ปัญหาความเป็นกลางของอินเทอร์เน็ต หรือ net neutrality ในสหรัฐฯ เริ่มเป็นปัญหาที่กระทบผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปแล้ว เมื่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือ ISP เริ่มจำกัดความเร็วในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ เว้นแต่ว่าเจ้าของบริการนั้น ๆ ยอมเสียเงินให้กับทาง ISP เอง ซึ่งก่อนหน้านี้บริการที่กระทบกับนโยบายเก็บเงินสองทางของ ISP นี้อย่างจัง คือบริการสตริมมิ่งภาพยนตร์อย่าง Netflix
หลังจากที่ Netflix ได้ยอม “ตกลงกันนอกรอบ” กับ Verizon ซึ่งเป็น ISP ใหญ่อันดับสองของสหรัฐฯ ล่าสุด Netflix ยังไม่พอใจกับผลลัพธ์จากการตกลงในครั้งที่แล้ว จึงได้เอาคืนด้วยการแสดงข้อความโจมตีเครือข่ายของ Verizon ระหว่างที่วิดีโอต้องหยุดเล่นจากการ buffer ว่า ”The Verizon network is crowded right now. Adjusting video for smoother playback” ซึ่งแปลตรง ๆ ก็คือ “เครือข่ายอินเทอร์เน็ตของ Verizon มีคนใช้เยอะเกิน กำลังปรับคุณภาพวิดิโอให้ต่ำลงเพื่อให้ใช้ง่านลื่นขึ้น”
ทาง Verizon ได้รีบแสดงท่าทีโต้กลับ และได้ส่งจดหมายขอให้ Netflix ยกเลิกการกระทำดังกล่าวทันที และได้ให้สัมภาษณ์ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่จะต้องอัพเกรดเครือข่ายทั้งหมดเพื่อบริการเพียงไม่กี่บริการของผู้ให้บริการไม่กี่ราย (เช่น Netflix) และการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ตมันซับซ้อนกว่าที่หลายคนคิด และทุกวันนี้ ISP จะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้เนื้อหาของผู้ให้บริการไม่กี่รายนี้สามารถเดินทางผ่านเครือข่ายสะดวกขึ้น
ที่มา - C|net News
Comments
แบบนี้สินะที่ทำให้ google ต้องทำ isp เอง
BW ไม่พอ ก็ลดความเร็วฝั่งผู้ใช้ เรียกเก็บเงินเพิ่มที่ความเร็วสูงๆ ขึ้นไปสิครับ :p ทะลึ่งทำความเร็วเกินราคา
มันมีปัจจัยอื่นมากกว่านี้มั้ย? หรือผมคิดง่ายไป?
ในตลาดจริงๆมันทำได้ยากครับ
มีเน็ต 2 เจ้า รายนึงบอกว่า 10 เม็ก 590 อีกรายบอก 20 เม็ก 590 ลูกค้าจะเลือกแบบไหนครับ
ISP เป็นคน promise ลูกค้าครับ ซึ่งก็ต้องทำให้ได้
ถ้า ISP บอกกับลูกค้าว่าจะทำก็ต้องทำครับ ไม่งั้นก็ไม่ควรบอก
ใช่ครับโฆษณาอย่างไร ควรทำให้ได้อย่างนั้น ผมก็อยากได้อย่างนั้น
แต่จากคำตอบคุณ hisoft คือให้ลดความเร็วคนทั่วๆไป ให้เท่าความเป็นจริงที่ควรได้ ใครอยากพรีเมี่ยมให้จ่ายเยอะเอา(ถ้าผมเดาผิดขออภัย)
คำตอบผมคือตามด้านบน ไม่เกี่ยวกะ promise ทำได้ไม่ได้ตามที่โฆษณาอะไร แต่ถ้าใครเอาความเป็นจริงแบบจั๋งๆ มาพูด ล้มแน่นอน
รถสองคันบอกว่าประหยัดน้ำมัน
คันแรก บอกวิ่งได้ 40 โล/ลิตร (โดยวิ่งแบบปิดแอร์ ความเร็วเสมอ รถไม่ติด ไม่เปิดหน้าต่าง วิ่งลงทางลาดอย่างเดียว)
คันที่สองวิ่งตามปกติ 25โล/ลิตร
เวลาโฆษณา คันแรกจั่วหัวตัวโตๆบอก 40 โล/ลิตร จบ อีกคันต้องมาอธิบายยาวเหยียดว่าทำไมของตนได้ตัวเลขน้อยกว่า คันแรก ลูกค้า ไม่ค่อยฟังหรอกครับ
โลกแห่งความจริงมันช่างเจ็บปวด
ไม่ใช่แบบนั้นครับ ให้ปรับราคาหรือความเร็วของแต่ละแพ็คเกจเฉยๆ แบบเดียวกับที่ในไทยปัจจุบัน 590 บาท 10 เม็ก 690 บาท 20 เม็กอะไรก็ว่าไป ถ้าแบกรับต้นทุนตรงนี้ไม่ไหวก็ลดไปเป็น 690 บาท 7 เม็ก 790 บาท 15 เม็ก
