Chris Capossela ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของไมโครซอฟท์ (คนนี้ Blognone เคยสัมภาษณ์) ไปพูดที่งาน Microsoft Convergence และเผยยุทธศาสตร์ของไมโครซอฟท์ว่าจะหันมาใช้วิธี freemium หาเงินแทนการขายซอฟต์แวร์แบบเดิม
เขาบอกว่าแผนการของไมโครซอฟท์มี 4 ขั้นคือ
Capossela ยอมรับว่าวิธีการหาเงินด้วยการขายซอฟต์แวร์ให้ OEM นั้นใช้งานไม่ได้แล้วในโลกปัจจุบัน อย่างไรก็ตา มเขาก็บอกว่าผู้ใช้กลุ่มที่ยอมจ่ายเงินให้ไมโครซอฟท์จะมีน้อยกว่าผู้ใช้กลุ่มใช้งานฟรีมาก
เขายกกรณีของ Microsoft Office ว่าเปลี่ยนเป็นโมเดล freemium เรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจะใช้งาน Office ได้ฟรี แต่ถ้าอยากใช้ Office บนหน้าจอใหญ่ขึ้น (เกิน 10.2 นิ้ว) ก็จำเป็นต้องเสียเงินสมัคร Office 365
เขาเผยสถิติว่ายอดดาวน์โหลด Office บน Android/iPad ทะลุ 40 ล้านครั้งแล้ว ซึ่งไมโครซอฟท์ไม่ได้เงินจากตรงนี้เลย แต่การที่ไมโครซอฟท์สามารถขยายฐานผู้ใช้ Office ได้ถึง 40 ล้านครั้งภายในเวลาไม่ถึงปีดี (ฐานผู้ใช้ Office บนพีซีมีประมาณ 75 ล้านคน) ก็ถือว่าน่าตื่นเต้นมาก
ไมโครซอฟท์กำลังขยายโมเดล freemium ไปยังบริการอื่นๆ เช่น Power BI อีกด้วย
หมายเหตุ: Capossela ยังพูดถึงยุทธศาสตร์ด้านอื่นๆ ของไมโครซอฟท์ด้วย เดี๋ยวเขียนแยกเป็นอีกข่าวนะครับ
Comments
กำลังคิดถึงตอนได้ข่าวเรื่อง Upgrade Windows 10 ว่าจะเป็น Windows IAP หรือเปล่า
น่าจะประมาณว่าถ้าอยากใช้ความสามารถบางอย่าง ต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่ม แต่ตัว Windows ฟรีและเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปครับ
ปล. ถ้าจำไม่ผิด Windows Media Center นั้นต้องซื้อเพิ่มต่างหาก เลยทำให้พออนุมานได้ว่า WMC เป็นเหมือน IAP ครับ (แต่มันเหมือนกับ DLC มากกว่า)
เพิ่มเติม: Windows 8 จะไม่มี WMC อยากได้ต้องซื้อเพิ่ม ส่วน Windows 8 Pro จะมี WMC
เหมือนหลายคนจะไม่ได้สังเกต อาจเพราะมันไม่ใช่โปรแกรมฮิตละมั้ง
(แต่ผมใช้อยู่ ไว้เปิด DVD ทั้งแบบแผ่นและ ISO)
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
มาแน่ เพราะมันมาตั้งนานแล้วในโลกของเกม
รอ Cortana อยู่อ่ะ เมือปีที่แล่วพูดไว้ว่าจะมี Cortana ภาษาไทย
เหมือนเคยประกาศไว้ตั้งแต่ปีก่อนแล้วว่าจะมาแนวนี้ คราวนี้ย้ำให้ชัดขึ้นก็ดีเหมือนกัน ^ ^)~
เชียร์เต็มที่ครับ
@TonsTweetings
แล้วแทปเลตวินโดวได้ใช้ออฟฟิศฟรีไหม
Office for touch ที่เป็น Universal App นี่ผมว่าฟรีแน่นอนครับ
ສະບາຍດີ :)
Office for iPad ใช้ฟรี โดยสามารถจ่ายเงินเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ Save ไฟล์ที่ทำได้. #ใช่เหรอ?
มีทั้ง WP7 WP8 SurfaceRT ในมือ แฟน MS พอรึเปล่าหว่า... แต่ใครมาถามความเห็น ผมไม่กล้าแนะนำเลยทีเดียว
มีใครพอจะอธิบายรายละเอียดของ Model ธุรกิจแบบนี้ให้หน่อยได้หรือเปล่าครับ ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วเขาเอาอะไรกินกัน อย่างปกติผมเข้า Google ก็ไม่ค่อยเห็นโฆษณาให้น่ารำคาญมากนัก แล้วรายได้จากโฆษณานั้นมันเพียงพอต่อการเลี้ยงดูองค์กรใหญ่ขนาดนี้หรือเปล่าครับ?
