เว็บไซต์ข่าว Business Insider เผยแพร่บทความวิเคราะห์เกี่ยวกับบทบาทของผู้บริหาร โดยเฉพาะ Jony Ive ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Apple โดยระบุว่า ความที่ Ive เป็นคนติดหรู ทำให้บริษัทและสินค้าของ Apple กำลังกลายเป็นสินค้าจับตลาดของหรูไปด้วย
ในรายงานข่าวอ้างบทสัมภาษณ์ของ Clive Grinyer ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของ Apple ที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The New York Times ว่า บุคลิกของ Ive นั้นเป็นคนที่ติดหรู (a bit bling) และมีความต้องการที่จะทำ (น่าจะหมายถึงสินค้า) ที่เป็นของหรู (luxury) อยู่ตลอด ซึ่งบทความของ Business Insider ระบุว่า ทิศทางดังกล่าวชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีการจ้างนักออกแบบและผู้บริหารสินค้าราคาแพงมาทำงานกับ Apple จำนวนมาก
ทั้งนี้ทาง Business ยังอ้างรายงานข่าวที่ไม่ยืนยันว่า Ive เป็นคนที่ให้ตั้งราคา 10,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 330,000 บาท) ของ Apple Watch Edition เอง ทั้งที่ผู้บริหารรายอื่นกังวลว่าราคานี้อาจจะสูงเกินไป
ที่มา - Business Insider
Comments
แต่ขายกับคนรวยมันได้กำไรเยอะนะ
ไม่มีลายเซ็น
ผมว่าเป็นการปล่อยข่าวเน็นตัวราคาแพง เพื่อให้คนที่อยากหรูเข้ามาซื้อตัวราคาถูก โดยลืมไปว่าตัวราคาถูกก็ยังแพงกว่าแบรนอื่นอยู่ดีมากกว่า
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ขายไม่ออกก็คงต้องเปลี่ยนเองล่ะนะ
มันมีนะครับ คนที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินเลย แต่ผมขอของที่ดีที่สุดของร้านคุณ(อยากมีโมเม็นนี้บ้างจัง 555)
ชั่วชีวิตที่ผ่านมามีแต่แบบนี้
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
+1000000^99999
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
อันนี้จริงครับถ้ายกตัวอย่างก็ตัวผมเลย "ถูกสุดเท่าไหร่ครับ" 555555555
ตัวเลขนี้ราคาหรือรหัสสินค้า
ไม่ติดหรูกำไรไม่ได้ขนาดนี้หรอกครับ
มาถูกทางแล้วครับ พวกรวยระดับโลกหลายรายมาจากแบรนด์หรูเยอะเลยครับยุคนี้ ถ้ามองย้อนกลับไปซัก10ปี พวกแบรนด์หรูยังไม่ติด top ขนาดนี้ ซึ่งมันบ่งบอกว่ารายได้สูงกำไรเยอะ ดันหุ้นพุ่งกระฉูด
คนออกแบบติดหรู ส่วนกลุ่มเป้าหมายติดแบรนด์ win-win
ส่วนตัวคิดว่าสเน่ห์ของ Apple มันเปลี่ยนไปเยอะละครับ
มันออกแนวมุ้งมุ้งฟริ้งฟริ้งมากกว่าความเรียบง่ายไปไกลเลย :(
มุ้งมิ้ง หลากสี สไตล์ ive cook
มาทุกทางแล้วว เป้าหมายกลุ่มลูกค้าชัดเจน
The Dream hacker..
