หลังจากที่เปิดตัวและเผยราคารวมถึงเริ่มวางจำหน่ายกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้สเปคและความสามารถก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วครับ
เริ่มจากวัสดุที่ใช้ทำตัวแบนด์ครับ มันคือ Thermal plastic elastomer พร้อมตัวปรับให้พอดีกับแต่ละคน ซึ่งตัว Microsoft Band นั้นมาในสามขนาด และต้องเลือกขนาดตั้งแต่ตอนซื้อเลยครับ
ถัดมาที่หน้าจอ ขนาด 11 x 33 มิลลิเมตร 1.4 นิ้ว TFT รองรับการสัมผัสแบบ Capacitive ความละเอียด 320 x 106 พิกเซล สามารถมองเห็นได้ง่ายแม้จะอยู่ในที่ที่แสงแดดส่องถึงโดยตรง (อาจเป็นเทคโนโลยีเดียวกับ Lumia 1520, 2520)
ในส่วนของแบตเตอรี่ อยู่ได้ 48 ชั่วโมงสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่หากใช้ความสามารถขั้นสูงอย่าง GPS ก็จะกระทบต่อระยะเวลานี้ค่อนข้างมากครับ ตัวแบตเตอรี่เป็น lithium-ion polymer ขนาด 100 mAh แบบคู่ (แยกออกเป็นสองชิ้น) ใช้เวลาในการประจุไฟใหม่น้อยกว่า 1.5 ชั่วโมงโดยใช้สาย USB ที่ต่อกับตัวเครื่องด้วยแรงแม่เหล็กครับ
ช่วงอุณหภูมิที่ทำงานได้อยู่ที่ -10°C ถึง 40°C ซึ่งขอบบนถือว่าเสี่ยงอยู่บ้างสำหรับในบ้านเรา (ช่วงปั่นจักรยานไปหัวหิน ผมเจอสูงสุด 40°C ในเดือนกุมภาพันธ์ครับ) ส่วนระดับที่ทำงานได้สูงที่สุดอยู่ที่ประมาณ 12,000 เมตร
มาถึงส่วนที่หลายคนอยากรู้ครับ นั่นคือเซ็นเซอร์ที่อยู่ภายใน (ผมไปหาข้อมูลเพราะอยากทราบตรงนี้นี่แหละครับ) ขนกันมาเต็มที่ถึงสิบตัว ได้แก่
- Optical heart rate sensor หรือเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบแสงที่กำลังนิยมใน smart band และ smart watch ในช่วงนี้
- 3-axis accelerometer/gyro ตรงนี้เค้าเขียนรวมกันมาครับ แต่จะนับแยกก็ได้ มันคือเซ็นเซอร์วัดความเร่งแบบสามแกน และเซ็นเซอร์วัดความเร็วเชิงมุมแบบสามแกนครับ (ความเร็วในการหมุน)
- Gyrometer อันนี้สารภาพว่าไม่แน่ใจครับว่าต่างกับตัวข้างบนยังไง อาจจะพิมพ์ผิด ลงซ้ำโดยไม่ตั้งใจ หรือว่าเป็นคนละตัวกันก็ได้
- GPS ตัวกินแบตเตอรี่อยู่นี่แล้วครับ แต่การที่ใส่ไปออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องพกโทรศัพท์ก็เป็นเรื่องดี
- Ambient light sensor เป็นเซ็นเซอร์วัดระดับความสว่างแสงครับ โดยทั่วไปใช้เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ
- Skin temperature sensor วัดอุณหภูมิผิวของผู้สวมใส่ เป็นประโยชน์สำหรับการรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายเวลาออกกำลังกายครับ หรือจะเอาไว้วัดไข้ก็ได้ (แต่วัดไข้ใจไม่ได้นะครับ >_<)
- UV sensor เซ็นเซอร์วัดระดับรังสี UV ครับ ไม่แน่ใจว่าเอาไว้ทำอะไรดี
- Capacitive sensor ตัวนี้ไม่แน่ใจครับว่าหมายถึงตัวหน้าจอสัมผัสหรือมีอย่างอื่นอีก
- Galvanic skin response เป็นเซ็นเซอร์วัดปฏิกิริยาเหงื่อที่ผิวหนัง โดยการวัดคุณสมบัติการนำไฟฟ้าของผิวหนังเพื่อดูความชื้นที่เกิดจากเหงื่อของผิวหนังครับ เนื่องจากเหงื่อของคนเราถูกควบคุมการหลั่งด้วยระบบประสาทซิมพาเทติกซึ่งเป็นหนึ่งในระบบประสาทอัตโนมัติของมนุษย์ เราจึงสามารถนำค่าที่ได้จากเซ็นเซอร์นี้ไปบอกอะไรหลายๆ อย่างได้รวมถึงสภาพอารมณ์ ซึ่งเซ็นเซอร์ชนิดนี้สามารถนำไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องจับเท็จได้ด้วย (อัตราการเต้นของหัวใจก็เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องจับเท็จนะครับ น่าจะให้ผลได้ระดับนึงเลย ถ้าคนสอบสวนดูม่านตาเพิ่มอีกอย่างนี่เริ่มน่ากลัวแล้ว :p )
