Tags:

ยุคของนาฬิกาฉลาด (สมาร์ทวอช) อาจจะเริ่มต้นด้วย Pebble ที่สร้างปรากฎการณ์ความนิยมในหมู่นักพัฒนาเป็นวงกว้าง จนตอนนี้เองแพลตฟอร์มของนาฬิกาก็ดูจะเป็นก้าวแรกของคอมพิวเตอร์สวมใส่ได้ที่มีการใช้งานจริงเป็นวงกว้าง ตัว Wellograph เป็นทีมพัฒนาที่แยกมาจากที่ของ Atiz ที่ทำธุรกิจเครื่องสแกนหนังสือมาก่อน โดยเครื่องพัฒนาในไทยนี่เอง

ในแง่ของฟีเจอร์แล้ว Wellograph คงไม่สามารถนับได้ว่าเป็นสมาร์ทวอชเต็มรูปแบบแบบเดียวกับ Pebble หรือ Android Wear เพราะตอนนี้เองก็ยังไม่สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงไปได้โดยตรง ฟีเจอร์สำคัญของ Wellograph คือการจับการเดินและอัตราการเต้นของหัวใจ ตามชื่อของผู้ผลิตที่เรียกมันว่าเป็นนาฬิกาสุขภาพ (Wellness Watch)

รูปร่างภายนอก

alt="upic.me"

Wellograph เลือกใช้รูปร่างสี่เหลี่ยมแต่โค้งเล็กน้อย กระจกหน้าเป็นกระจกแซฟไฟร์โค้งตามทรงนาฬิกาที่ทางผู้ผลิตชูเป็นฟีเจอร์สำคัญ ประเด็นของหน้าจอสี่เหลี่ยมหรือวงกลมสวยกว่ากันคงเป็นประเด็นถกเถียงกันไปอีกนาน โดยเฉพาะเมื่อแอปเปิลเลือกใช้หน้าจอสี่เหลี่ยมไปแล้ว แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของ Wellograph คือความหนาที่ค่อนข้างหนาแต่ก็เป็นข้อเสียของสมาร์ทวอชส่วนใหญ่ในท้องตลาด (แม้แต่ตัวที่เล็กที่สุดอย่าง Pebble ก็ยังบางกว่าไม่มากนัก) ทำให้การใส่ใช้งานบางอย่างเช่นพิมพ์งานไม่ค่อยสะดวกนัก อีกอย่างหนึ่งคือหน้าจอสี่เหลี่ยมที่เวลามองแล้วลอยออกมาจากตัวหน้าปัทม์ทำให้มองดูไม่ดีนัก

แต่ในแง่ของฟีเจอร์ภายนอกที่สำคัญคือ Wellograph จะกันน้ำได้ 50 เมตร ทำให้สามารถใส่ว่ายน้ำได้สบายๆ

อินเทอร์เฟซ

alt="upic.me"

Wellograph เป็นหน้าจอแบบไม่สัมผัสแต่มีปุ่มสองปุ่ม โดยกดได้สองแบบคือ "เลือก" และ "เลื่อนลง" การใช้งานโดยทั่วไปคงไม่ลำบากนัก เพราะโดยปกติประจำวันการกดปุ่มก็มักเป็นการเลื่อนหน้าจอไปดูข้อมูลเป็นระยะมากกว่าจะทำอย่างอื่น แต่เวลาที่ต้องเข้าเมนูลึกๆ เช่น ตั้งเวลา หรือเชื่อมต่อ Bluetooth จะค่อนข้างลำบาก เพราะหากกดพลาดบางครั้งก็จะหลุดออกจากเมนูที่ต้องการไปเลย ระบบเมนูต่างๆ เองก็จะเป็นรายการวนลูป เพราะกดลงได้อย่างเดียว ทำให้การใช้งานช่วงแรกๆ จะงงๆ ต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักก็จะเริ่มเข้าใจแนวคิดการออกแบบ แต่จากที่ลองใช้มาผมก็ยังให้อินเทอร์เฟซแบบ Pebble ที่เป็นสามปุ่มนั้นเข้าใจได้ง่ายกว่าแบบนี้มาก

เพิ่มเติม: นอกจากการกดเลื่อนแล้ว ยังสามารถกด back ได้ด้วยการกดสองปุ่มพร้อมกัน และกดค้างปุ่มบนเพื่อเปิด/ปิด Bluetooth ได้

