Panos Panay หัวหน้าโครงการ Surface เปิดตอบคำถามทุกคำถามบน Reddit มีสิ่งที่น่าสนใจ ดังนี้
Surface Pro 3
- หน้าจอเป็นกระจก Gorilla Glass มีการเคลือบหน้าจอเพื่อลดคราบรอยนิ้วมือ
- ที่เลือกอัตราส่วนหน้าจอ 3:2 เพราะใกล้เคียงกับกระดาษ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกคุ้นเคยมากกว่า
- สเปคซีพียู Core i3, Core i5 และ Core i7 รวมถึงชิปกราฟิกดูจากข่าวเก่า โดยรุ่น Core i7 จะได้คะแนน benchmark ดีกว่ารุ่น Core i5 ราว 15-20%
- Surface Pro 3 ได้รับการออกแบบให้รองรับ Connected Standby (แต่ Surface Pro 2 นั้นไม่) โดยเมื่อเปิดแท็บเล็ตจะพร้อมใช้งานในครึ่งวินาที แต่หากแท็บเล็ตเข้าโหมด hibernate และ deep sleep หลังจากไม่ได้ใช้งานนานกว่า 4 ชม. ขึ้นไปจะใช้เวลานานกว่าการในปลุกเครื่องมาใช้งาน แบบเดียวกับที่ Surface Pro 2 ถูกปลุกขึ้นจากโหมด hibernate
- อัพเดต 2 มีพอร์ต Thunderbolt ติดมาให้ ซึ่งก็คือพอร์ตชาร์จไฟเครื่องนั่นเอง (ดูภาพได้ที่คอมเมนต์ของคุณ hisoft)
- อัพเดต 2 พอร์ต mDP บนรุ่น Core i3 ยัน Core i7 รองรับการแสดงผลจอภายนอกที่ 4K (เรื่องนี้ดูจะขัดกับข่าวก่อนหน้านี้ที่บอก Core i3 รองรับจอภายนอกแค่ Full HD) รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จากคอมเมนต์ของคุณ hisoft ครับ (ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ)
- ประสิทธิภาพแบตเตอรี่ทั้งสามรุ่นเหมือนกัน ส่วนการชาร์จไฟนั้นชาร์จ 80% ใน 2 ชม. และชาร์จเต็ม 100% ใน 4 ชม.
- การวางปุ่ม Windows ด้านข้างเพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานแท็บเล็ตในแนวตั้งอย่างการอ่านหนังสือหรือจดบันทึกได้ดี แต่ทีมพัฒนาก็ทุ่มเทเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะไม่เผลอไปโดนปุ่มนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อาทิ ระบบตรวจจับฝ่ามือ หรือเซ็นเซอร์ที่คอยป้องกันไม่ให้ไปโดนปุ่มดังกล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจ (guard sensors that prevent inadvertent hits)
- ที่ไม่สามารถเปลี่ยน power plan ใน Power Options ได้เกี่ยวเนื่องกับ Connected Standby แต่บริษัทกำลังมองหาแนวทางต่างๆ อยู่
- ณ เวลานี้ตัวเครื่องมีแต่สีเงินเท่านั้น ทีมงานบอกว่าได้ทุ่มเทกับพื้นผิวให้ทนต่อรอยขีดข่วนและรอยนิ้วมือ
อุปกรณ์เสริม Surface
- Surface Pen ทำงานได้กับ Surface Pro 3 เท่านั้น และ ณ เวลานี้ผู้ใช้ยังไม่สามารถตั้งค่าปุ่มด้านบนของ Surface Pen ได้ ส่วนฟีดแบ็กเรื่องให้เป็นยางลบเหมือนเดิมนั้นเป็นฟีดแบ็กที่ดี อัพเดต สำหรับรายละเอียดอื่นเกี่ยวกับ Surface Pen ดูได้จากคอมเมนต์ของคุณ hisoft ครับ (ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ)
- ทัชแพดมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 60% รองรับการวาดนิ้ว (gesture) เพื่อสั่งการ Windows อย่างการซูมเข้าออกโดยใช้สองนิ้วหรือการเลื่อน เป็นต้น
