สื่ออินเดียให้ความสนใจข่าวคนขับ Uber ถูกจับข้อหาข่มขืนกันอย่างมาก ล่าสุดมีรายละเอียดของผู้ต้องหาและเหตุการณ์จับกุมมาแล้วครับ
ผู้ต้องหาชื่อ Shiv Kumar Yadav อายุ 32 ปี แต่งงานแล้วและมีบุตร 3 คน เขาประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่มาหลายปีแล้ว และเคยก่อคดีข่มขืนมาแล้วในปี 2011 โดยถูกจำคุก 7 เดือน ถือว่ามีประวัติอาชญากรรมมาก่อน (ที่ Uber ตรวจไม่เจอ ซึ่งบริษัทบอกว่าเกิดจากฐานข้อมูลของอินเดียไม่ดีพอ)
หลังก่อคดีที่นิวเดลี เขาหลบหนีกลับบ้านเกิด Mathura ที่อยู่ทางใต้ของเดลี 160 กิโลเมตร โดยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังอื่น ตำรวจอินเดียทราบข้อมูลนี้จากสายข่าวในพื้นที่ และเข้าจับกุมเขาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาช่วง 6 โมงเย็น ระหว่างเข้าจับกุม เขาเห็นตำรวจและวิ่งหลบหนีเข้าบ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ในบริเวณนั้น เขาล็อคประตูและพยายามหาตัวประกัน แต่ตำรวจพังประตูเข้าไปจับเขาได้
Yadav สารภาพว่าทำผิดจริงหลังถูกนำไปสอบสวน ส่วนตำรวจก็เชิญ Uber เข้าร่วมการสอบสวนและอธิบายกระบวนการสืบประวัติด้วย
ที่มา - Times of India
Comments
ยิ่ง Evil ขึ้นทุกทีละ Uber
แต่ก็น้อยกว่า Taxi ในไทยอยู่ดีนะ
เข้าใจว่า Uber โดนหลักฐานปลอมถึงใด้บอกว่าระบบของอินเดียไม่ดี
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ขยายความได้ว่า
Uber เลวแค่นี้ไม่เป็นไรเลย เพราะ Taxi ในไทยเลวกว่า
ไม่มีส่วนไหนอ่านแล้วเข้าใจว่า "Uber เลวแค่นี้ไม่เป็นไร" เลยนะครับ
^
^
that's just my two cents.
จากบทความนี้ผมเข้าใจว่าคนขับtaxiก่อคขีข่มขืน กับUberมีผู้ก่อคดีข่มขืนแอบมาขับ ลองใช้ตักกะชักน้ำหนักดูน่ากลัวพอๆกันเลย
ไอ้คำว่า Uberเลวไม่เป็นไรนี่คุณเติมเอาเองนะครับ ผมไม่ได้จะสื่ออะไรแบบนั้น
แต่เรื่องที่ผมด่า Taxiไทยนี่ถูกอยู่ครับ แต่ก็ไม่ได้ยกย่องอะไร Uber ครับ
ผมล่ะอยากรู้ว่า Uber ใช้วิธีไหนตรวจประวัติอาชญากรรม
กลายเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมาว่าตกลงประวัติอาชญากรรมควรจะเปิดเผยหรือไม่ อย่างไร?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ไม่เห็นเป็นประเด็นอะไรเลยครับ งานหลาย ๆ อย่างในไทยก็ต้องขอประวัติอาชญากรรมจากตำรวจประกอบตอนเข้าทำงาน ผมทำหนังสือขอประวัติอาชญากรรมให้ครูใหม่ไปตั้งหลายรายแล้ว ไม่เห็นจะยากอะไรเลย (แต่ต้องให้เจ้าตัวไปเดินเรื่องเองนะ คนอื่นไปแทนตำรวจจะถีบส่งเอา)
ผมว่ากรณีนี้ Uber ไม่ได้ผิดอะไรเลย (แต่พลาดโดยระบบแวดล้อม) แต่วิธีการที่ออกมารับมือกับสถาณการณ์ของ Uber ในแต่ละครั้ง (ทั้งในไทย อินเดีย และประเทศอื่นๆ) ผมว่าออกแนวปัดสวะล้วนๆ ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย
เท่าที่ดู ผมว่าค่อนข้างออกแนวหยิ่งผยอง คิดว่าตัวเองเจ๋ง ไม่ต้องแคร์อะไรก็เจ๋งต่อไปได้เรื่อยๆ นั่นแหละครับ
คิดมาตั้งแต่ตอนมีข่าวแรกๆ ต้นๆ แล้วนั่นแล แต่ยิ่งนานยิ่งแน่ใจ
Uber: บริการเราเป็นแบบนั่งรถกับเพื่อนนะ คนขับเลยไม่ต้องมีใบขับขี่สาธารณะ
อินเดีย: งั้นก็ไม่ต้องการประวัติอาชญากรรมสินะ ไหนๆก็นั่งกับเพื่อนแล้ว
คิดเองเออเองล้วนๆครับอันนี้ -.-"
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
นั่งรถกับเพื่อน ทำไมผมต้องจ่ายตังล่ะครับ 555555555555555
The Dream hacker..
