Drivebot บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ช่วยสอดส่องดูแลรถยนต์ผ่านสมาร์ทโฟนที่เพิ่งจบจากโครงการ dtac Accelerate ปีที่สองมาหมาดๆ จัดการเปิดโครงการระดมเงินทุนผ่านเว็บไซต์ Indiegogo เป็นที่เรียบร้อย
Drivebot วางตัวเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ โดยอธิบายตัวเองว่าเป็น Fitbit สำหรับรถยนต์ที่จะคอยดูแล และแสดงผลสถานะปัจจุบันของตัวรถอยู่ตลอดเวลาด้วยการเสียบ dongle ของ Drivebot เข้าที่พอร์ต OBD-II (On-Board Diagnostic) ของตัวรถ และเชื่อมต่อกับเข้ากับสมาร์ทโฟน เท่านี้ก็จะสามารถใช้งาน Drivebot ได้แล้ว
ฟีเจอร์หลักๆ ของ Drivebot คือการแสดงสถานะของตัวรถยนต์ในชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ ตั้งแต่เครื่องยนต์ ระบบเบรก แบตเตอรี่ ระบบควบคุมการขับขี่ หรือแม้แต่ดูว่าน้ำมันในถังตอนนี้จะขับได้อีกกี่กิโลเมตร ซึ่งในแต่ละส่วนที่ว่ามาจะสามารถดูข้อมูลแบบละเอียดแยกไปได้ด้วย ซึ่งถ้าเกิดปัญหาขึ้นกับตัวรถ Drivebot จะแจ้งไปยังสมาร์ทโฟนทันที
dongle ของ Drivebot
นอกจากการดูแลความปลอดภัยแล้ว Drivebot ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำในตัวสำหรับเก็บข้อมูลการเดินทาง (ฟีเจอร์นี้คือ Trip Log) ที่บอกข้อมูลการใช้น้ำมัน การเร็วเฉลี่ย เส้นทางที่ไป และวิเคราะห์เพื่อแนะนำแก้ไขในครั้งต่อไปอีกด้วย ฟีเจอร์นี้เก็บข้อมูลได้นานสุด 2 เดือน แอพสามารถ export มาเป็นไฟล์ .CSV ได้
แอพ Drivebot บน iOS
สำหรับราคาเริ่มต้นของ Drivebot อยู่ที่ 120 เหรียญต่อตัว แต่ถ้าร่วมระดมทุนตอนนี้จะได้ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 60 เหรียญต่อตัว (ประมาณ 2,000 บาท) ตามรายละเอียดจะเริ่มส่งของในเดือนกุมภาพันธ์นี้ (ในเว็บบอกเดือนธันวาคม) ถ้าระดมทุนสำเร็จที่ยอด 35,000 เหรียญครับ
ที่มา - Indiegogo
Comments
มันต่างกับที่ขายใน ebay ยังไงอ่ะครับ หรือ ต่างกันที่ software
ตัว dongle มันต่างอะไรกับ dongle ODBII ที่ขายกันอยู่ตัวละไม่กี่ร้อยบาทหว่า
ส่วนตัว Software บนมือถือ ...... มันก็มีให้โหลดใช้ฟรีอยู่แล้วเหมือนกันนิ
สวัสดีครับผมบีมจากทีมไดรฟ์บอทครับ
