David Cameron นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวในปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยบอกว่าในการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีสมัยหน้าที่จะมีขึ้นเดือนพฤษภาคมนี้ หากเขาได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง รัฐบาลอังกฤษจะแบนโปรแกรมสนทนาทั้งหมดที่สามารถเข้ารหัสข้อความได้ (เพิ่มเติม: สำหรับกรณีที่หน่วยงานรัฐร้องขออ่านข้อความ แต่ไม่สามารถเปิดอ่านได้เนื่องจากเข้ารหัสแบบ end-to-end) เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ผู้ก่อการร้ายจะใช้มันในการวางแผนโจมตี โดยที่รัฐไม่สามารถดักฟังก่อนได้ ซึ่งเป็นเรื่องสืบเนื่องจากเหตุก่อการร้ายในปารีสนั่นเอง
เขายังกล่าวว่าปัญหาของโปรแกรมสนทนาเข้ารหัสคือเมื่อถึงภาวะฉุกเฉินที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ หน่วยข่าวกรองกลับไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เลย ขณะที่ข้อมูลแบบโทรศัพท์หรือจดหมายนั้นหน่วยงานสามารถเข้าตรวจสอบได้ทันที
ตัวอย่างโปรแกรมสนทนาที่มีการเข้ารหัสซึ่งพูดถึงในข่าวต้นฉบับ อาทิ WhatsApp, Snapchat, Telegram ตลอดจน iMessage ของแอปเปิลครับ
ที่มา: Independent
Comments
แบบนี้นี่แหละครับที่ผมกำลังกลัว :p
อืมมมม โหดกว่าของประเทศเราปะครับ
จริงๆถ้าขอเป็นกุญแจสำหรับแกะรหัสเป็นครั้งคราวก็น่าจะพอ
WhatsApp, Telegram, iMessage ไม่มีกุญแจให้ขอนะครับ รู้กันแค่ต้นทาง-ปลายทาง
มันมีการเข้ารหัสแบบที่มีกุญแจสามดอกปะครับ แบบมี Master เปิดได้
รู้จักแต่ Asymmetric Symmetric
End-to-end encryption เป็นชื่อเรียกแนวคิดว่ามีเพียงผู้ส่งและผู้รับที่มีกุญแจ เพื่อ "ไม่ให้" ตัวกลาง (เช่น isp) หรือผู้ผลิต app (เป็นการตัดความรับผิดชอบไปด้วย) เข้าถึงข้อความใด้ ครับ
หลังเรื่อง nsa ดักเก็บข้อมูล การลงรหัสจากผู้ให้บริการก็หนาแน่นขึ้น ความหนาแน่นว่าข้อมูลจะไม่หลุดง่ายๆกลายเป็นจุดขาย โปรแกรมอย่าง Telegram ถึงกับ ad ว่าสร้างวิธีการลงรหัสของตัวเองขึ้นมา
การลงรหัสแบบมี master key แกะข้อมูลออกมาดูใด้ผมคิดว่ามี แต่คงไม่มีใครไช้เพราะอย่างที่บอก End-to-end encryption ไช้ตัดความรับผิดชอบเวลาข้อมูลหลุด อีกอย่างคือถ้า key ที่เป็นความลับรั่ว บ. ที่ผลิตโปรแกรมจะเสียซื่อเสียงอย่างมาก
ปลายทาง ... คนที่อยากใด้ข้อมูล และมีเงินถึงอย่าง nsa ก็ซื้อควันตั้มคอมพิวเตอร์เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ส่วนที่เงินไม่ถึงก็ไปกดดันเอกชนเอา
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ใครเขาจะให้กุญแจบ้านกับคนแปลกหน้าครับ ยิ่งเป็นรัฐบาลด้วยแล้วยิ่งไม่อยากให้เลย
แล้วถ้ามีหมายศาลละครับ ขอค้นบ้านได้หรือปล่าวครับ
จริงๆเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่การใช้งานครับ
เวลาเปิดบ้านก็เปิดให้ค้นครั้งเดียวนะ ไม่ใช่ยกกุญแจให้เลย ยิ่งเป็นกุญแจดิจิตอลนี่ยิ่งมีปัญหาป่าวครับ เพราะมันกระทบคนหลักล้านเลยนะ
อ่านคอมเม้นข้างล่างแล้วขอเปลี่ยนความคิดครับ
จะดักฟังยังไงพวกผู้ก่อการร้ายก็เปลี่ยนวิธีเก็บความลับได้เหมือนกัน
อ่าว #GCHQ เริ่มดักฟังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่บอกกันเลย
เอิ่มม..
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เอ้าาา พวกเสรีสุดโต่งเตรียมดิ้นนนนนนนน
คอมเมนต์แบบนี้ระวังโดนแบนนะครับ ประเภทเตรียมดิ้นต่างๆเนี่ย
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ด้วยความเป็นเสรีนิยมสุดโต่งของผม อยากเรียกร้องให้ไม่แบนความเห็นประเภทแดกดันความคิดของอีกฝ่ายครับ มันเป็นเพียงความเห็นที่สุภาพน้อยไปนิด แต่ก็สื่อความหมายได้ตรง และสั้น น่าจะแค่เตือนว่าไม่สุภาพ ไม่ใช่ข่มขู่ว่าจะแบนครับ
เพื่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ผมอยากให้คนที่รังเกียจเสรีภาพได้มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นครับ
"ผมอยากให้คนที่รังเกียจเสรีภาพได้มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นครับ"
ว๊ายยย ทิ่มแทงทรวง!
+1
ถ้าพูดประเด็นสุภาพหรือไม่ มันก็มีแค่ สุภาพ กับ ไม่สุภาพ มันไม่มีหรอกครับสุภาพมาก สุภาพน้อยไปนิด
สำหรับความเห็นที่ 780892 คือมันไม่มีอะไรเลย พอ ๆ กับการไปตะโกนแจกอวัยวะกลางสยาม มันไม่มีประโยชน์แถมจะโดนชาวบ้านเค้ารุมประชาทันฑ์
คุณคงชอบให้ใครก็ได้ มานั่งฟังคุณคุยกับเพื่อนสินะ
เวลามีคนแปลกหน้าเข้ามาฟังคุณพลอดรักกับแฟน นี่คงฟินสินะ :D
มันไม่เกี่ยวกับลิเบอรัล ไม่ลิเบอรัลหรอกครับ
อำนาจที่ขอมันมากเกินไป
คอมเม้นไม่สร้างสรรค์แบบนี้ควรพิจารณาก่อนจะโพสนะครับ
ถ้าผมผิดจริงก็โดนmodแบนเองแหละครับ ขอบคุณที่อุตส่าห์เป็นห่วง ตอนจะโดนดักฟังซึ่งอาจจะโดนหรือไม่โดนก็ได้ เดือดร้อนกันสุดๆ จะตายกับเรื่องนี้ แต่พอมีคนกระทำผิด(จริงๆ) แต่หาทางจับตัวลำบากก็นั่งเป็นสากกัน ไม่เห็นทำอะไร
Welcome to the World.