- ไมโครโฟน รู้จักกันดีอยู่แล้วนะครับ
เทคโนโลยีเพิ่มเติมอื่น หัวข้อนี้มีไมโครโฟน (ซ้ำ?) กับ Haptic vibration motor หรือระบบสั่นนั่นเองครับ สำหรับการเชื่อมต่อมีเขียนไว้เพียง Bluetooth 4.0 Low Energy (แม้ว่าจะมีสาย USB มาด้วย?) (อัพเดต - สาย USB สามารถใช้รับ-ส่งข้อมูลได้เช่นกันครับ และทำได้มากกว่าด้วย) และระบุว่าสามารถป้องกันฝุ่นและน้ำกระเซ็นใส่ได้ (แต่แช่น้ำไม่ได้?)
ตัวอุปกรณ์รองรับการทำงานร่วมกับ Windows Phone 8.1 update, iOS 7.1 หรือสูงกว่าสำหรับ iPhone 4S, 5, 5C, 5S, 6 และ 6 Plus รวมไปถึงโทรศัพท์ Android 4.3 - 4.4
ในส่วนของความสามารถที่ระบุไว้ในตอนนี้ มีดังนี้ครับ
- 24-hour heart rate monitor สอดส่องอัตราการเต้นของหัวใจเราตลอด 24 ชั่วโมง (ตราบเท่าที่สวมอยู่) เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจการเผาผลาญพลังงาน, รูปแบบของการหลับ อัตราการเต้นหัวใจสูงสุดและอัตราการเต้นหัวใจช่วงพักของตัวเองได้ดีขึ้น เพื่อให้ทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
- วิ่ง เวลาวิ่งบนเครื่องวิ่งหรือออกไปวิ่งข้างนอกก็สามารถดูผลการวิ่งได้ รวมไปถึงแสดงอัตราการเต้นของหัวใจในผลด้วย
- นับก้าว เหมือนทั่วๆ ไปครับ คำนวณพลังงานที่ใช้ไปกับระยะทางที่เดินในแต่ละวัน
- Built-in GPS วัดระยะทางและบันทึกเส้นทางที่เราไป บันทึกเป็นรายการโปรดเพื่อไปเส้นทางเดิมในภายหลังและสามารถแข่งกับตัวเองในภายหลังได้
- Calorie tracking นับพลังงานที่ใช้ไปในแต่ละวัน ดูสถิติเป็นวันหรือสัปดาห์ และรับ virtual "high-five" เมื่อทำได้ตามเป้าหมาย (ไม่ค่อยเข้าใจครับ)
- Sleep tracking เมื่อเรียกใช้งาน เครื่องจะติดตามระยะเวลาและคุณภาพในการหลับของผู้ใช้ และวิเคราะห์ออกมาเป็นชาร์ต ไม่มีข้อมูลว่าแยกเป็นอะไรบ้างครับ
- Guided Workouts เอาไว้เลือกเพื่อฝึกตามกำหนดการฝึกของพาร์ทเนอร์ต่างๆ
- Goal setting ตั้งเป้าหมายของเรื่องต่างๆ พวกจำนวนก้าวหรือแคลอรี่ที่ใช้ เมื่อถึงเป้าในแต่ละวันก็จะมีการเตือน
- UV monitor ดูค่า UV index ได้ (แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไรดี)
ส่วนของการแจ้งเตือนครับ
- ข้อความเข้า อ่านข้อความได้ทันที
- โทรศัพท์ ดูสายเข้าและจำนวนข้อความเสียง
- ปฏิทิน เตือนกำหนดการต่างๆ ได้
- อีเมล สามารถพรีวิวอีเมลได้
- Smart notifications สามารถเลือกการเตือนที่ต้องการให้เตือนบนข้อมือของเราได้ครับ ตั้งค่าการเตือนบนโทรศัพท์เราแล้วการเตือนนั้นจะเหมือนกันทั้งบนโทรศัพท์และ Microsoft Band
- โหมดนาฬิกา แสดงผลเวลาและวันตลอดเวลาโดยไม่ต้องกดปุ่มอะไร
- Facebook และ Facebook Messenger ดูโพสต์ล่าสุด, ความเห็น, การเตือนรูปภาพ และข้อความได้
- Twitter ดูทวีต, เมนชั่น, รีทวีต, ข้อความ และผู้ติดตามใหม่ได้ โดยเลือกว่าจะให้แสดงอะไรบ้างได้จากโทรศัพท์
- Cortana สั่งงานได้จาก Microsoft Band (แล้วถ้าใช้กับโทรศัพท์ iOS, Android?)