บางคนติดดีไซน์มีทั้งแพงยันถูกยังกะยาจก แต่คนรอบๆก็มองแค่จุดที่หรู
/me มองต่างนิดหน่อย แต่คิดเหมือนหลายความเห็นนั้นแหละ
Apple Watch ตั้งอื่นราคาผมว่ายังพอรับได้อยู่ในแง่ของ Apple แต่ Apple Watch Edition รับไม่ได้จริงงะแพงเกินไปไมในรูปแบบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคที่จะเปลี่ยทุกๆและมีแบตเสื่อมอีกต่างหาก
หมดยุคความเรียบง่าย และทุกคนสามารถเอื้อมถึงได้ของสตีฟแล้วสินะ
มิน่า ทำไมราคาช่วงหลัง เหมือนมันแพงขึ้นเรื่อยๆ หรือผมคิดไปเองคนเดียวหว่า
กำลังจะพูดแบบนี้เลยครับว่า "แพง ดี แต่เอื้อมถึง" ที่ Jobs ได้วางไว้กำลังจะหายไปครับ
ผมกลับรู้สึกว่ายุคนี้ผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ล "เข้าถึง" และ "เอื้อมถึง" มากกว่าเดิม.
ผมขอ 0% 10 เดือน พอแล้วครับ
อีกสิบปี ชิ้นละแสน จัดไป
คนติดหรู มีจริง มีเยอะพอควร ถ้าสินค้าวัสดุสัมผัสรู้สึกดี ภาพลักษณ์ดูหรู ราคาแม้จะแพง คนกลุ่มนี้ก็กล้าจ่าย อย่าไปถามหาเหตุผลความคุ้มค่าเลย เขาพึงพอใจที่จะจ่าย ได้ครอบครองและใช้โชว์ในชีวิตประจำวัน พวกเขาก็ฟินแล้ว
Apple ก็วางตำแหน่งสินค้าประมาณนี้อยู่แล้วมิใช่หรือ คือคนที่ไม่รู้เรื่องการตลาดจะบ่นโวยวายอะไรเรื่อยเปื่อย แต่ถ้ามองออกจะรู้ว่า Apple มาถูกทางแล้ว แถมครั้งนี้กะจับตลาดจีนที่กำลังซื้อสูงและจ่ายไม่อั้นด้วย
Web Business Insider นี้เขียนข่าวด้านลบเกี่ยวกับ Apple มาตลอด คงรับจ้างใครบางคนมา ไม่ก็มีอคติ เลิกอ่านมานานแล้ว
ที่ดูใบ สินค้าขายดีคือ โทรศัพท์มือถือชุบทอง
นะครับ ต้องเคยเห็น อภิมหาเศรษฐีแขกซื้อของ
เห็นแล้วจะอึ้ง ซื้อกันโหดมาก แถมใช้เงินสดด้วย ...
Apple ก็วางสินค้าอยู่ระดับบนอยู่แล้วครับ การออกสินค้าแพงขึ้นก็ไม่ได้แพงขึ้นอย่างน่าเกลียดเพราะค่าของเงินมันก็ลดลงเหมือนกัน
แล้วผมก็คิดว่า Apple ไม่ได้แพงเกินไป เพราะทุกวันนี้ก็เห็นใช้กันเยอะมาก ๆ
มันบ่งบอกได้ว่ากำลังซื้อของชนชั้นกลางมีสูงขึ้น
ดังนั้น ชนชั้นบนก็น่าจะมีกำลังซื้อสูงขึ้นไปอีก จึงไม่แปลกอะไรถ้าจะออกผลิตภัณฑ์ที่แพงขึ้นไปอีกเพื่อจับคนระดับนั้นนะครับ
ปัญหาคือ บางคนคิดว่าจะต้องซื้อสินค้า Apple ให้ครบทุกสายการผลิต ตั้งแต่ถูกจนแพง ออกอะไรมาก็จะซื้อให้ครบ พอออกมาแพงก็มีเคืองเล็กน้อยว่าทำไมไม่ออกมาให้เราซื้อได้
แต่คำถามคือ มันออกมาให้เราซื้อจริง ๆ หรือ? ในเมื่อเค้าตั้งราคาให้เราเลิกอยากได้ขนาดนั้นแล้ว (ประมาณปฎิเสธขนาดนี้แล้วยังจะมาซื้ออีก)