ความแม่นยำ

ผมทดสอบใส่ Wellograph หนึ่งวันเต็มเทียบกับเครื่องนับก้าวของ Omron HJA-311 พบว่าจำนวนก้าวต่างกันไม่ถึง 10% ตัว Omron คงได้เปรียบกว่ามากเพราะเป็นการเหน็บเอวที่นับได้ง่ายกว่านาฬิกาที่แกว่งไปมาตลอดเวลาโดยบางทีไม่ได้เดิน แต่ตัวเลขโดยรวมก็ถือว่าไม่ต่างกันมาก ประเด็นการนับก้าวมีเรื่องแปลกๆ ที่ผมพบระหว่างการทดสอบคือบางครั้งตัวเลขที่แสดงจะเปลี่ยนเอง เช่นอยู่ๆ จำนวนก้าวกลายเป็น 0 แล้วกลับมาประมาณเดิมอีกครั้ง

แต่อีกฟีเจอร์ของ Wellograph คือการวัดอัตราการเต้นของหัวใจจะมีการแสดงกราฟให้ดูด้วย ผมลองดูแล้วพบว่ากราฟไม่สวยเป็นรูปคลื่นหัวใจเหมือนในภาพโฆษณานัก แต่ตัวเลขอัตราการเต้นค่อนข้างนิ่ง ผมเทียบกับเครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจแบบสายคาดหน้าอกเป็น Bluetooth LE ที่ผมใช้อยู่ก็พบว่าอันตราที่ได้ออกมาพอๆ กัน แต่ตัวเลขการอัพเดตของ Wellograph จะช้า และมีบางช่วงตัวเลขแปลกออกไปเลย เช่น อัตราการเต้นหัวใจอยู่ที่ 80-85 ครั้งต่อวินาทีเครื่องวัดแบบคาดอกจะแสดงค่าในช่วงนี้ตลอดเวลาขณะที่ Wellograph จะนิ่งอยู่ที่ 82 อยู่พักใหญ่ๆ จึงเปลี่ยนค่าไปบ้าง แต่มีบางครั้งค่าที่เปลี่ยนก็หลุดไปเลยกลายเป็น 68 โดยรวมๆ แล้วการใช้งานน่าจะใช้เพื่อประมาณการออกกำลังกายซึ่งก็น่าจะแสดงแนวโน้มโดยเฉลี่ยได้ แต่การวัดแบบแม่นยำจากแขนน่าจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป

แอพลิเคชั่น

No Description

Wellograph มีแอพลิเคชั่นมาคู่กันเป็นมาตรฐาน ใช้ซิงก์ข้อมูลออกจากตัวนาฬิกาและตั้งเวลานาฬิกาให้ตรงอัตโนมัติ การใช้งานโดยทั่วไปคงไม่มีปัญหาอะไร แอพสามารถแบ่งช่วงการออกกำลังกาย สิ่งที่ขาดไปคือการเชื่อมต่อกับแอพอื่นๆ รวมถึงการส่งข้อมูลออกเป็นไฟล์

อายุแบต

อายุแบตเตอรี่เป็นอีกฟีเจอร์ของ Wellograph ที่โฆษณาว่าอยู่ได้นานถึง 7 วัน ผมใส่ใช้งานต่อเนื่อง มีกดเล่นบ้างก็อยู่ได้เกิน 4 วันสบายๆ แต่มีข้อต้องระวังคือหน้าจอวัดอัตราการเต้นหัวใจนั้นจะบังคับให้ระบบวัดหัวใจทำงานตลอดเวลาและกินแบตเตอรี่มาก ทำงานอยู่ไม่ถึงวันก็แบตหมดได้ง่าย ตรงนี้ต้องระวังให้เปลี่ยนไปเป็นหน้าจอนาฬิกาหรือนับก้าวไป

บทสรุป

จากการลองใช้งาน Wellograph เองคงทำหน้าที่ในฐานะเครื่องนับก้าวได้ดีพอสมควร ปัญหาสำคัญของ Wellograph คงเป็นเรื่องของราคาที่ตอนนี้ขายอยู่ประมาณหนึ่งหมื่นบาท ด้วยราคาขนาดขนาดนี้ฟีเจอร์สำคัญเทียบกับสมาร์ทวอชอื่นๆ ที่กำลังออกมาเต็มตลาดคงเป็นความสามารถกันน้ำ และอายุแบตเตอรี่ที่อยู่ได้หลายๆ วัน

จุดเด่น

  • กันน้ำ
  • อายุแบตเตอรี่นาน

จุดด้อย

  • ราคาแพง
Get latest news from Blognone

Comments

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 26 November 2014 - 09:35 #766942
hisoft's picture

