อาจจะไม่ใช่ข่าวดีเท่าไหร่นักสำหรับ Uber โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Uber ในอินเดีย เมื่อมีรายงานข่าวออกมาว่า สุภาพสตรีท่านหนึ่งที่ใช้บริการรถของ Uber ในเขต Guragon ของกรุงนิวเดลี เมืองหลวงประเทศอินเดีย เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องถิ่น กล่าวหาว่าคนขับรถของ Uber กระทำการลงมือข่มขืนเธอ
รายงานข่าวจาก news.com.au ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ของออสเตรเลีย ระบุว่าผู้เสียหายนอนหลับไประหว่างที่กำลังอยู่บนรถ ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาในที่เปลี่ยว ซึ่งเธออ้างว่าคนขับทำการข่มขืนเธอ และขู่ที่จะฆ่าและรัดคอเธอหากเธอขัดขืน ก่อนที่จะส่งเธอกลับบ้าน
ด้านเจ้าหน้าที่ทางการออกมาระบุว่า ผลการตรวจทางการแพทย์ระบุว่าเธอถูกข่มขืนจริง ด้าน Uber ได้สั่งพักงานคนขับรถคนดังกล่าวแล้ว (ไม่ให้เข้าสู่ระบบของ Uber) โดยทางบริษัทออกมาระบุว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่อย่างเต็มที่
ที่มา - news.com.au
Comments
นี่แหละ ถ้าจะหยุด Uber มันต้องมีข่าวแบบนี้ครับ สักพักเดี๋ยวบริษัทก็เจ๊งไปเอง (ผมไม่ได้บอกว่าเขาปั้นข่าวขึ้นมานะ และไม่ได้บอกว่าสะใจกับเหตุการณ์ด้วย)
ผู้เสียหายนอนหลับไประหว่างที่กำลังขับรถ ?
แต่ผมคิดว่าน่าจะได้ผลตรงกันข้ามมากกว่า เพราะมันตรวจสอบได้ว่าใครขับ ตอนนั้นขับไปไหน ที่เหลือก็ส่งข้อมูลให้ตำรวจให้หมด แล้วช่วย ๆ ตามจับด้วย (กรณีตำรวจลีลา) ให้คดีจบไว ๆ สุดท้ายออกมาแถลงว่าเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่เราก็ให้คาวมร่วมมือกับตำรวจเต็มที่จนตามจับผู้ร้ายได้ (และทิ้งท้ายเบา ๆ ว่าถ้าเป็นระบบของรัฐคงทำไม่ได้ขนาดนี้...)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เข้าสู้ -> เข้าสู่
พักงานทำไม แทนที่จะให้ข้อมูล เส้นทาง และชื่อจริงขงคนขับไปเลย ไปพักให้สบายในโรงพัก แล้วก็ประกาศออกมาเลยว่าที่เก็บข้อมูลเพราะแบบนี้ ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
คงให้กับต่ำรวจหน่ะครับแต่จะประกาศหรือเปล่าก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะถ้าประกาศเอง คุณคิดถึงพวกสิทธิมนุษย์ชนให้ดี พวกนั้นรอตบเลยนะถ้าทำแบบนั้น Uber ไม่เสี่ยงทำอ่ะถูกแล้วครับ เอาในความเป็นจริงคุณลองมองรอบๆดูสิครับ โดนสิทธิมนุษย์ชนโจมตีนี่หนักหนาสาหัสนะครับ