^
^
that's just my two cents.
ถ้าเรารู้ว่ามันไม่เหมาะ ไม่ควร เราห้ามตัวเองได้นะครับ
หลายๆ ครั้งที่ตำรวจไม่จับคนทำผิดกฏหมาย ก็เพราะว่าตำรวจยังไม่เจอจังๆ แค่นั้นครับ
ผมว่า ชีวิตชาวบ้านชาวช่องเขารู้มากไปมันก็ไม่ดีนะครับ
อีกอย่างถ้าผู้ก่อการร้าย รู้ว่าสามารถโดนจับตามองผ่านการ chat เขาก็ไปใช้ วิธีอื่นๆแทน ตัวอย่างหวยบ้านเรา ยังใช้ศัพท์อื่นๆมาแทนคำเดิมๆ เพื่อให้คนอื่นมาอ่านแล้วไม่เข้าใจความหมาย (นึกว่าสั่ง หมูสั่งไก่)
เร็วๆนี้เลยครับ
ผู้ก่อการร้ายที่ ตะวันออกกลาง
เกิดที่ uk
เป็นประชาชน uk
ถือpassport uk
ที่ออกโดย รัฐบาล uk
ขึ้นเครื่องบินไปลง ตุรกี
แล้วต่อรถบัสไปก่อการร้าย
คนพวกนี้ใช้ youtube เป็น
ทำสื่อระดับออกทีวีได้
บางคนเทพระดับขับรถถังเป็น
จะรบกับคนพวกนี้
ต่อให้ปิดInternet มันก็หาทางก่อการร้ายได้ครับ
สิทธิ์พลเมืองเมื่อก่อนไม่ได้ขอกันยากครับ
บางเมืองมีประชากรมุสลิม 22%
บางทีผมก็คิดนะ เวลาก่อการร้ายที ก็น่าจะไปทำแถวๆ พวกเสรีนิยมสุดโต่งอาศัยอยู่นะครับ
ถ้าแถวๆพวกเสรีนิยมสุดโต่งอาศัยอยู่ มีพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปีอาศัยรวมอยู่ด้วยละค่ะ?
นิสัยน่ะค่ะ!
ละค่ะ > ล่ะคะ
น่ะค่ะ > นะคะ
สับสนอะไรหรือครับคุณ !?
อันนี้ผมคอมเมนต์ทีเดียวนะครับ เห็นเริ่มเยอะแล้ว คือความเห็น "ไม่ต้อง" แก้คำผิดครับ ปกติผมเห็นแซวๆ กันเองเอาตลกก็ปล่อยๆ ไป แต่ถ้าเล่นกันแบบนี้คงไล่ลบ
lewcpe.com, @wasonliw
คือ?
อันนี้คือความเห็นไม่ตรงกัน เลยอยากจะให้ฝั่งตรงข้ามตายๆไปซะ แบบนี้เหรอครับ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
พวกสุดโต่งเขาไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเสรีหรืออนุรักษ์นะครับ
Charlie hebdo ที่โดนยิงตายไปสิบกว่าคนนี่ไงครับ เสรีนิยมสุดโต่ง สมใจคุณรึยังอ่ะครับ
บางทีผมก็อยากให้พวกรังเกียจเสรีภาพนี่โดนจับไปขังคุกมั่งนะครับ
นั่นสิน่ะค่ะ!
น่ะค่ะ -> นะคะ
ความหมายของคุณคือ ใครเห็นต่างจากคุณ ทำให้คุณไม่พอใจ ก็อยากให้เขาบาดเจ็บ ล้มตาย ใช่ไหม
ปัจจัยแวดล้อมอะไรที่หล่อหลอมจนทำให้ท่านคิดออกมาแบบนี้ได้ครับ?
อาจจะเป็น
ก็ได้นะครับ
จริงๆ ผมมองในประเด็นที่ว่า การพูดแบบนั้น แปลว่าเขายอมรับได้กับการก่อการร้ายนะครับ และรวมถึงประโยคที่ว่า น่าจะไปก่อการร้ายกับฝ่ายที่ตนไม่เห็นด้วย ความคิดแบบนี้ส่วนตัวผมมองว่าเป็นวิกฤติและความล้มเหลวในการพัฒนาความเป็นมนุษย์ครับ
ผมว่าเขายอมรับไม่ได้กับเรื่องก่อการร้ายมากกว่าน่ะครับ เลยประชด แดกดัน
เลยกลายเป็นว่า ต่างฝ่ายต่างคิดว่าอีกฝ่ายยอมรับได้กับเรื่องก่อการร้าย
เขายอมรับไม่ได้กับเรื่องก่อการร้าย?! เลยประชด! แดกดัน!
ปรารถนาให้พวกเสรีนิยมสุดโต่ง? ล้มหาย ตายจากเหตุการณ์ก่อการร้าย!
เริศเว่อ
เริศ -> เลิศ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
555 ตามแก้กันทุกคอมเมนต์เลยหรอครับ
ความคิดของคุณบางที นี่ทำไมคล้ายกับผู้ก่อการร้ายจังครับ
ใครคิดไม่เหมือนตัวเองก็ควรตายยังงี้อะหรอ
แล้วถ้าแบนแอพแชตที่เข้ารหัสข้อความได้จริง ๆ ผู้ก่อการร้ายจะหายไปไหมครับ ?
เอาจริง ๆ ผมคุยกับเพื่อนยังเข้ารหัสข้อความกันเองที่รู้กันแค่ในกลุ่ม ผู้ก่อการร้ายมันคงไม่โง่ขนาดนั้นมั้งครับ
comment ข่าวนี้ในตปท.ก็บอกแบบนั้นละครับ
แบบนี้เลยครับ มันเป็นเรื่องตลกมากที่คิดว่าถ้าแบนแอพแชตเข้ารหัสไปแล้วจะป้องกันการเข้ารหัสอะไรได้
สุดท้ายผู้ก่อการร้ายก็แค่หาวิธีการเข้ารหัสอื่นๆซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลย หรือไม่หาเลยแต่ใช้พวก VPN แทน สุดท้ายก็จะแบน VPN อีกรึเปล่า?
