หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมคราวนี้ไม่มีการเข้าไปต่อคิวยาว ๆ เพื่อซื้อ Apple Watch เช่นเดียวกับสินค้าแอปเปิลชนิดอื่น ๆ จากรายงานล่าสุดของ The New York Times แอปเปิลได้เลือกใช้ช่องทางการจำหน่ายสำหรับ Apple Watch ใหม่ทั้งหมด โดยได้เลือกที่จะวางขาย Apple Watch เป็นสินค้าประเภทแฟชั่นระดับหรูแทน
ซึ่งหมายความว่าคู่ค้าที่ได้สิทธิในการจำหน่ายสินค้าของแอปเปิลรายเดิม ๆ เช่น Best Buy ในสหรัฐฯ จะไม่สามารถนำ Apple Watch มาจำหน่ายได้ แต่ในทางกลับกันแอปเปิลกลับเลือกที่จะเปิดร้านจำหน่าย Apple Watch ตามห้างสรรพสินค้าหรู ควบคู่ไปกับร้าน Apple Store แทน
สำหรับประสบการณ์การเลือกดู Apple Watch สำหรับผู้ที่ได้นัดเวลาชมสินค้ากับแอปเปิลไว้ล่วงหน้า เขาบอกว่าแอปเปิลจะมีพนักงานรอที่สาขา จากนั้นก็พาเขาไปมุมสำหรับจำหน่าย Apple Watch โดยระหว่างที่เขากำลังคุยกับพนักงานถึงรายละเอียดของตัวสินค้า พนักงานก็จะทยอยหยิบ Apple Watch รุ่นต่าง ๆ ออกมาให้ชมทีละชิ้นจากในลิ้นชัก อีกทั้งยังให้เขาได้สัมผัสรุ่นทองคำที่มีราคาจำหน่ายอยู่ที่สามแสนกว่าบาทอีกด้วย ซึ่งประสบการณ์ลักษณะนี้ก็ไม่ต่างกับร้านขายนาฬิการะดับพรีเมี่ยมนั่นเอง
ในรายงานได้ระบุอีกว่า แอปเปิลน่าจะใช้กลยุทธ์คุมจำนวนสินค้าเพื่อเพิ่มความอยากให้กับลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์นี้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มแบรนด์แฟชั่น เช่นเดียวกับสิ่งที่ Hermès ทำกับกระเป๋ารุ่น Birkin และ Kelly โดยกว่าที่ลูกค้าจะได้สินค้าที่สั่งซื้อไป ต้องรอเป็นเดือน
ทั้งหมดนี้ เชื่อว่าเป็นขั้นตอนการขายที่ถูกออกแบบมาโดย ทิม คุก และ Angela Ahrendts อดีตซีอีโอจาก Burberry ที่เคยมีประสบการณ์ในการเปิดขายสินค้าประเภทนาฬิกาข้อมือให้กับ Burberry มาก่อน
สำหรับใครที่สนใจจะซื้อ Apple Watch ในตอนนี้คงต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เนื่องจากจำนวนที่ถูกผลิตออกมายังไม่พอกับความต้องการ และกว่าที่ร้าน Apple Store จะเริ่มมีสินค้าจำหน่ายในสาขาจริงคงต้องรอไปจนถึงเดือนมิถุนายน
ยังไม่มีใครรู้ว่าอนาคตของ Apple Watch จะเป็นเพียงแค่การทดลองตลาดของแอปเปิล หรือว่าจะเป็นความสำเร็จของสินค้าประเภทใหม่ครั้งแรก ภายใต้การบริหารของทิม คุก แต่ ณ เวลานี้มีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าแอปเปิลน่าจะขาย Apple Watch ได้มากถึง 7.5 ล้านก่อนสิ้นงบประมาณปี 2015
ที่มา - The New York Times
Comments
ตอนไปลองจริงเขาให้เลือกมาลองได้สองอันเองครับ คงเพราะกลัวไปกินเวลาคนอื่น แต่ก็ดีอุตส่าห์พยายามปรับสายให้เข้ากับขนาดข้อมือเรา (สายสแตนเลสต้องถอดเป็นข้อๆ)
ในแง่ของสินค้าแฟชั่น ถ้ามันสวยก็คว้าเลยไม่ต้องคิดมาก
ในแง่ของ geek อาจจะคิดกันนิดถึง บางทีอาจจะต้องลง detail ถึงสเปกกันเลยทีเดียว
ถ้ามันยุ่งยากมากนัก บางคนเขาก็ไม่รอนะครับ ยิ่งเป็นสินค้าที่อิงกับเทคโนโลยีด้วยแล้วกว่าจะได้จับก็ล้าหลังเสียแล้ว
วางตำแหน่งเป็นสินค้าแฟชั่น เพราะมันมีประโยชน์น้อยในด้านเทคโนโลยีชิมิ
สเปคด้อยกว่าเจ้าอื่นก็เลยหาวิธีสร้างคุณค่าด้วยการให้ลูกค้าลำบากในการซื้อแทน
สเปกด้อยกว่า ??????