- สภาพอากาศ ดูพยากรณ์อากาศได้ล่วงหน้า 5 วัน
- Finance สร้างรายการที่ต้องการติดตามจากโทรศัพท์ไว้ติดตามดูได้
- Starbucks จ่ายเงินได้โดยไม่ต้องหยิบกระเป๋าเงิน
- นาฬิกานับถอยหลังและจับเวลา ก็ตามชื่อครับ
- Do-not-disturb-mode แตะไอคอนนี้เพื่อปิดการเตือนทั้งหมด แต่ไม่มีบอกว่าปิดแค่บนแบนด์หรือบนโทรศัพท์ด้วยครับ
- Personalization เลือกปรับรูปแบบพื้นหลังและสีเองได้ (แค่นั้น?)
ที่มา - Microsoft Band
Comments
gyroscope = gyrometer วัดความเร็วเชิงมุมครับ ไม่ใช่ความเร่งเชิงมุม
มันก็ใช้วัดได้ทั้งคู่นี่ครับ? อัตราของความเร็วที่เปลี่ยน = ความเร่ง
ความเร็วทำให้รู้ความเร่งได้ แต่ความเร่งทำให้รู้ความเร็วไม่ได้ครับ แต่อ่านจากหลักการดูน่าจะเป็นความเร็วมากกว่าความเร่งครับ (หมายถึงดึงค่าตรงๆ ออกมา ไม่ใช่คำนวณต่ออีกทอด แบบ Accelerometer นี่ดึงเป็นความเร่งตรงๆ)
บางที่ก็บอกว่า gyro meter กับ gyroscope นี่คือตัวเดียวกัน แต่ผมงงๆ เพราะบรรทัดก่อนหน้าเค้ามี /gyro อยู่ด้วยนี่แหละครับ
ผมว่าได้นะครับ
Differentiate ความเร็วเชิงมุม ได้ความเร่งเชิงมุม
Integrate ความเร่งเชิงมุม ได้ความเร็วเชิงมุมนี่ครับ
ถ้า C ไม่เป็น 0 ล่ะครับ
ตามนี้ครับ ไม่สามารถทำให้รู้ได้ครับ
Calibration ครับ
asix => axis
ขอบคุณครับ
Cortana ใช้ได้เฉพาะบนเครื่องต้นทางที่ใช้ Windows Phone 8.1 ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
UV index เห็นว่าใช้ไว้วัดเรื่องแสงแดด ว่าควรทาครีมกันแดด SPF เท่าไหร่หรือเปล่าครับ
ສະບາຍດີ :)
ถ้าออกไปโดนแดดแล้วนี่คงไม่ทันแล้วล่ะครับ - -"
แต่เห็นมีหน้าจอนึง นับถอยหลังว่าอีกกี่นาทีจะ sun burn สงสัยเอาไว้ให้ฝรั่งอาบแดดละมั้งครับ
คงงั้นครับ เตือนผิวไหม้
ສະບາຍດີ :)
ไม่จำเป็นต้องออกแดดครับ ให้สาวๆใช้วัด uvในที่ทำงานก็ได้หลอดไฟก็มีจะได้ทาโลชั่นถูกชนิด แต่ถ้าบอกชนิดของ uv ด้วยน่าจะแหล่มมาก
ขอเดามั่ง เนื่องจากใช้ออกกำลังได้ ถ้าวิ่งแบบแดดแรงมากอาจมีเตือน (รึเปล่า)
หรือการรับแสงที่เหมาะสม เพื่อช่วยอะไรซักอย่างกับวิตามิน D หรืออาจเป็นค่ารับแสงตอนเช้าที่เหมาาะสมต่อวัน เพื่อนาฬิกาชีวิต (เพ้อแล้ว)
เห็นใน wiki
The WHO-standard ultraviolet index is a widely publicized measurement of total strength of UV wavelengths that cause sunburn on human skin, by correcting UV exposure for action spectrum effects for UV light on a given day and time ...