อันตราที่ได้ => อัตราที่ได้

By: panurat2000
ContributorSymbianUbuntuIn Love
on 26 November 2014 - 09:41 #766944 Reply to:766942
panurat2000's picture

อีกอย่างหนึ่งคือหน้าจอสี่เหลี่ยมที่เวลามองแล้วลอยออกมาจากตัวหน้าปัทม์

หน้าปัทม์ => หน้าปัด

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 26 November 2014 - 09:37 #766943
hisoft's picture

ปุ่มแบบเลือกและเลื่อนลงอย่างเดียวนี่เจอได้ใน GoPro เช่นกันครับ บางทีจะทำอะไรเยอะๆ หน่อยก็ทำเอาท้อเหมือนกันโดยเฉพาะเวลาตั้งค่าเสร็จแล้วต้องวนหา exit จนบางครั้งต้องยอมเอาโทรศัพท์มาเชื่อมต่อเพื่อตั้งค่าแทน

แต่ถ้าเป็นนาฬิกาที่ไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าอะไรบ่อยๆ คิดว่ายอมเหนื่อยแค่ครั้งแรกน่าจะพอโอเคอยู่

By: takato
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 26 November 2014 - 09:48 #766946
takato's picture

จอขาวดำหรือครับ? เห็นแล้วซื้อ moto360 คุ้มกว่าครับ

By: inkirby
ContributoriPhoneAndroidIn Love
on 26 November 2014 - 10:22 #766954 Reply to:766946
inkirby's picture

ความคุ้มค่าของแต่ละคนไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ อย่างผมชอบ smartwatch จอขาวดำเพราะมันประหยัดแบต ชาร์จแค่ 5-7 วันครั้งครับ


Dream high, work hard.

By: clubchat
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 26 November 2014 - 10:31 #766957 Reply to:766954

ขออนุญาติเพิ่มเติมครับ จอขาวดำ นอกจากประหยัดแบตแล้ว จอยังแสดงข้อมูลตลอดไม่ต้องดับหน้าจอ เพื่อประหยัดแบต ต่างจากจอสี ที่ต้องคอย Dim และ ดับจอเพื่อประหยัดแบต ทำให้เวลาเราจะดูนาฬิกา ก็จะต้องกดปุ่นให้จอติด หรือบางรุ่นก็เอียง 45 องศา ผมว่าแบบติดตลอดดูจะสะดวกกว่า

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 26 November 2014 - 11:40 #766985 Reply to:766957
hisoft's picture

Lumia บางรุ่นหน้าจอแสดงตลอดเวลาได้ครับ ทั้งนาฬิกา การเตือน และใส่รูปฉากหลัง ;)

อีกนิด Microsoft Band หน้าจอสีก็เลือกให้แสดงนาฬิกาตลอดเวลาได้เช่นกันครับ ผมไม่ได้ว่าจอสีมันกินแบตเท่าขาวดำนะครับ แค่แนะนำตัวที่มันทำได้

By: clubchat
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 26 November 2014 - 11:50 #766988 Reply to:766985

^_^

By: Diew
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 26 November 2014 - 11:52 #766990 Reply to:766946
Diew's picture

เทียบกันแล้วผมให้จอขาวดำคุ้มกว่าครับ(pebble)

By: clubchat
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 26 November 2014 - 10:21 #766950
  • กดปุ่ม back โดยการกด 2 ปุ่มพร้อมกันครับ
  • ส่วนการวัด หัวใจนั้นจะวัดตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องเปลี่ยนไปหน้า PULSE เพื่อหาค่า MIN/MAX และ RESTING HR(อัตราการเต้นของหัวใจเวลาเราอยู่นิ่ง ๆ) ส่วน PULSE เป็นการวัดแบบละเอียดครับ
  • การวัด STEP นั้น ไม่เพียงแต่นับก้าวอย่างเดียว ยังจับเวลาช่วง IDLE(เวลาที่เราอยู่นิ่ง ๆ , นั่งนาน ๆ) และ เวลาที่ ACTIVE(มีการเคลื่อนไหว) ซึ่งทำให้เรารู้ว่า เรานั่งนานไปหรือไม่
  • ส่วน EXERCISE SCORE นั้นจะวัดเวลาที่เราใช้ออกกำลังกาย (วิ่ง, เดินเร็ว, แกว่งแขน) 30 นาที จะได้คะแนนเต็ม 10 (3 นาที = 1 คะแนน และสะสมได้ทั้งวัน)

ใช้มาประมาณ 3 เดือนครับ ใส่ประจำ ถอดเฉพาะตอนนอน (ถ้าต่อไปเพิ่ม Sleep tracking ก็คงใส่นอนด้วยเลย ฮา)

