เราไม่ค่อยเห็นข่าวคราวคดีเรื่องเงินๆ ทองๆ ระหว่าง Microsoft และบรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์ Android มากนัก ส่วนหนึ่งอาจมาจากสาเหตุที่ Microsoft ก็เก็บกินค่าธรรมเนียมเข้ากระเป๋าได้จากการผลิตอุปกรณ์ Android ทุกเครื่อง อันเป็นค่าขอใช้สิทธิบัตรของ Microsoft ที่เป็นส่วนหนึ่งของฟังก์ชันสำคัญของ Android
แต่เดิมแล้วผู้ผลิตอุปกรณ์ Android ทุกรายก็ยอมจ่ายเงินตรงนี้ให้ Microsoft แต่โดยดี จนกระทั่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เริ่มมีผู้คิดว่าไม่จำเป็นต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อีกต่อไป ผู้ผลิตอุปกรณ์รายนั้นก็คือ Samsung โดยมองว่าหลังจากการที่ Microsoft ได้เข้าซื้อธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Nokia อันเป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ถือว่าเป็นคู่แข่งรายหนึ่งของ Samsung มาไว้แล้ว จึงถือเป็นการละเมิดข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรกันใช้งานระหว่าง Samsung และ Microsoft นั่นทำให้ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีเชื่อว่าตนเองไม่ได้ติดค้างและไม่ต้องจ่ายเงินให้ Microsoft อีกต่อไป
Microsoft และ Samsung เองเคยคุยกันเรื่องนี้ และพยายามหาทางจบแบบสวยๆ ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่แล้วดูเหมือนท่าที Microsoft จะยังไม่ยอมตัดใจจากเงินก้อนนี้ง่ายๆ หลังเพิ่งมีการเผยแพร่เอกสารเปิดผนึกจากฝั่ง Microsoft ใจความระบุว่าในปีที่ผ่านมา แม้ Samsung จะยอมจ่ายเงินค่าธรรมเนียมใช้งานสิทธิบัตรเป็นเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ไปแล้ว แต่ Samsung ยังคงติดค้างค่าดอกเบี้ยที่คิดจากเงินส่วนดังกล่าวเป็นมูลค่า 6.9 ล้านดอลลาร์อยู่
ตอนนี้ฝั่ง Samsung ยังไม่มีการออกมาโต้แย้งข่าวนี้
ที่มา - Ubergizmo
Comments
เราไม่ค่อยค -> เราไม่ค่อย
I am Cortana.
Nice to meet you.
ดอกเบื้ย => ดอกเบี้ย
เสือนอนกิน
แหม่ เป็นเจ้าหนี้เลย กินดอกเฉย ๆ
อะไรที่ต้องจ่ายก็ต้องจ่าย ตกลงกันไว้แบบไหนแล้วไม่ยอมทำแบบนั้นเรียกว่า โกง
ไม่จ่ายแล้วเกาหลีโดนโวยเรื่องโกงเพิ่มอีกนะครับ ไม่ไหวนะ
เหมือนค่ายโทรศัพท์ไทย เคลียร์เงินย้ายค่ายแล้วก็ยังเจอมาตามเก็บย้อนหลัง อ้างว่าขาดนู่นขาดนี่
แม่ผมโดนไปสองสามรอบ รอบสุดท้ายนี่โดนบริษัททวงหนี้โทรมาทวง50ตังค์ เหมือนเป็นความผิดพนักงานคีย์เศษสตางค์ไม่ครบ โมโหสุดๆ
เชียร์ให้ชักดาบไปเลยครับ :-D
ให้เขามาเก็บที่บ้านซิครับ กล้ามาก็กล้าจ่าย
โกงหลีสไตล์
ผมเข้าใจว่า interest ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าดอกเบี้ยนะครับ น่าจะแปลว่าส่วนได้เสีย(ในที่นี้คือส่วยที่เกิดจากการตกลงกัน)
ดูเหมือนว่าการ acquire Nokia นี่จะสร้างปัญหาให้ MS มากกว่าที่คิดแฮะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ตกลงกันไว้แล้ว ถ้าไม่จ่ายก็แปลว่าโกง
สรปุคือซัมซุงเบี้ยวค่าใช้ LC เพราะไมโครซอฟผิดสัญญาในการแลกเปลี่ยน LC แต่ไมโครซอฟเชื่อว่าซัมซุงไม่ได้เสียหายขนาดนั้น หักลบแล้วเลยยังมีตัวเลขค้างชำระอยู่...