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราคือกลุ่มคนใช้รถทั่วไปที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถ หรือ technical (ภาษาเราๆคือ geek นั่นเอง)
ดังนั้นแอพพลิเคชั่นที่ทำออกมาเรามีผู้เชี่ยวชาญมาสรุปข้อมูลต่างๆให้เข้าใจง่าย
คนใช้รถทั่วไปอยากรู้แค่ว่า รถผมปกติหรือเปล่าเท่านั้นเอง
อีกจุดที่เราใส่ใจคือพวกพฤติกรรมการขับครับขับเร็วเกินไปเท่าไหร่ เหยียบเบรคกระชากบ่อยขนาดไหน
อันนี้ใช้ตัว OBD-II scanner ทั่วไปทำไม่ได้ครับ เพราะว่ามันถูกออกแบบมาให้อ่านค่าเครื่องยนต์เท่านั้น
ที่สำคัญคือถ้าไม่ต่อกับแอพพลิเคชั่นตลอดเวลาก็จะไม่มีข้อมูลตอนที่ไม่ได้ต่อ แต่สำหรับไดรฟ์บอทเราทำเป็น
Microcontroller คุม OBD-II scanner อีกที มี logic ในการเก็บเหตุการณ์สำคัญๆ แล้วก็มีแรมในตัวเอาไว้เก็บข้อมูลที่สำคัญในตอนที่เราลืมต่อกับมือถือ
และเรารู้ว่ามันต้องเสียบตลอดเวลา ไดรฟ์บอทโหมดประหยัดพลังงานตอนที่ไม่ได้ใช้รถอีกด้วยครับ
อันนี้ลองเสียบกับรถตัวเองมาเป็นเดือนๆไม่มีปัญหาอะไรครับ
สำหรับชาว geek ที่อยากเล่นดูข้อมูลดิบ ดูกราฟวิ่งๆ พี่ด้านบนบอกครับมันมีในตลาดราคายันไม่กี่ร้อยยันเป็นพัน
ซึ่งคุณภาพก็ต่างกันไป และชิบแต่ละตัวรองรับมาตรฐานของรถได้ไม่เหมือนกันอีก
อย่างในตลาดถ้าจะเล่นกับ iOS ก็ต้องเป็นรุ่น wifi ก็ราคาประมาณประมาณพันสองพันบาท
ส่วนแอพฟรีก็มีครับ สามารถอ่านค่ามาโชว์กราฟมาตรฐานได้ประมาณนึงถ้าอยากได้เยอะๆก็ซื้อ in-app purchase
ส่วนใหญ่จะเป็นแอพเอาไว้วิเคราะห์ปัญหา ทำมาให้คนรู้เรื่องรถใช้ครับ
สำหรับคนที่เป็นเจ้าของรถทั่วไป ไม่ได้สนใจกราฟวิ่งๆที่อ่านไม่รู้เรื่อง อยากรู้ข้อมูลสรุปบอกมาเลยว่าตอนนี้
เครื่องมีปัญหาอะไรยังไง แล้วก็พฤติกรรมการขับรถของตัวเอง ขอแนะนำไดรฟ์บอทครับ :-)
ยังไงก็ฝากแชร์แคมเปญด้วยครับ http://drivebot.io/en/share-idgg มาช่วยให้แอพพลิเคชั่นของคนไทยได้แจ้งเกิดกัน
ถ้าใครมีคำถามอะไรส่งหาผมโดยตรงได้ที่ beam@drivebot.io จะตอบได้เร็ว
ไอเดียเยี่ยม ครับ
ขอบคุณครับสำหรับคำตอบ
สรุปสิ่งที่ต่างกับเจ้าอื่นคือ
1. ทำ Data logger ใส่ไว้ใน Dongle ไปด้วย