ผมว่า David Cameron ขาดความเข้าใจในด้าน IT นะ
การไม่เข้ารหัสข้อมูลเนี่ย ทำให้การดักข้อมูลบน Wifi แบบ open(เช่น hot spot) ง่ายขึ้นมาก เกิดอาชญากรรมมากขึ้นด้วยซ้ำ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เปลี่ยนจากแบน ไปเป้นขอความร่วมมือ ดีกว่าไหมครับ ^ ^''
คำกล่าวอ้างน่าจะแนวว่าๆ "ถ้าช่วยได้แม้แต่นิดนึง เราก็จะทำ" อะไรประมาณนั้น
แต่รู้สึกว่าการก่อการร้าย / อาชญากรรมจะมีมาก่อนหน้ายุคอินเตอร์เน็ตเสียอีก แล้วทางฝ่ายความมั่นคงก็ยังปล่อยให้มันเกิดขึ้นมาจนถึงยุคนี้
"ก็นี่ขนาดพยายามแล้วยังเยอะขนาดนี้ นี่ถ้าปล่อยก็ลองคิดดูว่ามันจะเยอะขนาดไหน", เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงท่านหนึ่ง (ตัวละครสมมติ)
ผมว่ามันเหมือนปืนเถื่อนนะ
คือ มันไม่ได้หายไปหรอก แต่มันหายากขึ้น และคนที่จะเข้าถึงได้ก็มีแค่กลุ่มที่ขนาดเล็กลง (ยิ่งตอนจะสื่อสารข้ามกลุ่มก็จะยากขึ้น) ดังนั้น ผมว่ามันไม่ได้หายครับ แต่มันลดโอกาสการเกิดได้ ถามว่าถ้าทำขึ้นมา ผู้ก่อการร้ายรู้ก็ไม่ใช้ ก็ต้องใช้วิธีอื่นแล้วคนที่รู้ก็จะถูกจำกัดกลุ่มคน กลุ่มก่อการร้ายก็จะยากกว่าปัจจุบันและอาจเพิ่มการสังเกตหรือดักมากขึ้นในส่วนที่อาจเป็นการเข้ารหัสของผู้ก่อการร้าย คือโฟกัสได้มากขึ้น
ปล.ผมไม่สนับสนุนให้ดักฟัง แต่กำลังคิดว่าทำไปทำไมมากกว่าหรือมีอะไรให้ทำได้ดีกว่านี้
ถ้ายกกรณีเหมือนปืนเถื่อน ถ้าผู้ก่อการร้ายอยากจะหาปืนเถื่อน ถึงอยู่ในประเทศที่ห้ามนำเข้าปืนไปเลย ไม่ให้มีร้านขายปืนเลย เขาก็หาปืนมาได้อยู่ดีนะ เพราะเขาวางแผนแล้วว่าเขาต้องยิง เขาก็หาวิธีมีมันจนได้ ในขณะที่พอห้ามนำเข้าปืนและปิดร้านปืนไปแล้ว คนธรรมดาสิกลับลำบาก เพราะไม่สามารถหาซื้ออาวุธมาป้องกันตัวได้
กรณีเหมือนแอพแชทนี่ ถ้าจะโฟกัส ทำไม่ต้องหว่านไปแบบนี้ ทำให้คนธรรมดาที่จะสื่อสารกันได้ ต้องเสียความเป็นส่วนตัวไป
อืม ผมก็แค่มองอีกด้านนึง ว่าถ้าจะทำจริงๆ ควรหามาตรการที่ไม่ส่งผลกระทบมากกว่า
การห้าม/กีดกันสามัญชนไม่ให้มีปืนที่ถูกต้องตามกฏหมาย ทำให้ปืนเถื่อนมีเกลื่อนขึ้น และทำให้ราคาแพงขึ้นด้วยซ้ำครับ
อย่างที่คุณว่า วิญญูชนในยุคนี้สมัยนี้กว่าจะขอใบอนุญาติมีปืนได้ช่างยากเย็นแสนเข็ญใจ ด้วยเหตุผลที่รัฐบอลบอกว่า พยายามลดอาวุธเพื่อลดอาชญากรรม (สงสัยจะขาดสติก่อนออกมาตรการ) แต่อาชญากรที่ไหนมันจะมาใช้ปืนมีใบอนุญาติในการก่อเหตุจริงมั้ยครับ หรือถ้าใช้ปืนถูกกฏหมายก็เป็นปืนที่ขโมยมาเกือบทั้งสิ้น ที่เหลือก็หาซื้อเป็นปืนเถื่อนสองพันยังมี ใช้ครั้งเดียวทิ้งก็ยังได้
มาตรการของมท.ก็กลายเป็นการตัดแขนขาของประชาชนที่ต้องการมีปืนไว้ปกป้องตัวเองซะอย่างนั้น ส่วนอาชญากรมันไม่แคร์กฏหมายตั้งแต่แรกแล้ว
เรื่องปืนนี่ผมว่าปัจจัยอื่นมันเยอะไป ซับซ้อน คิดยากครับ
ญี่ปุ่นก็ห้ามมีปืนครับ (ที่ไม่ใช่กีฬา) แต่ก็ปลอดภัยเสียจนคนทั่วไปไม่คิดหาปืนมาครองอยู่แล้ว (มั้ง?)