ลองไม่มีผ่อนสิ ให้ซื้อสดทุกชิ้น จะรู้ว่ามีกำลังซื้อกันเท่าไหร่
+1
+2048
+1 แอนดรอยทั้งเมือง
แอนดรอยด์ก็ 0% 6 เดือนครับ
Android นั่นผ่อนตัวพ่อเลยนะครับ งาน TME มีแต่คนต่อคิวผ่อน+เซ็นต์สัญญาทั้งนั้น Samsung นี่ผู้นำเทรนด์ผ่อนเลย ผ่อนอย่างเดียวไม่ดีพอ ซื้อมือถือแถมแท็ปเล็ตอีกต่างหาก 555
+10
WE ARE THE 99%
คนใช้เงินเกินตัวก็ลำบากต่อไป
ถ้าเมืองไทย = ผ่อน (ตามโปรบัตรเครดิตหรือของผู้ให้บริการเครือข่าย) / ซื้อตัวเก่าที่ลดราคา
เมืองนอก = ซื้อติดสัญญา ราคาต่ำติดดิน ex: ญี่ปุ่น & อเมริกา
แต่โปร 0% 10 เดือน
มันมีผลในการ สร้างยอดขายได้ มากจริงๆ นะครับ
ประมาณว่า ถ้าคุณขาย iPhone แล้วไม่มีโปรนี้ เผลอ ๆ จะขายไม่ออกเอา
เห็นด้วยครับ
บางครั้งเราควรจะรู้ด้วยว่าเขาต้องการเจาะกลุ่มลูกค่ากลุ่มไหน
ถ้าแพงเกินไปสำหรับเราแสดงว่ามันเป็นกลุ่มที่เหนือกว่าเราแน่นอน เราควร "หยุดตนเอง"
สำหรับผม apple เอาไว้มองเวลาเดินผ่านแล้วก็ "จบ"
แล้วก็วิ่งไปยินดีกับ Android ที่แสนสวยงามหลากรูปแบบ มีให้ลองมีให้เล่นเยอะ มาใหม่ตลอด (ตื่นเต้นดี) อันไหนถูกใจซื้อได้ก็ซื้อ
แล้วถ้าเป็นคนติดดิน จะดีไซน์ออกมารูปแบบไหนหล่ะเนี่ย
ผมว่าที่ไอโฟนเริ่มเจาะตลาดจีนได้ เพราะวางภาพลักษณ์ของสินค้าให้หรูหรานะ
คนจีนช่วงหลังติดภาพลักษณ์หรูหรากันมากขึ้น เพราะกำลังซื้อเยอะขึ้น
คนติดหรู ออกแบบมือถือหรูๆ มาให้คนหรูๆใช้ นี้มันเป็นอะไรที่ถูกต้องมากๆ
สำหรับผม ดีไซน์ของแกนั้นเรียบแต่ไม่หรู เหมือนกับชอบติดหรูแต่ไม่ได้แสดงถึงความหรูหรา ผลงานเลยออกมา...
คหสต. ครับ
Jobs วางตำแหน่งไว้ประมาณ Mercedes นะครับ ก็ประมาณแมสบน ๆ หน่อยอ่ะ แต่ยุคหลังอาจจะลงล่างขยายฐานหรือเพิ่มบนขยับไปบ้างไม่น่าแปลกใจอะไร
ความเห็นส่วนตัวนะ ตั้งแต่ jobs ไม่อยู่ ผมว่ารสนิยมของแอปเปิลแย่ลง
สมัยจ็อบส์ยังอยู่ จ็อบส์เป็นคนด่าไอฟ์บ่อยๆ เรื่องดีไซน์แย่ๆ ครับ แกเองก็โตมากับพ่อที่ใส่ใจรายละเอียดการดีไซน์ เลยมีหัวทางนี้ไปด้วย
พอจ็อบส์ตาย ของห่วยๆ ของไอฟ์ไม่มีคนขวางคนติ มันก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น จริงๆ ผมยกให้เป็นงาน art ด้วยซ้ำ ไม่มี design หรือเป็น design ที่แย่มากเพราะ lack of function (เช่น new MacBook ที่ให้พอร์ตมาแค่ 1 พอร์ต ไม่ตอบสนองการใช้งานจริง เป็นต้น)