2. ตัว Software บนมือถือมีการแปลภาษาให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ข้อแรกเป็นเรื่องน่าสนใจครับ เพราะการทำ Data logger มีผลกับอายุของอุปกรณ์
คือพอเขียนไปเรื่อยๆ ซักวันมันจะพัง
คราวนี้จะต้องซ่อมยังไงครับ (เคยใช้ SD card มาทำ data logger คำนวณอายุการใช้งานแล้วคนใช้จะตายไปก่อน เพราะเก็บข้อมูลวันละ 3 ครั้ง ครั้งนึงเขียนไปไม่เกิน 10 byte ......... แต่ดูจากที่คุณเขียนมามันจะเก็บข้อมูลโหดกว่าที่ผมเคยทำเยอะ)
ปล. iOS จะใช้ Bluetooth ก็ได้นะครับ แต่มีขั้นตอนการรับรองจาก Apple นิดหน่อย และต้องไปแก้ไข profile Bluetooth ของอุปกรณ์ของเราอีกนิดหน่อยด้วย
ขอบคุณครับ
ป.ล. เพิ่มเติมเพื่อความเคลียร์ แต่ถ้าไม่ได้ใช้รถนานๆแบตก็หมดอยู่ดีนะครับ ไม่ว่าจะเสียบอะไรหรือไม่ก็ตาม ฮ่าๆๆ
ผมสนใจมากครับ แบบที่คุณบีมบอกเลย ผมเป็นคนไม่รู้เรื่องรถเลย เรียกว่าเป็น end user ของแท้ มีอุปกรณ์แบบนี้น่าจะทำให้การดูแลรักษารถของผมง่ายขึ้นมาก สอบถามหน่อยครับ มันใช้กับ Mitsubishi Mirage ได้มั้ยครับ แล้ววิธีติดตั้งเราให้ร้านช่างทั่วๆ ไปต่อให้ก็ได้ใช่มั้ยครับหรือเราสามารถเสียบได้ด้วยตัวเองง่ายๆ และจะมีแอพของ android มั้ยครับ
ผมมีคำถาม
สองสามข้อครับผมจะกดหรือไม่กดนี่เกือบจะขึ้นอยู่กับคำตอบของคำถามข้อที่สองเลยนะครับ ;)
จะกดหลายทีแล้วเหมือนกัน ติดอยู่ข้อ 2
0:13 ได้ยินว่า เอี๊ย แบบผมไหมครับ
อุทานสมจริงไปหน่อยรึเปล่าครับ
ผมว่าน้องเค้าทำเสียงอุทานแบบสาวญี่ปุ่นนะ...ประมาณว่าฟังดูน่ารัก
โอ้ กลายเป็นข่าวเปิดสมอง เปิดโลกให้ผมมีอะไรเสียเงินอีกแล้วครับ ขอบคุณ 2 คห.แรก
+1 ครับ ขอบคุณ 2 ความเห็นแรกด้วย
ปล.สรุปมันต่างกันยังไง
A smooth sea never made a skillful sailor.
+1 ขอบคุณ 2 ท่านแรกเช่นกันครับ แต่เอ๊ะ!!! แล้วไม่สนใจตัวนี้หรอครับพี่?
ป้ากำลังหาข้อมูลอยู่ครับ ป้าเข้าไปดูทั้งที่เฟสบุคและที่เพจอินดี้โกโกก็ยังไม่เห็นมีบอกว่ามันมีอะไรแตกต่างจากสินค้าที่มีในท้องตลาดอ่ะครับ
ปล. แต่เห็นว่ามีแต่ mockup ของไอโฟนแล้วเกิดอาการผิดจริต อยากกรี๊ดดดดดดดด
เดี๋ยว Android ตามมาครับ ฮ่าๆ
ขอ intent ให้เอาไปพัฒนาต่อด้วยนะฮาฟฟฟฟ
ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน เพียบเลย!