สอบถามเพิ่มเติมได้ครับ

By: SlingShot
AndroidIn Love
on 26 November 2014 - 11:39 #766984
SlingShot's picture

น่าสนใจแต่ราคาแพงจริงๆครับ

By: darthvader
Windows PhoneWindows
on 26 November 2014 - 12:01 #766993
darthvader's picture

ถ้าเป็น​ไปได้​ น่าจะลองทำให้เชื่อมต่อ​กับ​ Google​ fit​ ได้ก็ดีนะครับ​ ผู้ใช้​จะได้มั่นใจ​เรื่องข้อมูล​ที่เก็บไว้ระยะยาว

By: plawanja
Android
on 26 November 2014 - 16:41 #767067
plawanja's picture

หนาไป แพงไป ดูใช้ยาก น่าเปลี่ยนจากปุ่มลงเป็นเม็ดมะยมแบบ Apple Watch น่าจะเวิร์กกว่านะครับ

By: clubchat
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 27 November 2014 - 10:42 #767258

มี features อีกอันที่น่าสนใจครับ คือ FITNESS AGE (ความฟิตของเราเท่ากับอายุเท่าไหร่กัน?)
คำนวณจาก BMI (ดัชนีมวลรวมร่างกาย), RESTING HR, EXERCISE ซึ่งถ้าเราใส่ Wellograph ไว้ก็จะคอยคำนวณความฟิตของเราแบบ วันต่อวันครับ ทำให้เรารู้ว่าความฟิตของเราเทียบกับอายุเท่าไหร่ ตอนนี้ผมพยายามทำให้ตัวเลขนี้มันน้อยลงอยู่ครับ ฮึบ...

By: thanesk on 27 November 2014 - 16:17 #767355

ทำไมกระทู้นี้ถึงได้ขึ้น featured หว่า อ่านแล้วเหมือน advertorial มากกว่า

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 27 November 2014 - 17:46 #767364 Reply to:767355
lew's picture

Blognone ถือว่า advertorial คือบทความที่ผู้ผลิต (หรือตัวแทน) สามารถกำหนดแนวทาง, อ่าน, และแก้ไข ได้ก่อนที่บทความจะ publish ครับ

เรื่องว่าอ่านแล้วเหมือนไม่เหมือนนี่คงแล้วแต่เลยครับ แต่บางประโยคผู้ผลิตก็ไม่ชอบเหมือนกัน :/


lewcpe.com, @wasonliw

By: thanesk on 27 November 2014 - 17:59 #767369 Reply to:767364

ขอบคุณที่ชี้แจงครับ

ขอสอบถามนิดนึงว่า featured นี่คือผู้ผลิตจ่ายเงินให้ได้สถานะ featured แต่ไม่ควบคุมแนวทางการรีวิวใช่มั้ยครับ

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 27 November 2014 - 22:49 #767474 Reply to:767369
lew's picture

ไม่เกี่ยวครับ ถ้าอยากค้างด้านบนแน่ๆ ก็ต้องเป็น advertorial เช่นกัน มี advertorial หลายตัวเป็นแบบนี้คือเรารีวิว แม้จะส่งให้ก่อนแต่คนลงโฆษณาก็ไม่แก้ไขเลยแม้จะมีคำติ ขอแค่ค้างด้านบน

ส่วน featured เป็นสิทธิของทีมงานว่าบทความพิเศษ ใช้เวลาเขียนยาวกว่าปกติ ไม่ใช่บทความข่าวที่ขึ้นกับเวลามากๆ หรือสำคัญเป็นพิเศษ เพราะพื้นที่มันมีจพกัด ส่วนมากจะมีข่าวค้างด้านบนไม่เกินสามข่าว ก็แล้วแต่ทีมงานของเราช่วงนั้น


lewcpe.com, @wasonliw

By: thanesk on 28 November 2014 - 13:22 #767593 Reply to:767474

ขอบคุณครับ

By: clubchat
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 28 November 2014 - 11:33 #767570

อัปเดท เพิ่งได้ update firmware ใหม่ 1.8.5 มีทดสอบ READINESS(น่าจะหมายถึงความพร้อมของร่างกาย) ด้วยครับ นาทีแรกก็ลองเลยครับ คำตอบคือ NEED MORE REST (กลับไปนอนดีกว่า ฮา) แต่ผมเป็นคนนอนน้อยด้วยสิครับ

ส่วนอื่นก็หน้าตา UI ใหม่บางส่วน เดี๋ยวขอดูก่อนนะครับ