ผมกลับมองว่า Jobs ไม่ได้มีหัวทางดีไซน์ แต่แกติดหรู+นิยมความสมบูรณ์แบบมากกว่า อย่างตอนที่ออกแบบ Macintosh เครื่องแรกแล้วไปดูแบบจากเครื่องครัว หรือตอนทำโบรว์ชัวร์ ทำกล่องใส่ iPhone อะไรพวกนี้ ดูแกใส่ใจในรายละเอียดยิบย่อยมาก ซึ่งผมเข้าใจว่า Jony Ive ก็เป็นคนแบบเดียวกันถึงได้ดิบได้ดีมาถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ Jobs ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ทำงานด้วยยากขนาดนั้นน่ะนะ
เรื่อง lack of function นี่ Jobs ก็เป็นครับ
นิสัยของดีไซเนอร์ทุกคน (ย้ำว่าทุกคน) หรือคนมีหัวด้านดีไซน์ นิยมความสมบูรณ์แบบครับ ผมจบดีไซน์มาเลยรู้เรื่องนั้นดี อันนี้คน Tech อาจจะไม่เข้าใจนัก แต่เพราะมันถูกอบรมมาแบบนั้นเลย ต้องหาข้อมูล ตั้งคำถาม คิดวิเคราะห์ แล้วพัฒนายิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา ให้ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด จริงๆ ไอ้เรื่องใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในบรรทัดต่อมามันก็ยืนยันอยู่แล้วล่ะ ที่สำคัญคือด๊ไซเนอร์มันมักจะมีอีโก้สูงครับ ดังนั้นการมีสองหัว บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหัวเดียว เพราะต่างฝ่ายต่างจะหาข้อบกพร่องที่ตัวเองไม่ถูกใจของอีกฝ่าย แล้วเอามาพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพหรือความสมบูรณ์แบบสูงสุด ซึ่งตอนจ็อบส์ยังอยู่ ผมเห็นงานออกมาหาที่ติได้น้อยกว่าสมัยไอฟ์หัวเดียวกระเทียมลีบแบบนี้มาก
สิ่งที่บอกมาเนี่ย คือหัวด้านดีไซน์เลยครับ การใส่ใจรายละเอียด และความสมบูรณ์แบบ เพื่อใช้ในการดีไซน์
เวลาดีไซน์มันไม่ใช่ว่าครั้งเดียวจบ มันจะดีไซน์หลาย ๆ รอบเสร็จแล้วก็ลองเพิ่มนี่นิดลดนี่หน่อย
ทำมาเป็นร้อย ๆ แบบ กว่าจะได้แบบที่ถูกใจที่สุด
ซึ่งการดีไซน์เป็นพัน ๆ แบบเนี่ย ถ้าไม่มีหัวทางดีไซน์คิดไม่ออกหรอกครับ เอาจริง ๆ เวลาทำดีไซน์ ตัวอักษร ขนาด 14pt กับ 15pt เราก็ใส่ใจแล้วครับ
การวางตำแหน่ง ห่างกันแค่ 1 mm ก็ใส่ใจเช่นเดียวกัน (อย่างเช่น google เปลี่ยนโลโก้)
แต่การนิยมความสมบูรณ์แบบถ้าไปใช้กับงานเขียนโปรแกรมเราก็บอกว่าคนนั้นมีหัวทางโปรแกรม เช่นพยายามอุดช่องโหว่ของโปรแกรมให้สมบูรณ์ที่สุดเป็นต้นครับ
ไม่น่าเชื่อว่าเป็นติดหรู เห็นแกชอบใส่เสื้อยืดสีเทาตัวละ 199 อยู่บ่อยๆ
199$ หรือป่าวครับ :)
เสื้อยืดนั่นดูบ้านๆ แต่ก็ไม่ถูกนะครับ