ถ้าอีกเจ้านึงทำได้ แต่คุณทำไม่ได้ คุณก็แพ้ครับ มีทางเลือกอยู่ราคาเดิมให้ลูกค้าหนี กับปรับราคายอมขาดทุนไปก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ ปรับลดต้นทุนให้ไม่ขาดทุนให้ได้ ปรับตัวไม่ได้ก็ต้องเจ๊งไป
มันทำได้ในความเป็นจริงหรือเปล่าละครับ
ทำไมเน็ตบ้านเราเจ้านึงขยับเม็ก อีกเจ้าต้องรีบขยับตามให้เท่ากัน
ไม่นับเรื่องว่าใช้จริงเต็มไม่เต็ม - เพราะนั่นต้องพิสูจน์หลังใช้ไปแล้ว และมักจะติดสัญญา 1 ปี
นั่นแสดงว่า อีกเจ้านึงเค้ามีวิธีที่ทำแล้วเค้าไม่ขาดทุนครับ ถ้าทำตามไม่ได้ ไปขยับตามเค้า ก็เตรียมตัวเจ๊งได้
คนขยับหนีก็ต้องนึกด้วยว่าหนีแล้วตัวเองอยู่รอดหรือเปล่า
ซึ่งในความเป็นจริง มันยังมีส่วนต่างให้เขาปรับได้ เขาถึงปรับตามกันได้ทันทีครับ ลองอยู่ๆ มีเน็ตเคเบิล 100 เม็ก 590 บาทมาให้บริการทั่วไป คิดว่า ADSL2 จะปรับราคาตามหรือเปล่าครับ? ก็คงไม่
อีกส่วนคือเรื่องในข่าวนี้ ไม่ใช่ความเร็วเต็มๆ แค่อย่างเดียว แต่เป็นความเร็วของแต่ละระบบที่ไม่เท่ากันครับ ทั้งที่ผมเปิดมาดาวน์โหลดไฟล์ได้ความเร็วสูงๆ แต่ดูคลิปนี่ดูครึ่งบัฟเฟอร์ครึ่ง
ถูกแล้วไม่ใช่หรือครับ
A ให้ 13Mb. 5฿
B ให้ 14Mb. 5฿
ลูกค้าใหม่น่าจะเลือก B และลูกค้าเก่าของ A ก็อาจจะย้ายออก
แต่ถ้า A ให้ 14Mb. เท่ากัน ก็วัดกันที่คุณภาพบริการ ถ้ามันห่วยทั้งหมดหรือดีทั้งหมด เจ้าที่มีลูกค้าน้อยที่สุดจะเป็นฝ่ายดิ้นรนเพื่ออยู่รอด
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ขึ้นอยู่กับสัญญาของผู้ให้บริการครับ
ส่วนมากก็จะแห่ไปซื้อเจ้า A อยู่ละ แล้วก็มาบ่นว่าดู Youtube ไม่ค่อยได้ โดน Bandwidth Shape ซะไม่มีชิ้นดี (CAT อะตัวดี 10โมงถึง 4ทุ่มดู Youtube แทบไม่ได้)
แต่เจ้า B มักจะเป็น Leased Line หรือ ADSL นี่แหละแต่แยกช่องสัญญาณออกมาต่างหาก ลูกค้าแบบนี้ส่วนมากจะเป็นบริษัท ห้างร้านสะดวกซื้อที่ต้อง Online ข้อมูลตลอด แต่ต้องการลดต้นทุนด้วย
ส่วนคำถามเรื่อง Pay for QoS (อย่างกับ Pay to Win) ผมว่า ISP หน้าเงินเกินไปหน่อย ระบบโครงข่ายกระจอกเองแต่จะกินเงินทั้งเจ้าของเว็บและลูกค้าตัวเอง ตบสองดอกแบบนี้ถ้าคู่แข่งบอกว่าไม่ต้องจ่ายเล่นได้ลื่นปรื๊ด แบบนี้ลูกค้ามีสิทธิ์หนีไปค่ายอื่นได้เหมือนกัน แต่ถ้านำเงินมาพัฒนาโครงข่าย อัด Cell Site ให้ถี่ยิบ แล้วมายกเลิกระบบ QoS ทีหลัง แบบนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันครับ
ก็ผู้ใช้เค้าจะจ่ายเงินมาดู Netflix คุณก็ทำบริการให้รองรับ Netflix ก็ถูกแล้วหนิ จะไปว่าา Netflix ทำไมแจ๊ะ Verizon
แล้วพอเค้าเอาคืนบ้างก็ทำเป็นบ่น
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ประโยคนี้หมายถึงระบบเป็นคนปรับครับ ไม่ใช่บอกผู้ใช้ให้ปรับ (ถ้าบอกผู้ใข้ให้ปรับก็น่าจะขึ้นประมาณว่า "Please adjust video quality for smoother playback" มากกว่า)
"ผู้ให้บริการไม่กี่ราย" ก็จริง แต่ลูกค้าจำนวนเค้าอยากจะไปหากลุ่มที่ว่านี้
ถ้าลูกค้าใช้บริการ ISP เพื่อเป็นทางผ่านไปหา content แต่ ISP ดันไปทำให้ลูกค้าลำบากนี่ผมว่าไม่สมควรนะ
I need healing.
ง่าน => งาน
ในไทยก็มีISP ที่เอาOnline TV ของช่องฟรีมาขึ้นเวบตัวเอง ผมคาดว่าคงทำproxyสำหรับส่วนนี้แล้ว
แต่ก็นะ ใครๆเค้าก็ใช้ App กัน ทำไมไม่ทำ App มาให้คนใช้จากตัวเองไปเลยหละ
Verizon เจ้าตายแน่ เนตที่ไม่มี Content คนจะใช้ไปทำไมหละครับ