ในไทยเสียอีก ที่คนที่มีไว้ป้องกันตัวไปสอยคนบีบแตรหรือต๊อบไฟสูงใส่ไปหลายแล้ว
อือ แต่ถึงไม่มีปืนก็คงหาอะไรมาฟาดอยู่ดี (ถ้าผมเร่งเครื่องชนอ้างว่าป้องกันตัวนี่รอดมั้ยเนี่ย) ส่วนถ้ามีปืนกันหมดก็คงดวลปืนกันกลางถนนอีก โอย เรื่องเยอะ
พูดถึงการจราจรก็นึกถึงรัสเซียทันทีครับ
ผมไม่เห็นด้วยนะครับ
ซอฟต์แวร์กับฮาร์ดแวร์มันต่างกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าซอฟต์แวร์มันมีอยู่การหามาไม่ใช่เรื่องยาก ซอฟต์แวร์ผิดลิขสิทธิ์ประหลาดๆ หาดาวน์โหลดเถื่อนง่ายกว่าหาซื้อของจริงด้วยซ้ำ ต่างจากปืนหรือระเบิด มันไม่มีใครไปแจกฟรีในอินเทอร์เน็ต การจัดหามันเลยยากขึ้นถ้าช่องทางที่ถูกต้องมันทำลำบาก
ตัวซอฟต์แวร์เข้ารหัสเองโดยตัวของมันไม่ใช่ของเถื่อนด้วยซ้ำ
อีกประเด็นคือ บริการที่ไม่เข้ารหัสในตัวก็ไม่ได้แปลว่าจะใช้การเข้ารหัสไม่ได้ ทุกวันนี้คนจำนวนมากใช้การเข้ารหัส PGP ซึ่งผู้ให้บริการอีเมลไม่ต้องรองรับอะไรเพิ่มเติม ทาง NSA ตามเอกสารที่ Snowden เอาออกมาก็บอกว่าอ่านไม่ได้อยู่แล้ว ถึงจุดหนึ่งผู้ให้บริการแชตไม่ยอมเข้ารหัสแล้วมีกระบวนการเข้ารหัสที่ขี่บนบริการแชตอีกที สุดท้ายมันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แต่สร้างคนที่ถูกละเมิดจากการเข้าไปอ่านมั่วซั่วได้
lewcpe.com, @wasonliw
มั่นใจได้ยังไงว่าผู้ก่อการร้ายจะติดต่อกันทางแอพแชต ? และมันคุ้มไหมถ้ามันต้องแลกมาด้วยสิทธิเสรีภาพและความปลอดภัยของคนทั้งประเทศ ? คิดแค่ว่าไม่เข้ารหัสแล้วจะดักฟังข้อความของผู้ก่อการร้ายได้โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะตามมาเลยเหรอครับ ?
เปรียบเทียบกับปืนเถื่อนไม่ค่อยจะถูกนักครับ "ปืน" มันกระทบวงแคบ ๆ แต่ "แอพแชต" คนที่โดนผลกระทบมีเยอะมาก ผมว่าเปรียบเทียบเป็น "ที่อยู่อาศัย" ดีกว่า ใกล้ตัวดี
รัฐบาลออกกฏห้ามให้บ้าน (แอพแชต) มีประตูหน้าต่าง (ห้ามเข้ารหัส) เพื่อความมั่นคงของชาติ พอผู้ก่อการร้ายสะสมกำลังรัฐบาลจะได้สอดส่องได้ โดยไม่สนใจว่าแล้วคนที่ไม่เกี่ยวข้องล่ะ ถ้าบ้านเขาโดนขโมยล่ะ(Hacker ?) แล้วพอจะเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ หรือทำอะไรบางอย่างที่เป็นส่วนตัว ประตูหน้าต่างไม่มี เขาจะรู้สึกยังไง ถ้ารู้สึกเหมือนโดนสอดส่องตลอดเวลา ?
วิธีสื่อสารมันมีอีกเยอะครับ และผู้ก่อการร้ายไม่ได้โง่ยอมให้รัฐบาลรู้ง่าย ๆ ว่าตัวเองทำอะไรอยู่
คาดว่า ... สมัยหน้าคงไม่ได้รับเลือกตั้งแน่นอน
+1
ส่วนตัวเข้าใจว่า การเข้าไปดูข้อความในAppChat ทั้งหลายได้ เพราะอ้างความมั่นคงบ้าง มีความจำเป็นบ้าง ก็เข้าใจอยู่นะครับ แต่ถ้าอยู่ดีๆจะดักฟังโดยไม่ต้องมีหมายศาลหรือเอกสารทางราชการขออนุญาตผู้ให้บริการระบบChatดู อยู่ดีๆนึกจะดูก็ดู มันเหมือนละเมิดความเป็นส่วนตัว ดังเช่นข่าวนี้ สุดท้ายขึ้นอยู่กับการร่างและใช้งานตัวบทกฎหมายว่าควรมีระดับการดักฟังได้ระดับไหน มีเหตุสมควรหรือข้อจำกัดในการดักฟังเท่าใด ยิ่งเป็นไทยเราแล้ว พวกใครพวกมัน พวกเดียวกันไม่ผิด ฝั่งตรงกันข้ามผิดหมด ต้องบริหารการใช้อำนาจในการใช้งานกฎหมายด้วยอีกทางหนึ่งด้วยครับ
ประเด็นนี้เข้าใจว่าต่อให้มีหมายศาล ก็ไม่สามารถเปิดข้อความได้นั่นแหละ เพราะเข้ารหัสแบบend-to-endไม่ใช่แค่ระหว่างการสื่อสาร มันก็มีข้อดีข้อเสียอีกด้านเช่นกัน
ส่วนบางท่านไม่ต้องไปประชดเสรีนิยมหรอก ของบ้านเราร่างฯพรบ.คอมฯฉบับใหม่ จะขอดักฟังได้โดยไม่ต้องขอหมายศาล แถมเป้าหมายก็เขียนไว้คลุมเครือ แค่"อาจจะ"ทำอะไรไม่ถูกใจรัฐก็ดักฟังได้แล้ว แบบนี้น่ากลัวกว่าเยอะ
+1
อ่าว เฮ้ย ทำไมไม่ยก Line ? ไม่ฮิต รึ ให้ความร่วมมือไปเรียบร้อยแล้ว ?
น่าจะทั้งไม่ฮิต และไม่มี end-to-end encryption นะครับ (เท่าที่รู้คือ hidden chat ก็ไม่ใช่นะ)
ไม่ติดกระแสฝั่งโน้นครับ
อย่าเอาประเทศไทยหรือประเทศแถบเอเชียเป็นตัวตั้งสิครับ แต่ละภูมิภาคมีความนิยมที่ต่างกันครับ แต่เท่าที่เห็นรายชื่อแอพพวกนั้นมันเป็นแอพระดับโลกครับ
จำนวนผู้ใช้ที่โน่นมันคนละสเกลมั้งครับ คงไม่ติด10อันดับแรกด้วย ดีไม่ดี
แถบนู้นเค้าใช้ WhatsApp กันครับ
ส่วน Line นี่แถบเอเชียบ้านเรา
ประเทศกรุงเทพ ทวีปไทยแลนด์ โลกเอเชียสินะ
อย่างน้อยก็เป็นโลกที่หนึ่งนะครับ (First World) แต่ถ้าจะไป World 8 ใช้ขลุ่ยจะเร็วกว่า
มาริโอ้หรือพระอภัยมนี ครับนี่
^
^
that's just my two cents.