เท่าที่ผมเข้าใจที่ผ่านมา Apple ใช้การตลาดเชิงศรัทธาเสมอมา (IMO, Apple is not a luxurious product) สินค้าของ Apple เน้นไปที่ดีไซน์และคุณภาพ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องลดต้นทุนมากนัก เพราะลูกค้ายอมจ่ายเผื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าที่ดูมีรสนิยมและคุณภาพสูง ส่วนตัวผมคิดว่า ที่ผ่านมาราคาของสินค้าของ Apple พอจะสมเหตุสมผลอยู่กับค่า design และ คุณภาพ แต่ไอ้ "10,000$ == Apple watch" นี่มัน... ทำให้นึกถึงสินค้าแบบ Louis Vuitton, Gucci, Prada ซึ่งนอกจากความหรูแล้ว นอกนั้นก้อหาสาระไม่ได้
"สินค้าของ Apple เน้นไปที่ดีไซน์และคุณภาพ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องลดต้นทุนมากนัก"
ไม่จริงครับ ต้นทุนของ Apple นั้นต้องลดแน่นอน ไม่งั้นไม่กำไรกับบานขนาดนี้ แถมยังบีบ supplier กันหน้าเขียวเลย รีดต้นทุนให้ต่ำที่สุด บางอย่างบริหารต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่งมาก
แต่มีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนน้อยกว่านะครับ เรื่องกดราคา รีดต้นทุนอันนั้นต้องทำอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ลดต้นทุนด้วยการเปลี่ยนวัสดุ หรือต้องเปลี่ยนการออกแบบ แต่มันต้องถูกที่สุดสำหรับวิธีการ/วัสดุที่เลือกนั้น ในขณะที่บริษัทโดยทั่วไป(ไม่ได้จำกัดเฉพาะมือถือนะครับ) อาจจะไม่เลือกใช้ process หรือวัสดุที่แพงเพื่อลดต้นทุน
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมว่าไม่นะ ตัวอย่างง่ายๆ อย่างสาย lightning นี่ชัดมาก วัสดุแย่ ราคาแพง แถมพังง่ายมาก ยี่ห้ออื่นๆ หลายตัวราคาถูกกว่าเยอะ แต่ทนทานกว่า ฉะนั้น จะบอกว่า "แต่ไม่ได้ลดต้นทุนด้วยการเปลี่ยนวัสดุ หรือต้องเปลี่ยนการออกแบบ" ผมว่าเป็นคำพูดที่ใช้ไม่ได้กับสินค้าหลายๆ ตัวของ Apple ครับ
คงต้องดูเป็นอย่างๆ ไปมั้งครับ อย่างสาย lightning นี่ของผมยังไม่พังเลยบอกไม่ได้ แต่สาย 30pin ของ iPhone กับ iPad ผมขาดไปหลายเส้นเลย
แต่ดูอย่างบอดี้ของ Macbook รุ่นหลังๆ ที่เป็น unibody นี่ของยี่ห้ออื่นหาแผ่นอลูมิเนียมมาตัดแปะๆ เพราะกระบวนการทำมันถูกกว่าขึ้นรูปจาก Aluminium ชิ้นเดียวมาก ถึงมันจะไม่มีผลต่อการใช้งาน แต่มันได้ความรู้สึกว่าเค้าใส่ใจในการสร้างผลิตภัณฑ์มากกว่าเพื่อลดต้นทุนนะ
ส่วนเรื่องบีบ supplier จนหน้าเขียวนี่ผมว่ามันเป็นกันทุกเจ้านั่นแหละ บริษัทนะครับ ไม่ใช่องค์กรการกุศล.. -_-"
เรื่อง supplier ผมเห็นแย้งจากเรื่องที่ว่า "ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องลดต้นทุนมากนัก" จากความเห็นข้างบนนะครับ เพราะในความเห็นจริงแล้วมันไม่ใช่เลย
