แม้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน Apple จะปฏิเสธข้อเสนอ Sony Pictures เรื่องการปล่อยภาพยนตร์ The Interview ผ่านทาง iTunes แต่ล่าสุด Apple ก็ได้เปลี่ยนใจแล้ว
ตอนนี้ผู้ใช้สามารถเช่าดูภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวทาง iTunes ได้ในราคา 5.99 ดอลลาร์ หรือซื้อขาดได้ในราคา 14.99 ดอลลาร์
แม้ว่าก่อนหน้านี้ Sony Pictures จะต้องการให้ Apple ช่วยเหลือเรื่องการจัดจำหน่ายและเผยแพร่ The Interview มากถึงขนาดนำเรื่องนี้เสนอผ่านทางทำเนียบขาว แต่ Apple ก็มิได้สนใจในเรื่องดังกล่าว จนทำให้ Sony Pictures หันไปร่วมมือกับ Google และ Microsoft ในการปล่อยภาพยนตร์ให้ดูผ่านทาง YouTube, Google Play Movies และ Xbox Video ในวันเดียวกันกับที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์รายย่อยหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา โดยจนถึงขณะนี้ภาพยนตร์สามารถทำรายได้ไปแล้ว 2.8 ล้านดอลลาร์จากการฉายในโรง ส่วนรายได้จากการให้ชมผ่านอินเทอร์เน็ตนั้นยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลข
ที่มา - The Verge, Hollywood Reporter
Comments
กระจ่างชัดเลยว่า...
ที่ไม่ยอมเอาลงก่อนหน้าเพราะกลัวโดนถล่มแล้วจะเสียหน้า ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงความปลอดภัยลูกค้าอะไรมากมาย
ตอนนี้พอเห็นบูมแล้วไม่มีใครโดนทำอะไรก็เลยรีบเอามาลงซะ ตอนที่กระแสยังไม่ซา เงินทองไหลมาเทมาเห็นๆ จะโดนถล่มทีหลังก็ไม่เสียใจแล้ว ขอแค่มีเงินเข้ากระเป๋าตังเป็นพอ
หลังอ่านเสร็จ ความคิดแรกก็ประมาณนี้เลยครับ :3
ป.ล. กรณีแบบนี้ นานาจิตตัง .__.
หนังทำเงินได้แค่นี้เอง ผมว่าที่ Apple ต้องลงก็เพราะคำพูดของโอบามาต่างหาก
ที่ฉายออนไลน์นี่ยอด $15,000,000 แล้วนะครับ ผมว่าก็ไม่น้อยนะ (ยอดทั้งเช่าและซื้อรวมกัน 2 ล้าน)
คือถ้าต้องลงเพราะโอบามา คงลงแต่แรกแล้วล่ะครับ เพราะโซนี่ติดต่อผ่านทางทำเนียบขาวไป (กดดัน) หาแอปเปิลแต่แรกแล้ว
ปล.มีข่าวอัพเดตมาพอดีเลย
iCloud ก็อ่วมไปทีหนึ่งแล้วครับ ไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองปลอดภัยมากกว่าเจ้าอื่น ถ้าปล่อยหนังตั้งแต่แรกแล้วโดนแฮ็คอีกก็คงกู้หน้าไม่ได้แล้ว แตกละเอียดแถมโดนลมพัดอีก
อันนี้สินะที่เรียกว่า "เพื่อนกินหาง่าย"
เพื่อน "จ่าย" หายาก
ไม่เอาลงก็โดนด่า พอเอาลงก็โดนด่าอีก เฮ้อ
Hater gonna hate.
บริษัทอื่นทั้ง sony google microsoft ตอนเอาลงก็โดนด่าเหมือนกันครับ
คนอื่นเป็นไงไม่รู้ แต่ส่วนตัวผม ถ้ายืนยันไม่ลงต่อไปตามที่ได้ทำไว้ตอนแรก ผมคงจะด่าแค่ครั้งแรกครั้งเดียวครับ คือถ้าลงพร้อมกับคนอื่นแต่แรกก็คงจะชมไปแล้ว
ผมว่าเรื่องโดนด่านี่เลี่ยบไม่ได้ครับเพราะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่แอปเปิ้ลโดนมากหน่อย เพราะกลับไปกลับมามากกว่าครับ
ถ้ายืนยันไปเลยว่าไม่ลง ก็ไม่ต้องลงเลย (โดนด่ารอบเดียวว่าไม่กล้ากลัวระบบตัวเองล่ม)
ถ้าจะลงก็ควรลงแต่แรก (โดนด่ารอบเดียว ว่าไม่ห่วงข้อมูลลูกค้า)
นี่กลับไปกลับมา เลยโดน 2 รอบเลย
A smooth sea never made a skillful sailor.
ชอบทำตัวเป็นกระแสอยู่แล้วเจ้านี้
ดู " Apple's Broken Promises "
ของ BBC Panorama ซิครับ แล้วจะรู้ว่า บ. Apple จริงใจแค่ใหน ในการทำธุรกิจ
ทำแบบ "มีธรรมภิบาล" หรือ "จ้องจะเอาแต่เงินอย่างเดียว"
BBC นี่เองไม่ใช่เหรอครับที่ออกมาแฉสภาพความเป็นอยู่ของคนงานประกอบ iphone ในจีนน่ะครับ
คือมีเรื่องให้ด่าได้ทุกกรณีน่ะครับ อย่างถ้า Apple ยังคงไม่เอาลงก็ด่าได้ว่าป๊อดมาก เจ้าอื่นก็ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลย
หรือถ้าเอาลงตั้งแต่แรกก็สามารถด่าได้อีกว่าไม่ห่วงความปลอดภัยของลูกค้าเลยรึไง มั่นใจระบบซีเคียวของตนเองแล้วเหรอ ฯลฯ
แล้ => แล้ว
Kimdotcom แจก Gift Voucher เรียบร้อย เลยโล่งอก ไม่งั้นมีเสียวทุกค่าย
อันนั้นไม่เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ
กลุ่มกะปอมไม่ได้เป็นคนแฮ็คโซนี่พิคเจอร์นี่ครับ
ขอโทษที่เข้าใจผิดครับ^^ แต่กลุ่มนี้ทำเอาเพื่อความมันครับ เราคงเอาตระกะใดมาวัดว่าใช้เป้าหมายต่อไปหรือเปล่า
ช้าไปแล้ว กูเกิลเขาดูหล่อไปแล้ว
+10
WE ARE THE 99%
ก็ดีแล้วนะค่ะ เพิ่มช่องทางอีกทางหนึ่ง มาช้าดีกว่าไม่มา
ส่วนเรื่องอื่นเม้นบนหัว ด่าไปหมดแล้วค่ะ
นี่แหละหนา APPLE เห็นเงินเป็นใหญ่
หน้าเงินจริงๆ
ผมว่าเป็นเทคนิคที่ถูกต้องแล้ว ปล่อยกูเกิ้ลล่อเป้าไปก่อน ขืนออกหน้าตั้งแต่แรกก็เหมือนบอกแฮกเกอร์ว่าแน่จริงมาแฮ็คกุดิ