ผมนี่หาใบไม้เลย
ลองอ่านในลิงค์นี้ดูก็ได้ว่าเค้าคิดยังไงกับ WhatsApp กัน http://www.quora.com/How-did-WhatsApp-grow-so-big
กลับไปใช้ Pager หรือ ส่งจดหมาย กันเถอะ
ใช้เพจยังต้องโทรไปหา call center เพื่อส่งข้อความเลย บอกแต่ละข้อความไปไม่อายคอลเซนต์เตอร์บ้างเหรอ 55
จะได้ไม่ต้องเหนื่อยรัฐบาลในการดักอ่านข้อความไง
ไม่รู้สมัยก่อนบอกรักหรือด่ากันผ่าน Call Center ไปได้ยังไง
เพื่อนผมเคยเล่าว่า ตอนเพจด่า คน cc ต้องบอกว่า เป็นข้อความไม่สุภาพขอเปลี่ยนเป็นคำอื่นแทน
ซึ่งจำไม่ค่อยได้แล้วว่า อะไรบ้างแต่เจ็บๆแบบผู้ดี ดี
อืม.. ถ้าเทียบกับสงครามที่ผ่านๆ มาการข่าวมีผลกระทบต่อการทำสงครามมากจนกระทั่งต้องหาวิธีในการตรวจจับข้อมูลอีกฝ่าย และเมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็ต้องพยายามมาแกะโค้ดลับต่อไป ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ Enigma มีส่วนร่วมในการทำสงครามในการเข้ารหัสและถอดรหัสในครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2
แต่มาตอนนี้สิ่งที่เข้ารหัสข้อมูลกลับไม่ใช่ทางอีกฝ่าย แต่เป็นฝ่ายเดียวกันเอง ส่วนการพูดคุยกันที่ใช้คำที่เป็นรหัสลับ อันนี้เป็นเรื่องปกติกันอยู่แล้ว
เราก็ไม่รู้ว่าทางการเค้าทำงานยังไง เค้าดักอ่านข้อมูลเฉพาะบุคคลเป้าหมายหรือจะสุ่มตรวจ แต่ในข่าวเค้าว่าจะดักอ่านเฉพาะบุคคลเป้าหมายนะ แต่จุดเปลี่ยนเรื่องนี้ ถึงรัฐบาลออกมาเรียกร้องอย่างเดียวก็คงจะไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่ถ้ามีวันนึงประชาชนไม่มั่นใจในความปลอดภัยอันเนื่องมาจากการก่อการร้าย ถึงตอนนั้นอาจจะมีเสียงจากประชาชนเข้ามาร่วมและอาจจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ก็เป็นได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถึงวันนั้นหรือเปล่าเพราะประชาชนเค้าก็อยากเก็บความลับของตัวเองเหมือนกัน แม้มันจะไม่ใช่เรื่องระดับชาติก็เถอะ....
คอมเมนท์ต้นทาง
"ถ้ารัฐบาล สามารถมองเห็นทุกอย่างที่เราทำ ผู้ก่อการร้ายก็เหมือนกัน"
(จริงๆไม่ต้องผู้ก่อการร้ายหรอก แค่พวกแย่ๆอย่าง Lizard หรือกรณี Sony นี่ก็อันตรายมากแล้ว อยู่เฉยๆ โดนฉกข้อมูลเอาไปเป็นตัวประกัน)
"ตอนซาอุแบน Blackberry รัฐบาลเดียวกันนี้ออกมาโวยวายใหญ่เลย"
ฮ่ะๆๆๆ ยิ่งมีข่าวแบบนี้ยิ่งรู้สึกว่าแอพพวกนี้น่าใช้มากขึ้นไปอีก
ผมคิดว่าไม่ใช่แค่รัฐหรอกนะที่พยายามเข้าถึงข้อมูลประเภทนี้ ผู้ก่อการร้ายก็ทำ
อีกอย่างผมคิดผู้ที่มีลับลมคำในมากที่สุด ไม่ใช่ข้อมูลการ chatของuserทั่วไป แต่เป็นการติดต่อภายในของคนในรัฐเองมากกว่า ที่น่าให้ความสนใจมากกว่า
ว่าแต่ตอนนี้ N ติดต่อกับคนในกลุ่มสืบสวนด้วยช่องทางไหนอยู่ครับ คิดว่าปลอดภัยมั้ย
ใช้ วาตาริ มั้งครับ เก็บความลับได้สุดยอด โดยไม่ต้องเข้ารหัส
นึกว่าจะมีแค่ประเทศสารขันธ์แถวนี้ซะอีก //คนที่บอกว่าแบนไปได้ก็ดี อย่าลืมนะครับว่ายังมีอีกหลายช่องทางให้สื่อสารกัน แบนให้ตายยังไงก็ไม่หมดครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
อ้าวประเทศโลกที่หนึ่งทำไมทำตัวอย่างนี้
ผิดหวังครับผิดหวังงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เอาจริงๆนะค่ะ อย่างน้อยๆประเทศโลกที่หนึ่งที่กำลังพูดถึง ที่มาที่ไปของอำนาจก็ยังยึดโยงกับประชาชนอยู่ อย่าเอามาเทียบกับประเทศแถวๆนี้ และที่สำคัญไม่พอใจผลงานก็ด่าได้ ประท้วงได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ โดยไม่ถูกนำตัวไปกักขัง นำพาไปทัศนศึกษาที่ค่ายทหารอะค่ะ
จะว่าไป ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเนี่ยว่า เรื่องการเข้ารหัสก็ถูกส่วนหนึ่ง ไม่ถูกส่วนหนึ่งนะครับ
เสรีภาพ มันก็ควรจะมีขอบเขตนะครับ แน่นอนว่าการที่ทุกคนมีเสรีภาพที่จะทำอะไรก็ได้ มีเสรีภาพในการพูด การคิดและแสดงออก แต่การที่คนไปฆ่าคนอื่น ไปพูดดูมิ่นผู้อื่น แบบนี้ผมว่าไม่ถูกต้องนะครับ ถ้าจะนิยามว่า เสรีภาพ คือ อิสรภาพจากพันธะบาป คุณมีเสรีภาพที่จะสั่งให้คนนี้เป็น หรือคนนี้ตายหรือครับ?