ส่วนเรื่องวัสดุ การบอกว่ามันดี ทั้งๆ ที่มันแย่และราคาแพงกว่าสินค้าหลายๆ ตัว แล้วบอกว่ามันได้ถูกเลือกมาดีแล้ว บนต้นทุนที่เหมาะสม มันกลับใช้ไม่ได้กับสินค้าหลายๆ ตัวของยี่ห้อดังกล่าว
การพูดหรือเสนอแนวคิดว่าสินค้ายี่ห้อตัวเองเชียร์นั้นดีเลิศแบบเหมารวมก็อาจโดนความเห็นแย้งในสินค้าบางกลุ่มที่ไม่ได้ดีอย่างที่พูดเหมารวมครับ
ผมมองว่าสินค้าทุกยี่ห้อมันมีทั้งดีและแย่ ก็ต้องพูดกันว่าตัวไหนดีแย่ยังไงนะ
ผมก็ยังมองว่าอลูมิเนียมเป็นวัสดุที่ค่อนข้างธรรมดาอยู่ดีนะครับ ไว้ถ้าใช้ Magnesium หรือ Carbon Fiber ซึ่งน้ำหนักเบากว่าและแข็งแรงกว่า ค่อยมาว่ากันใหม่ ว่าใช้วัสดุพรีเมี่ยม ไม่ห่วงเรื่องต้นทุน (ความจริงต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มมากหรอก Sony ตัวละ 30000 กว่าก็ใช้ Magnesium)
สาย lightning ผมว่าวัสดุมันไม่ได้แย่นะ ถ้าลองเอามิเตอร์ไปลองวัดมันจ่ายไฟได้เหมือนสายไฟรุ่น top เลยทีเดียว แต่ปัญหาคือมันดันไปทำสายไฟแบบลดสารพิษน่ะสิ เลยไม่ค่อยทนเหมือนพวกสายไฟที่เคลือบสารตามปรกติ
ผมว่าสายทำ strain relief พลาดมากถึงมากที่สุด แรกๆ ก็ดูดี ดูสวย ใช้ไปนานๆ ดันกรอบแตกง่ายมาก กรอบง่ายกว่าสายจีนแดงเส้นหลักสิบบาทอีก ><"
ที่กรอบน่าจะเพราะไม่ได้ใช้สาร PVC ช่วยล่ะมั้งครับ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว :3
1.มันจะคงทนน้อยกว่าสายที่เคลือบสาร แม้ว่าอายุการใช้งานตามปรติจะมากกว่าปีแน่ๆ แต่นั่นก็อยู่ในช่วงสินค้า หมดประกันไปแล้ว
2.สามารถโม้ว่าไม่ใช้สารที่เป็นพิษ ไปในตัว (trollface)
+1 เรื่องสาย Lightning จนตอนนี้ต้องซื้อสาย Griffin กับสายถัด Belkin มาใช้แทนแล้วครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ลุงทิมนี่เต้ยเรื่อง logistic เลยครับ สื่อนอกเรียกแกว่า logistics wizard ด้วยซ้ำ
เรียกว่าที่กำไรมหาศาลขนาดนี้ เพราะควบคุมต้นทุนได้ดีมากๆเป็นส่วนสำคัญเลย
ศรัทธาแบบไหนก็ใช้ๆ กันไป เงินของใครของมัน เขาไม่ได้มาเอาตังค์เราไปซื้อสักหน่อย ผมนี่ปลงแล้ว ฮาๆ
WE ARE THE 99%
ผมว่าแกไม่ได้ติดหรูหรอกครับ แกติดอยู่ในห้องสีขาวนานไปเลยอยากได้อะไรมีสีสันมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งบ้าง
Apple เคยบอกว่า เราขายนาฬิกา ซึ่งนาฬิกาก็มีหลายตลาด และ Apple ลงเล่นตลาดระดับโหด
เมื่อก่อนนับถือ Ive มาก
พอจ็อบส์ไม่อยู่รู้เลย ต้อง Jobs + Ive เท่านั้น
เอาน่า รอดูกันไป Apple Watch จะทำให้บริษัทนาฬิกาของสวิสสะเทือนหรือเปล่า แต่ รุ่น Sport ราคาสูงไปหน่อย ถ้าลดลงอีกนิด อาจจะขายได้อีกเยอะ ผมเห็นด้วยเรื่อง Jobs + Ive นะ แต่ถ้า Jobs ยังอยู่ การออกแบบ UI แบบแบนๆ มันก็ไม่มาให้เห็นนะสิ