- ที่ไม่มี Type Cover สีขาวนั้นเนื่องจากไม่เป็นที่นิยม ส่วนจะมี Type Cover ลวดลายอื่นหรือไม่นั้นให้ติดตามกันต่อไป (wait and see)
- Type Cover, Touch Cover และ Power Cover ทุกรุ่นใช้งานบน Surface Pro 3 ได้
- Surface Music Kit ไม่มีขายแล้ว
- ไมโครซอฟท์พยายามทำงานร่วมกับคู่ค้าเพื่อให้มีอุปกรณ์เสริมสำหรับ Surface Pro 3 ออกสู่ตลาดโดยเร็ว
Surface ภาพรวม
- Surface mini จะมาเมื่อใดและมีหน้าตาเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไป (wait and see)
- แบตเตอรี่ได้รับการออกแบบให้ยังสามารถเก็บไฟได้ถึง 80% เมื่อใช้งานไปนานกว่า 4.5 ปี (คิดที่ชาร์จ 5 วันต่อสัปดาห์)
- หากแบตเตอรี่เสียแต่เครื่องไม่อยู่ในประกันจะเสียค่าแบตเตอรี่ 200 ดอลลาร์ แต่หากเครื่องอยู่ในประกันไม่มีค่าใช้จ่าย
- ไม่มีแผนทำให้ตระกูล Surface Pro รองรับซิมการ์ด โดยทีมงานบอกว่าแบตเตอรี่เป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาเรื่องนี้
อื่นๆ
- การไม่เปิดตัว Surface รัน Windows RT ไม่ได้แสดงว่า Windows on ARM ตายแล้ว มันยังเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ของแพลตฟอร์ม Windows ต่อไป อย่างการพัฒนาล่าสุดที่รองรับ MDM (mobile device management) รายอื่นนอกเหนือจากไมโครซอฟท์ รองรับการต่อเชื่อมเข้ากับระบบขององค์กร (Workplace Join) และมี Outlook ติดมาด้วย
ที่มา: Reddit AMA ผ่าน WinBeta และ Windows Phone Central
Comments
ที่จริงมีการตอบคำถามเกี่ยวกับการเลือกใช้ N-trig แทน Wacom ด้วย แต่ยาวตั้ง 2,600 กว่าคำ ผมไม่มีเวลาไปตามอ่าน เชิญทักษะกันเอาเองครับ
ยังไม่ได้ตามไปอ่านครับ (ตอบก่อนแล้วค่อยอ่าน ซะงั้น :D ) แต่ผมเห็นใน xda-dev บอกว่า Wacom ก็ดี แต่พอเจอกับหน้าจอความละเอียดสูงมากๆ แล้วความแม่นยำมันสู้กับความละเอียดหน้าจอไม่ได้ พวก active stylus จะได้เปรียบกว่าตรงจุดนี้ ส่วนความละเอียดแรงกด 256 ระดับนี่ผมว่าอย่างนึงที่เป็นไปได้ คือไมโครซอฟท์บอกว่าพยายามทำให้ระยะเวลาตอบสนองสั้นที่สุด เร็วที่สุด การรายงานแบบไม่ละเอียดมากอาจจะช่วยให้ตอบสนองได้เร็วขึ้นนิดนึงทั้งในด้านระยะเวลาการส่งข้อมูลที่น้อยกว่าและการประมวลผลที่น้อยกว่า ไม่รู้ว่านอกจากแรงกดแล้วปากกาต้องส่งค่าอะไรไปอีกบ้างแฮะ
ผมไม่เคยใช้หรือทดสอบจริงจังนอกจากไปเขี่ยๆ เล่นไม่กี่เส้นคงยังไม่มีความเห็นครับ
สรุปคร่าวๆ ข้อดีของปากกาใหม่จากคำตอบใน Reddit ครับ
มาที่ประเด็นหลักที่เป็นกระแส ตัววัดระดับแรงกด
ตรงนี้คิดว่าเขียนปกติทั่วไปคงไม่มีปัญหาครับ แต่คงต้องทำ blind test กับนักวาดทั้งหลายอีกที
ผมตีความเอาเองว่าปากกา N-trig ใน Surface Pro 3 นี้เหมาะกับการเขียนกว่า Wacom ของ Surface Pro, Pro 2 ระดับนึง (ทั้งการเขียนและรูปแบบตัวปากกา) แต่สำหรับการวาดภาพ Wacom ยังคงได้เปรียบที่วัดแรงกดได้ละเอียดกว่า และจับองศาการเอียงของปากกาได้