ผมคิดว่า หากเขาอยากมานั่งฟังแล้วมันไม่ได้ทำให้ผมเสียหายก็เชิญครับ ถ้ามันทำให้ผมมีความปลอดภัยขึ้น (แน่นอนว่า คงใช่กับประเทศไทย) แต่อย่างว่า เขาคงหาสาระอะไรจากผมไม่ได้หรอก
แน่นอนครับว่าเสรีภาพ มันเกิดขึเนต้องไม่ทำให้ใครหรืออะไรเดือดร้อน เลยต้องมีกฏมาคุ้มครองเสรีภาพของทุกคนไม่ให้ไปกระทบเสรีภาพของผู้อื่น แต่ที่ตุณบอกตอนท้ายนะครับ เหมือนคุณกำลังหยิบปืนให้คนอื่นถ้าปืนกระบอกนั้นยิงคนที่คุณเกลียดคนคงไม่รู้สึกอะไรฟรือรู้สึกดีก็อาจเป็นได้ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งมันหันมาที่คุณหรือคนที่คุณรักอย่างไม่มีเหตุผลซะเลย คุณจะยอมให้เขาเหนี่ยวไกลใส่คุณหรือเปล่า
ปล.สมมติแค่คุณเป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับรัฐ แล้วแชทคุยกันเรื่องนโยบายแล้วไอรัฐบาลมันดันมาดักเอาข้อมูลการหาเสีนงคุ๊ไปแค่นี้ก็แย่แล้วครับ
แล้วถ้าเกิดพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่คุณไม่ได้เลือก แอบดังฟังการแชทคุยกันของนักการเมืองของพรรครัฐบาลแล้วเอามาปล่อยบนอินเทอร์เน็ตลอยไปแล้วดันเป็นเรื่องที่รัฐบาลนั้นทำจริงๆ ล่ะครับ คุณทำยังไง? คุณยังจะเลือกพรรคนั้นอยู่ไหม?
มันคือดาบสองคมครับ และผมคิดว่า ในการแชทมันมีการเข้ารหัสโดยคำพูดที่รู้กันในพวกอีกทีหนึ่ง ดังนั้นการเปิดมันต้องมาพร้อมกับการป้องกัน ผมไม่คิดว่า อังกฤษคงให้ผ่านกฏหมายนี้โดยไม่มีมาตราป้องกันกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือการใช้การดักฟังผิดประเภทนะครับ ดังนั้นถ้าเปิดแล้วมันสร้างความปลอดภัยกับคนหมู่มาก ผมว่าเปิดครับ แต่วิธีการเปิดเนี่ย พวกเขาต้องไปคุยกันอีกว่า ถ้าจะเปิดต้องเปิดยังไงถึงจะถูกต้อง
หัวข่าวที่เกี่ยวโยงกับการเมืองการปกครองนี่ได้รับความนิยมกันนะครับ ตอบกันเพียบเลย ฮ่าๆ
เหมือนล่อให้ผู้ก่อการร้ายไปใช้ chat พวกนี้หรือปล่าว
จริงๆ รบ.มีเครื่องมืออ่านอยู่ละ แต่แกล้งทำเป็นบอกว่าตัวเองอ่านไม่ได้
เข้าใจว่า เขาต้องการแบนเฉพาะแอพแชทที่ แม้แต่มีหมายศาล รัฐบาลก็ไม่สามารถขอดูข้อมูลได้ เพราะผู้ให้บริการก็ไม่สามารถดูข้อความได้ เนื่องจากเข้ารหัสแบบ end-to-end
จึงมีการเปรียบเทียบกับจดหมายและโทรศัพท์ คือรัฐดูไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้ามีหมายก็ขอดูได้
ถ้ามีหมาย แต่ยังไงๆก็ไม่สามารถดูได้เลย แบบนี้มันอาจจะไม่สามารถหาหลักฐานการดำเนินคดีได้ เช่น ถ้าจ้างวานฆ่า โดยติดต่อกันผ่าน WhatsApp เพียงอย่างเดียวเลย แล้วถ้าขอหมายศาลแต่ผู้ให้บริการไม่สามารถเปิดดูข้อความให้ได้ แบบนี้ก็น่าจะลำบากอยู่
ไม่รู้จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยดี คือ ถ้ามีหมายศาลแล้ว ข้อมูลบางอย่างมันก็จำเป็นที่รัฐจะต้องเข้าถึงได้
แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่มีหมายศาล ก็ควรจะใช้มาตรฐานเดียวกับจดหมายในซอง คือรัฐเปิดดูโดยพละการไม่ได้
เห็นด้วยกับท่านนี้ครับ
ผมไม่ได้เห็นด้วยกับการบังคับดักฟังทุกอย่าง หรือ อิสระทุกอย่าง อยากด่าใครก็ด่า ยุยงใครก็ทำ โกหกใส่ร้ายคนอื่นโดยอ้างคำว่าเสรีคำเดียว
พอมีคดีเกิดจริงๆก็นั่งปากดีอยู่แถวนี้แค่นั้น ไร้ความรับผิดชอบ
คือถ้าตัวแอพแชตมันไม่ end-to-end ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่เอาไปคุยเค้าจะเอาไปทำเป็น end-to-end ด้วยตัวเองอีกชั้นไม่ได้ด้วยนี่ครับ
ขอได้หมายศาลได้จะขอให้รีเซทรหัสผ่านแล้วเข้าไปตรวจจากไอดีเลยก็น่าจะเป็นไปได้นะครับ
โดยหลักการของแอพที่ว่ามา ทำไม่ได้ครับ และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับรหัสผ่านเลย (Telegram นี่เราไม่มีรหัสผ่านด้วยซ้ำ)
ฟังดูน่าสนใจ แต่หัวข้อนี้ก็ยังอ่อนไปอยู่ดี การ abused power ไม่ไช่เรื่องใหม่
สมมุติว่าวันหนึ่งมีหมายศาลมา บอกว่าต่อไปนี้ต้องให้ รัฐบาล เสียบ server ของตัวเองลงบน server ของคุณ เพื่อดูดสำเนาข้อความทั้งหมดเท่าไร่ก็ใด้ และห้ามเปิดเผยข้อความในหมายศาลนี้ให้คนอื่น (กรณี nsa ที่ผ่านมา)
บ. ใหญ่ๆใน us เคยโดนแบบนี้ เมื่อข้อมูลหลุดออกมา user ทำท่าจะย้ายหนี จึงมีการงัด end-to-end ขึ้นมาเพื่อดึงคนกลับไป ... แน่นอนว่ามันก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี ตราบที่มีการทำสำเนาไว้ที่ server
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
สำหรับคนที่คิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิดไม่มีอะไรต้องกลัว ขอให้ดูกรณีแฮค SOE เป็นตัวอย่างนะครับ
เรื่องเล็กๆ อย่างการเม้าท์มอยเพื่อนร่วมงาน นินทาลูกค้านี่ทำให้บริษัทเกือบแตกเลยทีเดียว
หรืออย่างกรณี Gamergate ที่จำนวนไม่น้อยถึงกับต้องตกงานเพราะแสดงความเห็นจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องนี้
อย่าคิดว่าเรื่องคุยกันเล่นแซวกันเล่นๆ กันกับเพื่อนสนิทมันจะไม่ย้อนมาหาคุณได้นะครับ
เพราะถ้ารัฐบาลเข้าถึงได้แฮคเกอร์ก็เข้าถึงได้เช่นกันและถ้ามันเกิดขึ้นคุณพร้อมจะรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดกับสถานะการงานและสถานะทางสังคมของคุณหรือไม่
ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรมีจุดกึ่งกลางระหว่างกันซึ่งเดิมทีการขอคำสั่งศาลเพื่อการเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสได้นั้นผมคิดว่าก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่จะใช้อำนาจได้ที่รับมาเพื่อให้บริษัทนั้นๆ ทำตามคำสั่งศาล
การก่อการร้าย นอกจากจะสร้างความเสี่ยงให้กับความมั่งคงแล้ว ยังสร้างความเสี่ยงให้เสรีภาพด้วยหรอเนี้ย...