กำลังคิดถ้าเป็นคนไทย จำทะเบียนไม่ได้ค่ะ บัตรหน้ารถก็ไม่ตรง สีในตอนกลางคืนดูอยากอีก (ใครนึกภาพไม่ออกคุณลองเอาชาเขียวรถข้าวญี่ปุ่นสี้ส้มไปดูในที่มีแสงไฟถนน มันจะมองเป็นสีเหลืองครับ) จำอะไรไม่ได้มันมืดมาก แล้วก็เร็วมาก เนี่ยแหล่ะเนี่ยแหล่ะที่จะบอก มันก็เพราะแบบนี้ไงงงงง
คดียังไม่ถึงที่สุดคงออกมาป่าวประกาศไม่ได้ เพราะถ้าศาลตัดสินว่าไม่ผิดขึ้นมานี่กลายเป็นว่าเสียชื่อเสียงฟรีเลยน่ะครับ
อ๋อผมเข้าใจความหมายท่านผิต ขอโทษด้วยครับฮ่าๆ คือเขาให้ข้อมูลกับตำรวจอยู่แล้วหล่ะครับมันเป็นพื้นฐานอยู่แล้วครับ
ถ้าประกาศชื่อผู้บริหาร Uber ก็ติดคุกสิครับ รอศาลตัดสินค่อยบอกก็ได้เพราะยังไงเขาต้องแจ้งข้อมูลให้ตำรวจหมดอยู่แล้ว
มันเป็นปัญหาเรื่องกฎหมายครับ ไม่ใช่เมืองไทยที่ รธน. ให้สิทธิแต่สื่อเอาไปยำซะเละ
ยังจำคดีแท็กซี่ข่มขืนสาวการบินไทยได้ไหมครับ สุดท้ายเงิบ มีออกมาขอโทษกันไหม ที่เขาไม่ให้ประกาศชื่อก็เพราะแบบนี้แหละถ้าคดีมันพลิกขึ้นมางานเข้าเลยกันไว้ดีกว่าแก้
ไม่ต้องบอกชื่อก็ใด้ครับ แค่ประกาศว่าแจ้งข้อมูลให้ตำรวจแล้ว และพูดถึงความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูล
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อันตรายเหมือนนะเนี่ย
ในต่างประเทศ Uber มีปัญหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศหลายครั้งแล้วครับ
เช่น ข่าวที่อยู่ ๆ ผู้โดยสารหญิงเมาไปโผล่ในโรงแรม
หรือ ข่าวที่ผู้โดยสารหญิงถูกพูดจาแทะโลมหรือจีบระหว่างการใช้บริการ
พอมีปัญหาแล้วแจ้ง Uber สิ่งที่ Uber มักใช้แก้ไขคือไล่คนขับออกจากระบบ
แต่ปัญหามักไม่จบแค่นั้น เพราะ Uber ให้ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าแก่คนขับจำนวนมากเช่น ชื่อ และ เบอร์โทร
มีเคสที่คนขับโดนออกจากระบบไปแล้วแต่ผู้โดยสารหญิงยังโดนอดีตคนขับตามอยู่เพราะข้อมูลที่ได้ไปทั้งข้อความและอีเมล์โดยที่ Uber แทบไม่ทำอะไรเลย เพียงแค่ส่งอีเมล์เตือนว่าใช้ข้อมูลผิดประเภท
หลังคนขับออกจากระบบ Uber แล้ว ผู้หญิงก็ต้องรับปัญหาความหวาดกลัวต่อจากนั้นเอง เพราะ คนขับมีข้อมูลหลายอย่างที่มากกว่าแท๊กซี่ธรรมดาอีก
อ่านแล้วน่ากลัวแงะ ถึงจะบอกว่าเป็นเพียงคนขับไม่กี่คนก็เถอะ ไอ้ไม่กี่คนนั้นอาจจะเป็นคนที่ขับรถให้เราก็เป็นได้
โห เพิ่งรู็ว่ามีแบบนี้ด้วย น่ากลัวแฮะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
การใช้บริการ Uber เราก็ต้องมอบข้อมูลส่วนตัวให้กับเค้าด้วยสินะ ต่างกับการใช้บริการแท็กซี่ทั่วไปที่ไม่ต้องมอบข้อมูลของเราให้เค้า