ปกติข่าวนี้คนส่วนใหญ่จะเข้าข้างซัมซุงแล้วไปช่วยกันอัดไมโครซอฟท์ทำนองว่าเป็นเสือนอนกินนะ ...ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเอเชียนเกมส์หรือเปล่า คนตามน้ำด่าซัมซุงกันเกือบหมด ฮ่าๆๆๆ
แต่ยังไงก็ต้องว่ากันไปตามกฏหมายอยู่ดีนะ (ตั้งข้อสังเกตเฉยๆ จ้า)
น่าจะใช่นะครับ เห็นคนด่ากันกระจาย ผมไม่ดูงานกีฬาอยู่แล้ว ยกเว้นบอลโลก เพราะเจ้าภาพเป็นแบบนี้ตลอด ขนาดไม่ได้ติดตามงานกีฬาเอเชียนเกม(ใช่ป่าวว่า อินชอนเกมอ่ะ) ยังมาโผล่ในข่าวที่ผมอ่านซะอย่างงั้น
ผมว่าเกี่ยวมากเลยล่ะ
ผมไม่ชอเกาหลีตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
ตั้งแต่ก่อนเอเชี่ยนเกมอีก ดังนั้นข่าวนี้ต่อให้ไม่มีอินชอนเกมส์ ผมก็แอบเข้าข้างไมโครซอฟต์ อิ อิ
ผมเข้าข้าง MS ไม่เกี่ยวกับ Asian Game ครับ เพราะผมคิดในมุมของผู้จดสิทธิบัตรครับ ในเมื่อละเมิดกันแล้วยังไม่จ่ายอีกถ้าเกิดต่อไปไม่มีใครจ่ายบ้าง ผมว่าโลก Software คงอยู่ยากแล้วครับ อาศัยหน้าด้านใช้ฟรีไม่จ่าย เพราะเอาผู้บริโภคเป็นตัวประกัน -*-
ถ้ายกข้ออ้างเรื่องสิทธิบัตร มาสู้ยกมาสู้ลำบากครับเพราะซัมซุงมันอ้างข้อตกลงการแลกเปลี่ยนการใช้สิทธิบัตร
แสดงว่าสองค่ายนี้เอาสิทธิบัตรมาแลกกันเพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายค่าใช้งานสิทธิบัตรหรือจ่ายน้อยลง
ข้อกล่าวอ้างที่ว่า "ในเมื่อละเมิดกันแล้วยังไม่จ่าย" นั้นไม่ถูกต้องครับที่ถูกคือต่างฝ่ายต่างละเมิดครับ
ถ้าสู้ในศาลแล้ว MS ผิดข้อตกลงที่แลกเปลี่ยนสิทธิบัตรซัมซุงมันเรียกค่าเสียหายเพิ่มได้และที่อ้างว่า 6.9ล้านเหรียญเผลอๆอาจไม่ได้สักแดงเพราะต้องมาหักกลบลบหนี้กันอีก
กรณีนี้เป็นกรณีที่ต่างคนต่างใช้สิทธิบัตรของกันและกันจะยกข้ออ้างในมุมของผู้จดสิทธิบัตรไม่ได้ครับมันจดทั้งคู่เลยเอามาแลกกันแต่ถ้าอีกฝ่ายไป takeover บริษัทที่ทำสินค้าแข่งกับตนเองมันทำให้ฝ่ายตนเองเสียเปรียบเลยใส่ไว้ในข้อตกลง ถ้า MS ผิดข้อตกลงนี่คดีพลิกเลยนะแล้วอาจต้องเป็นฝ่ายจ่ายเงินเพิ่มเองด้วยเพราะก็เอาสิทธิบัตรของอีกฝ่ายมาใช้เช่นกัน
ที่คุณบอกว่า "อาศัยหน้าด้านใช้ฟรีไม่จ่าย" พออ่านในเนื้อข่าวนี้อ่านจนครบสรุปว่าไม่ใช่แบบนั้นนะครับ
ถ้าอ่านจนจบจะรู้ว่า มันมีการจ่ายค่าธรรมเนียมใช้งานสิทธิบัตรเป็นเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ไปแล้ว
แต่ที่เป็นเรื่องคือฝ่ายแรกอ้างว่าอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรกันใช้งานระหว่าง Samsung และ Microsoft อีกฝ่ายเชื่อว่าไม่ได้ละเมิดหรือถ้าละเมิดส่วนต่างก็ยังทำให้ฝ่ายตนเรียกร้องเพิ่มได้อีก (คดีแบบนี้มีบ่อยจนเบื่อ สุดท้ายยอมความกันเชื่อสิ ฟ้องให้เป็นข่าวกดดันกันเฉยๆแค่นั้นแหละ)
คือต่างคนคิดว่าตนเองถูกในแง่ธุรกิจเป็นเรื่องปกติครับที่จะอ้างแบบนี้เพราะมันประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย
ผมว่ามันอยู่ตรงนี้รึเปล่า
"ได้เข้าซื้อธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Nokia อันเป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ถือว่าเป็นคู่แข่งรายหนึ่งของ Samsung มาไว้แล้ว จึงถือเป็นการละเมิดข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรกันใช้งานระหว่าง Samsung และ Microsoft"
ต้องไปดูว่าที่ตกลงกันไว้ตกลงว่ายังไงครับ เข้าใจว่าเอกสารไม่เผยแพร่มั้ง (ถ้ามีขอหน่อยก็ดีครับ) เพราะตอนตกลงกันสถานการณ์เป็นแบบนึง ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วไปเกิดผลกระทบกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็แสดงว่าผิดไปจากที่ตกลงกัน อาจต้องมีการแก้ไขข้อตกลงบางอย่างก่อน (ซึ่งท่าทางคงไม่มีใครยอมทั้งคู่)