บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2557 โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 4,397.34 ล้านบาท ลดลง 6.42% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 175.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.65%
คุณอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ซีอีโอเจมาร์ทระบุว่าสาเหตุที่ยอดขายลดลงมาจากปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่าย แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะดีขึ้น โดยได้ตัวเร่งจาก iPhone และสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัว
ปัจจุบันรายได้หลักของเจมาร์ทมากกว่า 90% มาจากการขายโทรศัพท์มือถือ (ที่เหลือเป็นธุรกิจอื่นในเครือและพวกอุปกรณ์เสริม) ซึ่งส่วนใหญ่มือถือที่ขายก็เป็นสมาร์ทโฟน โดยมีราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่อง 6,290 บาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้ แต่ยังสูงกว่าเฉลี่ยตลาดที่ 5,022 บาทต่อเครื่อง
เจมาร์ทมีจำนวนร้านค้าสาขา ณ ไตรมาสที่ 2 รวม 262 สาขา แบ่งเป็นร้านที่เจมาร์ทบริหารเอง 139 สาขา ร้านที่จำหน่ายเฉพาะสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต 23 สาขา และเป็นร้านซัมซุงโดยเฉพาะ 11 สาขา นอกจากนี้บริษัทเตรียมรับบริหารร้านแฟล็กชิปให้กับ Huawei และ Oppo สาขาพารากอนด้วย
Comments
ทำไมเวลาขายของไม่ดีอ้างการเมืองด้วย ผมว่าบริหารงานไม่ดีมากกว่า เลนอ้างการเมืองเพื่อกลบเกลื่อนความผิดจองตัวเอง
ในสภาวะแบบนี้กับสินค้าที่ไม่ใช่ปัจจัยสี่ผมว่าอ้างการเมืองก็พอฟังขึ้นอยู่เหมือนกัน
เอ่อ .... ในฐานะที่ผมทำการค้าการขาย ผมพูดได้เลยว่าการเมืองนี่ล่ะครับ มีผลต่อการค้าสูงมาก บริหารดีแค่ไหน แต่การเมืองก็เป็นปัจจัยกระทบองค์กร ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายในก็ตาม ต่อให้ไม่เจอเราโดยตรง ก็เจอคู่ค้าเรา ทั้งในด้านลูกค้าหรือ supplier ซึ่งก็จะกระทบเราเป็น domino อยู่ดี
ช่วงม๊อบมาเยอะๆ นี่ คนหากินกับงานอีเวนท์เจอ cancel งานกันจนเซ็งเลยล่ะครับ
มันจริงนะครับ ตอนประท้วงหนักๆ ไปถามนักข่าว ช่างภาพสายอีเวนท์ดูได้ครับ นั่งตบยุงกันเป็นแถบๆ งานยกเลิกเรียบติดกันเป็นเดือนๆ
ผลกระทบจากการกระทำทางการเมืองก็มีผลครับ ตอนกลุ่มคนดีหน้ามืดไปปิดศูนย์ราชการหลายเดือน หนังสือเดินทางหมดอายุ ทำใหม่ไม่ได้เกือบจะไม่ได้กลับไทยแล้ว ดีที่มีกงสุลออกฉบับชั่วคราวให้ การค้าตอนนั้นก็กระทบแน่ครับ ตอนนี้ถ้ายังคลุมเครืออยู่ ความมั่นใจของคนซื้อ และการรับสั่งของคงลดไปด้วย
มองให้รอบนะครับ ผลกระทบขนาดใหญ่แบบนี้มันมีเอฟเฟคเป็นโดมิโนเลยละครับ บางคนอยู่ในจุดที่รับผลกระทบน้อยอาจจะไม่ค่อยเห็นผลกระทบ
ที่ทำงานผม เขาบอกว่าอย่าอ้างการเมือง
เขาว่า มันเป็นปัจจัยภายนอก เอามาอ้างก็แก้ไขอะไรไม่ได้
ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ
ปัจจัยภายนอก แปลว่าไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจหรือครับ?
มันแก้ไม่ได้และไม่ใช่ข้ออ้าง อันนี้เห็นด้วยแต่มันเป็น fact
ถ้าแบบนั้นก็ได้ครับแต่ว่าต้องเทียบกับบริษัทคู่แข่งภายใต้สภาวะแวดล้อมเดียวกัน แต่สมมติว่าที่ทำงานคุณคือห้างที่ตั้งอยู่ใจกลางม็อบผมเองก็ไม่รู้ว่าที่ทำงาน(ผู้บริหาร,หัวหน้า)จะมาบอกแบบเดิมหรือเปล่านะ
มันคนละบริบทกันครับ
ถ้าเทียบกับคู่แข่งเหมือนฟุตบอลอันนั้นใช่ ทั้ง 2 ทีมเตะในสนามเดียวกันสภาพแวดล้อมเดียวกันไปโทษฟ้าโทษฝนไม่ได้
เหมือนกัน ถ้า บ. คุณแย่ง market cap จากคู่แข่งไม่ได้ อันนี้ไปโทษสถานการณ์อย่างเดียวมันก็ดูน่าเกลียด
แต่ตามบทความนี้ ตามบทสัมภาษณ์ เค้าบอกว่ายอดตกส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการเมืองกับการบ้านมันเกี่ยวข้องกันแบบสุดๆเลย
ลองศึกษา SWOT Analysis ครับ