Overexposure to UVB radiation not only can cause sunburn but also some forms of skin cancer.
ตอนแรกเฉยๆ แต่พอมาอ่านข่าวนี้ อยากได้ทันที !
น้ำตาจะไหล
U.S. Onlyข่าวผมกล่อมคนให้รู้สึกอยากได้ (T^T)ตอนนี้ส่ง media inquiry ไปแล้วครับ หวังว่าจะได้คำตอบในเร็ว ๆ วันนี้ครับ
Update: ทาง PR ของทางไมโครซอฟท์ตอบกลับมาแล้วครับ แต่ตอบกลับมาแบบว่าให้ไปอ่านใน blog post #ผมนี่อึ้งไปเลย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
UV sensor คงเอาไว้เตือนให้เราเข้าร่มเวลาออกแดดนานเกินไปมั้งครับ
เป็นไปได้ครับ เห็นมีนับถอยหลังก่อน sun burn ด้วย
อืม สงสัยต้อง preorder ละ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลอย่างละเอียดครับ เจอแบบนี้คิดหนักเลยมีตัวเลือกเยอะเกิน
ว่าจะไม่แล้วนะครับ
แต่มันอดไม่ได้จริง อดออมต่อไป รอสอย
ถ้าจะซื้อพวกนาฬิกาแบบนี้มียี่ห้ออื่นแนะนำเพิ่มไหมครับจะได้เอาไปเปรียบเทียบเลือกซื้อได้ถูก
"สมาร์ทวอตช์" รุ่นไหนเลิศที่สุดในงาน IFA 2014?
ผมชอบ live tile จัง หรือจะสื่อว่า เมื่อคุณรักใคร ให้ส่งเมลล์ไป แล้วก็ไปหาเลย
40 องศาผมว่าเสี่ยงมากนะครับ ต่อให้ไม่ใช่เมืองไทย แต่ถ้าโดนแดดตรงๆ นาน ๆ ความร้อนสะสมน่าจะเกิน 40 องศานะครับ
มันแค่ทำงานไม่ได้นะครับแค่เสียเฉยๆ
มองอีกมุมนึง อุณหภูมิมันน่าจะอยู่เกือบ 40 ตลอดเวลาเพราะได้ความร้อนจากคนเข้าไปอีกรึเปล่าครับ :p
samsung gear s มีวัด uv เขาบอกว่า spf เท่าไหร่ แต่ผมลองวัดไฟ ถ้าเป็นตามห้าง สำนักงาน ไม่มี uv เลยครับ แต่สปอตไลท์แรงๆ แบบสตูดิโอ ค่า spf ขึ้นมาสีเหลืองเลยครับ เจอแดดเมืองไทยสีแดง แต่สีม่วงยังไม่เคยเจอ
ลองดูตัวอย่างใน trailer นี้ครับ
http://m.youtube.com/watch?v=Ji6eoTrjtng
UV พลังงานสูงเด่นกว่าแสงย่านอื่นครับ เอาโซลาร์เซลล์มาวัดกระแสก็พอจะเห็นผลได้เหมือนกันครับเพราะได้กระแสต่างจากแสงย่านอื่นพอสมควร กับหลอดฟลูออเรสเซนต์นี่แทบไม่มีเลย (แต่เห็นว่าเพราะตัวสารเรืองแสงกับกระจกหนาๆ ดูดไปเป็นส่วนมาก) แต่ถ้าเป็นหลอดไส้จะมีเยอะหน่อยครับ
ไม่แน่ใจว่าจะใส่ Thermometer มาไว้ทำไม เพราะใน Casio ที่ผมใส่มันก็ไม่สามารถบอกอุณหภูมิได้ตรงทั้งทั้งไข้ และอุณหภูมิรอบข้างครับ ต้องถอดนาฬิกาวางไว้นานพอสมควร ถึงจะวัดอุณหภุมิในห้องได้
น่าสนมาก แบบนี้แหละที่อยากได้ คืออุปกรณ์ที่ทำงานร่วมกับ smartphone ได้ดีในราคาไม่แพงเกิน ไม่ต้องใส่ซิม ไม่ต้องเล่นเกมได้ เหลือคำถามข้อเดียว
แบตอึดไหมอ่า...