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
วิธีแบ่งระดับแรงกด งงมาก
แต่ถ้าไกล้เคียงขนาดต้องทำ blind test กับนักวาดทั้งหลาย ระดับแบบผมคงไม่มีปัญหาครับ 555
ใน Surface Pro, Pro 2 ที่มี 1,024 ระดับนั้น แต่ละระดับจะใช้แรงกดต่างกัน ~0.4 กรัมครับ ซึ่งเค้าอธิบายว่าการออกแรงกดของคนเราไม่สามารถควบคุมแรงแค่ 0.4 กรัมได้ตลอดทั้งช่วง (ผมเดาว่าเราควบคุมตอนกดหนักๆ ได้ละเอียดกว่าตอนกดเบาๆ) ไมโครซอฟท์จึงเลือกที่จะลดข้อมูลที่จะต้องส่งลง 2 บิต แล้วทำให้ความละเอียดเปลี่ยนแปลงตามช่วงแรงกด เช่น ตอนกดเบาๆ อาจจะต้องเพิ่มแรง 3-4 กรัมต่อหนึ่งระดับ ขณะที่เมื่อกดหนักๆ ก็อาจใช้แรง 0.4 กรัมต่อหนึ่งระดับเท่ากันก็ได้ เท่ากับกำจัด 2 บิตที่แทบไม่จำเป็นออกไปและสามารถส่งข้อมูลต่อชุดเสร็จได้เร็วขึ้นครับ
0.4 กรัมนี่น้อยขนาดไหน ดูได้จากการเอาปากกาแตะหน้าจอแล้วเขียนติดนั่นนับเป็น 10 กรัมก็แล้วกันครับ หากเราออกแรงเพิ่มไปอีกเท่านั้น (เพราะตอนออกแรงน้อยๆ เราควบคุมแรงได้ยากมาก) เป็น 20 กรัม ปากกาแบบเดิมจะวิ่งไประดับที่ 25 เลยทีเดียว
หวังว่าผมคงไม่ทำให้งงกว่าเดิม
ป.ล. เพิ่งคิดว่าเรื่อง Surface Pen คุณน่าจะเขียนเป็นข่าวใหม่เลย เพราะเนื้อหาเยอะดี เดี๋ยวผมอนุมัติขึ้นหน้าแรกให้ครับ อิอิ
นั่นสิครับ รู้สึกผมกินเนื้อที่ไปเยอะกว่าข่าวอีก (>+<) เดี๋ยวลองเรียบเรียงใหม่ดูครับ
ครับ จะรออนุมัติครับ :D
มาเรียนเชิญไปจับผิดครับ (>_<)
https://www.blognone.com/node/56757
เพิ่มลิงก์ในข่าวมายังคอมเมนต์ของคุณแล้วครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
น่าจะมีใครประดิษฐ์กรอบโดยใช้วัสดุที่ไม่ทำให้เกิดรอยบนหน้าจอแท็บเล็ต มาเสริม Type Cover, Touch Cover และ Power Cover รุ่นเก่าให้มีขนาดพอดีกับ Surface Pro 3 นะ
เสียดายจังครับไม่รองรับซิมการ์ด
แล้วก็ใช้แบบปิดไม่เต็มจอน่ะนะครับ - -" เอาเถอะ ดีกว่าเสียเงินสามสี่พันซื้อใหม่
แต่ connected standby นี่กลายเป็นปัญหาเรื้อรังแฮะ แถมยอมแค่ 4 ชั่วโมงอีก
เพิ่มเติม
ไม่ขัดนะครับ ข่าวก่อนหน้านี้ 2K สองจอ อันนี้บอกรองรับ 4K จอเดียว สรุปว่าถ้าจะต่อเพิ่ม 2K ได้สองจอ แต่ถ้าต่อ 4K ได้จอเดียว
อีกอันที่ผมว่าน่าสนใจน่าจะเป็นอันนี้ครับ
ถาม
ตอบ
ตอนแรกยังสงสัยอยู่ว่าเปลี่ยนหัวชาร์จทำไม แต่ก็ว่าของเก่ามันต่อยาก แบบนี้ถ้าต่อการ์ดจอแยกได้ผมจะสนใจมันมากๆ แบบไม่ติดขัดอะไรแล้วครับ (ตอนนี้ขัดใจแค่การ์ดจอ เพราะอยากเล่นเกมบ้างอะไรบ้าง)
ภาพช่องที่ว่า (ที่มา: http://www.wpcentral.com/surface-pro-3-new-and-improved-ac-connector)
ถึงจะมองว่าแบ่ง 4K เป็น 2K สองจอ (ผมก็เพิ่งรู้ว่าแบ่งครึ่งแบบนี้ดื้อๆ ได้) เรื่องพอร์ต mDP ขัดอยู่ดีครับ เพราะข่าวเก่าบอกรุ่น Core i3 รองรับแค่ Full HD แต่ข่าวนี้บอก Core i3 ก็รองรับ 4K (แล้วแบ่งเป็น 2K สองจอตามที่คุณบอก) ครับ
เรื่องพอร์ต thunderbolt ผมยังงงอยู่ๆ หน้าตาไม่เหมือนกับของแอปเปิลเลย หรือผมเข้าใจอะไรผิดหว่า?