ปัจจุบันคนชอบนึกว่า Uber เป็นบริษัทแท๊กซี่แต่จริง ๆ ตัว Uber เป็นผู้ให้บริการ Platform เท่านั้น
พอมีปัญหาเขาก็คิดง่าย ๆ ว่า เอาคนขับออกจากระบบให้เลิกใช้ระบบไป
มีกรณีที่ผู้โดยสารถูกทำร้ายร่างกาย หรือ เสียชีวิต Uber ก็อ้างว่าคนขับปิดระบบไปแล้ว ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ต้องรับผิดชอบแค่นั้น
มีหลายรายที่เกิดขึ้น ลองหาดูจากอินเตอร์เน็ตได้ครับ ใครว่าง ๆ ลองหาดู The Ten Worst Uber Horror Stories
บอกก่อนว่าผมไม่ใช่คนขับแท๊กซี่นะครับ พอดีทำงานเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยและข้อมูลส่วนตัว
ช่วงหลังในข่าวมีคนพูดประเด็นเรื่อง Uber เยอะ
โดยส่วนตัวคิดว่า Uber แก้ปัญหาบางอย่างได้จริงเรื่องการเรียกรถ แต่มีบางเรื่องที่ระบบไอทีแก้ปัญหาไม่ได้ครับ
ดีแล้วครับ ผมเป็นคนนึงที่เชียร์ Uber (เชียร์ให้แก้ปัญหาอย่างสันติและให้ถูกกฎหมายซะทีนะครับ ไม่ใช่เชียร์แบบสุดลิ่มไร้เหตุผล) ได้ยินแบบนี้ก็ต้องเบรคตัวเองนิดนึง จะได้รับข้อมูลรอบด้านครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ปกติใบขับขี่สาธารณะจะมีการคัดกรองประวัติอาชญากรรมอยู่ขั้นหนึ่ง แต่มันก็ยังมีช่องโหว่ให้หลุดมาได้ หรือคดีลหุโทษก็อาจไม่ติดประวัติได้
แล้วบ.เอกชนที่ไม่ได้เข้มงวดว่าต้องมีใบขับขี่สาธารณะ ถึงจะบอกว่าให้ตรวจประวัติก่อน แต่จะเข้มงวดได้สักเท่าไร?
ตอนนี้ที่ยังดีๆเพราะสัดส่วนยังน้อยครับ มีรถกี่คันเทียบกับtaxi ธรรมดาแปดหมื่นคันในระบบปกติ?
เอาจริงๆที่ว่าตรวจสอบได้ นี่จะมั่นใจได้อย่างไร ว่าคนขับคันที่มารับเรา ณ เวลานั้น เป็นคนเดียวกับที่ลงทะเบียนในระบบของบ.เอกชนจริงๆ? เรื่องมีรูปในapp ก็เหมือนกับรูปในใบขับขี่ที่แปะหน้ารถtaxi นั่นแหละ ถ้าไม่ได้ต่างชนิดคนแก่คนหนุ่ม ปกติก็คงไม่ค่อยได้สังเกตเท่าไรอยู่แล้ว
ช่องโหว่ที่มีอยู่แล้ว มันก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม แถมจะกว้างกว่าเดิม เพราะระบบตรวจสอบเข้มงวดน้อยกว่า จากการลดต้นทุนนี่แหละครับ
ถ้าผม เป็นอธิบดีกรมขนส่ง
จะจ้าง uber มาทำระบบ taxi ครับ
เอาแบบต้อง สแกนนนิ้วมือ ทุกครั้งที่ กด มิเตอร์คิดเงิน ผู้โดยสาร คิดเงินตามระยะทาง และเวลาด้วย GPS
ไม่ใช้ มิเตอร์ที่แปะติดกับระบบเรือนไมล์แบบเก่า
ปิดระบบเกิน เจ็ดวัน ส่งตำรวจไปหาที่บ้าน ว่าเอารถไปทำอะไร
กระทำความผิด เช่นคิดเงินเกิน ไม่รับ ผดส ก็มี barcode หลังรถ
ให้ตัดแต้ม ใบขับขี่คนขับ ผ่านระบบ online ไปเลย
+1 เอ้ย แจ่มแมวจริงๆ
ชอบความเห็นนี้ ลงทุนรอบเดียว ใช้ได้ยาวนาน ทั้งระบบ
+1