่อง 2,926 บาท ซึ่งไตรมาสที่ผ่านมาไอ-โมบายเปิดตัวโทรศัพท์ทั้งหมด 10 รุ่น แบ่งเป็นฟีเจอร์โฟน 2 รุ่น และสมาร์ทโฟน 8 รุ่น
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบทวิเคราะห์ของโนมูระ พัฒนสิน
Comments
ประเทศไทยประเทศเดียวใช่ไหมครับ
คิดว่าใช่นะครับ
ตามเอกสารรายงานประจำปี 2556 มีขายต่างประเทศผ่านบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง ขายผ่านตัวแทนในเมียนมาร์ ลาว กัมพูชา อิรัก ตามรายงานนี้ก็มีเพิ่มรายชื่อประเทศมาด้วย แต่คุ้น ๆ ว่าเมื่อก่อนเคยอ่านมีประเทศอื่นอีกนี่นะ และเรื่องสัดส่วนแต่ละแหล่งไม่มีแจ้งไว้
ส่วนตัวคิดว่าสัดส่วนในไทยน่าจะเป็นส่วนหลักจนส่วนอื่นไม่น่าจะมีผลสำคัญนัก
แต่ผมว่าอนาคต i-mobile รอดยากนะ เนื่องจากมีค่ายผู้ผลิตคุณภาพมากมายที่เข้ามาทำตลาดระดับล่างมากขึ้น ตอนนี้สัญญาณแรกจาก Asus ก็มาแล้ว ถ้า Xiaomi มาไทยตลาดล่าง-กลาง ก็ดุเดือดมากขึ้นอีกและพวกนี้ไม่ลอยแพด้วย รอมก็นิ่งกว่ากันเยอะ i-mobile ณ ตอนนี้จุดที่ขายได้มีเพียงอย่างเดียวคือทำกล้องให้มีพิกเซลมากๆตัวเลขเยอะๆ เพราะยังมีคนเชื่ออยู่ไม่น้อยว่ากล้องพิกเซลมากยิ่งดี
ครับ อนาคตลำบากแน่ ๆ แต่การตลาดเขาดีพอตัวเลยครับ ต่างกับผู้ผลิตรายอื่น ๆ ตรงนี้
ผมว่าต่างนะครับ มุมมองของคนไอที กับคนใช้ในตลาดทั่วไปที่ไม่มีความรู้อะไรเลย เค้าเน้นราคา และการโฆษณาครับ เวลาใช้งานไปเค้าไม่รู้หรอกครับว่าจะมี เฟริมแวร์ รอม อะไรอัพเดท สนใจแค่มีตรงตามความต้องการครับ อีกอย่างธุรกิจเค้าต้องปรับตัวครับคงไม่มีใครปล่อยให้เจ๊งไปง่ายๆหรอก
Texion Business Solutions
ผมเห็นด้วยกับตรงนี้ครับ ถ้าไม่ใช่แนว geek หรือ คนชอบใช้มือถือ หรือก็คือ End user ทั่วๆไป xiaomi คืออะไรเค้ายังไม่รู้จักเลยครับ ไม่ต้องไล่ไปถึงสเปคเครื่อง หรือ rom อะไรเลย คงต้องรอดูแผนการตลาดตอนมาไทยดีกว่า
อารมณ์คนชอบจอใหญ่ๆ หรือเปล่าครับ ผมเห็นคนมีอายุชอบซื้อ smartphone รุ่นล่างๆ จอใหญ่ๆ เพราะมันตรงกับ life style เค้า จอใหญ่สบายตา จิ้มง่ายดี แต่เน้นราคาถูกเป็นหลัก คนพวกนี้ไม่สนหรอกครับว่า snapdragon คืออะไร... // อะไรก้อนๆ นะ ห๊ะส์!!
ใช่เลยครับ ตอนนี้ก็มีรุ่นที่ดู TV Digital มาละ จุดขายดีจริง ๆ
อันนี้ killing feature เลยครับ ผมเห็นยังอยากได้เลย ถ้าต้องเปลี่ยนเครื่อง คงต้องดูเจ้านี้ด้วย
ผมเพิ่งกลับมาจากประเทศลาว. พบว่าร้านมือถือที่ลาว ขาย IQ กันเยอะมากครับ
ดูจากจำนวนที่วางในตู้แล้ว IQ มีจำนวนมากที่สุด รองลงมาคือ Nokia Lumia แล้วค่อย Samsung
ส่วนมือถือจีนจะน้อยครับ ส่วนมากเป็นฟีเจอร์โฟนจีน ถ้าสมาร์ทโฟนจะไม่ค่อยมีมือถือจีนเท่าไร
เหตุผลที่ IQ ขายดีคิดว่าเพราะ IQ คือมือถือราคาจีน แถมได้คำว่าสินค้าไทย
ผมเดาว่าเป็นเพราะประเทศเพื่อนบ้านเรายังมองว่าสินค้าของประเทศไทยยังมีคุณภาพดีกว่าจีน IQ เลยขายได้
ไม่ค่อยอัพรอม อาจแพ้ Xiaomi ในระยะยาวได้ครับ...