++ เลย ทั้งข่าวทั้งคอมเม้นท์ทำให้รู้ว่ามีของแบบนี้ด้วย
เพิ่งทราบจาก สอง คห. เหมือนกันว่ามีมาก่อนแล้ว
ต่อ ODBII ทิ้งไว้ระวังแบตหมดสำหรับรถเก่านะครับ มันกินไฟตลอดเวลาแม้ว่าจะดับเครื่องไปแล้ว ตัวที่ขายในตลาดส่วนใหญ่ไม่มีสวิทซ์ปิดเปิด เคยเผลอเสียบทิ้งไว้ทั้งวัน ตัวdongleร้อนจี๋เลย
ขอบคุณคนนี้ด้วยครับ
เท่าที่เคยหาข้อมูล OBDII ไม่มีข้อมูลปริมาณน้ำมันให้นะครับ ตัวนี้เค้าไป get data มายังไงหว่า
ถ้าเป็นอัตราการสูบน้ำมัน พอจะคำนวณได้จาก Mass Air Flow กับ Vehicle Speed ครับ
แต่ถ้ารถที่มี Fuel Flow sensor ด้วยก็จะคำนวณได้ง่ายขึ้น + แม่นขึ้น
ขอบคุณครับ :D
ที่ผมเคยหาข้อมูลแล้วไม่เจอ คือ ปริมาณน้ำมันในถังอ่ะครับ :)
honda รุ่นใหม่เช่น civic fd ขึ้นไปโชว์น้ำมันแบบดิจิตอล มันมีเซนเซอร์ที่ถังน้ำมัน OBD บางตัวดึงข้อมูลมาเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ ถ้ารู้ปริมาตรถังนี่คำนวน ลิตรได้เลยด้วยซ้ำ
ทุกวันนี้ก็ใช้อยู่ OBD2 ตัวละ 450 บาท กับ Software Torque Pro ราคา 160 บาท จับได้หมด เคลีย Code ต่างๆ ได้เกือบหมด เหมือนกับมีเครื่องมือของช่างที่ศูนย์บริการไว้ใช้งาน เพียงแต่ยังลบ Code ลึกๆ ได้ไม่เท่าของศูนย์บริการแค่นั้นเอง
รบกวนถาม หาชื้อแถวใหนครับ
ผมไม่ได้ขายนะครับ ผมซื้อจากที่นี่
https://www.facebook.com/pages/Pop-cruze-racing-shop/326139377551409
ส่วน Software ก็โหลดที่ Google Play https://play.google.com/store/apps/details?id=org.prowl.torque&hl=th ได้เลย เข้าใจว่ารถรุ่นใหม่ๆ ใส่ได้ทุกรุ่น ครับที่รองรับ OBD2 อ่ะครับ โดยส่วนตัวผมใช้มาปีกว่าๆ แล้วครับ
ไอพอร์ต ODB-II นี่มันมีทุกรุ่นปะครับ = = (หรือเอาชัวคือ Altis มีมั้ย)
แล้วมีแอพบน android มั้ยครับ
Altis ปีะอะไรครับ
แอพบนเจ้าหุ่นเขียวออกเดือน 3 ครับ (ใกล้ๆช่วงส่งของพอดี) :-)
Support Accord G8 ด้วยไหมครับ :)
support ครับ :D
เข้าใจว่า 2010 ครับ ซื้อมาใช้แบบไม่รู้เรื่องรถเท่าไหร่ ใช้ไปวันๆ ใส่แต่น้ำ ลม แล้วก็เข้าศูนย์ :P
edit: หลังจากไปหารูปในอากู๋น่าจะเป็น 2009 ครับ
ของแม่ผมถ้าจำไม่ผิดนะ ปี 2000 ครับ กับ Pajero Sport ปี 2012-2013 ประมาณนั้นครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ขอบคุณคับ คุณ kicub2 และคุณ Ginosty กะลาผมเปิดเลย
เจ๋งดีครับ อยากได้เลย
แต่ว่า เอาชื่อฟิตบิตมาใช้แบบนี้ จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ
ไม่ได้ใช้ในการทำการตลาดขายของนี่ครับ
@TonsTweetings
ต้องเป็นรถระดับไหนถึงจะเสียบได้ครับ
^
^
that's just my two cents.
หลังปี 2000 น่าจะมีทุกคันครับ
ลองเอา ODBII + (ยี่ห้อ + รุ่น) น่าจะหาได้เยอะอยู่ครับ
ผมเจออันนี้ น่าจะไม่อัพเดทเท่าไร
กะแล้วเชียว ว่าต้องเป็นจำพวกรถเก๋ง
^
^
that's just my two cents.
