ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2014 ซึ่งใกล้เคียงกับที่บริษัทออกมาคาดการณ์เมื่อต้นเดือน โดยมียอดขายรวม 52.35 ล้านล้านวอน ลดลง 8.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และลดลง 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี มีกำไรจากการดำเนินงาน 7.19 ล้านล้านวอน ลดลงถึง 24.6% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 6.25 ล้านล้านวอน ลดลง 19.6%
โทรศัพท์มือถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่ฉุดกำไรรวมให้ลดลงมามาก กำไรจากการดำเนินงานเฉพาะส่วนนี้อยู่ที่ 4.42 ล้านล้านวอน ลดลง 29.6% ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของซัมซุงตอนนี้ ส่วนธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพิ่มขึ้น 79% และธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์กับจอภาพลดลง 28.4%
ซัมซุงระบุว่าสาเหตุที่ภาพรวมยอดขายโทรศัพท์มือถือลดลงนั้นถือเป็นปกติของไตรมาสที่สองของปี ขณะที่ความต้องการสมาร์ทโฟนนั้นค่อนข้างคงตัว ส่วนแท็บเล็ตลดลงเล็กน้อย ซึ่งยอดขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี
ที่มา: ซัมซุง
Comments
ดูได้จากผลสำรวจภาพรวมตลาด smartphone ทั้งโลก ss ภาพรวมลดลงเกือบ 10% ซึ่งถือว่ามากที่สุดในทุก brand การที่ยอดขายหดขนาดนี้เป็นเรื่องน่ากลัวมากสำหรับ ss ก็ว่าได้ เพราะคู่แข่งสำคัญของ SS ไม่ใช้ apple เลย แต่เป็น brand อื่นๆของ android ที่จะมากินส่วนแบ่งงานตลาดของ ss มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ ss ไปตกอยู่ในหลุมความสำเร็จเก่าๆมากเกินไป
ความเห็นส่วนตัวคือจุดเด่นของ Samsung หลายอย่างเป็นสิ่งที่คู่แข่งสามารถลอกและตามทันได้ง่าย
เพราะความผิดพลาดของ Galaxy S5 และ การมาของ ZenFone สินะ
การมาของ xiaomi ครับ
ในจีน xiaomi มาใหม่ก็จริง แต่ก็แรงจนแซง iphone ขึ้นไปเป็นที่ 2 ในจีนใด้ (เบอร์ 1 ยังเป็น Samsung อยู่)
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
การที่ samsung ผูกขาดตลาดไม่ได้ ส่งผลดีต่อผู้ใช้อย่างเรา ๆ มากครับ สังเกตว่า เครื่องแรงขึ้น และราคาลง อย่างรวดเร็ว อย่าคิดว่ามีแฟนบอย samsung มันไม่มีแบบ apple หรอกครับ คนพร้อมจะเปลี่ยนถ้าแบรนอื่น ดีกว่าถูกกว่า apple เก่งที่ทำให้เรารู้สึกเป็นสาวกเขา แต่จริง ๆ apple ก็แค่คนขายของ เราก็แค่คนซื้อของ อย่ายึดติดมากไป
ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ด้านดีนะครับ ทุกอย่างเมื่อได้สิ่งหนึ่งมาก็จะต้องแลกกับอีกสิ่งหนึ่งไป การที่เป็นบริษัทใหญ่ขายของได้เยอะมีกำไรเยอะก็หมายถึงมีทุนเยอะมีสภาพคล่องในการจัดการดำเนินการต่างๆ มีแนวโน้มที่จะสามารถให้บริการที่มีคุณภาพ มากกว่าบริษัทที่เล็กที่มีทุนหรือกำไรน้อยกว่า แต่ถ้าจะมองแค่ด้านเครื่องแรงขึ้นฮาร์ดแวร์เสป็คสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไปก็ตามที่ท่านว่ามาแหละครับ
อันนี้ผมไม่เห็นด้วยนะ สมมุติ samsung ไม่มีคู่แข่งมั่นใจหรือครับว่าจะบริการดี เพราะว่ามีคู่แข่งต่างหากถึงบริการดี และ samsung ยอดตกคิดว่าเขาจะลดการบริการหรือครับ ผมว่าบางทีอาจทำตรงข้ามนะ การแข่งขันมันลามไปทุกส่วนละครับ
ผมถึงได้ใส่คำว่า "มีแนวโน้ม" ไว้ครับ เพราะมันไม่สามารถสรุปออกมาอย่างที่ผมคาดเดาไว้ได้แบบ 100% ส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของตัวบริษัทเองด้วย แล้วในที่นี้ผมไม่ได้จะพูดถึงในกรณีที่เกิดกรณีถึงขั้น monopoly ครับซึ่งโอกาสจะเกิดขึ้นในยุคนี้ค่อนข้างยากมาก ผมพูดไปโดยดูจากตามสภาพความเป็นจริง ประสบการณ์และจากข้อมูลที่ได้รับรู้ในการให้บริการของแต่ละบริษัทในช่วงเวลาที่ผ่านมาครับ
ตามนั้นครับการมีคู่แข่งทำให้กลไกลการตลาดทำงานใด้ สุดท้ายผลดีก็จะอยู่กับลูกค้า
ลองคิดดูถ้าไม่มี android รับรองว่าผู้ไช้ iphone ไม่ใด้ไช้จอ 4" หรือ 4.7" แน่นอน นี้เพราะมีคู่แข่งจนส่วนแบ่ง iphone เหลือ 11% เลยใด้ไช้จอ 4.7"
เช่นกัน Samsung เป็นผู้นำตลาด Android มานานพอถึงเวลาเลยปล่อยตัว ไช้จอ 1080p โดยที่เจ้าอื่นไช้ 2k ไปเรียบร้อยแล้ว งานออกแบบก็แย่ลง ส่วนแบ่งการตลาดลดลง ตอนนี้ขยับโดยการกวาดคนมาทำ R&D (https://www.blognone.com/node/58792) ก็ต้องรอดูผลงาน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถอนตัวไม่ขึ้นละครับ รักสุด ๆ กับ "แค่คนขายของ" ที่พูดถึง :)
ผมรอดู S6 ครับ รอบนี้ SS น่าจะเอาจริง ปรับโฉมใส่ลูกเล่นแบบจัดเต็มซะที (ผนวกกับ material design ของ Google ด้วย) แจ่ม!
แข่งกันเยอะ ๆ น่ะดีครับ ผู้บริโภคอย่างเราได้ประโยชน์
ทำไม Samsung ไม่ก็อบการบริการหลังการขายดีๆ แบบคู่แข่งบ้างนะ