Games เกือบ 90% ในมือถือไงครับ
เล่นๆไปแล้ว ใครอยากได้ function เพิ่ม เช่นเพชร แต้มสองเท่า ป้องกันการบาดเจ็บ ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
พวกนี้อาจเสียครั้งแรกนิดเดียวครับ พอติดแล้วมันจะยาววววเลย
ผมเคยพลาดเสียเงินให้เกมเดียวหลายพัน แล้วก็รวมหลายเกมก็เป็นหมื่น เรียกได้ว่าหมดตัวมากกว่า steam sales อีกครับ จากนั้นก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่เสียเงินให้กับเกม freemium อีก ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า
ที่จริงผมชอบแบบขายขาดแล้วรอลดราคาเป็นช่วงแบบ steam sale มากที่สุดเรียกว่ามีงานเมื่อไหร่เสียเงินทุกครั้ง จากนั้นก็ install ไว้ไม่ถึง 5% ของเกมที่มี และก็เล่นจริงแค่ 1% ของเกมที่มี มันมีข้อดีที่ดองไว้ไม่มีหมดอายุนี่แหล่ะ แต่ถ้า account โดน hack จนเป็นเหตุให้โดนแบน คงจะแค้นไม่เผาผีกันเลยทีเดียว
ไม่เคยจ่ายเงินซื้อไอเท็มในเกมเลย ไม่เอาเลย เล่นไม่ได้ก็ไม่เล่น ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
เสียเงินเยอะสุด Theme และ Icon ครับ ชุดตบแต่ง เสียไปหลายละ
อย่างเกมส์ยังพอเข้าใจเรื่อง In-App Purchase แต่กับ App นี่สิ ผมยังไม่แน่ใจว่าได้เงินจากทางไหน?
แอพก็มี in-app purchase ครับ Launcher เอย แอพแต่งรูปเอย สารพัดแอพที่อยากใช้ฟีเจอร์ไหนเพิ่มก็จ่าย
อาจจะเป็น Module ไงครับ อยากได้ Module ไหนเพิ่ม ก็จ่าย
ยกตัวอย่างกรณีที่ผมเคยซื้อจากหลากหลายแอพนะครับ ก็มี Graphic Font Filter Theme ซึ่งการจะหาฟีเจอร์พิเศษมาขายผมว่าไม่น่าจะยาก ปัญหาใหญ่จริงๆ อยู่ที่ว่าตัวแอพจะทำให้คนใช้จนติดได้หรือเปล่า
ปัญหาคือจะทำไงให้คนอยากใช้ฟีเจอร์ที่ IAP คนทั่วไปใช้ฟังก์ชั่นพื้นฐาน อย่าง office นี่จะใช้กันถึง 10% ของที่มันทำได้หรือเปล่า? ผมเลยว่าถ้าอยากให้ทำเงินจาก IAP จริงๆ บางทีแม้แต่การ save ก็ยังต้องซื้อ ซึ่งผมเจอบางแอพส์ใน iOS เค้าทำกัน..
ผมมองว่าคนที่ยินดีจะใช้แบบฟรีก็มี คนที่ยินดีจะจ่ายเพื่อฟีเจอร์ก็มีอยู่เหมือนกันน่ะครับ ก็คงคล้ายๆ กับกลุ่มที่ใช้ Office เถื่อนอยู่ตอนนี้กับกลุ่มที่ใช้แบบถูกลิขสิทธิ์ ซึ่ง Adobe ก็น่าจะแสดงให้เห็นแล้วว่ามันมีความเป็นไปได้ในการที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อดึงคนเข้าสู่ระบบได้มากขึ้น
ของกูเกิ้ลนี่หลักๆน่าจะมาจากทางอ้อมมั้งครับ เช่น SEO Adwords คือแทบทุกส่วนเขาคิดตีเป็นค่าโฆษณาได้หมดเลยอ่ะครับ โดยที่เราไม่รู้สึกว่ามีโฆษณามากวนใจเลย
เท่าที่เคยได้ยินมาก็.... ยกตัวอย่างเช่น ถ้าอยากได้อัพเดทแอนตี้ไวรัส ต้องจ่ายแบบรายปีราคา xx$ ถ้าอยากได้อัพเดทแก้ไขบั๊กระบบ ต้องจ่ายรายปีราคา xx$ ถ้าอยากได้ฟีเจอร์ใหม่ จ่ายครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีพ ราคา xx$ ถ้าอยากได้ธีมใหม่ จ่ายครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีพ ราคา xx$ บลาบลาบลา อะไรทำนองนั้นครับ
จากนั้นลองเอาจำนวนเครื่องที่ลง win10 นับพันล้านเครื่องคูณเข้าไป ก็จะกลายเป็นเม็ดเงินมหาศาลเลยครับ :)
Pay to Win :P
เติมแล้วได้ผีเมี่ยม แบบในBF ไหมอะ...
Windows 10 Premium Edition
Caposella => Capossela
ผมว่ามันแฟร์ดีนะครับ อยากได้อะไรก็ซื้อเพิ่ม จ่ายเฉพาะเท่าที่เราจะใช้ ที่เห็นๆแล้วว่าเจ๋งก็ Adobe CC เนี่ยหละ มาถูกทาง นับถือจริงๆปรับตัวได้ดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถ้าผมซื้อคอมซะเครื่องก็อยากให้มันพวง OS + Office มาเลยเหมือนกันนะ แบบ Mac รู้สึกว่าแฟร์ดี อยากให้เป็นมาตรฐานไปเลยด้วยซ้ำ ลิขสิทธิ์จะได้ผูกติดไปด้วยเลย การจ่ายเงินแบบถูกแฝงเอาไว้กับเครื่อง กับ การไปจ่ายเงินแยกเอาเอง ในเชิง User ผมว่า Feel มันต่างกัน
เห็นด้วยครับ ผมชอบโมเดลธุรกิจของ Adobe CC มากครับ
ผูกติดกับบัญชีเรา Pay-Per-Use
Freemium เดียวที่เคยจ่ายคือบัตรชั่วโมง Ragnarok (Air time นี่นับเป็น iAP ป่าวหว่า)
Air time ไม่เป็น IAP ครับ เพราะถ้าไม่มี air time ก็เล่นไม่ได้เลยครับ
ทำไมผมอ่านแล้วนึกถึง DLC ในวงการเกมสมัยนี้เลย
น่ากลัวจัง