ผมชอบครับ และดีใจที่มีคนไทยนำไอเดียไปเปิดในตลาดโลก
สิ่งดีๆ เจ๋งๆ หลายสิ่งที่หลายๆ คนคิดได้
แต่จะมีซักกี่คนที่กล้าลงมือทำจริงๆ
คิดและทำเท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จ หากเอาแต่คิดและไม่ทำ ก็ลืมคำว่า สำเร็จ ไปได้เลยครับ
เป็นกำลังใจให้ทีมทำงานครับผม
:)
Pawoot.com
ขอบคุณครับพี่ ก็มีรุ่นพี่ๆเป็นไอดอลแหละครับ :D
ตั้งใจจะทำให้ดี เป็นแรงบันดาลให้คนอื่นต่อๆไป
เข้าใจว่ารถติดแก็ส port นี้โดนใช้ไปแล้ว
มี OBD Splitter ขายครับ
หวังว่าในอนาคตจะเปิด API เหมือน FitBit ด้วยเสียจริง ๆ ไอเดียดีมาก ๆ ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
อาจจะมีของให้ Dev ให้สนุกกันครับ :)
จัดไปหนึ่ง
เข้าไปดูแล้วยังมีข้อสงสัย ที่บอกว่าสามารถดูข้อมูลแต่ละส่วนแบบละเอียดได้ด้วยนี่คือสามารถดูค่าเซ็นเซอร์ได้ละเอียดแบบของจีนเลยรึเปล่าครับ
คือคิดว่าถ้ามันมีโหมดประมาณว่า Beginner Mode กับ Expert Mode น่าจะดีไม่น้อย
สอบถามครับ ถ้าติดแก๊สไปแล้วยังจะตรวจได้อยู่มั้ยครับ?
A smooth sea never made a skillful sailor.
ด้านบนอีกสองสามเม้นมีคำตอบครับ
ผมสงสัยแบบนี้ครับ
OBD Splitter ผมเข้าใจว่าเหมือนปลั๊กสามตา ที่เพิ่มช่องให้เฉย ๆ
ทีนี้หากใช้แก๊สมันต้องไปจูนอะไรซักอย่างกับ OBD แล้วเจ้าเครื่องนี้ (เดาว่าคงอ่านค่าแก๊สไม่ได้) จะยังอ่านค่าอื่น ๆ อย่างน้ำมันได้ตรงอยู่มั้ยครับ
A smooth sea never made a skillful sailor.
สงสัยเรื่องระดมทุน จบจากโครงการของ Dtac แล้ว Dtac ไม่ funding ให้เหรอครับ? ถึงต้องระดมทุนเอง งง
ผมสงสัยนิดนึงครับ
-เรื่องมันทำงานตลอดเวลาแล้วจะมีผลต่อความร้อน หรือตัวคอนโทรลฝั่งรถจะมีปัญหาหรือเปล่าครับ
-การเก็บข้อมูลแล้วเอามาแปลเป็นภาษาชาวบ้านเพื่อให้ทราบปัญหา เป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลย แต่มันจะมีแอนดรอยหรือเปล่าครับ
-ตัวอุปกรณ์เองมี GPS ในตัวหรือเปล่าเช่นเวลาที่ไม่ได้เชื่อมกับมือถือ ก็มีการเก็บข้อมูลจริงๆ แต่ไม่รู้วิ่งไปไหน มีแต่ข้อมูลการเหยียบ วัดรอบ ฯลฯ
-การเอามาใช้คู่กับในรถ น่าจะมีตัวติดรถ หรือแท่นอะไรแถมมาให้ด้วย เพราะถ้ามาถือๆ ใช้ๆ โดนตำรวจจับแน่
-รองรับ CarPlay หรือเปล่าครับ
-ถ้าใช้งานในต่างประเทศ ราคาน้ำมันจะ feed มาได้ทุกประเทศเลยหรือเปล่าครับ
https://www.automatic.com นึกถึงอันนี้แฮะ