i-mobile ดู Digital TV ได้ด้วยนะ อยากให้ทำเป็น media Box จัง
ตอนนี้อยากให้ไอโมบายทำตลาดอื่นควบคู่ไปด้วย เพราะผมว่ามือถือรอดยาก อย่างน้อยแบรนล่างๆหน่อยก็ oppo ซึ่งแบรนนี้กำลังทำตัวเองสูงแล้ว
ผมว่ารุ่งนะครับ ยิ่งพวกอาเจ๊ก อาซิ่ม พวกญาติๆผมรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ใช้กันเต็ม เพราะราคาถูก ดูทีวีได้ และพวกเค้าไม่ได้ต้องการเทคโนโลยีอะไรสูงๆครับ
มือถือจอใหญ่พี่แก ทำถูกตลาดอยู่นะครับ เคยเจอ IQ6 จอใหญ่ แถมทำfontใหญ่เบ้อเร่อชนิดว่า กำหนดfontขนาดปกติแล้วก็ยังใหญ่เต็มตาสมจอใหญ่ๆ อ่านsmsได้ง่าย ถูกใจผู้สูงอายุกันนักแหละ(ขัดใจโก๋นิดหน่อย เพราะมันจะล้นบรรทัด) แต่ข้อเสียก็ตามstyle housebrand ถ้าได้เครื่องดีก็ดีไป ถ้าได้เครื่องแย่ก็เบื่อกับการservice และไม่ต้องหวังupdate
แต่ถ้านั่นแหละถ้า inter brandมาเล่นตลาดล่างเต็มตัว ก็เหนื่อยแน่ ผมยังมอง nokia x,zen 4 น่าสนใจมาเป็นเครื่องสำรองเลย
I mobile ช่วงนี้น่าจะเหนื่อยหน่อย แต่ลูกค้าเค้าไม่คอนเยอะตั้งแต่แรกไม่น่าจะใด้รับผลกระทบจากการแข่งขันเยอะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ขายดีที่ประเทศเพื่อนบ้านที่ชื่นชอบของไทย
ลาวนี่ชอบของไทยมากนะ กลับกันมองว่าของจีนไม่มีคุณภาพ
I-mobile น่าจะลองเปลี่ยนรูปแบบโลโก้ยี่ห้อได้แล้วนะครับ
โลโก้ปัจจุบันที่ใช้มันไม่ค่อยดูทันสมัยเลย
เห็นทีไร นึกถึงพวกฟีเจอร์โฟนทุกที
เปลี่ยนเป็น iMobile :)
เปลี่ยนเป็น i-phone
... โดนฟ้องแน่ๆ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
นึกถึงว่าสมัยก่อน เราซื้อหม้อหุงข้าว เครื่องซักผ้า รถยนต์ ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้นจากโรงงาน ก็มีชีวิตที่สุขสบายปกติได้
หรือขยับใกล้เข้ามาอีกนิด ยุคเกม PS2 XBOX1 หรือแม้แต่วิโดวส์เถื่อนที่ทุกวันนี้ก็ใช้กันทั่วไปโดยไร้การอัพเดท
เพิ่งมายุคสมาร์ทโฟน+อินเตอร์เนตนี่แหละ ที่มีคำว่า "ลอยแพ" กำเนิดขึ้นมา
ซึ่งผมมานึกดูดีๆ เอาจริงๆแล้ว การอัพเดททางซอฟแวร์ในปัจจุบันเนี่ย ก็ไม่ได้ทำให้อุปกรณ์เราๆท่านๆ ทำงานได้ดีขึ้นพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอะไร
สิ่งที่ได้มาแทบทั้งหมด มักจะเป็นแค่การปรับเปลี่ยนส่วนติดต่อผู้ใช้ใหม่บ้าง ปรับหน้าตาให้สวยงามทันสมัยบ้าง ลูกเล่นเล็กๆน้อยๆเพิ่มเติมก็พอมี แต่ในที่สุดแล้ว ฮาร์ดแวร์ในมือเรามันก็เครื่องเดิม
ในฐานะผู้ใช้ธรรมดาคนหนึ่ง
ไม่เคยเห็นการอัพเดทซอฟแวร์อะไร มาทำให้อุปกรณ์ทำงานได้เร็วขึ้นแบบไม่ต้องมานั่งนับเวลา
ไม่เคยเห็นการอัพเดทซอฟแวร์อะไร จะทำให้เลนส์โทรศัพท์เราเสปคสูงขึ้นได้
ไม่เคยเห็นการอัพเดทซอฟแวร์อะไร ทำให้เกมที่เคยเล่นกระตุก กลับมาลื่นได้
ไม่เคยเห็นการอัพเดทซอฟแวร์อะไร ทำให้แรมที่ไม่พอจะใช้งานโปรแกรมนั้นๆเพิ่มขึ้นจนใช้งานได้
คิดๆไป ผมว่า ไอ้ความรู้สึกหวาดกลัวการ "ลอยแพ" เนี่ย มันก็เกิดเฉพาะคนที่ติดตามข่าวสาร รู้ว่าตัวเลขเวอร์ชั่นตามหลังของอุปกรณ์ตัวเองเปลี่ยนไปแล้วไม่ได้เปลี่ยนตามก็เกิดทุกข์
แต่ถ้าคนที่ซื้ออุปกรณ์มาใช้งาน ขอเพียงให้มันทำงานได้ท่ากับวันแรกที่ซื้อ ก็จะไม่ทุกข์ ไม่เดือดร้อนอะไรเลยจนวันฮาร์ดแวร์พัง
+100 ตามนั้น แต่ไม่ทั้งหมด เพราะถ้าปัญหาเกิดจาก software เราก็อยาก upgrade เพื่อแก้มัน เช่นแบตหมดไว wifi หลุดง่าย วันแรกที่ซื้อเราอาจไม่รู้ว่ามีปัญหาพวกนี้
ผมแอบเห็นด้วย
เพราะเราตามข่าวสารกันมาก เลยรู้ว่า Android มันไปถึงไหนต่อไหน Version อะไร
บางทีอาจจะรู้สึกไม่ดี ถ้าเราไม่ได้เป็นรุ่นล่าสุด
ซึ่งบางทีเราอาจจะไม่จำเป็นต้อง Upgrade เลยก็ได้ -_-