มองแค่แบตอย่างเดียวหรอครับ ??
หรือเมื่อก่อนเคยแขวะไอโฟนยังไง ตอนนี้ก็เลยเอามาแขวะนาฬิกาด้วย?? ...อันนี้ถามจริงๆนะครับ
มองสเปคอื่นด้วยแหละครับ ไม่ใช่แบตอย่างเดียว
ถ้าพอมีเวลารบกวนแจกแจงให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ ว่าสเปกส่วนไหนที่ด้อยกว่า ผมจะได้เอามาเปรียบเทียบได้ ขอบคุณครับ :)
เขาก็แค่ Apple Hater ครับ อย่าสนใจเขาเลยครับ
spec อีกแล้ว 555
สรุปเป็นความผิดของเจ๊แองนี่เองทำให้ซื้อยากขึ้น (บ่นๆไปไม่มีเงินซื้ออยู่ดี)
5...4....3....2......
จะนับถอยหลังทำไมล่ะค้าบ เค้าหมายถึง Angela Ahrendts ก็ถูกแล้วนี่
จริงด้วย เจ๊อดีตผู้บริหาร กระเป๋า ชื่อดัง
1...0....
นะ...นี่มันโกงความตายชัดๆ :P
-1...-2...-3...
เรื่องสเปคไม่ต้องกลัวว่าจะล้าหลัง ไม่ต้องกลัวไม่ทันอุปกรของแอนดรอย ถ้ากลัวก็ไม่ต้องไปใช้หรอกครับสินค้าแอปเปิล แอปเปิลเค้าไม่ออกสินค้าตามกระแส หรือต้องไปรีบออกสินค้าจนต้องออกมาขายเพราะกลัวตามคนอื่นไม่ทันหรอก ใครใช้สินค้าของแอปเปิลบ่อยก็น่าจะรู้นิสัยเค้า ทำสินค้าไม่อิงกระแสโลก คิดอย่างเดียวว่า ทำออกมาแล้วจะมีคนอยากใช้แค่ไหนมากกว่า อย่างเมื่อก่อนไอโฟนใช้จอเล็ก เจ้าอื่นมีจอใหญ่หมด ก็รออีกหลายปีกว่าจะ ปรับให้จอให้ ต้องให้มั้นใจจริงๆว่ามีความต้องการสูง ต้องมั่นใจว่าสามารถทำให้จอใหญ่แล้วคุณภาพดี และพร้อมที่จะผลิตตามความต้องการให้ทัน
แขวะกันต่อได้ แช่งกันต่อ แล้วก็รอดูผลลัพที่สวนกับความหวังของตัวเองต่อไป
ขอให้ซื้อ Sport Edition ง่ายๆละกัน
คนซื้อไม่บ่น คนบ่นไม่ซื้อจริงๆครับสินค้าตัวนี้
แต่ผมสั่งซื้อแล้วนะ นั่งรอไป ไม่เดือดร้อนอะไร :)
กลัวคนบ่น จะเปลี่ยนใจควักสตางค์ไปซื้อนี่สิ...