ผู้ให้บริการแอฟเหล่านี้ก็ควรเคารพในเรื่องนี้ด้วย เพราะว่าบางครั้งแอพของท่านก็คือโต๊ะประชุมของพวกผู้ก่อการร้ายดีๆนี้เอง
แม้จะ แบนแชต ไป
ก็ อาจมี คนเขียนแอพ ที่ เข้ารหัส ถอดรหัส ข้อความ โดย copy/paste text ธรรมดาบน แอพฯที่ไม่เข้ารหัส
encrypted message over plain text chat
^
|
น่าจะแกะกันใด้แหละ เอาไปไช้ลงรหัส password ที่ไม่อยากลืมใด้ (แต่ต้องยาวกว่า yes สักหน่อย)
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
หรือจะเข้ารหัสเป็น ภาพ ก็ได้ นะครับ
ถ้า ท่านจำกัดมุมมอง ว่า copy paste เป็นแค่ ASCII CODE
เผื่อจะขยายมุมมองออกไปอีกนิด กลายเป็น bit แล้ว มุมมองคงกว้างขึ้น
ตู้ที่ไม่สามารถงัดได้ ไม่ว่าจะเก็บอะไรเข้าไป ไม่สมควรใช้กันอย่าแพร่หลายครับ
ความผิดไม่ได้อยู่ที่ตู้ แต่ผิดที่ของที่อยู่ในตู้ บางทีอาจจะเป็นฆาตกรรมหั่นศพก็ได้
ตู้ควรจะงัดได้ แต่ต้องงัดได้โดยตำรวจและหมายศาลเท่านั้น
เราควรจะปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม
เหตุผลที่ห้ามพ่อค้ายาเสพติดโทรศัพท์ออกนอกคุกเพราะแม้จะมีการดักฟัง แต่บางครั้งสามารถคุย 1 เรื่อง แต่มีความหมายอีก 1 เรื่อง เนื่องจากการลงรหัสสามารถทำใด้หลายแบบ
ตัวอย่างการลงรหัส
http://www.buzzfeed.com/rossalynwarren/a-woman-called-911-and-pretended-to-order-a-pizza-to-alert-t?s=mobile
"911, where is you emergency?"
"123 Main St."
"Ok, what's going on there?"
"I'd like to order a pizza for delivery." (oh great, another prank call).
"Ma'am, you've reached 911"
"Yeah, I know. Can I have a large with half pepperoni, half mushroom and peppers?"
"Ummm…. I'm sorry, you know you've called 911 right?"
"Yeah, do you know how long it will be?"
"Ok, Ma'am, is everything ok over there? do you have an emergency?"
"Yes, I do."
"..And you can't talk about it because there's someone in the room with you?" (moment of realization)
"Yes, that's correct. Do you know how long it will be?"
"I have an officer about a mile from your location. Are there any weapons in your house?"
"Nope."
"Can you stay on the phone with me?"
"Nope. See you soon, thanks"
ปล. 911 ใน us ไช้เรียกตำรวจเหมือน 191 ในไทย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
แบนเลย
เขาคิดในมุมมองของหน้าที่การงานของเขา ที่เหมือนต้องดูแลคนทั้งประเทศ
เห็น 92 comments ผมยิ้มเลย มีอะไรทำก่อนนอนแล้ว
ผมว่าอารมณ์เดียวกับส่งจดหมายแล้วถูกแอบเปิดอ่าน
คิดว่าเป็นวาทะกรรมการพูด ซึ่งอาจจะเดาใจผู้ฟังว่าอยู่ในอารมณ์กลัวการก่อการร้าย เมื่อคนเรากลัวก็มักจะลดความต้องการลงไปที่ฐานสามเหลี่ยมต้องการความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นพื้นฐานก่อน ซึ่งคนภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะมองมองในลักษณะลุกล้ำความเป็นส่วนตัวเพราะมีความต้องการอยู่เหนือฐานสามเหลี่ยม
ตัดประเด็นความเป็นส่วนตัวออกไป มาคุยกันดีกว่าว่า "การแบนแอพแชตที่เข้ารหัส" จะทำให้ "ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน" ของเขาเพิ่มมากขึ้นยังไง
สิทธิเสรีภาพ มันดาบ 2 คมไงครับ ใช้ในทางที่ดีก็ดี ในทางที่ไม่ดีก็แบบพวกก่อการร้ายไง ที่จะใช้ app พวกนี้ติดต่อกันเพื่อดำเนินการก่อการณ์ร้ายก็ได้ จริงๆมันไม่ใช่กฎสามเหลียบแบบแคบแบบนั้นครับ ไอ้ความปลอดภัยคือความปลอดภัยของคนในประเทศด้วยรวมเลยใคร เพราะไม่รู้ว่าแผนการณ์การวางระเบิด มันจะสื่อสารผ่านทาง App เข้ารหัสพวกนี้หรือเปล่า จริงๆผมชอบให้มีสิทธิเสรีภาพนะ แต่ไอ้คนใช้สิทธฺ มันสร้างบัญหาต่อความมั่นคงจนเขาต้องลดทอนสิทธิ ลงมากันเอง จะบอกว่าไม่เกี่ยวไม่ได้หรอก เหมือนเวลามีคนในกองร้ายทำผิด ก็รับผิดชอบร่วมกันทั้งกองนั่นแหล่ะทั้งที่อาจจะไม่เคยจำหน้าได้เลยด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
สิทธิเสรีภาพมันตรงข้ามกับความมั่นคงครับถ้าเพิ่มฝั่งนึงอีกฝั่งนึงจะลด แล้วก็จะเป็นจริงตลอดไปด้วยตราบใดทรี่มีความขัดแย้งในโลกนี้
ส่วนความเห็นที่อาจมีต่อจากนี้ ที่ว่า"แล้วใครจะมานั่งดูข้อมูลนั่งเช็คนั่งกรองข้อมูล" ผมก็ตอบไว้เลยว่าไม่ต้องห่วงเขาหรอก UK มันพันธมิตรเหนี่ยวแน่นของ US แล้ว ก็ AU เป็นแค่สองประเทศที่ผู้นำไม่โดนดักฟังด้วย เขาคงได้เทคโนโลยีกาจอเมริกามาจัดการอยู่ครับ
วิธีเข้ารหัสมีเยอะแยะครับ แบนแอพไปก็ยังเข้ารหัสได้ ส่งข้อความเป็น plain text แบบเข้ารหัสก็ยังได้ครับ ไม่ก็ใช้ VPNs ใช้งานแอพจากประเทศอื่น
มันเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ 'แก้ปัญหาไม่ได้' และส่งผลเสียตามมาครับ hacker นี่สบายตัวเลย ไม่ใช่เรื่องเสรีภาพอย่างเดียว
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
มันเป็นจิตวิทยาครับ ความเชื่อของคน(ผู้รับสาร) ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หลายครั้งสิ่งที่นักการเมืองพูดก็เพื่อหวังผลให้เป็นไปตามที่ต้องการไม่ใช่การพูดข้อเท็จจริงทั้งหมด?