Core i3 รองรับ Full HD x2 และ 4K x1 ครับ
http://www.reddit.com/r/IAmA/comments/26m9cu/we_are_panos_panay_and_the_surface_team_at/chsdj0r
เรื่องพอร์ต Thunderbolt เราคงลืมกันไปแล้วว่า Sony เคยออกโน้ตบุ๊กที่มีพอร์ต Light Peak ที่หน้าตาเป็น USB ครับ เกรงว่าเจ้าพอร์ตที่ว่านี่จะไม่มีข้อกำหนดเรื่องหน้าตามาตรฐานมาด้วยเสียแล้ว แต่อาจจะมีอแดปเตอร์สำหรับแปลงมาก็ได้
ที่สำคัญอีกอย่างที่ตอนเปิดตัวไม่บอกว่ามี Thunderbolt อาจจะเป็นเพราะ[คนที่ถือเครื่องหมายการค้า Thunderbolt เป็นแอปเปิล]https://www.blognone.com/news/23816) ไม่ใช่อินเทล และทำให้ไม่สามารถทำหน้าตาพอร์ตแบบแอปเปิลได้ (หรือว่าเขาโอนให้อินเทลแล้วตรงนี้ผมไม่แน่ใจ)
ขอบคุณครับ ผมอ้างอิงเรื่องการต่อจอภาพภายนอกและพอร์ต Thunderbolt มาที่คอมเมนต์คุณเลยแล้วกัน
ยินดีครับ ผมเพิ่งเห็นว่าทำลิงก์พลาด ขาดวงเล็บเปิด orz
สรุปว่า
Apple => Thunderbolt = Light Peak + mDP
Sony => Light Peak + USB
Microsoft => Light Peak + power (สายชาร์จ)
มาตรฐานสุดๆ ไปเลยครับ! ช่วยบอกผมทีว่ามันมีสายแปลงระหว่างแต่ละเจ้าด้วยไม่ใช่แยกอุปกรณ์กันโดยสิ้นเชิง (น่าจะแค่ใส่ชิปที่หัวแต่ละด้านให้ถูกแบบ?)
ถ้าได้ TB จริงนี่ซื้อเลย
Manta ที่มันทำให้แยกร่างได้อะนะครับ?
แล้วที่ผมกลัวก็เป็นจริงซะงั้น - -" มันไม่บอกล่วงหน้าว่าปลุกไม่ได้นะด้วยนี่สิ
ไม่ไดตั้งใจ => ไม่ได้ตั้งใจ
ฝามือ => ฝ่ามือ
ส่วนฟีดแบ๊ก => ส่วนฟีดแบ็ก
เดือนหน้าก็คงมีผลทดสอบจากหลายเจ้ามากขึ้น
ไม่นะ Music Kit ของฉัน T_T
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมสงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่าคิดยังไงถึงทำมาขาย (-.-)
ไม่ทำ Music Kit แต่ยังทำ Touch Cover นี่คิดยังไงของเขา
แหม ผมชอบนะครับ มันบางดี แต่พอรุ่นหลังออกมาราคาเกือบเท่า type cover เท่านั้นแหละ - -" ยอมใช้หนาๆ ครับ :p (รุ่นแรกสุดมีเรื่องราคามาเกี่ยวข้องด้วย)