ถ้าตามสเปคก็ ผมว่าโอเคนะครับ ใส่สองวันชาร์จที ขึ้นกับนิยามคำว่าอึดด้วย
แต่ถ้าได้ระดับสัปดาห์ได้ก็คงดี - -" ไม่รู้จะมี power saving mode ให้เป็นนาฬิกาอย่างเดียวแต่อยู่ได้นานกว่านี้มั้ย
No... out of stock
ว๊าาาา ว่าจะฝากญาติหิ้วมาจาก US สักหน่อย...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ดูสเปคกับฟังก์ชั่นแล้วนี่มันก็สมาร์ทวอชดีๆนี่เองนี่ครับ แค่หน้าตาเป็น band แล้วแบตอยู่ได้สองวัน แถมถูกกว่ารุ่นอื่นๆที่ราคาเหยียบหมื่นกันอีก
มีใครจับมาเทียบสเปคกับ fitbit surge ยังอ่ะ สนใจสองตัวนี้อยู่
ชอบสำนวนการเขียนข่าวนี้ครับ!!!
มีการใช้ครับ ใช้ผม มันชวนให้น่าอ่าน และไม่เป็นทางการเกินไป เหมือนเพื่อนมานั่งเล่าให้ฟัง อิอิ ขอบคุณนะ
ยิ่งได้ดูโฆษณา ยิ่งอยากได้จัง ซึ้งดี
ขอบคุณครับ ^^
เมื่อก่อนใช้ครับใช้ผมอยู่นี่แหละครับ ข่าวเก่าๆ หลายปีก่อนใช้ตลอด แล้วมีช่วงนึงพวกข่าวที่เป็นรายงานเฉยๆ อยากให้มันดูเป็นทางการผมก็เลยพยายามเลิกใช้ครับไป กลายเป็นว่าลืมไปเลยครับ พิมพ์ข่าวแล้วเลี่ยงคำว่าครับไปเองตลอด - -"
แต่เมื่อคืนตั้งใจจะเขียนแบบเล่าสู่กันฟังครับ คิดยังไงก็พิมพ์ไปแบบนั้นเลย ถ้าท่านรู้สึกแบบนั้นแสดงว่าผมสื่อได้โอเคแล้ว (>_<)
ผมนี้เป็นแฟนข่าวคุณ HiSoft เลย
ສະບາຍດີ :)
ไม่อยากแก้เนื้อหาข่าวเพราะมันนานมาแล้วและมันก็ไม่ได้ผิดด้วย แต่ขอเสริมข้อมูลตรงนี้หน่อยครับ (เพิ่งได้ของมาใช้เมื่อวานเลยกำลังซนๆ อยู่)
เจ้า Galvanic skin response sensor นี้ทำได้ตามที่ว่าจริงๆ ครับ โดยแอพต่างๆ สามารถเรียกค่ามาดูได้ในหน่วยกิโลโอห์ม (ตรงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าช็อตขั้วก็บอกว่า 0 โอห์มครับ)
แต่การใช้งานจากที่ผมบอกไว้อลังการงานสร้างอภิมหึมามหายิ่งใหญ่นั้น ไมโครซอฟท์ได้นำไปใช้งานเพื่อบอกว่า Band ถูกสวมใส่อยู่หรือเปล่าครับ ถ้าจะให้มันได้มากกว่านั้นคงต้องไปทำแอพกันเอาเอง
อ้างอิง http://microsoft.com/Microsoft-Band/en-us/support/hardware/sensors
รีวิว XD
ສະບາຍດີ :)