ถ้าผมมีเพื่อนแบบนี้ผมจะห่างให้ไกลครับ
แชร์ค่าน้ำมันครับ
+1 บางทีเพื่อนก็ช่วยออกค่าทางด่วนให้ด้วย
ฮาา
จริงๆช่วยเพื่อนจ่ายก็ดีนะครับ ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วนพวกนี้
แต่คงไม่ต้องไปจ่ายถึงค่าบริการ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
มันรวมอยู่ในค่าบริการนั้นแหล่ะครับ
ผมพูดถึงเพื่อนจริงๆครับ ไม่ได้พูดถึง Uber
ส่วน Uber ผมไม่ได้คิดว่าเป็นการนั่งรถกับเพื่อนตั้งแต่แรกแล้ว ถึงได้ออกมาประชด Uber ใน comment หลักครับ
การบริการที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อผลกำไร ยังไงก็เป็นการบริการเชิงธุรกิจครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ถามหน่อยครับ ปกติไปเที่ยว ไปกินข้าวกัน เดินห้างกัน อะไรแบบนี้คนอื่นๆ มีจ่ายตังให้เพื่อนค่าน้ำมันทุกครั้งเหรอครับ? ปกตินี่ก็ไม่เสียตังกันนะครับไม่ว่าจะนั่งรถเราหรือรถเพื่อน ยกเว้นกรณีไปทริปไกลๆ พัทยา หัวหิน ต่างจังหวัด อันนี้ถึงจะมีคิดค่าน้ำมันกันบ้าง
The Dream hacker..
ไม่เสียเป็นค่าน้ำมันครับ เสียเป็นค่าข้าวค่าขนมแทน
เพื่อนกันยังไงก็ต้อง Give&Take บ้างครับ
อันนี้เป็นความเห็นจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า introvert อ่ะนะครับ อาจไม่ค่อยปกติเท่าไร (ตัวผมเอง)
รถใช้น้ำมันอ่ะครับ นั่งมาด้วยก็ประหยัดอยู่แล้ว ถ้าจะช่วยอะไรเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทนบ้างก็จะดีครับ
อาจไม่ต้องจ่ายทุกครั้งหรอก แต่ถ้าออกแนวสบายจังตังอยู่ครบนี่ไม่ไหวอ่ะครับ
ย้ำอีกครั้งว่าผมเป็น introvert อ่ะนะ
ปรกติของคุณ กับปรกติของผมมันคนละแบบกันไงครับ ผมไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปเดินห้างกับเพื่อนๆ ถ้าติดรถไป ผมมักจะมีค่าสินน้ำใจช่วยค่าน้ำมัน หรือเลี้ยงข้าว อะไรพวกนี้ เป็นเหมือน "สิ่งตอบแทน" ประเด็นคือ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องปรกตินะ ผมมองว่ามันแฟร์ๆ ดี และผมมองว่า คนพึ่งพากันควรคิดถึงตรงนี้ คือนานๆ ครั้งอาจจะเฉยๆ ถ้าประจำเป็นปรกติ อันนี้เริ่มคิดแหละ
เวลาไปด้วยกัน กินข้าว ดูหนัง ตอนจ่ายตังค์จะออกเกินกว่าเจ้าของรถครับ
จริงๆ ผมพอจะเข้าใจความหมาย ผมก็ไม่ค่อยจะตอบแทนอะไรให้เพื่อนเดี๋ยวนั้นหรอก(ส่วนมากเพื่อนสนิท) แต่จะเป็นการติดค้างน้ำใจ ไว้ช่วยเหลือตอบแทนกันทีหลัง ที่พูดถึงนี้ไม่ได้มองที่เงิน เพื่อนไม่ได้เป็นคนรับจ้าง เราก็ไม่ได้ไปว่าจ้างใดๆ
เกาะเพื่อนกินเหรอครับ :)
อันนี้ผมไม่ขำนะครับ
The Dream hacker..