ไมโครซอฟท์ออกมาแจ้งลูกค้า Azure ว่าปัญหาไอพีบล็อคสหรัฐฯ ที่หมดไปนานแล้วกำลังส่งผลกระทบให้เครื่อง VM ที่สร้างขึ้นใหม่จะได้หมายเลขไอพีจากบล็อคอื่นๆ ที่ไมโครซอฟท์จัดหามาให้
กรณีที่เกิดขึ้นตอนนี้คือหมายเลขไอพีที่ใช้งานกับเครื่องในสหรัฐฯ อาจจะเป็นหมายเลขไอพีจากบราซิล
โดยทั่วไปแล้วการใช้หมายเลขไอพีเซิร์ฟเวอร์ต่างไป ไม่ควรจะส่งผลกระทบจากผู้ใช้ทั่วไปนัก แต่ก็มีบางกรณีที่เซิร์ฟเวอร์แต่ละประเทศถูกกำหนดให้แสดงหน้าเว็บของประเทศนั้นๆ ผู้ใช้อาจจะเข้าเว็บในสหรัฐฯ แล้วพบว่าเว็บที่แสดงเป็นเว็บบราซิล แม้เครื่องเซิร์ฟเวอร์จะวางในสหรัฐฯ ก็ตาม
สำหรับคนที่เช่าเครื่องมาทำ VPN ควรระวังให้มาก เพราะเครื่องที่ไปโดยตั้งใจว่าจะให้เป็นเครื่องในสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ เมื่อเชื่อมต่อผ่าน VPN แล้วบริการต่างๆ อาจจะพบว่าเชื่อมต่อมาจากคนละประเทศกับที่เราตั้งเซิร์ฟเวอร์
ไมโครซอฟท์ระบุว่ากำลังทำงานร่วมกับฐานข้อมูลไอพีหลักๆ เพื่ออัพเดตให้หมายเลขไอพีที่ใช้กับ Azure มีข้อมูลว่าอยู่ในสหรัฐฯ เหมือนเดิมเพื่อลดผลกระทบ
ผลกระทบเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ IPv6 จะเริ่มใช้งานได้หรือยัง
ที่มา - Azure Blog, The Register
Comments
สำหรับคนที่เช่าเครื่องมาทำ VPN ควรระบุวังให้มาก ==> ควรระวังให้มาก
อีกทีนะครับ ยังตกไม้หันอากาศไป ที่เดิมครับ
รีบแก้ไปไหนครับ กลายเป็น "ระบุระวัง" ไปแล้ว
ขอความรู้หน่อยครับ คือเรื่อง IPv6 เนี่ยมันติดอะไรเหรอครับถึงไม่ใช้สักที
คือผมไม่มีความรู้เรื่อง network เลย แต่เข้าใจว่า ถ้ามันเป็น network ระดับใหญ่มาตรฐานมันน่าะถูกเปลี่ยนให้รองรับ IPv6 มาหลายปีมากๆ แล้วตั้งแต่ IPv4 ยังไม่หมดด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้มันก็น่าจะพร้อมเปลี่ยนมานานแล้วนี่นา
คือยังไม่เคยอ่านเจอปัญหาเรื่อง IPv6 เลยอะครับ (แต่ผมอาจจะตกข่าว)
เร้าเตอร์ที่บ้านผมยังไม่รองรับ IPv6 ครับ รอผมซื้อใหม่ก่อนเขาถึงจะเปลี่ยนกันได้
^
^
that's just my two cents.
ท่านคือผู้ใดกันครับ 55+
we can build a more peaceful.
นอกกรอบ Software แล้ว มันมีปัญหาระดับ Hardware เลยครับ
Microcontroller source code ทั้งหลายของบริษัทผมยัง Upgrade ให้รองรับไปไม่ถึง 10% เลยครับ ไหนจะ Network Integrate chipset ที่ผมสั่งผลิตมาแล้วยังนำไปใช้ Implement ไม่หมดอยู่ใน Stock อีกจำนวนไม่น้อย (เป็นปัญหา Financial ได้อีก)
เรื่องนี้ปัญหาใหญ่ในการย้ายไปทั้งหมดไม่ใช่ Software เลยครับ มันก็ต้องทยอยไป แต่มันไม่ทันกับที่หมดไป...
