ศาลอุทธรณ์ของรัฐ Georgia ในสหรัฐอเมริกา ได้พิจารณาตัดสินคดีเกี่ยวกับการกระทำผิดทางอินเทอร์เน็ตที่มีเด็กชายคนหนึ่งได้ปลอมแปลงข้อมูลสร้างหน้า Facebook และสวมรอยเป็นเด็กที่ร่วมชั้นเรียนของเขา เพื่อทำการกลั่นแกล้งคนที่ถูกสวมรอยนั้น โดยศาลระบุว่าผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการกระทำดังกล่าว
การกระทำผิดข้างต้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2011 เมื่อเด็กนักเรียนชายเกรด 7 คนหนึ่ง (เทียบเท่านักเรียน ม. 1 ในบ้านเรา) ได้สวมรอยเป็นเด็กหญิงที่เป็นนักเรียนร่วมชั้นเรียนเดียวกันโดยนำรูปของผู้เสียหายมาตกแต่งด้วยแอพเพื่อให้เด็กสาวดูอ้วนน่าเกลียด และใช้ตัวตนปลอมๆ ที่เขาสวมรอยนั้นโพสต์ข้อความหยาบคาย ทั้งข้อความเชิงเหยียดผิว รวมทั้งข้อความลามก ซึ่งทั้งหมดนั้นทำไปเพื่อให้เด็กหญิงร่วมชั้นเรียนกลายเป็นที่รังเกียจของผู้อื่น
เมื่อเด็กหญิงผู้เสียหายรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอได้บอกพ่อแม่ของเธอผู้ซึ่งเร่งติดต่อทางโรงเรียนของเด็กทั้งสองในทันที โดยทางโรงเรียนก็ได้ลงโทษสั่งพักการเรียนเด็กชายผู้ก่อเรื่องเป็นเวลา 2 วัน พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้ปกครองของเด็กชายนั้นได้ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนทางด้านพ่อแม่ของเด็กชายคนดังกล่าวก็ได้ลงโทษบุตรของตนเองด้วยการกักบริเวณเขาเป็นเวลา 1 สัปดาห์
แต่ทว่าภายหลังจากที่เกิดเรื่องราวทั้งหมดผ่านไปนาน 11 เดือน หน้า Facebook ที่เป็นประเด็นก็ยังคงอยู่ในระบบโดยไม่มีการลบหรือแถลงขอโทษผู้เสียหายแต่อย่างใด ร้อนถึงผู้ปกครองของเด็กผู้เสียหายต้องแจ้งเรื่องไปที่ Facebook โดยตรงเพื่อระงับบัญชีผู้ใช้ปลอมนั้นเสีย
ทางฝั่งผู้เสียหายได้แจ้งว่าการที่ข้อความอันสร้างความเสื่อมเสียยังคงอยู่ในระบบของ Facebook นานถึง 11 เดือนนั้นแสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองของผู้กระทำผิดมิได้ใส่ใจอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหาที่บุตรชายได้ก่อไว้ ซึ่งทางผู้ปกครองของเด็กหญิงผู้เสียหายยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากับผู้ปกครองของเด็กผู้ก่อเหตุเลยโดยตรง เนื่องจากทางโรงเรียนปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพื่อระบุตัวตนของเด็กผู้กระทำผิดโดยอ้างเหตุผลเนื่องจากไม่ต้องการให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป
แม้ทนายตัวแทนฝั่งผู้กระทำผิดจะแย้งว่าผู้ปกครองไม่อาจควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของบุตรหลานได้ตลอดเวลา แต่ศาลมีความเห็นว่าในกรณีนี้ผู้ปกครองของเด็กชายไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในการกระทำของบุตรได้ เนื่องจากหลังทราบถึงเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วกลับปล่อยปละละเลยให้หน้า Facebook เจ้าปัญหายังคงอยู่ดังเดิม ซึ่งเท่ากับเป็นการปล่อยให้ความเสียหายต่อเด็กหญิงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ลดหายไปไหน
ผลจากความเห็นที่ศาลระบุมาข้างต้น ทนายฝั่งเด็กชายยังยืนยันว่าจะเดินหน้าสู้เรื่องนี้ต่อในศาลฎีกา โดยมีความเชื่อมั่นจากการค้นคว้าของเขาที่พบว่ายังไม่เคยมีผู้ปกครองเด็กรายไหนถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการละเลยเรื่องการแนะนำดูแลการใช้คอมพิวเตอร์ของเด็กในความปกครอง ส่วนทางด้านอัยการผู้ทำคดีนี้ในฐานะตัวแทนของผู้เสียหายได้กล่าวในเชิงเห็นด้วยสนับสนุนผลการวินิจฉัยของศาลว่า "ในสถานการณ์เช่นนี้, เมื่อมีการพาดพิงกล่าวถึงเด็กอย่างเป็นเท็จ และผู้ปกครองของผู้กระทำการได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว, ความรับผิดชอบก็เกิดขึ้นทันที"
ที่มา - Wall Street Journal
Comments
ที่มา -[Wall Street Journal](http://blogs.wsj.com/law/2014/10/15/parents-may-be-liable-for-what-their-kids-post-on-facebook-court-rules/ => ที่มา - Wall Street Journal
FB ผิด! #สารขัณฑ์
my blog
เห็นด้วย ชอบแนวคิดแบบนี้มาก
ถ้าเป็นกฎหมายบ้านเราก็ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 429 บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์ (อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์) หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผลที่ตนทำละเมิด บิดามารดาหรือผู้อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำอยู่นั้น
กรณีนี้รู้เรื่องอยู่แล้ว แต่กลับปล่อยปละละเลย ไม่ยอมปฏิบัติการให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นยุติไป ยังไงก็มีความผิดครับ
A smooth sea never made a skillful sailor.
ผมกะว่าจะอ้างมาตรานี้เหมือนกัน ขอบคุณครับ
ผมชอบนะ ดูเค้าจริงจังกับเรื่องพวกนี้ดี และมีเหตุผลด้วย
ไม่ต้องให้ลูกเล่นเฟสบุค