ตอนนั้นจำได้ว่าอังกฤษถึงกับเก็บ Noise และดังฟังสายโทรศัพท์ไปด้วยจึงใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้ก่อการร้ายได้(จับได้เพราะดักฟัง แต่ใช้ Noise เป็นตัวยืนยัน)
สำหรับปัญหามุสลิมเฉพาะอังกฤษเองถือว่าค่อนข้างหนักครับ คราวก่อนนู๊นก็มีทหารโดนมุสลิมสองคนตัดหัวหน้าตาเฮย แน่นอนว่าต้องมีคนออกมาประท้วง แต่ รบ. อังกฤษก็บอกให้เงียบๆไว้เหมือนเป่าสากเพราะประเทศนั้นเขาเปิดกว้างให้กับทุกคน(?) แต่หลังจากเหตุการณ์ในฝรั่งเศสและเยรมันแล้ว หวังว่าคงจะไม่บานปลายถึงขั้นกวาดล้างแบบเดียวกับที่ฮิตเลอร์ทำ ถ้ามีขึ้นมาจริงๆล่ะก็เรื่องยาว
จำไม่ได้ว่าเขตไหนเมืองใดที่มีปัญหามุสลิมพยายามจะให้มีการนำกฏหมายชารีอะห์มาใช้ แถมยังมีปัญหาเรื่องการเป็นลูกจ้างร้านค้าปลีกขนาดใหญ่แต่ไม่อยากขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหมูอีกด้วย (เข้าใจได้ตามหลักศาสนา แต่คิดไปคิดมาบางทีก็ไม่เข้าใจ, ร้านค้าไม่ได้เป็นร้านมุสลิม) จนถึงขนาดกับมีการประท้วงใหญ่พอควรเลยครับ
ด้วยความที่อังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคมและจะมอบสัญชาติอังกฤษให้กับประชาชนในประเทศราชเหมือนเป็นข้อแลกเปลี่ยน ทำให้ได้ประชาชนจากหลากหลายวัฒนธรรมมารวมกันเยอะมากๆ
เดี๋ยวๆ ข่าวนี้ไม่เกี่ยวกับมุสลิมเนอะ
พวกนั้นก็ควรก้มหน้าก้มตาไว้ครับ เพื่อสิทธิเสรีภาพ เราไม่ควรไปทำอะไรเขาเขาฆ่าใครปล่อยเขาไปจนกว่าจะเป็นคนที่เรามีความสัมพันธ์มากๆ(ประชด) เพราะถ้าคุณไปสะกิดเขาตายแม่แต่คนเดียว จะเป็นข้ออ้างในการลุกฮือทันทีครับ
แต่ก็นะไม่ใช่ว่าคนมุสลิมไม่ดีทุกคนนะ แต่ว่าช่วงนี้เด่นเหลือเกินเรื่องฆ่าคนหน้าตาเฉยเนี่ย จนผมบอกเลยว่ากลัว
ประเทศแต่ละประเทศต้องเก็บอาการกันดีๆครับถ้าปรี๊ดแตกเมื่อใหร่ สงครามโลกครั้งที่ 3 มาแน่ๆ ไม่ใช่การขัดแย้งทางความคิดแบบ 2 ครั้งแรกด้วย แต่เป็นศาสนา คริสต์กับอิสลาม แต่ตอนนี้รบอย่างเต็มรูปแบบไม่ได้เพราะคนมุสลิมไม่ดีรวมกับคนมุสลิมดี จะไปเหมาก็ไม่ได้ แต่ตรงข้าม คนมุสลิมไม่ดีส่งคนไปก่อการการร้ายในประเทศของคริสเตียนให้ตายกันเป็นใบไม้ร่วง
ผมนึกถึง อนิเมะเรื่อง Attack on Titan ที่ Pixis พูดว่าถึงไม่มี Titan มนุษณ์ก็ฆ่ากันเองอยู่ดี มันสื่อถึงอะไรน้าาา
เคยมีหนังเรื่องนึง ที่เขียนจนหมายไปหานักโทษแค่เป็นจดหมายธรรมดา แต่จะมี code ที่ใช้นับตัวอักษรเป็นชุดรหัสเมื่อ ดึงตัวอักษรตามชุด จะได้ข้อความ เหมือนกัน
สุดท้ายเรื่องนี้ เป็นแบนนี้เป็นเรื่องขี้หมาไปเพราะมีอีก เป็นพันๆวิธีที่จะส่งข้อความ
แถมการแบนนี้เหมือนจะบังคับประชาชนกลายๆให้ใช้ app ที่ไม่เข้ารหัส
ดีไม่ดีกลายมาเป็น เหยื่อของนักโจรกรรมข้อมูลอีก ที่คอยดัก หาข้อมูลเลขที่บัญชีหรือรหัสผ่านอื่นๆที่คนทั่วไปส่งข้อความกันอีก กลายเป็นสร้างปัญหาหนักเข้าไปใหญ่
จะว่าไป ไปแอบคุยกันในเกมออนไลน์ได้หรือเปล่าหว่า ทำทีเหมือนว่านัดกันไปตีกิลวอร์ 555