IPV4 เขียนด้วยตัวเลขฐาน 10 แบบ 3 หลัก จำนวน 4 ชุด แปลงเป็นเลขฐาน 2 ได้จำนวน 32 bits และแปลงต่อเป็นจำนวน IP ได้ทั้งหมด 2^32 = 4 พันกว่าล้าน ip
แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่ถูกใช้เป็น Public IP มันคือ IP ที่ทั่วโลกรู้ตักว่ามันคือ server ไหน เว็บอะไร แต่บางส่วนมันถูกจัดไว้สำหรับ Private IP มันคือ IP ภายใน ซึ่งคนที่อยู่นอก network นั้นจะไม่รู้ว่ามันเครื่องไหน server ไหน (ที่เราคุ้น ๆ ตาก็พวก 192.168.xxx.xxx) เมื่อเวลาผ่านไป เครือข่ายทั่วโลกใหญ่ขึ้น ก็เลยทำให้ ip ที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอต่อการใช้งานมันจึงต้องเกิด ipv6 ขึ้น
IPV6 เขียนด้วยตัวเลขฐาน 1ุ6 แบบ 4 หลัก จำนวน 8 ชุด แปลงเป็นเลขฐาน 2 ได้จำนวน 128 bits และแปลงต่อเป็นจำนวน IP ได้ทั้งหมด 2^128 = 4 พันกว่าล้าน ip 3.4E38 (ศูนย์อีก 38 ตัว)ตอนที่ผมเรียนใหม่ ๆ ว่ากันว่ามันเยอะพอที่จะทำให้เราทุกคนหรือแม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็สามารถมี IP ประจำตัวได้กันเลยทีเดียว
ที่ยังไม่เปลี่ยนเพราะยังมีอุปกรณ์อีกมากยังไม่รองรับ IPV6 ครับ router ตามบ้านนั้นอาจจะเปลี่ยนได้ไม่ยาก แต่ server ตัวใหญ่ ๆ นั้นไม่ง่ายเลย หลาย ๆ ตัว hardware ไม่รองรับ หรือถึงแม้จะเปลี่ยน hardware บางตัวให้รองรับก็ยังมีปัญหา software & license อีก ต้นทุนสูงมากครับ
พวก Network ที่เป็น ASIC มันอาจต้องเปลี่ยน Hardware ครับอัพ firmware ช่วยไม่ได้
IPv4 สำหรับงานเก่าๆ ก็ไม่ได้หยุดใช้ในทันทีครับ แต่อาจจำกันใน private network แทน
ส่วน Public Internet น่าจะดัน IPv6 กันสุดตัว
อาจต้องแจกคูปองแลกซื้อ CPE Router เหมือน Digital TV
ผมเห็นด้วยครับว่า Private network ใช้ IPv4 ไปก่อนส่วน Public Internet น่าจะดัน IPv6 เพราะเคยลองใช้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเครือข่ายภายในบริษัท โดยในบริษัทเป็น IPv4 แต่ Pubblic IP เป็น IPv6(ของ CAT Telecom ก็รองรับ IPv6 แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว ตอนนั้นขอเข้าลองสนุกๆดู 1 - 2 วัน) โดยส่วนตัวคิดว่าที่ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากระบบ Internet เองและเงินทุน
สรุปคือเปิด website ได้มั่ง ไม่ได้มั่ง(ส่วนใหญ่)
ปล. แนะนำให้ค่ายมือถือใช้ IPv6 กับโทรศัพท์มือถือก่อนเลย เพราะ website ใหญ่ support แล้ว เช่น Facebook เป็นต้น
OK
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เดี๋ยวๆๆ
อย่างน้อยก็ควรปล่อย IPv6 มาตามเนตบ้านได้แล้วนะครับ จะใช้ได้หรือไม่ได้อีกเรื่อง
ประเด็นคือระบบของผู้ให้บริการรองรับไม่ได้น่ะสิครับ
น้ำหนักไปทางเป็นเรื่องของผู้ให้บริการรึเปล่า
ขอบคุณมากคร้าบบบบบ