ไม่เคยมองว่า Apple เป็นสินค้าหรูเลย มองว่าเป็นสินค้าสำหรับคนมีอันจะกินมากกว่าคือพวกที่มีแล้วไม่ได้เดือดร้อนเงินในกระเป๋าหรือกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ก็ไม่เข้าใจคนบางกลุ่มเหมือนกันที่แบบชอบแขวะคนอื่นว่าใช้ไอโฟนราคานี้ซ์้อนั่น โน่น นี่ ดีกว่า ก็คือของโน่นนี่เรามีหมดแล้วหรอืของโน่นนี่บางอย่างเราไม่ต้องการเราไม่ใช้อ่ะ อันนี้ผมโดนมากะตัวใช้ไอโฟนซื้อโน้ตบุ๊ค core I7 ดีกว่าแล้วถามเราสักคำมั้ยว่าต้องการรึเปล่าเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วเอามาว่าคนอื่นมากกว่า
ขอทายว่าแอปเปิลว้อทช์ไม่น่ารอด
ของหรู แพง แต่คุณภาพดีที่สุดในตลาด ยอมรับได้
ของหรู แพง แต่คุณภาพกลับไม่ดีที่สุดในตลาด ยอมรับไม่ได้
สุดท้ายได้ Xiaomi Mi4 กับ iPad Air รวมกัน 30,000กว่าบาท (iPad เล่นได้ทั้งแอพไอโฟนกับไอแพด แต่ไอโฟนเล่นแอพไอแพดไม่ได้ ส่วน Mi4 กล้องเทพ โหมด HDR ดีกว่าไอโฟน6หลายขุม)
คนมีเงินที่มีหลายประเภทนะครับ อย่างคนที่เลือกของคุณภาพสูงสุดในตลาด กับของที่ดูหรูสุดในตลาด
คนที่มองว่าคนใช้ Android เป็นคนจนทุกคน และคนที่มองว่าคนใช้ iPhone เป็นคนรวยทุกคน ผมว่าการมองโลกแคบๆมันไม่ฉลาดเท่าไร เหมือนเด็กที่ยังไม่เข้าใจโลกของความจริง และยังไม่พร้อมตื่นออกจากความฝัน
Apple หรูงจริงครับ ไปถามคนใช้ร้อยคนถ้าตอบว่าไม่หรู่นี่น่าจะมีน้อยมาก
คงมีผมเนี่ยแหละครับ ที่มองว่า apple ไม่หรูไปทุกอย่าง แต่ส่วนใหญ่ก็หรู แต่ไม่ได้หรูกว่า แต่แพงกว่าชาวบ้านน่ะใช่
ที่ผมรู้สึกโอเคก็มีแค่ iMac เท่านั้น นอกนั้นผมว่าธรรมดา ดีไซน์ไม่ได้หรูกว่าชาวบ้านเท่าไหร่เลย
เพียงแต่บางคนที่คุยกับผมบอกว่ามันหรูเพราะโลโก้ด้านหลัง??
สำหรับ iPhone/iPad นี่ผมมองไงก็ไม่หรูกว่าชาวบ้านนะ เพราะเวลาเห็นคนใช้กันส่วนใหญ่ ผมเห็นแค่ 199 เต็มที่ก็ 1500 บาท เพราะไม่มีใครโชว์เครื่อง 30000 บาทให้เห็นเลย เห็นแต่เคส ซึ่งผมเอา Xiaomi มาใส่ก็ได้ไม่มีใครรู้หรอก
แต่ส่วนตัวผมไม่ใส่เคสนะ ไม่ติดฟิล์มด้วย เพราะผมคิดว่าผมต้องการให้อวัยวะของตัวเองสัมผัสกับของที่แพงที่เราใช้เงินซื้อมา มากกว่าที่จะไปจับเคสหรือฟิล์มหน้าจออะไรพวกนี้
Vertu, Porsche Design, Bang & Olufsen นี่ไม่หรู?
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ตรงกันข้ามแหะ คนออกแบบ samsung จน แต่ ceo ติดหรู
apple คนออกแบบ ติดหรู แต่ ceo ทำตัวจนๆ